เรื่องยาวหน่อยนะคะ เพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ ในพันทิป ช่วยเสนอความคิดเห็นได้ตรง
เรามีความครัวที่สมบูรณ์แล้ว คือ มีพ่อ แม่ ลูก เราคบกับแฟนมาเกือบ 10 ปี พึ่งจะมีเจ้าตัวน้อยได้ไม่นาน แฟนเรา เป็นคนไม่ค่อยเจ้าชู้ ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า แต่ติดเกมส์มาก นิสัยอ่อนโยน แต่ปากจัด ออกแนวติดแม่หน่อยๆ และชอบพูดแนวตวาด ส่วนเรา เป็นคนอารมณ์ร้อน โมโหแล้วไม่ยอม ไม่ว่าใคร แต่มีเหตุผลนะคะ แค่ถ้าถึงที่สุดก็ไม่ยอม ได้รับการปฎิบัติที่แย่เกินกว่าจะรับได้เราก็ไม่ยอม เมื่อก่อนใช้เงินเก่ง แต่ตั้งมีลูก เราเก็บมากขึ้นประหยัดมากขึ้น
ปัญหาคือ แม่แฟนทำให้เราไม่ไว้ใจในตัวเค้า หลังจากที่มีหลาน แกรักหลานมากเราเข้าใจ แต่แกเคยเอ่ยปากขอ ลูกกับสามีเรา ถึง 2-3 ครั้ง และบอกว่าให้แล้วไม่ต้องมายุ่งนะ ซึ่งเราเสียความรู้สึกมาก แต่แฟนเราก็ไม่ได้ให้นะ มีอยู่ครั้งนึงเราไปรับลูก แต่มันเป็นหน้าฝน แต่วันนั้นฝนยังไม่ตก แต่แม่แฟนเค้าบอกว่าไม่ต้องเอาลูกไป เดี๋ยวโดนฝน ซึ่งตอนนั้นฝนไม่ตก และระยะทางบ้านห้างกัน แค่ 500-600 เมตร แต่เราจะเอาลูกเรากลับ เราอยากนอนกับลูกเราทุกวัน อยากกอดอยากหอม อยากเล่นกับเค้า เค้าก็พูดแบบไม่พอใจว่า ถ้าเอากลับก็ไม่ต้องมาให้เค้าเลี้ยง และจะให้เรามารับลูกเฉพาะวันศุกร์ เค้าอ้างว่าหลานจะได้นอนยาวๆ แต่เราบอกตามตรง เราดูเค้าออก เค้าอยากให้หลานติดเค้า แต่เราเป็นแม่ เราไม่ยอม ในขณะที่เราอุ้มลูกอยู่เค้ายื่นมือมาเพื่อที่จะอุ้มหลาน แต่เราไม่ให้ เราส่งให้แฟนเราแทน เราออกอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน เราดีใจนะที่ย่ารักหลาน แต่ต้องรู้ว่าด้วยว่าเราเป็นแม่ แต่วันนั้นเรายอมให้ลูกนอนที่นั่น เพราะเราต้องอดทน ให้เค้าเลี้ยงลูกให้ เวลาที่เราไปทำงาน วันต่อมาแฟนเราก็พาเราไปรับลูกปกติ
ก่อนหน้านี้ เราจะทำประกันให้ลูกเรา แม่แฟน กับแฟน บอกว่าเราแช่งลูก เราวิตกกังวลมากเกินไป สารพัด เราเสียใจนะ คนที่เป็นแม่มาแล้ว น่าจะรู้ได้ว่า ไม่มีแม่คนไหนแช่งลูกได้หรอก เรารู้แค่ว่าถ้าลูกเราป่วย เราอยากให้เค้าได้รับการรักษาที่ดีๆ และการรักษาที่ดี ๆ ก็แพง เราทนไม่ได้ที่จะเห็นนางพยาบาลทำลูกเราเจ็บๆ โรงบาลรัฐหมอเก่งก็จริง แต่ก็ปฎิเสธเรื่องบริการว่าแย่กว่ารัฐไม่ได้ และไหนจะเรื่องรอคิวยาวอีก เราตัดสินใจทำ ค่าเบี้ยประมาณ 20000กว่าบาท เราถถามแฟนเราว่าจะจ่ายเบี้ยคนละครึ่งมั้ย คำตอบคือไม่ เราบอกว่างั้นเราออกคนเดียว แต่ถ้านอกเหนือจากประกันเค้าต้องจ่าย เค้าก็โอเค และเมื่อลูกเราป่วย ค่ารักษาพยาบาลสมัยนี้ก็แพงมากจริงๆ เราเข้าเอกชน คุณภาพระดับกลาง ลูกเราโดนไปเกือบครึ่งแสน และอีกครั้ง คืนละหมื่นกว่าบาท ข้อนี้เลยทำให้บ้านเค้าเห็นถึงประโยชน์ของการทำประกัน ว่าเราตัดสินใจไม่ผิด เราแอบสะใจนิดๆ
ก่อนหน้านั้น เวลาเราไปส่งลูก เราจะบอกลูกทุกวันว่า ม๊ากับป๊าไปทำงานนะลูก เดี๋ยวเย็นๆ มารับ เราได้ยินเค้าพูดกับหลาน ว่า ไม่ต้องไปมองมัน เราเป็นแม่นะ ทำไมพูดแบบนั้น แต่เราก็ไม่พูด เราดูอยู่ตลอดว่า ถ้าเค้ามีพฤติกรรมที่เป็นไม่เหมาะสม เราจะแยกลูกเรากับเค้าทันที เราจะเอาลูกไปเลี้ยงที่เนอส ดีกว่าให้เค้าติดย่า และฟังคำสั่งสอนผิดๆจากย่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ ลูกเป็นทุกอย่างของเรา เป็นดวงใจของเรา เรารู้ว่าทุกวันนี้เราทำเพือ่ใคร เวลาเราได้เล่นกับเค้า ได้กอด ได้เห็นรอยยิ้มของเค้า เหมือนเติมพลังให้เรามีแรงสู้
และเรากับแฟน ตัดสินใจจะซื้อบ้านประมาณ 2 ล้ากนว่าบาท แม่แฟนรู้ เค้าบอกว่าให้กู้มาปลูกบนที่ดินของเค้าจะได้ไม่เป็นหนี้เยอะ แต่ปัญหาคือมันเป็นที่ดินของเค้า ซึ่งตอนนั้นยังไม่โอน และเราก็ยังไม่ได้จะทะเบียน เราเลยก็เลยบอกเค้าไปตามตรง ถ้าเราต้องเป็นหนี้ เราก็อยากจะมั่นใจว่าเราเป็นเจ้าของครึ่งนึง เพื่อเก็บไว้ให้ลูกเราในอนาคต เราก็ไม่อยากจะปลูกบนที่ดินเค้า แต่เค้าก็เอาญาติมารุมเรา ว่ามันแพง ต้องเสียค่าส่วนกลาง บลาๆๆๆ เราก็คิดทบทวนว่าถ้าเรากู้ 1.5 ล้านเราก็เป็นหนี้ คนละไม่ถึงล้าน แลกกับการเก็บเงินไว้ให้ลูกเราเรียนดีๆ เราก็ยอมถึงแม้จะไม่มีสิทธิ์ในนั้น เราก็กะจะวัดใจกับเค้าไปเลย แต่เมื่อสอบถามเกณฑ์ธนาคารแล้ว เราซึ่งเป็นผู้กู้ร่วมจะต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นด้วย เราไม่ทันจะบอก ที่บ้านเค้าก็สรุปกันว่า พ่อแฟนจะออกเงินสร้างบ้านหลังเล็กๆบนที่ดินเค้าประมาณ 3-5 แสนบาท ส่วนที่เกินงบที่พ่อเค้าให้ ให้เรากับแฟนช่วยกันเก็บคืนเค้า ซึ่งบ้านเราอาจจะไม่สวยเหมือนที่เราอยากได้ แต่เราก็ยอม เพื่อจะได้มีเงินเก็บไว้ให้ลูกเรียน และเราก็ไม่ต้องเป็นหนี้ แต่การที่ไปอยู่ในบ้านเค้า หากวันนึงมีปัญหาขึ้นมา เราเอาออกมาได้อย่างเดียว คือลูก แล้วเราจะไปอยู้ไหน
คำถามก็คือ เราไม่แน่ใจกับชีวิตครอบครัว ไม่อยากโลกสวยแล้วต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เราอยากจะถามเพื่อนๆว่า เราควรจะซื้อบ้านเก็บไว้หรือปล่าว ตอนนี้เราเงินเดือน 21000 บาท และรัฐบาลมีนโยบายให้คนรายได้น้อย ถึงเพียงตุลาคมปีหน้า บ้านที่เราจะซื้อราคาประมาณ 2 ล้านไม่เกิน 2,100,000 บาท และรถไฟฟ้าในอนาคตจะสร้างผ่าน เราถือว่าราคาบ้านค่อนข้างถูก กลัวในอนาคตมันจะแพงกว่านี้ ซึ่งเราจะต้องไม่ให้แฟนรู้ เพราะผ่อนคนเดียว ไหนต้องเก็บไว้ให้ลูกเรียนอีก ( แฟนเราเป็นแนวประมาณว่า ถ้าเราอยากทำไรให้ลูก ให้ลูกเรียนดีๆ กว่าที่เค้าจะส่ง เราต้องออกเอง เหมือนค่าประกัน ) ถ้าซื้อบ้านก็ถือว่าค่อนข้างหนัก ค่อนข้างตึง แต่ถ้ากัดฟันก็น่าจะผ่านไปได้ เราก็เลยลังเล อยากขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ตัดสินใจไม่ถูกกับชีวิตครอบครัว
เรามีความครัวที่สมบูรณ์แล้ว คือ มีพ่อ แม่ ลูก เราคบกับแฟนมาเกือบ 10 ปี พึ่งจะมีเจ้าตัวน้อยได้ไม่นาน แฟนเรา เป็นคนไม่ค่อยเจ้าชู้ ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า แต่ติดเกมส์มาก นิสัยอ่อนโยน แต่ปากจัด ออกแนวติดแม่หน่อยๆ และชอบพูดแนวตวาด ส่วนเรา เป็นคนอารมณ์ร้อน โมโหแล้วไม่ยอม ไม่ว่าใคร แต่มีเหตุผลนะคะ แค่ถ้าถึงที่สุดก็ไม่ยอม ได้รับการปฎิบัติที่แย่เกินกว่าจะรับได้เราก็ไม่ยอม เมื่อก่อนใช้เงินเก่ง แต่ตั้งมีลูก เราเก็บมากขึ้นประหยัดมากขึ้น
ปัญหาคือ แม่แฟนทำให้เราไม่ไว้ใจในตัวเค้า หลังจากที่มีหลาน แกรักหลานมากเราเข้าใจ แต่แกเคยเอ่ยปากขอ ลูกกับสามีเรา ถึง 2-3 ครั้ง และบอกว่าให้แล้วไม่ต้องมายุ่งนะ ซึ่งเราเสียความรู้สึกมาก แต่แฟนเราก็ไม่ได้ให้นะ มีอยู่ครั้งนึงเราไปรับลูก แต่มันเป็นหน้าฝน แต่วันนั้นฝนยังไม่ตก แต่แม่แฟนเค้าบอกว่าไม่ต้องเอาลูกไป เดี๋ยวโดนฝน ซึ่งตอนนั้นฝนไม่ตก และระยะทางบ้านห้างกัน แค่ 500-600 เมตร แต่เราจะเอาลูกเรากลับ เราอยากนอนกับลูกเราทุกวัน อยากกอดอยากหอม อยากเล่นกับเค้า เค้าก็พูดแบบไม่พอใจว่า ถ้าเอากลับก็ไม่ต้องมาให้เค้าเลี้ยง และจะให้เรามารับลูกเฉพาะวันศุกร์ เค้าอ้างว่าหลานจะได้นอนยาวๆ แต่เราบอกตามตรง เราดูเค้าออก เค้าอยากให้หลานติดเค้า แต่เราเป็นแม่ เราไม่ยอม ในขณะที่เราอุ้มลูกอยู่เค้ายื่นมือมาเพื่อที่จะอุ้มหลาน แต่เราไม่ให้ เราส่งให้แฟนเราแทน เราออกอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน เราดีใจนะที่ย่ารักหลาน แต่ต้องรู้ว่าด้วยว่าเราเป็นแม่ แต่วันนั้นเรายอมให้ลูกนอนที่นั่น เพราะเราต้องอดทน ให้เค้าเลี้ยงลูกให้ เวลาที่เราไปทำงาน วันต่อมาแฟนเราก็พาเราไปรับลูกปกติ
ก่อนหน้านี้ เราจะทำประกันให้ลูกเรา แม่แฟน กับแฟน บอกว่าเราแช่งลูก เราวิตกกังวลมากเกินไป สารพัด เราเสียใจนะ คนที่เป็นแม่มาแล้ว น่าจะรู้ได้ว่า ไม่มีแม่คนไหนแช่งลูกได้หรอก เรารู้แค่ว่าถ้าลูกเราป่วย เราอยากให้เค้าได้รับการรักษาที่ดีๆ และการรักษาที่ดี ๆ ก็แพง เราทนไม่ได้ที่จะเห็นนางพยาบาลทำลูกเราเจ็บๆ โรงบาลรัฐหมอเก่งก็จริง แต่ก็ปฎิเสธเรื่องบริการว่าแย่กว่ารัฐไม่ได้ และไหนจะเรื่องรอคิวยาวอีก เราตัดสินใจทำ ค่าเบี้ยประมาณ 20000กว่าบาท เราถถามแฟนเราว่าจะจ่ายเบี้ยคนละครึ่งมั้ย คำตอบคือไม่ เราบอกว่างั้นเราออกคนเดียว แต่ถ้านอกเหนือจากประกันเค้าต้องจ่าย เค้าก็โอเค และเมื่อลูกเราป่วย ค่ารักษาพยาบาลสมัยนี้ก็แพงมากจริงๆ เราเข้าเอกชน คุณภาพระดับกลาง ลูกเราโดนไปเกือบครึ่งแสน และอีกครั้ง คืนละหมื่นกว่าบาท ข้อนี้เลยทำให้บ้านเค้าเห็นถึงประโยชน์ของการทำประกัน ว่าเราตัดสินใจไม่ผิด เราแอบสะใจนิดๆ
ก่อนหน้านั้น เวลาเราไปส่งลูก เราจะบอกลูกทุกวันว่า ม๊ากับป๊าไปทำงานนะลูก เดี๋ยวเย็นๆ มารับ เราได้ยินเค้าพูดกับหลาน ว่า ไม่ต้องไปมองมัน เราเป็นแม่นะ ทำไมพูดแบบนั้น แต่เราก็ไม่พูด เราดูอยู่ตลอดว่า ถ้าเค้ามีพฤติกรรมที่เป็นไม่เหมาะสม เราจะแยกลูกเรากับเค้าทันที เราจะเอาลูกไปเลี้ยงที่เนอส ดีกว่าให้เค้าติดย่า และฟังคำสั่งสอนผิดๆจากย่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ ลูกเป็นทุกอย่างของเรา เป็นดวงใจของเรา เรารู้ว่าทุกวันนี้เราทำเพือ่ใคร เวลาเราได้เล่นกับเค้า ได้กอด ได้เห็นรอยยิ้มของเค้า เหมือนเติมพลังให้เรามีแรงสู้
และเรากับแฟน ตัดสินใจจะซื้อบ้านประมาณ 2 ล้ากนว่าบาท แม่แฟนรู้ เค้าบอกว่าให้กู้มาปลูกบนที่ดินของเค้าจะได้ไม่เป็นหนี้เยอะ แต่ปัญหาคือมันเป็นที่ดินของเค้า ซึ่งตอนนั้นยังไม่โอน และเราก็ยังไม่ได้จะทะเบียน เราเลยก็เลยบอกเค้าไปตามตรง ถ้าเราต้องเป็นหนี้ เราก็อยากจะมั่นใจว่าเราเป็นเจ้าของครึ่งนึง เพื่อเก็บไว้ให้ลูกเราในอนาคต เราก็ไม่อยากจะปลูกบนที่ดินเค้า แต่เค้าก็เอาญาติมารุมเรา ว่ามันแพง ต้องเสียค่าส่วนกลาง บลาๆๆๆ เราก็คิดทบทวนว่าถ้าเรากู้ 1.5 ล้านเราก็เป็นหนี้ คนละไม่ถึงล้าน แลกกับการเก็บเงินไว้ให้ลูกเราเรียนดีๆ เราก็ยอมถึงแม้จะไม่มีสิทธิ์ในนั้น เราก็กะจะวัดใจกับเค้าไปเลย แต่เมื่อสอบถามเกณฑ์ธนาคารแล้ว เราซึ่งเป็นผู้กู้ร่วมจะต้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นด้วย เราไม่ทันจะบอก ที่บ้านเค้าก็สรุปกันว่า พ่อแฟนจะออกเงินสร้างบ้านหลังเล็กๆบนที่ดินเค้าประมาณ 3-5 แสนบาท ส่วนที่เกินงบที่พ่อเค้าให้ ให้เรากับแฟนช่วยกันเก็บคืนเค้า ซึ่งบ้านเราอาจจะไม่สวยเหมือนที่เราอยากได้ แต่เราก็ยอม เพื่อจะได้มีเงินเก็บไว้ให้ลูกเรียน และเราก็ไม่ต้องเป็นหนี้ แต่การที่ไปอยู่ในบ้านเค้า หากวันนึงมีปัญหาขึ้นมา เราเอาออกมาได้อย่างเดียว คือลูก แล้วเราจะไปอยู้ไหน
คำถามก็คือ เราไม่แน่ใจกับชีวิตครอบครัว ไม่อยากโลกสวยแล้วต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เราอยากจะถามเพื่อนๆว่า เราควรจะซื้อบ้านเก็บไว้หรือปล่าว ตอนนี้เราเงินเดือน 21000 บาท และรัฐบาลมีนโยบายให้คนรายได้น้อย ถึงเพียงตุลาคมปีหน้า บ้านที่เราจะซื้อราคาประมาณ 2 ล้านไม่เกิน 2,100,000 บาท และรถไฟฟ้าในอนาคตจะสร้างผ่าน เราถือว่าราคาบ้านค่อนข้างถูก กลัวในอนาคตมันจะแพงกว่านี้ ซึ่งเราจะต้องไม่ให้แฟนรู้ เพราะผ่อนคนเดียว ไหนต้องเก็บไว้ให้ลูกเรียนอีก ( แฟนเราเป็นแนวประมาณว่า ถ้าเราอยากทำไรให้ลูก ให้ลูกเรียนดีๆ กว่าที่เค้าจะส่ง เราต้องออกเอง เหมือนค่าประกัน ) ถ้าซื้อบ้านก็ถือว่าค่อนข้างหนัก ค่อนข้างตึง แต่ถ้ากัดฟันก็น่าจะผ่านไปได้ เราก็เลยลังเล อยากขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะ