หลายคนมีกรมธรรม์ประกันชีวิต แล้วท้ายกรมธรรม์จะมีตารางตัวเลขอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่พอไม่รู้ความหมายก็ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรกับกรมธรรม์นี้ได้บ้าง
อันดับแรก คำว่า ต่อจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000 บาท หมายถึง เงินเอาประกันภัย หารด้วย 1,000 จะได้ตัวเลขที่จะใช้คูณกับตัวเลขในตาราง เช่น กรมธรรม์นี้มีเงินเอาประกัน 150,000 บาท ก็จะเป็น 150,000 ÷ 1,000 = 150 (จำตัวเลขนี้ไว้ดีๆ)
>> เงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ (บางบริษัทใช้ มูลค่าเงินสด)
ช่องนี้จะเอาไว้ดูตอนที่เราอยากยกเลิกกรมธรรม์เพื่อดูว่าจะได้เงินคืนเท่าไหร่ เช่น จ่ายเบี้ยประกันครบ 5 ปีแล้วไม่มีเงินส่งต่อ อยากยกเลิก จะได้เงินคืนเท่าไหร่
วิธีคำนวณ เช่น ในช่องเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ปีที่ 5 คือ 560 จะเป็น 560 × 150 (ตัวเลขที่ได้จากเงินเอาประกันภัยหาร 1,000) = 84,000 บาท ซึ่งโดยปกติจะน้อยกว่าเงินที่เราจ่ายเบี้ยประกันไปมาก จึงไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้เพราะจะเสียประโยชน์
ในขณะเดียวกัน ตัวเลข 84,000 บาทนี้ยังสามารถใช้อ้างอิงได้อีก 2 กรณี คือ 1) หากต้องการกู้เงินจากกรมธรรม์ออกมาใช้เมื่อครบปีที่ 5 ก็จะกู้ได้จำนวนนี้ (หากต้องการยกเลิกหรือกู้เงินเมื่อจ่ายเงินครบในปีอื่นๆก็ดูที่ช่องของปีนั้นๆแล้วคูณด้วยตัวเลขที่ได้จากเงินเอาประกันภัยหาร 1,000) 2) สมมติจ่ายเบี้ยประกันครบ 5 ปีแล้ว เราหยุดจ่ายเบี้ยประกันชั่วคราวเพราะหมุนเงินไม่ทัน แต่อยากคงสิทธิประโยชน์ในกรมธรรม์นี้อยู่ ไม่อยากยกเลิก บริษัทก็จะกู้เงิน 84,000 บาทที่มีอยู่ในกรมธรรม์มาจ่ายเบี้ยประกันในปีต่อไปแทนเรา จนกว่าเราจะมีเงินมาจ่ายต่อหรือจนกว่าเงิน 84,000 บาทในกรมธรรม์จะหมด
>> กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ (หรือมูลค่าเงินสำเร็จ)
จะดูช่องนี้ก็ตอนที่เราอยากหยุดจ่ายเบี้ยประกัน แต่ยังอยากให้ความคุ้มครองประกันชีวิตมีระยะเวลาคุ้มครองเท่าเดิม ก็จะคำนวณว่าเงินเอาประกันภัยจะลดลงเหลือเท่าไหร่
เช่น กรมธรรม์นี้คุ้มครอง 25 ปี จ่ายเบี้ยประกันครบ 2 ปีแล้ว เลขในตารางคือ 272 ก็จะเป็น 272×150 = 40,800 บาท นั่นคือเงินเอาประกันจาก 150,000 บาทก็จะเหลือ 40,800 บาท ตลอดระยะเวลา 25 ปีตามเดิม แต่ไม่มีเงินคืนทันที จะได้เงิน 40,800 บาทคืนก็ต่อเมื่อครบ 25 ปี หากมีชีวิตอยู่
แต่ถ้าจ่ายครบปีที่ 5 เลขในตารางจะมี 2 เลข คือ 77 และ 1,000 ....เลข 77 คือหยุดจ่ายเบี้ยประกันแล้วได้เงินคืนทันที 77×150 = 11,550 บาท และมีเงินเอาประกัน 1,000 × 150 = 150,000 บาท เท่าเดิม
ข้อสังเกต หากเวนคืนกรมธรรม์ในปีที่ 5 จะได้เงินคืน 84,000 บาท ความคุ้มครองก็หมดลงตามกรมธรรม์ที่ยกเลิกไป แต่ถ้าใช้เงินสำเร็จในปีที่ 5 เหมือนกัน ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันต่อเหมือนกัน จะได้เงินคืนทันที 11,550 บาท แต่ความคุ้มครองชีวิตยังมีต่อไปจนครบเวลา และได้เงินคืนอีกครั้งเท่าเงินเอาประกันคือ 150,000 บาทเมื่อครบระยะเวลา หากยังมีชีวิตอยู่
>> การขยายเวลา
จะใช้ดูตอนที่อยากหยุดจ่ายเบี้ยประกันแต่ก็ยังอยากได้ความคุ้มครองเต็มวงเงินเท่าเดิม
เช่น จ่ายเบี้ยประกันครบ 3 ปี ตัวเลขในตารางคือ 22 ปี 0 วัน หมายถึงระยะเวลาความคุ้มครองชีวิตขยายไป 22 ปี 0 วัน และไม่มีเงินคืนตอนนี้ ทันที แต่เมื่อครบ 22 ปี 0 วัน ตามเวลาที่ขยายไปแล้วจะมีเงินคืน 306 × 150 = 45,900 บาท หากมีชีวิตอยู่
ในขณะที่ถ้าจ่ายเบี้ยประกันไปจนครบ 5 ปีแล้วหยุดจ่ายเบี้ยประกันและขอขยายเวลากรมธรรม์ ความคุ้มครองจะขยายไป 20 ปี 0 วัน ได้เงินคืนทันที 77 × 150 = 11,550 บาท และเมื่อครบกำหนด จะได้คืนอีกครั้ง 1,000 × 150 = 150,000 บาท หากมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการเวนคืนกรมธรรม์ การใช้เงินสำเร็จ หรือการขยายเวลา หากเทียบกับเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้วก็น้อยกว่าทุกกรณี ดังนั้นต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าต้องการหยุดจ่ายเบี้ยประกันจริงๆหรือไม่ เพราะไม่ว่าวิธีใดก็จะเสียประโยชน์แน่นอน
วิธีอ่านตารางท้ายกรมธรรม์ประกันชีวิต (เงินค่าเวนคืน ใช้เงินสำเร็จ ขยายเวลา คือไร?)
หลายคนมีกรมธรรม์ประกันชีวิต แล้วท้ายกรมธรรม์จะมีตารางตัวเลขอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ไม่รู้ว่ามีไว้ทำไม
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่พอไม่รู้ความหมายก็ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรกับกรมธรรม์นี้ได้บ้าง
อันดับแรก คำว่า ต่อจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000 บาท หมายถึง เงินเอาประกันภัย หารด้วย 1,000 จะได้ตัวเลขที่จะใช้คูณกับตัวเลขในตาราง เช่น กรมธรรม์นี้มีเงินเอาประกัน 150,000 บาท ก็จะเป็น 150,000 ÷ 1,000 = 150 (จำตัวเลขนี้ไว้ดีๆ)
>> เงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ (บางบริษัทใช้ มูลค่าเงินสด)
ช่องนี้จะเอาไว้ดูตอนที่เราอยากยกเลิกกรมธรรม์เพื่อดูว่าจะได้เงินคืนเท่าไหร่ เช่น จ่ายเบี้ยประกันครบ 5 ปีแล้วไม่มีเงินส่งต่อ อยากยกเลิก จะได้เงินคืนเท่าไหร่
วิธีคำนวณ เช่น ในช่องเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ปีที่ 5 คือ 560 จะเป็น 560 × 150 (ตัวเลขที่ได้จากเงินเอาประกันภัยหาร 1,000) = 84,000 บาท ซึ่งโดยปกติจะน้อยกว่าเงินที่เราจ่ายเบี้ยประกันไปมาก จึงไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้เพราะจะเสียประโยชน์
ในขณะเดียวกัน ตัวเลข 84,000 บาทนี้ยังสามารถใช้อ้างอิงได้อีก 2 กรณี คือ 1) หากต้องการกู้เงินจากกรมธรรม์ออกมาใช้เมื่อครบปีที่ 5 ก็จะกู้ได้จำนวนนี้ (หากต้องการยกเลิกหรือกู้เงินเมื่อจ่ายเงินครบในปีอื่นๆก็ดูที่ช่องของปีนั้นๆแล้วคูณด้วยตัวเลขที่ได้จากเงินเอาประกันภัยหาร 1,000) 2) สมมติจ่ายเบี้ยประกันครบ 5 ปีแล้ว เราหยุดจ่ายเบี้ยประกันชั่วคราวเพราะหมุนเงินไม่ทัน แต่อยากคงสิทธิประโยชน์ในกรมธรรม์นี้อยู่ ไม่อยากยกเลิก บริษัทก็จะกู้เงิน 84,000 บาทที่มีอยู่ในกรมธรรม์มาจ่ายเบี้ยประกันในปีต่อไปแทนเรา จนกว่าเราจะมีเงินมาจ่ายต่อหรือจนกว่าเงิน 84,000 บาทในกรมธรรม์จะหมด
>> กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ (หรือมูลค่าเงินสำเร็จ)
จะดูช่องนี้ก็ตอนที่เราอยากหยุดจ่ายเบี้ยประกัน แต่ยังอยากให้ความคุ้มครองประกันชีวิตมีระยะเวลาคุ้มครองเท่าเดิม ก็จะคำนวณว่าเงินเอาประกันภัยจะลดลงเหลือเท่าไหร่
เช่น กรมธรรม์นี้คุ้มครอง 25 ปี จ่ายเบี้ยประกันครบ 2 ปีแล้ว เลขในตารางคือ 272 ก็จะเป็น 272×150 = 40,800 บาท นั่นคือเงินเอาประกันจาก 150,000 บาทก็จะเหลือ 40,800 บาท ตลอดระยะเวลา 25 ปีตามเดิม แต่ไม่มีเงินคืนทันที จะได้เงิน 40,800 บาทคืนก็ต่อเมื่อครบ 25 ปี หากมีชีวิตอยู่
แต่ถ้าจ่ายครบปีที่ 5 เลขในตารางจะมี 2 เลข คือ 77 และ 1,000 ....เลข 77 คือหยุดจ่ายเบี้ยประกันแล้วได้เงินคืนทันที 77×150 = 11,550 บาท และมีเงินเอาประกัน 1,000 × 150 = 150,000 บาท เท่าเดิม
ข้อสังเกต หากเวนคืนกรมธรรม์ในปีที่ 5 จะได้เงินคืน 84,000 บาท ความคุ้มครองก็หมดลงตามกรมธรรม์ที่ยกเลิกไป แต่ถ้าใช้เงินสำเร็จในปีที่ 5 เหมือนกัน ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันต่อเหมือนกัน จะได้เงินคืนทันที 11,550 บาท แต่ความคุ้มครองชีวิตยังมีต่อไปจนครบเวลา และได้เงินคืนอีกครั้งเท่าเงินเอาประกันคือ 150,000 บาทเมื่อครบระยะเวลา หากยังมีชีวิตอยู่
>> การขยายเวลา
จะใช้ดูตอนที่อยากหยุดจ่ายเบี้ยประกันแต่ก็ยังอยากได้ความคุ้มครองเต็มวงเงินเท่าเดิม
เช่น จ่ายเบี้ยประกันครบ 3 ปี ตัวเลขในตารางคือ 22 ปี 0 วัน หมายถึงระยะเวลาความคุ้มครองชีวิตขยายไป 22 ปี 0 วัน และไม่มีเงินคืนตอนนี้ ทันที แต่เมื่อครบ 22 ปี 0 วัน ตามเวลาที่ขยายไปแล้วจะมีเงินคืน 306 × 150 = 45,900 บาท หากมีชีวิตอยู่
ในขณะที่ถ้าจ่ายเบี้ยประกันไปจนครบ 5 ปีแล้วหยุดจ่ายเบี้ยประกันและขอขยายเวลากรมธรรม์ ความคุ้มครองจะขยายไป 20 ปี 0 วัน ได้เงินคืนทันที 77 × 150 = 11,550 บาท และเมื่อครบกำหนด จะได้คืนอีกครั้ง 1,000 × 150 = 150,000 บาท หากมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการเวนคืนกรมธรรม์ การใช้เงินสำเร็จ หรือการขยายเวลา หากเทียบกับเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้วก็น้อยกว่าทุกกรณี ดังนั้นต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าต้องการหยุดจ่ายเบี้ยประกันจริงๆหรือไม่ เพราะไม่ว่าวิธีใดก็จะเสียประโยชน์แน่นอน