สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
จริงๆผมจะบอกว่าการมีปัญหาขาดส่งบ้าน ถ้ารู้วิธีก็สามารถประคับประคองจนกว่าจะผ่านพ้นปัญหาได้
แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธี ผมรู้จากผู้บริหารสินเชื่อแบงก์ใหญ่คับประเทศแบงก์นึงสอนผมครับ
หนี้แบบผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด หรือ Installment credit เช่น บ้าน หรือรถ
หากขัดสนเงิน ให้ส่งแต่ดอกพักต้นไว้
วิธีนี้แบงก์ได้รายได้ และต้นเงินไม่สูญหายไปไหน
พอคุณฟื้นตัวได้ แล้วมีเงินก้อนโปะต้นที่ค้าง ก็ไม่มีปัญหาครับ
ถ้าไม่มีเงินก้อน ก็ไปขอปรับสัญญาใหม่ ยืดเวลาออกไป
เช่น กู้บ้าน 30 ปี ส่งมา 5 ปีติดขัด พอพ้นวิกฤตได้ ก็ไปยืดสัญญาที่เหลือจาก 25 ปีเป็น 30 ปี
หนี้แบบใช้เท่าไหร่จ่ายเต็มเท่านั้น หรือ Revolving credit
หากขัดสนเงิน ให้จ่ายขั้นต่ำเป๊ะ (ถ้าต่ำกว่านั้นให้หยุดส่งทันทีเพราะไร้ประโยชน์มาก เก็บเงินไว้ต่อรองดีกว่า)
ซึ่งจขกท.เป็นหนี้แบบแรก ผมเลยจะไม่พูดถึงแบบ 2 ในกระทู้นี้
ทีนี้คุณจขกท.เลือกวิธีที่ผิดไปแล้วคือหยุดส่ง จะเกิดอะไรขึ้น
1. แบงก์จะทวงหนี้ก่อนครับ เขาจะทำจดหมายมาแจ้งก่อนว่าถ้าไม่จ่ายจะฟ้อง ขั้นตอนนี้ประมาณ 2 เดือน
2. ถ้าไม่จ่ายอีก จะฟ้องศาล จะเจอขั้นตอนไกล่เกลี่ยพร้อมกับนัดสืบพยานในวันเดียวกัน
2 ช่วงนี้คุณต้องเตรียมแก้ปัญหาแล้วครับว่าจะแก้ไขวิกฤตรายได้ยังไง
แล้วไปเจรจาต่อรอง เซ็นสัญญาประนอมหนี้ก่อนขึ้นศาล
3. ถ้าไม่มีเงินอีก ขึ้นศาลเลยครับ ใช้เวลาประมาณปีครึ่ง
เหมือนเดิมครับ คือคุณมีเวลาหายใจ ก็ไปหาวิธีแก้ไขวิกฤตรายได้ยังไง
4. ถ้าพิพากษาแล้วคุณเริ่มส่งหนี้ใหม่ไม่ได้อีก ก็ขายบ้านครับ เอาเงินไปใช้หนี้แบงก์
ขอต่อรองลดดอกเบี้ยปรับลงมา
ทั้ง 4 ขั้นนี้รวมแล้ว 2 ปีเต็มๆ คุณจะหาทางแก้ปัญหารายได้ไม่ได้เลยหร่ือ??
5. ถ้าขายไม่ได้ปล่อยยึด กว่าจะขายทอดตลาดก็มีขั้นเจรจาไกล่เกลี่ยที่กรมบังคับคดีอีก ก็หลายเดือนนะ
6. ขายทอดตลาดมีคนซื้อแล้วคุณยังอยู่บ้านต่อได้อีกนะ ไม่ต้องออกหรอกจนกว่าเจ้าหนี้จะไล่
เห็นไหม คุณมีเวลาหายใจอีกนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ก็ต้องถามตัวเองดู ว่า "ลูกผู้ชายต้องทำยังไง"
แต่ที่สำคัญกว่าการแก้ปัญหา 6 ขั้น คือ การเลิกปิดบังคนรักครับ
ลูกหนี้ไม่มีทางแก้หนี้ได้ถ้ายังเลือกที่จะโกหกปิดบังคนรอบข้าง!!
คุณสารภาพไปเถอะแล้วมาช่วยกันแก้ปัญหา มันคือการทลายกำแพงตัวเองเลยนะ
แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธี ผมรู้จากผู้บริหารสินเชื่อแบงก์ใหญ่คับประเทศแบงก์นึงสอนผมครับ
หนี้แบบผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด หรือ Installment credit เช่น บ้าน หรือรถ
หากขัดสนเงิน ให้ส่งแต่ดอกพักต้นไว้
วิธีนี้แบงก์ได้รายได้ และต้นเงินไม่สูญหายไปไหน
พอคุณฟื้นตัวได้ แล้วมีเงินก้อนโปะต้นที่ค้าง ก็ไม่มีปัญหาครับ
ถ้าไม่มีเงินก้อน ก็ไปขอปรับสัญญาใหม่ ยืดเวลาออกไป
เช่น กู้บ้าน 30 ปี ส่งมา 5 ปีติดขัด พอพ้นวิกฤตได้ ก็ไปยืดสัญญาที่เหลือจาก 25 ปีเป็น 30 ปี
หนี้แบบใช้เท่าไหร่จ่ายเต็มเท่านั้น หรือ Revolving credit
หากขัดสนเงิน ให้จ่ายขั้นต่ำเป๊ะ (ถ้าต่ำกว่านั้นให้หยุดส่งทันทีเพราะไร้ประโยชน์มาก เก็บเงินไว้ต่อรองดีกว่า)
ซึ่งจขกท.เป็นหนี้แบบแรก ผมเลยจะไม่พูดถึงแบบ 2 ในกระทู้นี้
ทีนี้คุณจขกท.เลือกวิธีที่ผิดไปแล้วคือหยุดส่ง จะเกิดอะไรขึ้น
1. แบงก์จะทวงหนี้ก่อนครับ เขาจะทำจดหมายมาแจ้งก่อนว่าถ้าไม่จ่ายจะฟ้อง ขั้นตอนนี้ประมาณ 2 เดือน
2. ถ้าไม่จ่ายอีก จะฟ้องศาล จะเจอขั้นตอนไกล่เกลี่ยพร้อมกับนัดสืบพยานในวันเดียวกัน
2 ช่วงนี้คุณต้องเตรียมแก้ปัญหาแล้วครับว่าจะแก้ไขวิกฤตรายได้ยังไง
แล้วไปเจรจาต่อรอง เซ็นสัญญาประนอมหนี้ก่อนขึ้นศาล
3. ถ้าไม่มีเงินอีก ขึ้นศาลเลยครับ ใช้เวลาประมาณปีครึ่ง
เหมือนเดิมครับ คือคุณมีเวลาหายใจ ก็ไปหาวิธีแก้ไขวิกฤตรายได้ยังไง
4. ถ้าพิพากษาแล้วคุณเริ่มส่งหนี้ใหม่ไม่ได้อีก ก็ขายบ้านครับ เอาเงินไปใช้หนี้แบงก์
ขอต่อรองลดดอกเบี้ยปรับลงมา
ทั้ง 4 ขั้นนี้รวมแล้ว 2 ปีเต็มๆ คุณจะหาทางแก้ปัญหารายได้ไม่ได้เลยหร่ือ??
5. ถ้าขายไม่ได้ปล่อยยึด กว่าจะขายทอดตลาดก็มีขั้นเจรจาไกล่เกลี่ยที่กรมบังคับคดีอีก ก็หลายเดือนนะ
6. ขายทอดตลาดมีคนซื้อแล้วคุณยังอยู่บ้านต่อได้อีกนะ ไม่ต้องออกหรอกจนกว่าเจ้าหนี้จะไล่
เห็นไหม คุณมีเวลาหายใจอีกนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ก็ต้องถามตัวเองดู ว่า "ลูกผู้ชายต้องทำยังไง"
แต่ที่สำคัญกว่าการแก้ปัญหา 6 ขั้น คือ การเลิกปิดบังคนรักครับ
ลูกหนี้ไม่มีทางแก้หนี้ได้ถ้ายังเลือกที่จะโกหกปิดบังคนรอบข้าง!!
คุณสารภาพไปเถอะแล้วมาช่วยกันแก้ปัญหา มันคือการทลายกำแพงตัวเองเลยนะ
ความคิดเห็นที่ 4
ไม่ควรขาดส่งตั้งแต่แรก ยังมีทางแก้ เช่น การ top up เอาเงินมาซ่อมบ้านไรก็ว่าไป
ตอนนี้ไม่ส่งมาระยะหนึ่งแล้วปัญหาคือ
1.ติดเครดิตบูโร ทำไรต่อยากแน่นอน
2.ดอกเบี้ย เจอดอกเบี้ยปรับ 15%+
3.ถ้าไม่ไปคุยกับธนาคารหาทางแก้ไข ดอกเบี้ยปรับค้างจ่ายจะท่วมเงินที่ผ่อนไป 2 ปี ด้วยความเร็วมาก ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม
4.กู้นอกระบบ หรือบัตรเครดิตยิ่งตาย ดอกเบี้ยบัตร 20-30%
ทางแก้
1. เข้าไปคุยกับธนาคารว่าจะจัดการเรื่องผ่อนกับดอกเบี้ยค้างจ่ายอย่างไร
1.1 อาจขอผ่อนแต่ดอกเบี้ยก่อนไม่ให้มีดอกเบี้ยสะสม (พร้อมทั้งขอลดอัตราดอกเบี้ย)
1.2. ตีทรัพย์ชำระหนี้
3. ประกาศขายให้ได้ราคาดีที่สุด
4. กรณีที่ไม่มีความสามารถจัดการหนี้แน่ ๆ ย้ำว่าแน่ ๆ ให้เลิกผ่อนไปเลยเพราะถมอย่างไรก็ไม่เต็ม ให้เก็บเงินก้อนไว้
4.1 คุยกับธนาคารขอคัทลอสบางส่วน (แต่วงเงินไม่ใหญ่คงยากหน่อย ไม่เหมือนพวกบิ้กๆ)
4.2 ระหว่างรอบ้านถูกยึดก็ถือว่าได้อยู่ฟรีโดยไม่เสียค่าเช่าเป็นปี (ยื้อไปเรื่อยๆ)
***อาจดูโหดร้าย แต่มันคือความจริง หนี้ที่เสีย ประวัติที่เสีย ฟื้นยาก เอาเงินถมให้แบงค์ไปก็ไม่เต็ม
*** อันนี้ตอบตามข้อมูลที่ให้มาอย่างไม่ละเอียดค่ะ
ตอนนี้ไม่ส่งมาระยะหนึ่งแล้วปัญหาคือ
1.ติดเครดิตบูโร ทำไรต่อยากแน่นอน
2.ดอกเบี้ย เจอดอกเบี้ยปรับ 15%+
3.ถ้าไม่ไปคุยกับธนาคารหาทางแก้ไข ดอกเบี้ยปรับค้างจ่ายจะท่วมเงินที่ผ่อนไป 2 ปี ด้วยความเร็วมาก ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม
4.กู้นอกระบบ หรือบัตรเครดิตยิ่งตาย ดอกเบี้ยบัตร 20-30%
ทางแก้
1. เข้าไปคุยกับธนาคารว่าจะจัดการเรื่องผ่อนกับดอกเบี้ยค้างจ่ายอย่างไร
1.1 อาจขอผ่อนแต่ดอกเบี้ยก่อนไม่ให้มีดอกเบี้ยสะสม (พร้อมทั้งขอลดอัตราดอกเบี้ย)
1.2. ตีทรัพย์ชำระหนี้
3. ประกาศขายให้ได้ราคาดีที่สุด
4. กรณีที่ไม่มีความสามารถจัดการหนี้แน่ ๆ ย้ำว่าแน่ ๆ ให้เลิกผ่อนไปเลยเพราะถมอย่างไรก็ไม่เต็ม ให้เก็บเงินก้อนไว้
4.1 คุยกับธนาคารขอคัทลอสบางส่วน (แต่วงเงินไม่ใหญ่คงยากหน่อย ไม่เหมือนพวกบิ้กๆ)
4.2 ระหว่างรอบ้านถูกยึดก็ถือว่าได้อยู่ฟรีโดยไม่เสียค่าเช่าเป็นปี (ยื้อไปเรื่อยๆ)
***อาจดูโหดร้าย แต่มันคือความจริง หนี้ที่เสีย ประวัติที่เสีย ฟื้นยาก เอาเงินถมให้แบงค์ไปก็ไม่เต็ม
*** อันนี้ตอบตามข้อมูลที่ให้มาอย่างไม่ละเอียดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ถามหน่อย!! ถ้าผ่อนบ้านไม่ไหว...จะทำอย่างไรดี...(เสียดาย)
ปล. ตอนนี้กังวลมากๆ ขอบคุณครับ