[กระทู้แบ่งปัน] อะไรที่เป็นเพลงจะดูมุ้งมิ้งขึ้น!!! เมื่อนักศึกษาวิชาการเงินลุกขึ้นมาทำอย่างนี้

สวัสดีครับทุกคน
วันนี้ผมมาในฐานะอาจารย์สอนวิชาการเงิน ณ สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งย่านถนนพัฒนาการ แต่คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าอยู่ดินแดง
พวกวิชาบัญชี วิชาการเงินอะไรนี่ นักศึกษาไม่ค่อยปลื้มครับ เนื้อหาเยอะ มีการคำนวณ สูตรยุ่บยั่บ ไม่ใช่แนวของเค้า
เทอมนี้ผมเลยคิดตั้งโปรเจกต์ Finance Love Song ขึ้นมา ซึ่งใช้ในวิชาการเงินธุรกิจ (Business Finance) เป็นวิชาการเงินตัวแรกในชีวิตพวกเขาครับ
จุดประสงค์ของมันอาจจะไม่ใช่เพื่อช่วยเรื่องท่องจำสูตรอัตราส่วนทางการเงินโดยตรง
แต่อยากให้เป็นงานเล็กๆที่พวกเขาจะได้ผ่อนคลายจากการเรียนที่คร่ำเคร่ง
หรืออยากให้วิชาการเงินดู "มุ้งมิ้ง" ขึ้นมา อ่าฮะ อ่าฮะ
คงไม่ต้องอ้างงานวิจัยทางการศึกษาเนอะ ว่าการที่นักศึกษามี attitude ที่ดีต่อวิชาเรียนนั้น มันสามารถนำไปสู่การตั้งใจเรียนได้ครับ
นั่นคือเราพยายามสร้าง Affective Component ให้เกิดขึ้นในชั้นเรียนของผมนั่นเองครับ
ผมได้เรียนรู้ว่าประโยชน์ของการนำวิชาการเรียนมาแต่งเป็นเพลงนี่มีข้อดีหลายอย่างครับ และยังได้พบประโยชน์อื่นๆที่ตอนแรกก็คาดไม่ถึงด้วย

แน่นอนล่ะว่า ประโยชน์ประการที่หนึ่งคือ นักศึกษาได้รีแล็กซ์ ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดของเนื้อหา
โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่เกลียดความเครียดมาก แต่ผมทราบดีว่าความเครียดในระดับอ่อนๆมีประโยชน์เหมือนกันครับ
ดังนั้นการออกมาเต้นแร้งเต้นกาบ้างอะไรบ้าง จะช่วยบรรเทาอาการเครียดได้ และทำให้บรรยากาศในชั้นเรียนดีขึ้นด้วย
ชั้นเรียนที่ไม่มีบรรยากาศเปิดกว้างทางการเรียนรู้คงไม่มีใครอยากเรียนอ่ะ ใช่ไหมครับ

ประการที่สองคือ นักศึกษาจะได้ทบทวนเนื้อหา แต่การเอาเนื้อหาวิชาเรียนมาแต่งเพลงนี่มันดีกว่าการอ่านเฉยๆครับ
เพราะการอ่านเฉยๆก็อาจจะทำให้ลืมได้ง่าย แต่การที่พวกเขามานั่งพินิจพิเคราะห์ร้อยเรียงบทเพลง ทำสัมผัสนอกสัมผัสใน
มันจะทำให้สมองเกิดการเชื่อมโยงทั้งซีกซ้ายและซีกขวา ซึ่งตรงนี้จะไม่ทำให้วิชาการถูกจำแยกออกมาเป็นส่วนๆ
เลยทำให้ติดตรึงได้ดีกว่า แต่อยากที่บอกอ่ะครับ ผมไม่ได้เน้นตรงนี้ เพราะถ้าเขาเอาสูตรอัตราส่วนทางการเงินยัดเข้าไปในเพลงมากๆ
เพลงก็จะไม่ค่อยเพราะแล้ว ความพึงพอใจในบทเพลงอาจลดลงได้
อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่า กว่าจะออกมาเป็นเพลงหนึ่งเพลง เขาได้ทบทวนไปหลายสูตรแล้ว
จากนั้นจึงเลือกบางสูตรเข้าไปในเพลง ตรงนี้ต่างหากที่ทำให้ผมคิดว่าการแต่งเพลงมันแยบยลยิ่งกว่าการให้การบ้านปกติ
แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพวกเขาไม่ได้ทำการบ้านปกตินะครับ
โปรเจกต์นี้เป็นโปรเจกต์ไซด์ไลน์น่ะครับ การเรียนการสอนการให้การบ้านปกติยังดำเนินต่อเนื่อง 555

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ประการที่สาม การที่เราให้นักศึกษาส่งงานเป็นเพลงบ้าง ทำให้เราทราบว่าเขาเข้าใจบทเรียนอย่างไร
เข้าใจลึกซึ้งแค่ไหน เข้าใจถูกต้องหรือไม่ หรือมีจุดไหนที่เราจะนำไปถกกันได้ในห้องเรียนหรือเปล่า
การเรียนการสอนแบบเดิมๆ เช่น แบบเลกเชอร์ มันเน้นการสื่อสารทางเดียวอ่ะครับ
แล้วอาจารย์ก็ไม่ทราบว่า ไอ้ที่นักศึกษาฟังๆไปนี่ เข้าใจมากน้อยขนาดไหน เข้าใจตื้นลึกแค่ไหน
พอมีโปรเจกต์นี้ มันทำให้ผมทราบว่าเรามีหลายจุดที่ยังชี้ให้พวกเขาเห็นได้ไม่ชัด
เช่น เรายังเห็นนักศึกษาบางคนไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียน กับ สินทรัพย์ (เฉยๆ)
หรือเรื่องคลาสสิกอย่าง Debt Ratio ที่ท่องกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่า ยิ่งน้อยยิ่งดี
ผมว่าการเรียนการสอนวิชาการเงินมีปัญหาแล้ว เพราะการมีหนี้น้อยๆมันให้เซ้นส์ว่า "ดี" ในระดับที่คนทั่วๆไปเข้าใจเท่านั้น
แต่นักการเงินจะมองแตกต่างออกไป ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมมีเรื่องเข้าไปถกในชั้นเรียนได้มากมาย ซึ่งดีมากๆครับ

ประการที่สี่ ผมอยากให้พวกเขาได้ฝึกฝนทักษะการใช้โปรแกรมตัดต่อต่างๆ
ซึ่งทักษะด้านไอทีนี้จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในชีวิตของเราครับ
แถมยังสอดคล้องกับทักษะของผู้เรียนในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ด้วย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ประการที่ห้า ผมอยากให้เขาได้ระเบิดความสามารถที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวออกมา
บางคนถนัดแต่งกลอน บางคนถนัดถ่ายรูป บางคนถนัดร้องเพลง บางคนถนัดเล่นดนตรี บางคนถนัดโฟโต้ช็อป
นักศึกษาหลายๆคนมีอารมณ์ศิลปินสูงมาก ทำไมเราในฐานะอาจารย์จะไม่เปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้เป็นตัวของตัวเองบ้าง
ทำไมเราจะวัด ประเมินคนด้วยทักษะทางปัญญาเพียงด้านเดียว พูดแล้วของขึ้น!
เอาเป็นว่าผมพยายามจะชี้ให้นักศึกษาเห็นว่าคนทุกคนมีดีได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องเก่งวิชาการเงินเหมือนกันหมด
อาจารย์จะเคารพและชื่นชมความสามารถของลูกศิษย์ในแง่มุมที่หลากหลายบ้างมิได้หรือ
และผมมองว่าโปรเจกต์นี้ใครที่ตั้งใจทำ เขาจะได้รับการเติมเต็มตัวเองแล้ว ซึ่งนั่นดีกว่าคะแนนจากผมเสียเป็นไหนๆ

ประการที่หก ให้โปรเจกต์นี้เป็นพื้นที่ระบายความสับสน ความเหน็ดเหนื่อย ความขุ่นข้องหมองใจต่างๆ
ไหนๆวิชานี้ก็มีภาพลักษณ์ที่ไม่สู้ดีแล้ว แทนที่จะระบายด้วยวิธีการอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้บรรยากาศโดยรวมมืดหม่นลงไปอีก
เราก็ทำให้การบ่นออดแอดนั้นดูมุ้งมิ้งขึ้นด้วยบทเพลงซะเลย แบบนี้ก็ทำให้การบ่นนั้นดูซอฟท์ลงมา

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ก็จะมีจุดที่ผิดพลาดไปบ้างนะครับ อาจจะเป็นเนื้อหาทางวิชาการ การใช้ภาษาที่ไม่สละสลวย หรือความไม่สอดคล้องกับชีวิตจริง
อยากให้ทุกท่านมองงานของพวกเขาในแนวความบันเทิงที่พยายามจะแฝงสาระ
เราไม่สามารถนำคลิปเหล่านี้ไปเป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการได้นะครับ เข้าใจตรงกันนะ
ขออภัยแทนลูกศิษย์ผมด้วยนะครับ
วันนี้ขอลาไปก่อนครับ
สวัสดี


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กระทู้เกี่ยวกับการศึกษาอื่นที่คุณอาจจะสนใจ
[กระทู้เบิกเนตร] [UNSEEN JAPAN] 9 คำให้การนักเรียนญี่ปุ่น!!! พาส่องวิทยาลัยเทคโนโลยีญี่ปุ่นคุณไม่เคยเห็นมาก่อน!!!
http://ppantip.com/topic/33256053
[กระทู้เบิกเนตร] มาดูงาน เซี่ยงไฮ้-หังโจว-อี้อู ในแบบโอ้ปป้า IB สไตล์กันเถอะ
http://ppantip.com/topic/34378308

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่