HELIOS-103 1.8/53 Modify and Test!!!

กระทู้สนทนา

สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนบ้ามือหมุนที่เคารพทุกๆท่าน
ผมได้กล้อง Kiev-4 จากโรงงาน Asanal ตัวนี้มานานมาก เกือบปีแล้ว โดยสั่งมาเฉพาะตัวบอดี้ในราคาแปดร้อยกว่าบาท
ความจริงคิดว่าแค่ห้าร้อยกว่าบาท แต่เกิดผิดพลาดเกี่ยวกับค่าส่งที่บวกลบคูณหารผิดไปเองครับ HA HA HA!!!
ส่วนเลนส์ Helios-103 1.8/53 ตัวนี้ ได้มาในสภาพ New Old stock ในราคารวมส่ง 1,105 บาท ถือว่าถูกเลยครับ
รวมทั้งสองชิ้นเฉียดสองพันบาท โดยรวมถือว่าแพงพอควรนะครับ
……………
……………
แต่ผมมีภารกิจสำคัญบางประการที่ทำให้ไม่สามารถงัดแงะกล้องเพื่อจะถอดเอาเฮลิคอยด์ในตอนนั้นได้
เนื่องจากต้องใช้กล้องตัวนี้ในการเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากสำหรับถ่ายภาพประกอบบางอย่างครับ
แต่เมื่อถ่ายภาพบางอย่างนั้นเสร็จสิ้นแล้ว กลับไม่อยากจะถอดออกมาซะดื้อๆ เพราะมันสวยมากครับ
มันเป็นชุดกล้องและเลนส์ที่สุดแสนจะคลาสสิกชุดหนึ่งบนโลกใบนี้ก็ว่าได้
มีการดีไซน์ที่สุดยอดมากๆ บึกบึน แข็งแกร่ง น่าเกรงขามยามมีมันห้อยคออยู่
ตัวเลขต่างๆบนชุดเฮลิคอยด์มีความสง่างาม คลาสสิก เสมือนแผนที่ทางดาราศาสตร์ในยุคโบราณ

ผมใช้เวลาทำใจหลายเดือนครับ จึงตัดสินใจถอดเอาเฮลิคอยด์ออกมาเพื่อสร้างอแดปเตอร์ให้มัน
ทั้งนี้เนื่องจากเลนส์เมาท์นี้มันไม่มีวงแหวนหมุนโฟกัส ต้องใช้ชุดเฮลิคอยด์ในกล้องเป็นตัวหมุนครับ
เมื่อถอดออกมาแล้วก็ทำการปาดด้านท้ายออกไปเล็กน้อย และเฉือนแผ่นเพลทโลหะที่ติดอยู่ออกไปให้หมดครับ
และมอบหมายให้ช่างอ๋าจัดการสร้างแหวนหนุนสูงประมาณ 1cm.
แล้วจับชุดเฮลิคอยด์ที่เฉือนด้านท้ายออกให้เหลือความสูงเท่ากับแหวนอลูมิเนียมที่เราสร้างขึ้น
จากนั้นก็จับมันทากาวเพื่อความแน่นหนาแล้วเสียบเข้าไปเลย
ขั้นตอนสุดท้ายก็จับประกบกับอแดปเตอร์ C-mount to M4/3 เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ
กลายร่างเป็น Helios-103  1.8/53 M4/3 mount



นอกจากนี้ยังมี Jupiter-8M กับ Jupiter-3 อีกสองตัวนะครับที่สามารถใช้กับอแดปเตอร์ชิ้นนี้ได้
ทั้งนี้ไม่นับรวมเลนส์จากค่าย Carl Zeiss และ Nikon อีกบางตัวนะครับที่ใช้เมาท์แบบนี้เหมือนกัน
ความจริงการสร้างอแดปเตอร์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่ประการใดนะครับ
เพราะมีสมาชิกในห้องนี้โมดิฟายมาแล้วหลายท่าน

แต่คราวนี้ผมจะทดสอบจริงจังให้เสพกันว่า Helios-103  1.8/53 ตัวนี้มันดีอย่างไร ในประเด็นใดบ้าง
เผื่อว่าจะมีประโยชน์สำหรับสมาชิกหลายๆท่านที่ยังคงเหลือบมองเจ้าเลนส์ตัวนี้กันอยู่

สัมผัสแรกของ Helios-103 นั้นมันให้ความรู้สึกที่คลาสสิกครับ แต่ทั้งนี้มันเกิดจากชุดเฮลิคอยด์เป็นหลักครับ
หาใช่เกิดจากความสวยงามของเลนส์แต่อย่างใด เลนส์เป็นเพียงส่วนประกอบที่ทำให้มันมีความคลาสสิกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
การประกอบชิ้นงานทั้งเฮลิคอยด์และตัวเลนส์นั้นมีความแข็งแรง แน่นหนา บึกบึน สมกับเป็นผลิตผลจากยุคสงครามโลก
การหมุนหาโฟกัสทำได้ลื่นมือดีครับ โฟกัสง่าย เข้าเป็นเข้า หลุดเป็นหลุด มองเห็นชัดเจนในช่องมองภาพ
เลนส์ Helios-103 ตัวนี้มีกี่เบลดมิอาจทราบได้ครับ เนื่องจากมันมีเบลดซ้อนกันสองชั้น วางเรียงกันอย่างสวยงามมากครับ
ทำให้ผมรู้สึกนับถือทีมวิศวกรผู้ออกแบบขึ้นมาโดยพลัน ว่าเอาเทคนิคแบบนี้มาจากไหนกัน ถือว่าเป็นนวัตกรรมแห่งยุคสมัยได้เลยนะครับ



ไม่น่าเชื่อว่าเลนส์ Helios-103 ให้ความคมที่ดีตั้งแต่เอฟแรกครับ มันให้ความคมที่ใช้ได้ ไม่มีอาการฟุ้งปรากฏมากนัก
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Jupiter-9 หรือ Mir-1B รวมทั้ง Helios-44-2
ซึ่งทั้งสามตัวนั้นฟุ้งแบบไม่เกรงใจใครเมื่อใช้งานที่เอฟกว้างสุด
ในประเด็นด้านความคมนั้นจะคมบริเวณกลางภาพเป็นหลัก บริเวณขอบภาพจะคลายความคมลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ยอมรับได้ครับ โดยเฉพาะถ้าเรายอมรับความจริงที่ว่ามันถูกผลิตในยุคปี 80 หรือเกือบสี่สิบปีที่แล้วโน่น
Helios-103 ตัวนี้จะให้ผลงานที่ดียิ่งขึ้นเมื่อหรี่ช่องรับแสงลงเพียงครึ่งสต๊อปเท่านั้น
หมายความว่ามันจะคมตั้งแต่ F2.0 ขึ้นไปครับ ความคมสูงสุดอยู่ที่ประมาณ F 5.6 ถึง F8.0
ซึ่งมันจะกลายเป็นเลนส์เกรดโปรเฟสชั่นแนลราคาแพงขึ้นมาทันที



การให้โบเก้ของมันจะไม่มีอาการหมุนวนจนเวียนหัวเหมือนกับ Helios-44-2 นะครับ
โบเก้จะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่า เพราะฉะนั้นผู้ที่ชื่นชอบโบเก้หมุนติ้วอาจไม่ถูกใจนักครับ



คอนทราสท์ของมันมีความเข้มข้นพอประมาณ แต่ไม่ถึงกับ “จัด” มากนัก
ทำให้การถ่ายภาพทั่วๆไปมันตอบสนองและให้ผลงานที่ดี ไม่ว่าจะเป็นถ่ายภาพแนวท่องเที่ยว แนวสารคดี ฯลฯ
การตอบสนองด้านสีสัน มันทำได้ดีมาก ไม่ปรากฏอาการสีเพี้ยนให้เห็นแม้ถ่ายภาพย้อนแสง
Helios-103 ตัวนี้จะปรากฏอาการแสงสะท้อนเข้าหน้าเลนส์ให้เห็นบ่อยครั้งครับ
แม้ไม่ได้ถ่ายภาพย้อนแสงตรงๆก็ตาม เพราะฉะนั้นฮู๊ดบังแสงจึงมีความจำเป็นอย่างมาก
โดยมันใช้ขนาด 40.5mm. ซึ่งหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงนะครับ ผมสั่งซื้อมาเพียงไม่ถึงสองร้อยบาทเท่านั้น




การละลายฉากหลังทำได้นุ่มละมุนสายตา เป็นธรรมชาติมากครับ
ระยะ Minimum focus ที่ระบุว่า 90cm. นั้น เมื่อเราถอดเฮลิคอยด์ออกมาแล้ว
ทำให้ต้องเฉือนเอาตัวล๊อคโฟกัสออกไปด้วย ทำให้มันสามารถโฟกัสได้ใกล้ขึ้นมากถึง 20cm.
และมันยังสามารถเข้าใกล้วัตถุได้มากกว่านั้นอีกนะครับ แต่กลัวว่าจะหมุนเพลินจนเลนส์มันหลุดจากเฮลิคอยด์ได้
หากเราหมุนจนมันหลุดออกมา เราก็หมุนมันกลับเข้าไปใหม่ แค่นี้ก็สิ้นเรื่องแล้ว
แต่ทั้งนี้เราก็สามารถสร้างตัวล๊อคโฟกัสอันใหม่ใส่ให้มันได้นะครับ มีน้าคนหนึ่งเคยทำไว้แล้ว






โดยสรุปก็คือมันให้ผลงานที่ดีมากครับ สีสันสดใส คมเข้ม ใช้งานได้ดีตั้งแต่เอฟแรก
การประกอบเลนส์แข็งแรง เหมาะมือมากเมื่อผสมพันธุ์กับกล้องมิลเรอร์เลส
ให้ภาพลักษณ์ที่คลาสสิก แนว Retro ซึ่งกำลังอินเทรนด์อยู่ในปัจจุบัน






ข้อจำกัดคือต้องโมดิฟายอแดปเตอร์ ซึ่งความจริงทำไม่ยากเลยครับ
แต่ต้องหาซื้อเฮลิคอยด์ซึ่งมีราคาวิ่งอยู่ประมาณห้าถึงเจ็ดร้อยบาทต่อชิ้น
หรือไม่ก็ต้องสั่งซื้อกล้องเอามาถอดเฮลิคอยด์เอง ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมานะครับ
และหากว่าคุณสามารถโมดิฟายเฮลิคอยด์ให้กับมันได้ คุณก็จะได้เลนส์ที่สุดแสนจะคลาสสิกเก็บไว้ในคอลเลคชั่นอีกตัวหนึ่ง
แล้วก็หา Jupiter-8M  2/53 กับ Jupiter-3  1.5/50 มาเก็บเอาไว้ด้วยเลยก็จะดียิ่งครับ







แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยาก ไม่อยากสร้างความยากลำบากให้กับชีวิตกับเลนส์ตัวนี้แล้วละก็
Helios 44-2 หรือ Helios 44M-4 เป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ
……………
……………
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงทั้งครอบครัว เดินทางด้วยความไม่ประมาทเสมอครับ
   สวัสดี!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่