เมื่อกี้นี้ จขกท.เพิ่งสัทภาษณ์เสร็จ และวีซ่าอนุมัติเรียบร้อย (Tourist visa /B2)
มาเล่าเรื่องขอวีซ่าแบบล่าสุดกัน
1. จขกท.เข้ามาอ่านในพันทิปหาข้อมูลก่อนนึ่แหละ 5555 สุดท้ายก็เข้าไปส่องๆในเว็บกรอก DS-160 แล้วเจอว่าต้องถ่ายรูป ก็ถ่ายไปตามนั้นเลย แต่แอบถามเพื่อนมาก่อนว่าร้านไหนดี
2. กรอก DS-160 เข้าไปกรอกตามจริง พ่อจขกท.บอกตลอดว่าอเมริกาเป็นเจ้าข้อมูล อย่าโกหก 55555 เหนื่อยหน่อย เยอะมากกกก กรอกไป อ่านวิธีกรอกไป
3. กรอกเสร็จ ไปสร้างแอคเค้าท์ใน UStraveldocs.com จ่ายเงิน (ตอนนี้ 5730.-) นัดวันสัมภาษณ์
4. ตึกๆๆๆๆๆ รอๆๆๆๆ รอวันสัมภาษณ์ จขกท.สมัครประมาณ 1.5 เดือนก่อนวันนัดสัมภาษณ์ ทีนี้ก็เป็นขั้นตอนเตรียมเอกสารครับ
5. เอกสาร ขอแค่พิสูจน์ความผูกพันกับไทย (กลับบ้านแน่ๆ ไม่หนีเข้า US) อย่างจขกท.เป็นนักศึกษา ก็ขอเอกสารรับรองการเป็นนศ. จากมหาวิทยาลัย ด้วยความที่กลัวไม่ผ่าน ก็เตรียมสำเนาบุ๊คแบงค์ สำเนาวีซ่า US ของคุณพ่อ (คนซัพพอร์ตเงิน 555) เอ่ไปเป็นปึกเลยฮะ 555555
6. ถึงวันนัดสัมภาษณ์ จขกท.นัดไว้ 07:00 ตอนเช้าตรู่ รีบมากกกกกลัวเลต 5555 มาถึงหน้าสถานทูต 06:20 สังเกตตรงที่มีคนยืนเยอะๆ อยู่ฝั่งเดียวกับ All seasons place มีรปภ.เดินแจ้งกฎระเบียบสัมภาระเข้าสถานทูต จขกท.โดนห้ามเอากระเป๋าเข้าไป กระเป๋าโดนห้ามหมดเลย เห็น Bao Bao 6x6 ก็ห้ามนะ เคร่งมาก หลบไม่ได้ เข้มกว่าสนามบิน
7. หลังจากรปภ.บอกเรื่องกระเป๋าเลยต้องเดินย้อนไปฝาก 100 บาท แพงมากกกก จะร้องไห้ แล้วเดินกลับมาเข้าแถวต่อ มีเจ้าหน้าที่ตรวจ DS-160 กับ passport ก็เตรียมให้เค้า แล้วจะให้บัตรคิวมา เป็นบัตรที่เหมือนบอกว่าตรวจเอกสารแล้ว
8. เข้าคิวๆๆๆ หน้าสถานทูตไปเรื่อยๆ แล้วเค้าจะเรียกเข้าไปตรวจสัมภาระทีละ 4 คน เข้าไปจะให้ฝากมือถือ+หูฟังก่อน (ใช้บัตรปชช.) หลังจากนั้นก็เอาของอย่างอื่นไปสแกน+ตัวเราด้วย
9. ออกมาก็เดินตามทางไป เลี้ยวซ้าย จขกท.เข้าไปประมาณคนที่20กว่าๆ สังเกตว่าตอนเดินเข้าไป คนที่มาก่อนนั่งรออยู่ข้างหน้า จนท.(คนไทย) ประกาศเรียกคนมาสัมภาษณ์รอบ 07:00 ตรวจเอกสารอีกครั้ง คือกำลังงงๆเลยเดินไปเลย ตรวจ DS-160, passport เหมือนเดิม เค้าห็หาชื่อเรา เอาสติ๊กเกอร์มาคลิปบนปก passport เรา แล้วบอกให้อ่านป้ายเขียว (ไม่มีอะไร) แล้วก็ให้เราเข้าห้องสัมภาษณ์
10. มายืนรอเคาน์เตอร์เปิด เราจะต้องเข้าทั้งหมด 3 ช่อง ด้วยกัน ช่องแรก ขวาสุด (11-15) เป็นจนท.คนไทย ถามจขกท.ตามนี้เลย จขกท.ได้ช่อง 12
จนท. : เคยมี US Visa มั๊ย
จขกท. : ไม่ครับ
จนท. : เรียนหรือว่าทำงานอยู่
จขกท. : เรียนครับ พร้อมควักหนังรับรองการเป็นนศ.ให้เค้า
จนท. : เคยเปลี่ยนชื่อไหม
จขกท. : เคยครับ ควักใบเปลี่ยนขื่อให้ดู
จนท. : ไม่ต้องๆ ถามเฉยๆ
หลังจากนั้นก็คำถามทั่วๆไป
เคยใช้นามสกุลแม่มั๊ย (คนละนามสกุลกัน)
ไปทำอะไร
รู้จัดใครมั๊ย
ไปกับใคร
ก็ตอบตามความจริงไป
จขกท. : ไปแบ็คแพ็คคนเดียวครับ
จนท. : เก่งจังนู่นนี่นั่น บลาๆๆๆ
*เวลาสัมฯ จนท.จะพูดกับไมค์ เสียงลั่นมาก ใครยืนอยู่ได้ยินหมด แต่ไม่ต้องอาย หน้าด้านไว้ 555 แล้วก็พิมพ์ลายนิ้วมือ
11. จบอันแรก ไปต่อคิวช่อง 10 ต่อ เป็นจนท.ต่างชาติ พูดไทยได้แต่ไม่ชัด อ่านชื่อเราแล้วก็ "วางมือคางควาขรั่บ" พิมพ์นิ้วอีกที ก็เรียบร้อย ไปต่อคิวช่อง 6-9
12. อันนี้แหละสัมฯของจริง จนท.(พูดอิ๊งค์ได้ ไทยก็ได้) ถามปกติเลย
ไปทำอะไร?
ไปกับใคร?
ไปที่ไหน?
นอนที่ไหน?
รู้จัดใครมั๊ย? ญาติ? เพื่อนที่อเมริกา?
ทำงานหรือเรียนอยู่?
อีกกี่ปีถึงเรียนจบ?
บางคนก็ถามละเอียดแบบ จะไปเมื่อไหร่?
พอถามจบก็ Your visa is approved จะถึงบ้านในสามวัน
จบข่าวใสๆ ใช้เวลาทั้งหมด 1 ชม.นิดๆ
ออกมารับมือถือ เปิดเครื่องดูเวลา 07:30 เร็วมากกก สบายฝุดๆ
คนที่เครียดเลิกเครียดนะครับ สบายๆ ^^
เป็นกำลังใจให้ครับ ใครมีข้อสงสัย หลังไมค์ได้ครับ
อ้อ เห็นบางคนเตรียมแผนท่องเที่ยว (จขกท.ไม่ทำ - ขี้เกียจ 555)--> ไม่ดู
Statement--> ไม่ดู
หนังสือรับรองเป็นนศ.ของมหาวิทยาลัย--> ดูอันนี้อันเดียว
แต่บางคนที่ไปงานนู่นนี่นั่น ค้องเตรียมพวก invitation letter, เอกสารจากที่ทำงานไปด้วยนะครับ ^^
*เอามือถือ+หูฟังเข้าได้ เค้าจะให้เราฝากเคาน์เตอร์ด้านหน้า ใช้บัตรปชช. 1 ใบ
วีซ่าอเมริกา...ของกล้วยๆ
มาเล่าเรื่องขอวีซ่าแบบล่าสุดกัน
1. จขกท.เข้ามาอ่านในพันทิปหาข้อมูลก่อนนึ่แหละ 5555 สุดท้ายก็เข้าไปส่องๆในเว็บกรอก DS-160 แล้วเจอว่าต้องถ่ายรูป ก็ถ่ายไปตามนั้นเลย แต่แอบถามเพื่อนมาก่อนว่าร้านไหนดี
2. กรอก DS-160 เข้าไปกรอกตามจริง พ่อจขกท.บอกตลอดว่าอเมริกาเป็นเจ้าข้อมูล อย่าโกหก 55555 เหนื่อยหน่อย เยอะมากกกก กรอกไป อ่านวิธีกรอกไป
3. กรอกเสร็จ ไปสร้างแอคเค้าท์ใน UStraveldocs.com จ่ายเงิน (ตอนนี้ 5730.-) นัดวันสัมภาษณ์
4. ตึกๆๆๆๆๆ รอๆๆๆๆ รอวันสัมภาษณ์ จขกท.สมัครประมาณ 1.5 เดือนก่อนวันนัดสัมภาษณ์ ทีนี้ก็เป็นขั้นตอนเตรียมเอกสารครับ
5. เอกสาร ขอแค่พิสูจน์ความผูกพันกับไทย (กลับบ้านแน่ๆ ไม่หนีเข้า US) อย่างจขกท.เป็นนักศึกษา ก็ขอเอกสารรับรองการเป็นนศ. จากมหาวิทยาลัย ด้วยความที่กลัวไม่ผ่าน ก็เตรียมสำเนาบุ๊คแบงค์ สำเนาวีซ่า US ของคุณพ่อ (คนซัพพอร์ตเงิน 555) เอ่ไปเป็นปึกเลยฮะ 555555
6. ถึงวันนัดสัมภาษณ์ จขกท.นัดไว้ 07:00 ตอนเช้าตรู่ รีบมากกกกกลัวเลต 5555 มาถึงหน้าสถานทูต 06:20 สังเกตตรงที่มีคนยืนเยอะๆ อยู่ฝั่งเดียวกับ All seasons place มีรปภ.เดินแจ้งกฎระเบียบสัมภาระเข้าสถานทูต จขกท.โดนห้ามเอากระเป๋าเข้าไป กระเป๋าโดนห้ามหมดเลย เห็น Bao Bao 6x6 ก็ห้ามนะ เคร่งมาก หลบไม่ได้ เข้มกว่าสนามบิน
7. หลังจากรปภ.บอกเรื่องกระเป๋าเลยต้องเดินย้อนไปฝาก 100 บาท แพงมากกกก จะร้องไห้ แล้วเดินกลับมาเข้าแถวต่อ มีเจ้าหน้าที่ตรวจ DS-160 กับ passport ก็เตรียมให้เค้า แล้วจะให้บัตรคิวมา เป็นบัตรที่เหมือนบอกว่าตรวจเอกสารแล้ว
8. เข้าคิวๆๆๆ หน้าสถานทูตไปเรื่อยๆ แล้วเค้าจะเรียกเข้าไปตรวจสัมภาระทีละ 4 คน เข้าไปจะให้ฝากมือถือ+หูฟังก่อน (ใช้บัตรปชช.) หลังจากนั้นก็เอาของอย่างอื่นไปสแกน+ตัวเราด้วย
9. ออกมาก็เดินตามทางไป เลี้ยวซ้าย จขกท.เข้าไปประมาณคนที่20กว่าๆ สังเกตว่าตอนเดินเข้าไป คนที่มาก่อนนั่งรออยู่ข้างหน้า จนท.(คนไทย) ประกาศเรียกคนมาสัมภาษณ์รอบ 07:00 ตรวจเอกสารอีกครั้ง คือกำลังงงๆเลยเดินไปเลย ตรวจ DS-160, passport เหมือนเดิม เค้าห็หาชื่อเรา เอาสติ๊กเกอร์มาคลิปบนปก passport เรา แล้วบอกให้อ่านป้ายเขียว (ไม่มีอะไร) แล้วก็ให้เราเข้าห้องสัมภาษณ์
10. มายืนรอเคาน์เตอร์เปิด เราจะต้องเข้าทั้งหมด 3 ช่อง ด้วยกัน ช่องแรก ขวาสุด (11-15) เป็นจนท.คนไทย ถามจขกท.ตามนี้เลย จขกท.ได้ช่อง 12
จนท. : เคยมี US Visa มั๊ย
จขกท. : ไม่ครับ
จนท. : เรียนหรือว่าทำงานอยู่
จขกท. : เรียนครับ พร้อมควักหนังรับรองการเป็นนศ.ให้เค้า
จนท. : เคยเปลี่ยนชื่อไหม
จขกท. : เคยครับ ควักใบเปลี่ยนขื่อให้ดู
จนท. : ไม่ต้องๆ ถามเฉยๆ
หลังจากนั้นก็คำถามทั่วๆไป
เคยใช้นามสกุลแม่มั๊ย (คนละนามสกุลกัน)
ไปทำอะไร
รู้จัดใครมั๊ย
ไปกับใคร
ก็ตอบตามความจริงไป
จขกท. : ไปแบ็คแพ็คคนเดียวครับ
จนท. : เก่งจังนู่นนี่นั่น บลาๆๆๆ
*เวลาสัมฯ จนท.จะพูดกับไมค์ เสียงลั่นมาก ใครยืนอยู่ได้ยินหมด แต่ไม่ต้องอาย หน้าด้านไว้ 555 แล้วก็พิมพ์ลายนิ้วมือ
11. จบอันแรก ไปต่อคิวช่อง 10 ต่อ เป็นจนท.ต่างชาติ พูดไทยได้แต่ไม่ชัด อ่านชื่อเราแล้วก็ "วางมือคางควาขรั่บ" พิมพ์นิ้วอีกที ก็เรียบร้อย ไปต่อคิวช่อง 6-9
12. อันนี้แหละสัมฯของจริง จนท.(พูดอิ๊งค์ได้ ไทยก็ได้) ถามปกติเลย
ไปทำอะไร?
ไปกับใคร?
ไปที่ไหน?
นอนที่ไหน?
รู้จัดใครมั๊ย? ญาติ? เพื่อนที่อเมริกา?
ทำงานหรือเรียนอยู่?
อีกกี่ปีถึงเรียนจบ?
บางคนก็ถามละเอียดแบบ จะไปเมื่อไหร่?
พอถามจบก็ Your visa is approved จะถึงบ้านในสามวัน
จบข่าวใสๆ ใช้เวลาทั้งหมด 1 ชม.นิดๆ
ออกมารับมือถือ เปิดเครื่องดูเวลา 07:30 เร็วมากกก สบายฝุดๆ
คนที่เครียดเลิกเครียดนะครับ สบายๆ ^^
เป็นกำลังใจให้ครับ ใครมีข้อสงสัย หลังไมค์ได้ครับ
อ้อ เห็นบางคนเตรียมแผนท่องเที่ยว (จขกท.ไม่ทำ - ขี้เกียจ 555)--> ไม่ดู
Statement--> ไม่ดู
หนังสือรับรองเป็นนศ.ของมหาวิทยาลัย--> ดูอันนี้อันเดียว
แต่บางคนที่ไปงานนู่นนี่นั่น ค้องเตรียมพวก invitation letter, เอกสารจากที่ทำงานไปด้วยนะครับ ^^
*เอามือถือ+หูฟังเข้าได้ เค้าจะให้เราฝากเคาน์เตอร์ด้านหน้า ใช้บัตรปชช. 1 ใบ