สวัสดีค่ะ

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกบวกกับเป็นครั้งแรกที่ได้ไปต่างประเทศก็ขอพูดเรื่อง "การผ่านตม.เกาหลี" ก่อนนะคะ หลายๆคนคงกลัวเรื่องตม.เราก็กลัวเหมือนกันเพราะพาสปอร์ตขาวสะอาด แถมภูมิลำเนาอยู่ภาคอีสาน บวกโปรเสริมเพิ่งยื่นใบลาออกจากงาน สถานะก็ดูเหมือนจะเข้าข่ายว่างงานจะเขียนว่านักศึกษาก็ไม่ได้เพราะเรียนจบมาก็ปีกว่าแล้ว ชีวิตเหมือนก้าวเดินบนถนนที่โรยด้วยลวดหนามมากเลยใช่ไหมคะ 555 ปล.อาจจะพูดเกินจริงไปบ้างไม่ว่ากันนะคะ พอนึกถึงหน้าโหดๆของลุงตม.ทีไรแล้วมันปรี๊ด เราก็ไม่ได้หน้าตาเข้าข่ายมาใช้แรงงานหรือขายบริการนะ 555 มาถึงตรงนี้คงรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าไม่ผ่านตม. ตอนที่ต่อแถวรอคิวก็รู้แล้วแหละว่าตัวเองไม่ผ่านเพราะเห็นหน้าตม.แล้วไม่ผ่านแน่ๆ พอมาถึงเราก็ยื่นพาสปอร์ต ตม.ก็เปิดๆแล้วพูดเกาหลีบอกให้เราสแกนนิ้ว แล้วเราก็สแกนไม่ได้ ลุงแกก็บ่นๆเป็นเกาหลีอีก แล้วคืนพาสปอร์ตพร้อมกับชี้ให้ไปห้องเย็น เราก็นึกในใจว่าทำไมไม่ถามอะไรเราก่อนแล้วที่พูดเกาหลีกับเราคิดว่าเราเข้าใจเหรอแต่ก็ทำไรไม่ได้นอกจากลากกระเป๋าเดินเข้าห้องเย็น พอมาถึงก็มองสำรวจเลยว่าห้องเย็นที่หลายๆคนกลัวมันเป็นยังไง สิ่งที่เห็นอย่างแรกคือคนไทยประมาณเกือบสิบคน จนท.อีกสามคน ในนี้ก็จะมีห้องน้ำห้องนอนพร้อมสำหรับไว้กักตัว จากนั้นก็มีจนท.เดิมมาบอกให้เราเอาพาสปอร์ตไปวางไว้รอเรียกชื่อ นั่งรอไม่ถึงสามนาทีก็มีเรื่องที่ทำให้ตกใจเกิดขึ้นคือเพื่อนที่มาด้วยกันอีกคนไม่ผ่านเหมือนกันแล้วก็ตม.คนเดียวกันด้วย เข้ามาถึงก็มองหน้ากัน ตอนนั้นก็แอบขำในใจนะแต่จริงๆมันก็ขำไม่ออกบอกไม่ถูกต้องเจอสถานการณ์จริงเองจะรู้ได้เลยว่ามันตื่นเต้นมาก รู้สึกว่าตัวเองตอนนั้นสติหลุดมากกก แต่ก็คิดว่าจะผ่านออกมาได้เหมือนกัน สักพักจนท.ก็เรียกเพื่อนไป ก็ถามเพื่อนประมาณว่า มีครอบครัว พ่อ แม่ ญาติ หรือเพื่อนที่เกาหลีไหม? มาเกาหลีทำไม? มากี่วัน? มากับใคร? ถ้ามาเที่ยวเขาก็จะถามโปรแกรมการเที่ยวของเราว่าไปไหนบ้าง ตอนนั้นแอบเห็นคนข้างๆเพื่อนยื่นโปรแกรมเที่ยวให้เขาดู ส่วนเรากับเพื่อนไม่ได้ทำมา ก่อนไปก็อ่านรีวิวดูอยู่นะว่าต้องเตรียมไรไปบ้างแต่ก็ไม่ทำ ถ้าใครไม่ทำไปก็บอกเขาไปเลยว่าไปไหน เพื่อนเราก็บอกเขาไปเลยว่าไปไหนบ้าง แล้วจนท.ก็ติดใจตรงจอนจู เขาถามว่าไปจอนจูยังไง? ตอนนั้นเพื่อนก็สติหลุดเหมือนกันเลยชี้มาทางเราบอกว่ามากับเราแล้วเราเป็นคนแพลน จนท.ก็เลยเรียกเราไปแล้วถามว่าไปยังไง เราก็เลยตอบไปว่าไปซัตเตอร์บัสฟรีพร้อมกับยื่นเอกสารการตอบรับจากทางเกาหลีให้จนท.ดู ซึ่งเรามั่นใจว่าเราจะผ่านแน่ๆเพราะอันนี้แหละ และเรากับเพื่อนก็เตรียมใบจบการศึกษาที่เป็นภาษาอังกฤษไปด้วยเพื่อให้เขารู้ว่าเราไม่ลักลอบเข้ามาทำงานแน่ๆ เรากับเพื่อนจบทางด้านสายวิทย์จากมหาวิทยาลัยต้นๆของประเทศมา(เราเรียนคนละม.นะและก็ไม่ได้ต้องการสื่ออะไรเกี่ยวกับสถานบันเพราะไม่ว่าจะมาจากสถาบันไหนเราก็ได้ชื่อว่าบัณฑิตเหมือนกัน) เขาคงจะไม่คิดว่ามาลักลอบทำงานหรอกมั้ง555 แต่สุดท้ายอันนี้ก็ไม่ได้ใช้ ใช้แค่ที่เป็นเอกสารการตอบรับว่าได้สิทธิ์นั่งซัตเตอร์บัสฟรี จากนั้นเค้าก็ถามชื่อเราเพื่อหาพาสปอร์ตและไม่ได้ถามอะไรอีกเลยเพราะคงถามเพื่อนเราไปแล้ว แล้วก็ให้สแกนนิ้ว มองกล้องเสร็จก็ประทับตราให้เรา แล้วก็เดินออกมาส่งเรากับเพื่อน พอผ่านประตูนั้นมาก็ถือว่าได้เข้าประเทศเขาล่ะ แต่สติเรากับเพื่อนก็ยังกลับมาไม่ครบนะ นั่งตั้งสติอยู่สักพักว่าจะไปเกสเฮ้าส์ยังไง ปล.จนท.ในห้องเย็นที่ถามเรากับเพือนเป็นผู้หญิงนะคะ ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร หน้านิ่งๆพูดกับเราก็สุภาพและก็ถามเป็นภาษาอังกฤษนะคะ สำหรับใครที่ไม่ได้อังกฤษจริงๆแนะนำให้ทำโปรแกรมเที่ยวไปด้วยแล้วยืนให้จนท.เลยค่ะ ตัวเราเองอังกฤษก็ไม่ได้เก่งนะคะก็พร้อมจับใจความได้เวลาตอบก็ตอบๆไปแกรมม่าไม่จำเป็นค่ะ นึกได้ก็พูดไปเลยเข้าใจก็พอ และที่อยากแนะนำอีกคือถ้าไปเที่ยวเองก็อยากให้ไปเที่ยวที่ที่อสท.เกาหลีเขามีให้ไปฟรีหรือเข้าฟรีสักที่เผื่อไว้เพราะเราจะได้มีเอกสารการตอบรับจากทางเกาหลีไว้ให้จนท.ดูเป็นหลักฐาน มันช่วยได้จริงๆเพราะที่ผ่านเข้าเกาหลีได้ครั้งนี้ก็เพราะซัตเตอร์บัสฟรีนี้แหละค่ะ ถ้าใครอยากได้เข้าไปลงทะเบียนได้ตามลิ้งค์นี้นะคะ
http://shuttle.dongbotravel.com/en/ ที่จอนจูมีถึง 27/12/15 นี้แต่ก็จะมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวมาให้นั่งฟรีเรื่อยๆค่ะเข้าไปติดต่อได้กันค่ะ อาจจะเขียนยาวไปและไม่สบายตาเวลาก็ขอโทษนะคะและหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการไปเที่ยวจริงๆนะคะ ไม่สนับสนันการลักลอบเข้าทำงานนะคะไปแบบถูกกฎหมายดีกว่าเน้ออาจจะขั้นตอนเยอะเสียเวลารอและหมดเงินเรียนภาษาเพื่อสอบสำหรับทำงานบ้างแต่ผลที่ตามมามันคุ้มกว่ากันเยอะค่ะ
ไม่ผ่านตม.เกาหลี..เข้าห้องเย็น...แล้วออกมาได้ยังไง???