มีธุระต้องไปจาการ์ต้าครับ ด้วยเงื่อนไขของเวลา มีแต่การูด้าเท่านั้นที่ตอบสนองได้ เลือกไปชั้นบิสสิเนส เพราะอยากได้ความสะดวกสบาย และพร้อมในการปฏิบัตภาระกิจ
เริ่มจากที่สุวรรณภูมิ Garuda เป็นเครือ SkyTeam อาจเป็นเหตุผลที่เลือกใช้เลานจ์ของ Air France ซึ่งเป็นสมาชิกของสกายทีมเหมือนกัน
เลานจ์ก็มาตรฐานทั่วไปครับ ไม่ได้มีอะไรหวือหวา
ที่นั่งเป็นแบบบิสสิเนสโบราณ กว้างขวาง พื้นที่เยอะ แต่นั่งไม่สบายเท่าไหร่ ปรับเอนได้ไม่มาก ผมว่าราวๆ 120-130 องศา ซึ่งก็โอเคสำหรับการบินแค่สามชั่วโมงครึ่ง อาหาารการกินก็ธรรมดามาตรฐานไม่ดี ไม่เลว พนักงานบริการดีครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส
ส่วน JW Marriott Jakarta ก็มาตรฐานครับ ที่จริง ส่วนตัวผมไม่ชอบสไตล์ของ JW มันออกทึมๆ ไป
ส่วนตัวคิดว่าตัวโรงแรมที่นี่สู้ JW ที่ไทย และฮ่องกงไม่ได้ สูสีกับสิงคโปร์ แต่การบริการดีกว่าฮ่องกง สิงคโปร์ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับ เคาน์เตอร์ ไปถึงพนักงานในเลานจ์ให้การดูแลต้อนรับดีมาก ผมจองห้องแบบ Executive ซึ่งสามารถไปใช้เลานจ์ได้ ส่วนมือเช้าเลือกทานได้ทั้งที่ร้านอาหารข้างล่าง และในเลานจ์ ผมเลือกในเลานจ์เนื่องจากทานมื้อเช้าไม่มาก และอยากได้ความเป็นส่วนตัว
JW Marriott Jakarta ตรวจเข้มมากจนน่าตกใจครับ ตั้งแต่รถเข้ามา จนถึงการสแกนตัว และทรัพย์สินก่อนเข้าโรงแรม
อยากลองกินของพื้นเมือง แต่ไม่มีเวลาไปข้างนอก เลยลองสั่งจากครัวโรงแรมครับ
Gado Gado ผมไม่แน่ใจการออกเสียง แต่สั่งไปว่า กาโด้ กาโด้ พนักงานฟังเข้าใจ เป็นสลัดแขกครับ แต่น้ำสลัดข้นกว่าที่เคยทานที่บ้านเรา
Sop buntut เช่นกัน ผมลองสั่งไปว่า ซบ บุนตุด เป็นซุปหางวัวครับ หอมเครื่องเทศ เผ็ดพริกไทย
ขากลับตอนเช็คอิน การูนด้า บริการได้เหนือความคาดหมายมากๆ ครับ พอไปเช็คจะมีพนักงานพาไปรอที่เลานจ์เลย แล้วเอาพาสปอร์ตไปจัดการผ่านกระบวนการตรวจคนออกจากเมืองให้ แต่ตัวเลานจ์เองเล็ก และไม่มีอะไรมากๆ ผมนั่งแล้วอึดอัด ก็เลยไปที่เลานจ์อื่น มีเลานจ์อีกสองแห่งในสนามบินที่รับบัตร Priority Pass ครับ ที่ผมไปคือ Premium Lounge ซึ่งกว้างขวางน่านั่งกว่ามาก ปีกไก่ต้มซ๊อสอร่อยมากครับ
ปล จาการ์ต้ารถติดมากๆ
[CR] ริวิว: Garuda Airline 5 Star Business Class (จริงอ่ะ?) และ JW Marriott Jakarta
เริ่มจากที่สุวรรณภูมิ Garuda เป็นเครือ SkyTeam อาจเป็นเหตุผลที่เลือกใช้เลานจ์ของ Air France ซึ่งเป็นสมาชิกของสกายทีมเหมือนกัน
เลานจ์ก็มาตรฐานทั่วไปครับ ไม่ได้มีอะไรหวือหวา
ที่นั่งเป็นแบบบิสสิเนสโบราณ กว้างขวาง พื้นที่เยอะ แต่นั่งไม่สบายเท่าไหร่ ปรับเอนได้ไม่มาก ผมว่าราวๆ 120-130 องศา ซึ่งก็โอเคสำหรับการบินแค่สามชั่วโมงครึ่ง อาหาารการกินก็ธรรมดามาตรฐานไม่ดี ไม่เลว พนักงานบริการดีครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส
ส่วน JW Marriott Jakarta ก็มาตรฐานครับ ที่จริง ส่วนตัวผมไม่ชอบสไตล์ของ JW มันออกทึมๆ ไป
ส่วนตัวคิดว่าตัวโรงแรมที่นี่สู้ JW ที่ไทย และฮ่องกงไม่ได้ สูสีกับสิงคโปร์ แต่การบริการดีกว่าฮ่องกง สิงคโปร์ ตั้งแต่พนักงานต้อนรับ เคาน์เตอร์ ไปถึงพนักงานในเลานจ์ให้การดูแลต้อนรับดีมาก ผมจองห้องแบบ Executive ซึ่งสามารถไปใช้เลานจ์ได้ ส่วนมือเช้าเลือกทานได้ทั้งที่ร้านอาหารข้างล่าง และในเลานจ์ ผมเลือกในเลานจ์เนื่องจากทานมื้อเช้าไม่มาก และอยากได้ความเป็นส่วนตัว
JW Marriott Jakarta ตรวจเข้มมากจนน่าตกใจครับ ตั้งแต่รถเข้ามา จนถึงการสแกนตัว และทรัพย์สินก่อนเข้าโรงแรม
อยากลองกินของพื้นเมือง แต่ไม่มีเวลาไปข้างนอก เลยลองสั่งจากครัวโรงแรมครับ
Gado Gado ผมไม่แน่ใจการออกเสียง แต่สั่งไปว่า กาโด้ กาโด้ พนักงานฟังเข้าใจ เป็นสลัดแขกครับ แต่น้ำสลัดข้นกว่าที่เคยทานที่บ้านเรา
Sop buntut เช่นกัน ผมลองสั่งไปว่า ซบ บุนตุด เป็นซุปหางวัวครับ หอมเครื่องเทศ เผ็ดพริกไทย
ขากลับตอนเช็คอิน การูนด้า บริการได้เหนือความคาดหมายมากๆ ครับ พอไปเช็คจะมีพนักงานพาไปรอที่เลานจ์เลย แล้วเอาพาสปอร์ตไปจัดการผ่านกระบวนการตรวจคนออกจากเมืองให้ แต่ตัวเลานจ์เองเล็ก และไม่มีอะไรมากๆ ผมนั่งแล้วอึดอัด ก็เลยไปที่เลานจ์อื่น มีเลานจ์อีกสองแห่งในสนามบินที่รับบัตร Priority Pass ครับ ที่ผมไปคือ Premium Lounge ซึ่งกว้างขวางน่านั่งกว่ามาก ปีกไก่ต้มซ๊อสอร่อยมากครับ
ปล จาการ์ต้ารถติดมากๆ