เห๊ย!! คือแบบว่า แบบว่า ไม่เคยทำกระทู้อะไรอย่างงี้เลย ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ว่าจะเขียนได้ดีรึเปล่า ประกอบเป็นคนขี้เกียดเขียนด้วย ฮ่าๆๆ แต่ก็ลองดูสักนิดนึงแล้วกันนะ ไปเที่ยวครั้งนี้จะลองเขียนกระทู้ดู ช่วยเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยนะทุกคน
คือเรื่องมีอยู่ว่า ได้ข่าวจะมีฝนดาวตกจำนวนมากใน วันที่ 14 เดือนธันวาคมนี้ ฉันคนหนึ่งแหละที่เป็นคนชอบดูมหกรรมท้องฟ้าบ้าๆบอๆ ก็คิดอยู่นานว่าจะไปดูฝนดาวตกที่ไหนดี ในใจลึกๆเนี่ยอยากไปวังเวียงนะ เพราะว่าดูจะคนที่ไปเที่ยวแล้วคงจะสงบดี มืดดี มองเห็นแสงดาวตกได้ดีเป็นแน่แท้ แต่...ตังค์ไม่มีซิน่า ฮ่าๆๆ กระชั้นชิดไปเก็บเงินไม่ทัน ไหนค่าเดินทางไป-กลับ และที่พักที่อยู่อีก ก็ถอดใจละ วันนี้ก็วันที่ 12 ละ ก็คงนั่งดูหลังบ้านเนี่ยหละ ทันใดนั้น! เห้ยแกร...!!! เหมือนสวรรค์ทรงโปรดให้กับคนอย่างฉัน ไลน์เด้งขึ้น ดึ๊ง...ดึ่ง
“เบียร์ไปวังเวียงด้วยกันไหม ไปเย็นวันที่ 13 นะ”
เห้ยแกร...!!! บอกเราทีเราตาฟาดไปใช่ไหม คุณป้าที่รู้จักชวนไปจ้า กะทันหันมาก
วันที่ 13 เย็น สถานที่ที่ฉันเอาไว้ลึกๆในใจว่าอยากไป ก็ผุดขึ้นมายังกับพลุฉลองปีใหม่ ก็เลยตอบตกลงไป เพราะไปแล้วก็ประหยัดไปอีกแบบ ไม่ต้องเสียค่ารถต่อไปวังเวียง ไม่ต้องเสียค่าที่พัก บลา บลา บลา ดูตังค์ในกระเป๋า โอเค! ไปโลดคร่า โอ๊ยยยยตื่นเต้นๆ คืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆเลย พรุ่งนี้ไปวังเวียงแล้ว...! ฉันเป็นคนตื่นเต้นตลอดเวลาเมื่อจะได้ออกนอกบ้าน ฮ่าๆๆ
เช้าแล้ว...! เร่งเวลาไทม์แมชชีนไปตอนเย็นเมื่อจะออกเดินทางเลยแล้วกัน โดเรม่อนมาค่ะ!
ภาพตัดไปช่วงเย็น การออกเดินทางแบบสบายๆสโลไหล เดินทางจากกรุงเทพฯ (เอ๊ะ จะเรียก กรุงเทพ ก็ไม่ถูกบ้านฉันอยู่สายคลองหนิ หยวนๆน่า) ก็ว่าด้วยสายคลองแล้ว ก็เดินทางขึ้นรถตู้มาลง รังสิต ต่อรถ 3 บาท ไปลงที่ รัตนโกสินทร์200 ปี แล้วก็ให้เพิ่ลที่ขายของอยู่ที่นั่นขี่มอไซต์ไปส่งที่สถานีรถไฟ ประหยัดม๊ะ!! ฮ่าๆๆ รอบรถไฟ 20.10 น. ถ้าจำไม่ผิดนะ แต่เราขึ้นรถไฟบ่อยเลยเผื่อใจไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมาช่าแน่นอน นายสถานประกาศตอนเวลา 20.00น. รถไฟขบวน 69 ที่จะออกเดินทางจากกรุงเทพไปหนองคาย ขณะนี้อยู่ที่สถานนีรถไฟชุมทางบางซื่อ ถ้าขบวนออกแล้วจะแจ้งอีกครั้ง อืม...เลอค่า เป็นไปตามคาดจ้า พอรอไปได้สักพัก นายสถานีประกาศอีกครั้ง รถขบวน 69 ที่จะเดินทางไปหนองคาย รถออกจากสถานนีบางซื่อแล้ว คาดว่าจะถึงสถานีรังสิตประมาณ 20.45 น. รออะไรหละคะปรบมือๆรัวๆ ขอใช้ตัวช่วยเร่งเวลานะ โดเรม่อนมาคะ! ตึ่ง! เกือบจะ 3 ทุ่มละ รถไฟมาแล้วดีใจๆ กระโดดขึ้นรถไฟ คือแบบว่ารถไฟโล่งมาก เจอป้าแล้ว ป้าแกบอกนั่งไหนก็นั่งไปเลย คนไม่มี
เราก็หาที่ว่างๆนั่งซะเลย เหยียดแข่งเหยียดขาได้สุดชีวิต นั่งบนรถไฟชิวเก๋ๆ สักพักก็เริ่มง่วงก็เผลอหลับไป ลืมบอกไปเรามากับกระเป๋าใบเก่งนะเนี่ยใช้มา 7 ปี กับการเดินทางยังสภาพเป็นอย่างที่เห็นเลย
ตื่นอีกทีถึงสระบุรี ก็คาดว่าต้องนอนต่อ แล้วก็หลับไปในห่วงนิทรา เห้ยแกร...ทำไมใครเอาพัดลมมาเปิดตอนเปิดแอร์เนี่ยเปลืองไฟไหม??? เห้ยคือเปล่า ตื่นมาอีกทีพร้อมอากาศที่หนาวเย็นคาดว่าน่าจะสัก 18 องศา พร้อมลมเย็นจากหน้าต่างรถไฟซึ่งตอนแรกคาดว่าเป็นคนเปิดพัดลม
ตะเถร...ฉันหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว มองเวลาก็เกือบ 6 โมงเช้าแล้ว ท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มเปลี่ยนจากสีดำๆมึด เป็นสีน้ำเงินเข้มๆ เหลื่อมๆสีม่วงๆแดงๆ เห้ยแกร...เราแนะนำให้มองออกไปนอกหน้าต่างนะ บรรยากาศไม่รู้จะบรรยายยังไง สวยงามมากข้างทาง ทะเลหมอกบนดิน ลายล้อมต้นไม้พื้นหญ้า พร้อมกับสีของท้องฟ้าที่สลับสวยงามยิ่งนัก แถมอีกอย่าง อากาศเย็นๆ แกรเอ๊ยยยยย!! ฉันอธิบายได้ ไม่หมด ต้องมาโดนเองแล้วเงี้ย
เวลาผ่านไปสักหน่อยนึง ฉันก็มาถึงสถานนี้รถไฟหนองคาย เวลคั่มทูหนองคาย!!! กระโดดลงรถไฟจ้า...!!
รอรถลุงมารับต่อไปที่ด่านต่อเลย กระโดดขึ้นกระบะเลยจ้า พร้อมลุย เผอิญลุงขอเวลาไปทำหลังคารถแปปนึง เราก็เลยได้มาเดินริมโขง มาหาข้าวกินตอนเช้า เห้ยแกร...!! ตลาดท่าเสด็จยังไม่เปิด ฮ่าๆๆ ก็เลยต้องเดินไปหาไรกินเรื่อยๆริมถนน เดินเข้าไปที่ไปรษณีย์ก็เพราะเห็นร้านกาแฟ พลาดคะ ร้านกาแฟยังไม่เปิด แต่ดีมีข้าวแกงคุณป้าขายอยู่ตรงหน้าไปรษณีย์พอดี ก็เลยจัดไป วุ้นเส้นกับปลาดุกผัดพริกแกง อากาศหนาวๆกินอะไรก็ฟินไปซะทุกอย่างนั่นแหละ จริงไม๊?
พอกินข้าวเสร็จ ก็ได้เวลาตะลุยแดนลาวแล้วจ้า ก่อนอื่นต้องไปที่ด่านเพื่อทำการตรวจคนเข้าเมืองซะก่อนนะจ๊ะ ผ่านด่านประเทศไทยแล้วก็ต้องผ่านด่านประเทศลาวด้วยเด้อ
เขียนข้อมูลข้ามแดนกันก่อน
ด่านตรวจฝั่งไทยเป็นแบบนี้นะจ๊ะ
ว่าด้วยเส้นทางในประเทศลาวระหว่างทางไปวังเวียงกันดีกว่า เส้นทางช่วงแรกๆบนที่ราบก็ไม่ต้องอะไรจากประเทศไทยสักเท่าไหร่ แต่พอขึ้นภูเขาเท่านั้นหล่ะ ไส้จะหลุด แต่เค้าว่ากันว่าเดี๊ยวนี้ทางดีกว่าสมัยก่อนเมื่อ 5 ปีที่แล้วอีก แต่ก็จำใจเชื่อนะ เพราะบางช่วงก็ลาดยางแล้ว แต่บางช่วงก็เป็นลูกรัง สลับไปกันมาเฉกเช่นเทือกเขา 2 ข้างทางที่สลับกันไปมาดูสวยงาม บางทีก็ดูทิวเขาสลับซับซ้อน จนลืมไปว่ามีหลุมมีบ่อ มีบนถนนช่วงนี้ที่ฉันชอบมาก ต้นไม้ใบไม้เป็นสีส้มแดง เก๋ไก๋สไลเดอร์มาก ส้มแดงมาจากลูกรังนะจ๊ะ ไม่ใช่สีของใบไม้เอง ฮ่าๆๆ เอ๊ะที่นี่มันเขตในประเทศไทยนี่หน่า “ดินแดง”
การเดินทางจากด่านประเทศลาวไปยังวังเวียงเป็นระยะทางประมาณนะ 150 กิโลเมตร ถ้าเป็นบ้านเรา ก็ 2 ชั่วโมงหละ แต่ที่นี่เก๋ๆ 4 ชั่วโมงจ้า... ก็เนื่องจากสภาพของภูมิประเทศจำเป็นต้องขับรถไปตามเขาและที่ลาวยังกำหนดความเร็วในการขับขี่อีกไม่เกิน 40 หรือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนี่หล่ะ สภาพสองข้างทางก็มีบ้านเรือนผู้คนทั้งสองฝั่ง อีกทั้งยังมีเจ้าของทีขวางถนนกันบ่อยๆ ก็คือน้องวัวนั่นเอง ที่นี่เค้าทำเกษตรกรรมและกสิกรรมซะส่วนใหญ่นะ ไปเรื่อยๆก็ มีกลุ่มเด็กนักเรียนเลิกเรียนกำลังกลับบ้าน น่ารักๆ เดินกันเป็นแถว บ้างก็ปั่นจักรยานกลับ บ้างก็กางร่มเดินกลับฝ่าหมอกแดงจากลูกรังกลับบ้าน
ระหว่างทางลุงที่มารับก็แวะตรงตลาดข้างทางเพื่อให้ป้าซื้อของกลับไปทำที่บ้าน ก็ผลละมงผลไม้ขาย 2 ข้างทาง ที่เห็นชัดๆก็มีข้าวเกรียบแห้งที่ยังไม่ได้ทอดขายด้วย มีแห้ว มีมัน คล้ายๆของบ้านเรานั่นหละ พอซื้อเสร็จเรียบร้อย ก็กระโดดขึ้นรถ
อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ฉันก็ชมสองข้างทางอย่างเพลิดเพลิน ผ่านแม่น้ำลำธารป่าเขาลำเนาไพร ก็มาถึงตลาดวังเวียง ซึ้งเหมือนตลาดขายผัก ขายผลไม้ ขะนงขนม เยอะแยะมากมาย ตะวันก็กำลังจะลาขอบฟ้าไปแล้ว ที่นี่อาจจะมืดไวเพราะว่าภูเขาอันสูงใหญ่เป็นที่หลบของดวงอาทิตย์ยามเย็นนั่นเอง เลยมืดไวกว่าปกติ
สายน้ำลำธารและแสงแดดยามเย็น
บรรยากาศตลาดสดวังเวียง
พี่เค้ากำลังตัดขี้ไต้อยู่
ป้าขายปลาหมึกแห้งดูมีความสุขดีนะ
ฉันไม่ได้พักที่ในตัววังเวียง แต่ก็ผ่านไปอยู่เหมือนกัน ในตัววังเวียงก็คล้ายๆกับปายบ้านเรานิหล่ะ มีฝรั่งกับพวกเกาหลีเยอะ มีแสงสีแต่ยังไม่มากเท่าไหร่นัก ดึกดื่นก็มีมานั่งกินเบียร์กันเก๋ๆในตัวเมือง แต่ฉันไม่ได้พักในตัวเมือง ฉันจะไปพักที่เขาเรียกกันว่า “ถ้ำช้าง” อย่าเข้าใจผิดไม่ได้ไปพักในถ้ำนะจ๊ะ แต่เป็นชื่อเรียกของหมู่บ้านนั้นเอง แล้ว “ถ้ำช้าง” ก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติชอบเข้ามาชมอีกด้วย พอไปถึงหน้าหมู่บ้านก็มึดค่ำพอดี แสงไฟก็ไม่ค่อยจะมี รู้ว่าเราต้องเดินข้ามสะพาน “แม่น้ำซอง” ไปอีกฝั่งนึง ถึงจะไปถึงบ้านของลุง
ทางเดินมันมึดจริงๆนะแกร แบบว่าใช้ไฟฉากยังมองไม่ค่อยเห็นอะไรเลย แต่!!! เมื่อฉันเงยหน้าเท่านั้นหล่ะ น้ำตาจะไหล เห้ยแกร!!!!!!!!!!!!! ทะเลดาวชัดๆ ยังกะจุดพิกเซลขาวๆบนหน้าจอสีดำ มันระยิบระยับไปหมด เพราะรอบข้างมันมึดมาก แล้วยังเสียงน้ำในลำธารไหล เห้ยสวรรค์บนดินชัดๆ แต่ยังไงก็ต้องไปรีบไปบ้านลุงก่อน เพราะมึดมากแล้ว
คืนนี้ก็จะมานั่งดูฝนดาวตกนี่หล่ะ ความฝันของฉันเลย ประเดี๊ยวจะเอารูปดาวบนท้องฟ้ามาให้ดู ถ่ายไม่ติดฝนดาวตกนะแกร แต่เห็นเยอะมาก ครึ่งชั่วโมงเห็น 30 กว่าดวง คืนนี้นอนตาหลับละ ฮ่าๆๆ คืนนี้ขอไปนอนก่อน ยังไงพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ จะบอกว่ายุงไม่มีเลยสักตัวคงเพราะว่าอากาศหนาวมั๊งยุงมันเลยหลบหนีไปที่อุ่นๆ ฮ่าๆๆ
[CR] ย่ำสองเท้า ย่างสองเวียง วังเวียง&เวียงจันทร์
วันที่ 13 เย็น สถานที่ที่ฉันเอาไว้ลึกๆในใจว่าอยากไป ก็ผุดขึ้นมายังกับพลุฉลองปีใหม่ ก็เลยตอบตกลงไป เพราะไปแล้วก็ประหยัดไปอีกแบบ ไม่ต้องเสียค่ารถต่อไปวังเวียง ไม่ต้องเสียค่าที่พัก บลา บลา บลา ดูตังค์ในกระเป๋า โอเค! ไปโลดคร่า โอ๊ยยยยตื่นเต้นๆ คืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆเลย พรุ่งนี้ไปวังเวียงแล้ว...! ฉันเป็นคนตื่นเต้นตลอดเวลาเมื่อจะได้ออกนอกบ้าน ฮ่าๆๆ
ระหว่างทางลุงที่มารับก็แวะตรงตลาดข้างทางเพื่อให้ป้าซื้อของกลับไปทำที่บ้าน ก็ผลละมงผลไม้ขาย 2 ข้างทาง ที่เห็นชัดๆก็มีข้าวเกรียบแห้งที่ยังไม่ได้ทอดขายด้วย มีแห้ว มีมัน คล้ายๆของบ้านเรานั่นหละ พอซื้อเสร็จเรียบร้อย ก็กระโดดขึ้นรถ
คืนนี้ก็จะมานั่งดูฝนดาวตกนี่หล่ะ ความฝันของฉันเลย ประเดี๊ยวจะเอารูปดาวบนท้องฟ้ามาให้ดู ถ่ายไม่ติดฝนดาวตกนะแกร แต่เห็นเยอะมาก ครึ่งชั่วโมงเห็น 30 กว่าดวง คืนนี้นอนตาหลับละ ฮ่าๆๆ คืนนี้ขอไปนอนก่อน ยังไงพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ จะบอกว่ายุงไม่มีเลยสักตัวคงเพราะว่าอากาศหนาวมั๊งยุงมันเลยหลบหนีไปที่อุ่นๆ ฮ่าๆๆ