สวัสดีครับทุกท่าน เนื่องจากช่วงนี้กระแสญี่ปุ่นมาแรงมา ซึ่งผมก็ตามๆเขาไปด้วยนะครับ ได้ไปแล้วประทับใจเลยขอมารีวิวกับเขาบ้างนะครับ
ตารางเที่ยวของผมตามนี้นะครับ
4 Dec - Don Meung - Osaka
5 Dec - Fushimi-Inari, Kiyomizu-dera, Light-up @ Kiyomizu-dera (
http://ppantip.com/topic/34600545)
6 Dec - Shirakawa-go (
http://ppantip.com/topic/34602163)
7 Dec - Sagano Romantic Train, Tenryū-ji, Gion (
http://ppantip.com/topic/34610302)
8 Dec - Universal Studio
9 Dec - Ryōan-ji, Kinkaku-ji, Ninna-ji
10 Dec - Osaka Castle, Osaka Aquarium Kaiyukan
11 Dec - Mandarake Umeda, Shinsaibashi, Namba
12 Dec - Osaka - Don Meung
แจกแจงงบประมาณกันก่อนเลยครับ
ค่าตั๋วเครื่องบิน Air Asia X - Business Class - 20,500 บาท
ค่าที่พักใช้ AirBNB คนละ 6,000 บาท
ค่า Pass - JR Takayama - 3980 บาท
ค่า Osaka Amazing Pass 2 Days - 900 บาท
ค่า Universal Studio - 2150 บาท
ค่าการันตีเข้า Harry Potter - 500 บาท
ค่า Pocket Money - 24,000 บาท
อาจจะดูว่าแพงมาก ซึ่งผมยอมรับว่าแพงจริงครับ แต่ไปแล้วต้องไปให้สุดครับ ครึ่งๆกลางๆคาใจซะเปล่าๆ
มันเลยต้องมาด้วยวิธีการวางแผนการเงินอย่างรัดกุมครับ
เริ่มซื้อตั๋วขากลับ (อันนี้เป็นการหักดิบอย่างนึงครับ ซื้อกลับก่อนค่อยซื้อไป)ตั้งแต่เดือนเม.ย.
ตั๋วขาไปซื้อเดือนพ.ค.
หลังจากนั้นเก็บเงินยาวๆครับ เดือนละ 5,000
ซื้อตั๋ว Universal ตอนเดือน พ.ย.
ซื้อ Pass - JR Takayama เดือน ธ.ค.
ได้ไปพอดีครับ
มาเริ่ม Review กันเลยครับ
เป็นกฏของตัวเองง่ายๆเลยครับ ว่าไปถึงสนามบินก่อน 3 ชม. ไม่ว่าจะยังไงทันแน่นอน งวดนี้นั่ง Business Class ของ Airasia ก็เช่นกันครับ นั่งครั้งแรกไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยรีบไปก่อนดีกว่าครับ
การ Check-in โอเคครับ เหมือนแบบปกติไม่มีอะไรตื่นเต้นแค่ไม่ต้องรอคิวกับคนอื่น
นั่งรอสักพักก็มีคนมากันเต็มนะครับ เท่าที่นั่งก่อนเป็นคนแรกๆดูแล้วที่นั่งไม่พอกับจำนวนคนที่จะเข้ามาแน่นอน อันนี้รอเขาค่อยๆแก้กันไปครับ นั่งสักพักจะมีแอร์มาเรียกให้เข้าก่อน ซึ่งของ Business Class จะได้เรียกพร้อมกับ Hot Seat นะครับ
ความรู้สึกในการนั่ง Business Class ผมไม่สามารถเปรียบเทียบกับสายการบินอื่นได้นะครับ เนื่องจากนั่ง Business Class ครั้งแรก แต่ถามว่าสบายมั้ยขนาดก็พอๆกับเก้าอี้ผู้บริหารตามออฟฟิตทั่วไป มีปลั๊กไฟให้ใช้ (อันนี้งงๆหน่อยครับว่าที่ชาร์ต iPhone ของก๊อปเสียบแล้วไฟไม่เข้า เลยเอาของแท้เสียบใช้ได้ตามปกติ) ส่วนน้ำเปล่าสามารถขอเพิ่มได้ ที่เหลือต้องเสียเงินเพิ่ม
ผมสูงราวๆ 175 ซม.ก็ยังมีที่เหลืออีกเยอะนะครับ คาดว่าคนสูงราวๆ 190 ซม.ถึงจะเริ่มมีปัญหานะครับ พอเครื่อง Take-off เรียบร้อยทางแอร์จะเอาอาหารมาเสริฟ์ซึ่งเขาจะถามก่อนอยู่แล้วว่าจะให้เอาออกมาเสริฟ์ตอนไหนระหว่างหลังเครื่องขึ้นกับก่อนเครื่องลงราวๆ 45 นาที
รีวิวอาหารนะครับ สั่งชุด Bento ของเขามา ราคาแพงสุดเลยนะครับราวๆ 320 บาท คุณภาพอาหารนะครับ ขอเรียกว่าซูชิตลาดนัดอร่อยกว่าทุกชิ้นครับ สาหร่ายเหนียวมาก ข้าวแข็งๆ แล้วถ้าคุณมองดีๆจะเห็นว่าที่ใส่โชยุกับขนาดของข้าวปั้นไม่ได้คิดมาเลย สุดท้ายราดใส่แล้วค่อยกินครับ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วข้าวปั้นของเขายังหนากว่าปกติ 1 เท่าคือเอาปากกัดไม่ได้เต็มคำ ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตามจะกัดทีละนิดก็ลำบาก สาหร่ายก็เหนียว สุดท้ายแกะสาหร่ายออกให้หมดและกินอย่างไร้มารยาท แบบโกยๆเข้าปากเอาครับ
ลืมถ่ายข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาวของแฟนผม แต่ว่าอร่อยมากกว่า Bento แน่นอนครับ
เครื่องลงจอดช้ากว่าเวลาราวๆ 5 นาทีนะครับ ออกมาแล้วรีบวิ่งหน่อยนะครับ เพราะรถไฟเที่ยวสุดท้าย 23.40 น. เลี้ยวซ้ายเข้า Shuttle Train ไปที่ตม.นะครับ
ออกจากสนามบินขึ้นมาหนึ่งชั้นจะเจอ JR Station เลยครับ หยอดเหรียญแล้วรีบเดินทางครับ รถไฟเที่ยวสุดท้ายไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ค่อยน่าขึ้นครับ
จองที่พักของ AirBNB ไว้นะครับ เนื่องจากตอนนั้นไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องว่าแต่ละที่มันแตกต่างกันยังไง แต่ดุจากรีวิวว่า Host คนนี้ไม่มีเรื่องร้องเรียนแล้วก็ห้องโอเค และราคาโอเคด้วยครับ
การเดินทางนะครับ ออกจากสถานี Dobutsuen-Mae Station Exit 6 หรือ JR Shin-Imamiya ได้นะครับ เดินราวๆ 7-10 นาที
ทางขวาของรูปคือห้องน้ำนะครับ ส่วนมุมบนขวาเป็นประตูระเบียง ไม่แนะนำให้หันหัวไปทางทีวีนะครับ เพราะไม่งั้นหัวข้อท่านจะหันไปอยู่หน้าห้องน้ำพอดี มันจะเย็นๆหัวเวลานอนครับ
ที่เห็นเสื่อคืออันเดียวกันนะครับ ห้องมีแค่นี้จริงๆครับ อาจจะมองว่าแคบ (อืม แคบจริงๆ) แต่ก็พอดีใช้งานครับ นอนได้ 2 คนเท่านั้นไม่มีมากกว่านี้ครับ
ข้อดี
1. การเดินทางสะดวกแน่นอนเพราะไปได้หลายสถานีมาก และใกล้ JR ด้วย
2. ของกินมีให้ 24 ชม. ทั้ง Lawson, 7-11 และ Kushikatsu มีให้ท่านกินหลายร้านมากๆ อร่อยทุกร้านด้วย จะกินเบียร์ให้เมาแล้วเดินกลับห้องก็ได้
3. เดินไป Den Den Town ได้นะครับ อาจจะดูว่าไกล แต่ 15 นาทีก็ถึงแล้วครับ
ข้อเสีย
1. ไม่มีลิฟท์ โชคดีว่าห้องอยู่ชั้น 2 เลยเฉยๆ
2. ทางเดินตอนดึกๆเปลี่ยวเหมือนกัน ใครไม่ชินอาจจะไม่ชอบได้
3. ห้องเล็กกระทัดรัด วางกระเป๋าเดินทาง 2 ก็เต็มล่ะ
สรุปว่า ไม่แนะนำให้เป็นตัวเลือกแรกๆนะครับ แต่ถ้าหาไม่ได้ หรือขี้เกียจหาผมว่าห้องนี้ก็โอเคครับ
5 Dec 2015
ออกจากที่พักตั้งแต่ 8.30 น. เพื่อเอาตั๋ว JR Takayama จากไทยไปเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงที่ JR Osaka Station
จองตั๋วรถ Nohi Bus จาก Kanazawa ไป Shirakawa-go (โทรจองเอานะครับ พนักงานพูดภาษาอังกฤษสำเนียงดีมาก)
จองตั๋ว JR จาก Osaka ไป Kanazawa ของวันพรุ่งนี้ เรียบร้อยทุกอย่างก็เกือบเที่ยง (รวมเวลาหลงทางอีกชม.กว่าๆ)
เริ่มเดินทางไป Fushimi Inari Shrine
ใช้ JR Takayama มาลงที่สถานี Inari ได้เลยนะครับ ไม่ได้เสียเงินเพิ่ม เดินออกจากสถานีเจอจิ้งจอกตัวนี้ก็ใช่แน่นอน
ยอมรับไอเดียของชาวอาทิตย์อุทัยจริงๆ เอาเรื่องจริงจังมาล้อเล่นได้น่ารักมากๆ
ออกจาก Fushimi Inari Shrine เดินนิดหน่อยไปที่ Fushimi-Inari Station เพื่อต่อรถไปที่ Kiyomizu-Gojo Station เพื่อไปวัดน้ำใส Kiyomizu
ระหว่างทางเดินจากสถานี Kiyomizu-Gojo เพื่อไป Kiyomizu ดูจากแผนที่อาจจะไม่ไกลนะครับ แต่มันเป็นทางเดินขึ้นเขาล้วนๆครับ ขนาดเดินวันแรกยังเหนื่อยเลยครับ นั่งรถเมล์มาก็ช่วยได้หน่อยครับ เพราะมันจะใกล้กว่า
ส่วนอันนี้ตอน Light-up
ช่วง Light-up จะเริ่มราวๆ 5 โมงเย็นซึ่งตอนนั้นก็มืดแล้วนะครับ คนเยอะมากๆ ผมหาร้านอาหารแถวนั้นนั่งกินจนราวๆ 18.30 น.คนซาลงแล้วค่อยเข้านะครับ
กลับ Osaka หาของกินแถว Shinsekai นะครับ ได้ร้าน Kushikatsu มาร้านนึง
ร้านอยู่ตรงวงกลมสีน้ำเงินหน้าร้านจะมีบิลลิเคน(Billikan) ตัวใหญ่ๆนั่งอยู่นะครับ
(cr.
http://www.talonjapan.com/shinsekai-osaka/ )
ถ้าให้อธิบายจากรูปคงลำบากอ่ะครับ ในนั้นมีไก่ 1 ไม้ หมู 2 ไม้ ปลาหมึก 2 ไม้ ส่วนที่เหลือจำไม่ได้ครับ ราคาราวๆ 120 - 200 เยนต่อชิ้น
กล่าวสั้นๆว่าอร่อยทุกไม้ครับ ใช้คำว่าอร่อยชิ-หายได้เลยครับ ข้อเสียมีอย่างเดียวครับ ถ้าจะเอาให้อิ่มน่าจะมีราวๆ 15 ไม้ก็คนละ 2400 เยนที่โดนไปมื้อนั้น
จบวันครับ พรุ่งนี้ไป Shirakawa-go ต่อรีบนอนครับ
[CR] [CR] เที่ยวตามใจไป Osaka, Kyoto, Shirakawa-go ตอนที่ 1 Kyoto ครั้งแรก
สวัสดีครับทุกท่าน เนื่องจากช่วงนี้กระแสญี่ปุ่นมาแรงมา ซึ่งผมก็ตามๆเขาไปด้วยนะครับ ได้ไปแล้วประทับใจเลยขอมารีวิวกับเขาบ้างนะครับ
ตารางเที่ยวของผมตามนี้นะครับ
4 Dec - Don Meung - Osaka
5 Dec - Fushimi-Inari, Kiyomizu-dera, Light-up @ Kiyomizu-dera (http://ppantip.com/topic/34600545)
6 Dec - Shirakawa-go (http://ppantip.com/topic/34602163)
7 Dec - Sagano Romantic Train, Tenryū-ji, Gion (http://ppantip.com/topic/34610302)
8 Dec - Universal Studio
9 Dec - Ryōan-ji, Kinkaku-ji, Ninna-ji
10 Dec - Osaka Castle, Osaka Aquarium Kaiyukan
11 Dec - Mandarake Umeda, Shinsaibashi, Namba
12 Dec - Osaka - Don Meung
แจกแจงงบประมาณกันก่อนเลยครับ
ค่าตั๋วเครื่องบิน Air Asia X - Business Class - 20,500 บาท
ค่าที่พักใช้ AirBNB คนละ 6,000 บาท
ค่า Pass - JR Takayama - 3980 บาท
ค่า Osaka Amazing Pass 2 Days - 900 บาท
ค่า Universal Studio - 2150 บาท
ค่าการันตีเข้า Harry Potter - 500 บาท
ค่า Pocket Money - 24,000 บาท
อาจจะดูว่าแพงมาก ซึ่งผมยอมรับว่าแพงจริงครับ แต่ไปแล้วต้องไปให้สุดครับ ครึ่งๆกลางๆคาใจซะเปล่าๆ
มันเลยต้องมาด้วยวิธีการวางแผนการเงินอย่างรัดกุมครับ
เริ่มซื้อตั๋วขากลับ (อันนี้เป็นการหักดิบอย่างนึงครับ ซื้อกลับก่อนค่อยซื้อไป)ตั้งแต่เดือนเม.ย.
ตั๋วขาไปซื้อเดือนพ.ค.
หลังจากนั้นเก็บเงินยาวๆครับ เดือนละ 5,000
ซื้อตั๋ว Universal ตอนเดือน พ.ย.
ซื้อ Pass - JR Takayama เดือน ธ.ค.
ได้ไปพอดีครับ
มาเริ่ม Review กันเลยครับ
เป็นกฏของตัวเองง่ายๆเลยครับ ว่าไปถึงสนามบินก่อน 3 ชม. ไม่ว่าจะยังไงทันแน่นอน งวดนี้นั่ง Business Class ของ Airasia ก็เช่นกันครับ นั่งครั้งแรกไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยรีบไปก่อนดีกว่าครับ
การ Check-in โอเคครับ เหมือนแบบปกติไม่มีอะไรตื่นเต้นแค่ไม่ต้องรอคิวกับคนอื่น
นั่งรอสักพักก็มีคนมากันเต็มนะครับ เท่าที่นั่งก่อนเป็นคนแรกๆดูแล้วที่นั่งไม่พอกับจำนวนคนที่จะเข้ามาแน่นอน อันนี้รอเขาค่อยๆแก้กันไปครับ นั่งสักพักจะมีแอร์มาเรียกให้เข้าก่อน ซึ่งของ Business Class จะได้เรียกพร้อมกับ Hot Seat นะครับ
ความรู้สึกในการนั่ง Business Class ผมไม่สามารถเปรียบเทียบกับสายการบินอื่นได้นะครับ เนื่องจากนั่ง Business Class ครั้งแรก แต่ถามว่าสบายมั้ยขนาดก็พอๆกับเก้าอี้ผู้บริหารตามออฟฟิตทั่วไป มีปลั๊กไฟให้ใช้ (อันนี้งงๆหน่อยครับว่าที่ชาร์ต iPhone ของก๊อปเสียบแล้วไฟไม่เข้า เลยเอาของแท้เสียบใช้ได้ตามปกติ) ส่วนน้ำเปล่าสามารถขอเพิ่มได้ ที่เหลือต้องเสียเงินเพิ่ม
ผมสูงราวๆ 175 ซม.ก็ยังมีที่เหลืออีกเยอะนะครับ คาดว่าคนสูงราวๆ 190 ซม.ถึงจะเริ่มมีปัญหานะครับ พอเครื่อง Take-off เรียบร้อยทางแอร์จะเอาอาหารมาเสริฟ์ซึ่งเขาจะถามก่อนอยู่แล้วว่าจะให้เอาออกมาเสริฟ์ตอนไหนระหว่างหลังเครื่องขึ้นกับก่อนเครื่องลงราวๆ 45 นาที
รีวิวอาหารนะครับ สั่งชุด Bento ของเขามา ราคาแพงสุดเลยนะครับราวๆ 320 บาท คุณภาพอาหารนะครับ ขอเรียกว่าซูชิตลาดนัดอร่อยกว่าทุกชิ้นครับ สาหร่ายเหนียวมาก ข้าวแข็งๆ แล้วถ้าคุณมองดีๆจะเห็นว่าที่ใส่โชยุกับขนาดของข้าวปั้นไม่ได้คิดมาเลย สุดท้ายราดใส่แล้วค่อยกินครับ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วข้าวปั้นของเขายังหนากว่าปกติ 1 เท่าคือเอาปากกัดไม่ได้เต็มคำ ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตามจะกัดทีละนิดก็ลำบาก สาหร่ายก็เหนียว สุดท้ายแกะสาหร่ายออกให้หมดและกินอย่างไร้มารยาท แบบโกยๆเข้าปากเอาครับ
ลืมถ่ายข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาวของแฟนผม แต่ว่าอร่อยมากกว่า Bento แน่นอนครับ
เครื่องลงจอดช้ากว่าเวลาราวๆ 5 นาทีนะครับ ออกมาแล้วรีบวิ่งหน่อยนะครับ เพราะรถไฟเที่ยวสุดท้าย 23.40 น. เลี้ยวซ้ายเข้า Shuttle Train ไปที่ตม.นะครับ
ออกจากสนามบินขึ้นมาหนึ่งชั้นจะเจอ JR Station เลยครับ หยอดเหรียญแล้วรีบเดินทางครับ รถไฟเที่ยวสุดท้ายไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ค่อยน่าขึ้นครับ
จองที่พักของ AirBNB ไว้นะครับ เนื่องจากตอนนั้นไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องว่าแต่ละที่มันแตกต่างกันยังไง แต่ดุจากรีวิวว่า Host คนนี้ไม่มีเรื่องร้องเรียนแล้วก็ห้องโอเค และราคาโอเคด้วยครับ
การเดินทางนะครับ ออกจากสถานี Dobutsuen-Mae Station Exit 6 หรือ JR Shin-Imamiya ได้นะครับ เดินราวๆ 7-10 นาที
ทางขวาของรูปคือห้องน้ำนะครับ ส่วนมุมบนขวาเป็นประตูระเบียง ไม่แนะนำให้หันหัวไปทางทีวีนะครับ เพราะไม่งั้นหัวข้อท่านจะหันไปอยู่หน้าห้องน้ำพอดี มันจะเย็นๆหัวเวลานอนครับ
ที่เห็นเสื่อคืออันเดียวกันนะครับ ห้องมีแค่นี้จริงๆครับ อาจจะมองว่าแคบ (อืม แคบจริงๆ) แต่ก็พอดีใช้งานครับ นอนได้ 2 คนเท่านั้นไม่มีมากกว่านี้ครับ
ข้อดี
1. การเดินทางสะดวกแน่นอนเพราะไปได้หลายสถานีมาก และใกล้ JR ด้วย
2. ของกินมีให้ 24 ชม. ทั้ง Lawson, 7-11 และ Kushikatsu มีให้ท่านกินหลายร้านมากๆ อร่อยทุกร้านด้วย จะกินเบียร์ให้เมาแล้วเดินกลับห้องก็ได้
3. เดินไป Den Den Town ได้นะครับ อาจจะดูว่าไกล แต่ 15 นาทีก็ถึงแล้วครับ
ข้อเสีย
1. ไม่มีลิฟท์ โชคดีว่าห้องอยู่ชั้น 2 เลยเฉยๆ
2. ทางเดินตอนดึกๆเปลี่ยวเหมือนกัน ใครไม่ชินอาจจะไม่ชอบได้
3. ห้องเล็กกระทัดรัด วางกระเป๋าเดินทาง 2 ก็เต็มล่ะ
สรุปว่า ไม่แนะนำให้เป็นตัวเลือกแรกๆนะครับ แต่ถ้าหาไม่ได้ หรือขี้เกียจหาผมว่าห้องนี้ก็โอเคครับ
5 Dec 2015
ออกจากที่พักตั้งแต่ 8.30 น. เพื่อเอาตั๋ว JR Takayama จากไทยไปเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงที่ JR Osaka Station
จองตั๋วรถ Nohi Bus จาก Kanazawa ไป Shirakawa-go (โทรจองเอานะครับ พนักงานพูดภาษาอังกฤษสำเนียงดีมาก)
จองตั๋ว JR จาก Osaka ไป Kanazawa ของวันพรุ่งนี้ เรียบร้อยทุกอย่างก็เกือบเที่ยง (รวมเวลาหลงทางอีกชม.กว่าๆ)
เริ่มเดินทางไป Fushimi Inari Shrine
ใช้ JR Takayama มาลงที่สถานี Inari ได้เลยนะครับ ไม่ได้เสียเงินเพิ่ม เดินออกจากสถานีเจอจิ้งจอกตัวนี้ก็ใช่แน่นอน
ยอมรับไอเดียของชาวอาทิตย์อุทัยจริงๆ เอาเรื่องจริงจังมาล้อเล่นได้น่ารักมากๆ
ออกจาก Fushimi Inari Shrine เดินนิดหน่อยไปที่ Fushimi-Inari Station เพื่อต่อรถไปที่ Kiyomizu-Gojo Station เพื่อไปวัดน้ำใส Kiyomizu
ระหว่างทางเดินจากสถานี Kiyomizu-Gojo เพื่อไป Kiyomizu ดูจากแผนที่อาจจะไม่ไกลนะครับ แต่มันเป็นทางเดินขึ้นเขาล้วนๆครับ ขนาดเดินวันแรกยังเหนื่อยเลยครับ นั่งรถเมล์มาก็ช่วยได้หน่อยครับ เพราะมันจะใกล้กว่า
ส่วนอันนี้ตอน Light-up
ช่วง Light-up จะเริ่มราวๆ 5 โมงเย็นซึ่งตอนนั้นก็มืดแล้วนะครับ คนเยอะมากๆ ผมหาร้านอาหารแถวนั้นนั่งกินจนราวๆ 18.30 น.คนซาลงแล้วค่อยเข้านะครับ
กลับ Osaka หาของกินแถว Shinsekai นะครับ ได้ร้าน Kushikatsu มาร้านนึง
ร้านอยู่ตรงวงกลมสีน้ำเงินหน้าร้านจะมีบิลลิเคน(Billikan) ตัวใหญ่ๆนั่งอยู่นะครับ
(cr. http://www.talonjapan.com/shinsekai-osaka/ )
ถ้าให้อธิบายจากรูปคงลำบากอ่ะครับ ในนั้นมีไก่ 1 ไม้ หมู 2 ไม้ ปลาหมึก 2 ไม้ ส่วนที่เหลือจำไม่ได้ครับ ราคาราวๆ 120 - 200 เยนต่อชิ้น
กล่าวสั้นๆว่าอร่อยทุกไม้ครับ ใช้คำว่าอร่อยชิ-หายได้เลยครับ ข้อเสียมีอย่างเดียวครับ ถ้าจะเอาให้อิ่มน่าจะมีราวๆ 15 ไม้ก็คนละ 2400 เยนที่โดนไปมื้อนั้น
จบวันครับ พรุ่งนี้ไป Shirakawa-go ต่อรีบนอนครับ