ธพ.เผยแนวโน้มขายปลีกน้ำมันปี"59 ยังต่ำ กระทบธุรกิจปั๊มก๊าซแอลพีจี เอ็นจีวี ลูกค้าหันเติมน้ำมันราคาถูก ชี้ภาคขนส่งเริ่มเห็นผลแล้ว ปีหน้าทยอยปิดตัวเหลือต่ำกว่า 2 พันแห่ง ลามถึงผู้ติดตั้งอุปกรณ์ในรถเอ็นจีวีไม่มีลูกค้าเพิ่ม
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) และประธานกรรมการบริษัท วี เซิร์ฟ กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจด้านโลจิสติกส์รายใหญ่ เปิดเผยว่า ธุรกิจด้านขนส่งหรือโลจิสติกส์ของไทยกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะการส่งออกและนำเข้าของไทยที่ติดลบต่อเนื่อง เพราะปริมาณสินค้าที่ขนน้อยลงมาก ประกอบกับสินค้าภาคการเกษตรของไทยเองก็มีผลผลิตไม่มากนักในปีนี้ เพราะประสบภาวะภัยแล้ง
ส่งผลให้รถบรรทุกที่มีอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคันต้องว่างงาน คือหยุดวิ่งถึง 50% ทำให้เกิดพฤติกรรมประคองธุรกิจ คือ ผู้ประกอบการรถบรรทุกรายย่อยจะมีการนำรถไปจำนอง (รีไฟแนนซ์) หรือขายมากขึ้น หากธุรกิจเหล่านี้อยู่ไม่ได้เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวอาจประสบปัญหาด้านโลจิสติกส์ได้
นายธนิตกล่าวว่า ปีนี้ธุรกิจโลจิสติกส์ถือว่าเหนื่อยสุด และจากปัจจัยต่างๆ คาดว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงปลายไตรมาส 2 ปี 2559 เป็นอย่างช้า ดังนั้นผู้ที่จะอยู่รอดคือผู้ที่สามารถปรับตัวเองในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง หากไม่ปรับตัวจะอยู่ยาก ตัวอย่างของบริษัทล่าสุดที่มีการปรับตัวด้วยการแตกไลน์ธุรกิจ อาทิ การทำเทรดดิ้ง โดยอาศัยการขนส่งสินค้าที่บริษัทรู้จักผู้ผลิต รู้จักสินค้าอยู่แล้ว จึงรับซื้อไปขายเอง ทั้งขายปลีกและขายส่ง เป็นต้น
นายสุริยา คำสุวรรณ นายกสมาคมโลจิสติกส์และขนส่งไทย กล่าวว่า แนวโน้มปี 2559 คาดว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะไม่ซื้อรถบรรทุกเพิ่ม รวมทั้งไม่ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) เนื่องจากขณะนี้พบว่าราคาน้ำมันถูกมาก โดยเฉพาะดีเซลที่เหลือลิตรละไม่ถึง 21 บาท ขณะที่ราคาเอ็นจีวีกลับสวนทางเพิ่มขึ้น และภาครัฐอาจจะพิจารณาลอยตัวราคาตามต้นทุนในปี 2559 อีก
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลงต่อเนื่องตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก และทิศทางยังต่ำในปี 2559 ทำให้แนวโน้มการทำธุรกิจสถานีบริการ (ปั๊ม) ก๊าซแอลพีจีและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) จะลำบาก และโอกาสการเกิดขึ้นของปั๊มใหม่คงจะไม่มีเช่นกัน เนื่องจากขณะนี้ยอดใช้ภาพรวมลดต่ำเพราะผู้ใช้หันไปเติมน้ำมันที่ราคาถูกแทน
โดยปัจจุบันปั๊มแอลพีจีมีอยู่ประมาณ 2,040 แห่ง ยอดใช้แอลพีจีในภาคขนส่งลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้ปั๊มแอลพีจีเริ่มมีการทยอยปิดตัวบ้าง และปี 2559 มีโอกาสจะลดลงต่ำกว่า 2,000 แห่ง ขณะที่ปั๊มเอ็นจีวีที่มีหลักร้อยแห่ง หลังราคาขายปลีกมีทิศทางสูงขึ้นเพราะรัฐจะต้องปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ขณะนี้การติดตั้งอุปกรณ์เพื่อใช้ในรถเอ็นจีวีใหม่ๆ แทบไม่เกิดขึ้น ขณะที่ปั๊มเอ็นจีวีของ ปตท.ไม่มีแผนขยายปั๊มใหม่ โดยผลจากการที่ผู้ใช้พอใจกับน้ำมันขายปลีกที่ต่ำกว่า ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์การติดตั้งให้ได้รับผลกระทบต่อเนื่องด้วยแน่นอน
http://money.sanook.com/343089/
เขาควรปรับตัวอย่างไรดี
น้ำมันถูกพ่นพิษ”ปั๊มก๊าซ”ส่อเจ๊ง! เชื่อปีหน้าทยอยปิดเหลือไม่ถึง2พัน - คำถามสำหรับเกียน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) และประธานกรรมการบริษัท วี เซิร์ฟ กรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจด้านโลจิสติกส์รายใหญ่ เปิดเผยว่า ธุรกิจด้านขนส่งหรือโลจิสติกส์ของไทยกำลังได้รับผลกระทบจากภาวะการส่งออกและนำเข้าของไทยที่ติดลบต่อเนื่อง เพราะปริมาณสินค้าที่ขนน้อยลงมาก ประกอบกับสินค้าภาคการเกษตรของไทยเองก็มีผลผลิตไม่มากนักในปีนี้ เพราะประสบภาวะภัยแล้ง
ส่งผลให้รถบรรทุกที่มีอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคันต้องว่างงาน คือหยุดวิ่งถึง 50% ทำให้เกิดพฤติกรรมประคองธุรกิจ คือ ผู้ประกอบการรถบรรทุกรายย่อยจะมีการนำรถไปจำนอง (รีไฟแนนซ์) หรือขายมากขึ้น หากธุรกิจเหล่านี้อยู่ไม่ได้เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวอาจประสบปัญหาด้านโลจิสติกส์ได้
นายธนิตกล่าวว่า ปีนี้ธุรกิจโลจิสติกส์ถือว่าเหนื่อยสุด และจากปัจจัยต่างๆ คาดว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงปลายไตรมาส 2 ปี 2559 เป็นอย่างช้า ดังนั้นผู้ที่จะอยู่รอดคือผู้ที่สามารถปรับตัวเองในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง หากไม่ปรับตัวจะอยู่ยาก ตัวอย่างของบริษัทล่าสุดที่มีการปรับตัวด้วยการแตกไลน์ธุรกิจ อาทิ การทำเทรดดิ้ง โดยอาศัยการขนส่งสินค้าที่บริษัทรู้จักผู้ผลิต รู้จักสินค้าอยู่แล้ว จึงรับซื้อไปขายเอง ทั้งขายปลีกและขายส่ง เป็นต้น
นายสุริยา คำสุวรรณ นายกสมาคมโลจิสติกส์และขนส่งไทย กล่าวว่า แนวโน้มปี 2559 คาดว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะไม่ซื้อรถบรรทุกเพิ่ม รวมทั้งไม่ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) เนื่องจากขณะนี้พบว่าราคาน้ำมันถูกมาก โดยเฉพาะดีเซลที่เหลือลิตรละไม่ถึง 21 บาท ขณะที่ราคาเอ็นจีวีกลับสวนทางเพิ่มขึ้น และภาครัฐอาจจะพิจารณาลอยตัวราคาตามต้นทุนในปี 2559 อีก
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลงต่อเนื่องตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก และทิศทางยังต่ำในปี 2559 ทำให้แนวโน้มการทำธุรกิจสถานีบริการ (ปั๊ม) ก๊าซแอลพีจีและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) จะลำบาก และโอกาสการเกิดขึ้นของปั๊มใหม่คงจะไม่มีเช่นกัน เนื่องจากขณะนี้ยอดใช้ภาพรวมลดต่ำเพราะผู้ใช้หันไปเติมน้ำมันที่ราคาถูกแทน
โดยปัจจุบันปั๊มแอลพีจีมีอยู่ประมาณ 2,040 แห่ง ยอดใช้แอลพีจีในภาคขนส่งลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้ปั๊มแอลพีจีเริ่มมีการทยอยปิดตัวบ้าง และปี 2559 มีโอกาสจะลดลงต่ำกว่า 2,000 แห่ง ขณะที่ปั๊มเอ็นจีวีที่มีหลักร้อยแห่ง หลังราคาขายปลีกมีทิศทางสูงขึ้นเพราะรัฐจะต้องปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ขณะนี้การติดตั้งอุปกรณ์เพื่อใช้ในรถเอ็นจีวีใหม่ๆ แทบไม่เกิดขึ้น ขณะที่ปั๊มเอ็นจีวีของ ปตท.ไม่มีแผนขยายปั๊มใหม่ โดยผลจากการที่ผู้ใช้พอใจกับน้ำมันขายปลีกที่ต่ำกว่า ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์การติดตั้งให้ได้รับผลกระทบต่อเนื่องด้วยแน่นอน
http://money.sanook.com/343089/
เขาควรปรับตัวอย่างไรดี