สวัสดีจ้าเพิ่ลๆ วันนี้ไม่มีอัลไลมาก คีบับว่างไง คันมือ อยากเขียนอยากแชร์งี้
แหม่ะ ทักทายกันเป็นสก๊อยเลย เอาดีๆล่ะกัน
สวัสดีจ้าทุกคนที่หลงมาแว๊บอ่านกระทู้เจ๊ อยากจะบอกว่า คุณหลงกลแล้วล่ะ อิอิ
นี่เป็นการเขียนครั้งแรกใน Pantip นะเออ ปกติเจ๊ชอบไปสิงใน Storylog ชอบอ่านเรื่องยาวๆ เขียนเรื่องยาวๆงี้
มาครั้งนี้เจ๊คันไม้คันมืออยากเขียนแชร์ประสบการณ์ความงาม (ที่มีอยู่จริงๆนะ) ของตัวเองบ้าง
หลังจากที่ต้องคอยตอบคำถามคนใกล้ตัวมาตลอด เกี่ยวกับเรื่องกลิ่น (กลิ่นในที่นี้ไม่ใช่กลิ่นเต่านะจ้ะ ><)
ง่ายๆเลยคือ เจ๊เป็นคนบ้ากลิ่นหอม คือเวลาจะเลือกซื้อสินค้าอะไรก็แล้วแต่ เจ๊จะดูเรื่องกลิ่นเป็นอันดับแรก
เคยมั้ยแบบซื้อแชมพูเนี่ย คว้าขวดมาดมกลิ่นก่อนล่ะ เรื่องสรรพคุณไว้ที่หลัง
หรือซื้อครีมอาบน้ำ ถ้ากลิ่นไม่โอเคเจ๊ก็บายนะจ้ะ เราคงไปกันไม่ได้จีจี
เกริ่นมาสักพัก อย่าเพิ่งรำคาญนะเออ ใจความหลักมันอยู่ตรงนี้
คือที่ผ่านมามีคนเข้ามาถามตลอดว่า
“แกๆใช้แชมพูกลิ่นไรอ่ะ หอมจัง” หรือว่า
“เจ๊ตัวหอมอ่ะ ใช้น้ำหอมของอะไรเนี่ย?”
หรือจะเป็น
“เธอๆโลชั่นที่เธอใช้ชื่ออะไรนะ เราจะไปซื้อมั่ง”
สารพันคำถามที่ประดังประเดเข้ามาไม่ขาดสายจากมิตรรักแฟนเพลงที่รักเจ๊คนนี้
เอาล่ะหนูๆ ฟังเจ๊นะ วันนี้เจ๊จะมาเผยกรุสมบัติสิ่งของที่เจ๊เคยใช้และที่ใช้อยู่ปัจจุบันแล้วอยากจิบอกว่า
กลิ่นหอมของพวกนี้แระ ที่ทำให้เจ๊หลงรักและครองตำแหน่งสาวเนื้อหอม ประจำออฟฟิต ว่ะฮ่ะฮ่าๆๆๆๆ
ใครที่หลงมาอ่านแล้วเห็นว่าเจ๊เวิ่นเยอะก็อย่าเพิ่งรำคาญนะจ้ะ
คิดซะว่ากำลังเม้าอยู่กับชะนีสาวรุ่นเจ๊แต่ยังสวยแซ่บอยู่ในออฟฟิตเนอะ 5555
ต่อไปนี้คือรีวิวของจริงค่ะ เอาเริ่ม!
1. แชมพู&ครีมนวด Daily Defense Green Apple
เรามาไล่กันตั้งแต่หัวเลยนะคะคุณน้องขา ตัวแรกที่เจ๊จะแนะนำเนี่ย บอกเลยค่ะว่าเหมาะกับสาวที่ชอบกลิ่นผลไม้นะคะ
ก็แหม ชื่อสูตรก็บอกอยู่โต้งๆนะคะ ว่านางเป็นกรีนแอปเปิ้ล อิมพอร์ตมาจากแคนาดาโน่นนน
อุ๊ต๊ะ!มาไกลเลยค่ะ ท้าวความนิดนึงค่ะว่าตัว Daily Defense นี้เจ๊เคยใช้เมื่อสมัยที่นานมากแล้วค่ะ
ตอนที่มีโอกาสล่องเครื่องบินไปชิลที่ลอนดอน เมื่อก่อนชีวิตดีค่ะ แต่ตอนนี้ชีวิตดีกว่า ว่ะฮ่ะฮ่า
จุดเด่นของตัว Daily Defense นี้คือเป็นแบรนด์ที่ราคาไม่สูงแต่คุณภาพระดับซาลอนเรียกขุ่นแม่
อารมณ์เดียวกับเทรซาเม่ค่ะ แต่กลิ่นกรีนแอปเปิ้ลตัวนี้จะหอมกว่า คือกลิ่นมันจะออกแนวสดชื่นๆ เหมือนเอาแอปเปิ้ลมาสระผมทำนองนั้น
ขอบอกว่านอกจากแชมพูแล้วนางยังมีตัวที่เป็น shower 3in1
สำหรับผู้ชายด้วยคือมันดีงามตรงที่เป็นเจลอาบน้ำกลิ่นที่ทำออกมาเหมือนน้ำหอมแบรนด์อย่างโปโล เวอร์ซาเช่ บลาๆๆ
แต่ด้วยความที่เป็นตัว for men อ่ะนะเจ๊เลยไม่ได้ซื้อมา เพราะก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปให้ men ที่ไหนใช้
แต่ถ้าใครอยากเป็น men ของเจ๊ก็ inbox มาบอกกันได้นะคะ เจ๊ให้อาบน้ำฟรีตลอดชีวิตเลยค่า 555
2.Kerastase Cristalliste Cristal Luminous Perfecting Masque
ตัวนี้จะมาส์กผมซึ่งเป็นแบรนด์ ในเครือ L'OREAL หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นหูเพราะถ้าไม่คุ้นหู
เพราะทาร์เก็ตของเค้าจะเกาะกลุ่มร้านซาลอนเป็นหลัก สูตรนี้เหมาะกับสาวผมยาวค่ะ
เพราะเน้นบำรุงคนที่ปลายผมแห้งเสีย แต่โคนผมมันซึ่งเป็นปัญหาหนักอกหนักใจสาวผมยาวหลายๆคน
และตามคอนเซ็ปของแบรนด์ที่วางไว้คือ ผมพลิ้วสวยดุจคริสตัล
เจ๊ก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าคริสตัลเนี่ยมันพลิ้วไหวได้ยังไง
แต่เอาเป็นว่าเจ๊กดไลค์กลิ่นค่ะ เจ๊ปลื้มกลิ่นเจ๊เลยซื้อมา 5555
กลิ่นจะหอมแนวๆผลไม้ผสมกับดอกไม้ค่ะ หอมแบบผู้หญิ๊งงง ผู้หญิงเลย
คือแบบวันไหนที่ใช้มาส์กตัวนี้หมักผม แล้วออกมาทำงาน น้องๆที่ทำงานชอบมาขอดมผมทุกทีเลย
ซึ่งเจ๊ก็ให้ดมทุกครั้งแต่ถ้าเปลี่ยนจากน้องๆชะนีเป็นน้องๆหนุ่มๆ เจ๊จะปลื้มกว่านี้นะคะ 5555
3.สเปรย์ผม Kerastase K powder bluff
เจ๊ยังคงอยู่ที่เรื่องของผมนะคะ ด้วยชีวิตประจำวันที่รีบเร่งของพวกเราชะนีสาวชาวออฟฟิต
ก็ทำให้มีบ้างที่ทำให้ไม่มีเวลาดูแลหนังศีรษะกันเท่าไหร่
ยอมรับมาซะดีๆเถอะค่ะว่า บ่อยครั้งที่มัวแต่ยุ่งๆจนลืมสระผม
ก็แหม เล่นออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พอกลับถึงบ้านอีกทีก็ฟ้ามืดไปแล้ว
แต่ละวันกว่าจะผ่านมาได้ก็เล่นเอาเจ๊อ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนอยากจะนอนไปทั้งอย่างนั้น
เข้าเรื่องค่ะ เจ๊พร่ำมาเยอะอย่าว่ากันนะหนูๆ
คือเจ๊จะบอกว่าสำหรับสาวๆที่ลืมสระผมในวันเร่งรีบ(รวมตัวเจ๊ด้วย)
เจ๊เป็นต้องรีบคว้าเจ้าตัว Hair Spray มาอย่างไวเลยค่ะ ซึ่งตัวที่เจ๊เลือกใช้คือเจ้าขวดม่วงๆนี่แระค่ะ
กลิ่นจะหอมแนวลึกลับหน่อยๆ ยั่วยวนนิดๆ อารมณ์แบบนางแมวป่าขนนุ่มฟูที่ยั่วให้หนุ่มๆอยากเอามือมาจับขน เอ้ย!ผมของเรา
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาสระผม แต่อยากให้ผมหอมเหมือนเดินออกมาจากร้านน้ำหอมในกรุงแพรีส
ก็ลองไปดม Hair Spray ตัวนี้ดูนะจ้ะเผื่อจะติดใจ คริคริ
4.Kustie Cherry Blossom Shower&Bath Gel
เสร็จจากเรื่องหัวก็ลงมาที่ตัวมั่งนะจ้ะสาวๆ ตัวแรกที่เจ๊อยากจะบอกก็เป็นตัวที่เจ๊กำลังใช้อยู่ตอนนี้เลยค่ะ
บอกเลยแบบไม่ได้ค่าสปอนเซอร์ว่าตัวนี้เจ๊เลิฟมากกกกกกกก (กอไก่ 9 ล้านตัว)
เพราะนางเป็น Bath Gel ที่มีกลีบดอกไม้ลอยอยู่ในขวดด้วยค่ะคุณขา
แต่อย่าเข้าใจผิดว่านางเป็นสครับนะคะ นางก็เป็น Bath Gel ที่เราใช้อาบน้ำถูๆตัวนี่แระค่ะ
แต่ความเลิศเลอของนางยังไม่หมดแค่นี้นะจ้ะเพราะขึ้นชื่อว่าเจ๊เลือกแล้วจะใช้ของไก่กาอาราเล่ ไก่ราดซอสเทริยากิก็ไม่ใช่ ชิป่ะ?
จุดเด่นอีกอย่างของ “คัสตี้” คือกลิ่นและเนื้อเจลแน่ๆของแม่นางคัสตี้นี่แระค่ะ
กลิ่นที่เจ๊ใช้อยู่จะเป็นกลิ่นเชอรี่บลอสซั่มนะคะ เป็นกลิ่นที่หอมหวานๆ
ให้อารมณ์แบบกำลังเดินอยู่ท่ามกลางเทศกาลชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่นยังไงอย่างนั้น (เกร็ดความรู้เชอรี่บลอสซั่มก็คืออีกชื่อนึงของซากุระนะแจ๊ะ)
พูดแล้วอยากจะตรงดิ่งกลับไปนอนแช่อ่าง ณ บัดนาวเลยค่ะ
ที่สำคัญใช้ได้นานมากกกกกกกก ขนาดที่เจ๊ซื้อมานี่เป็น 500 มล.นะคะ
ใช้ได้ราวๆ 3 เดือน (ใช้เช้า&เย็น) เพราะแต่ละครั้งเราบีบแค่นิดเดียวค่ะ
ฟองก็เยอะเต็มอ่างแล้วยิ่งใครที่บ้านอาบน้ำแบบฝักบัวยิ่งประหยัดใหญ่เลยค่ะ
เพราะมันใช้แค่นิดเดียวจีจี สำหรับ Kustie นี้นางมี 6 กลิ่นค่ะ
ส่วนตัวเจ๊ชอบกลิ่นเชอร์รี่บลอสซั่มนี้เพราะนางหอมหวานๆดี หอมแบบคุณหนูวัยแรกแย้ม
หอมจนอยากกินตัวเอง 555 อ๋อ นางเป็นแบรนด์จากเมืองน้ำหอมนะคะฉะนั้นเรื่องความหอมขอซูฮกค่ะ ^____^
5.Le Petit Marseillais
ยังอยู่กันที่เรื่องของเจลอาบน้ำนะคะ และก็ยังไม่หนีออกนอกประเทศฝรั่งเศส
สังเกตุว่าของหอมๆหลายอย่างล้วนแต่มีที่มาจากฝรั่งเศสนะคะ สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองน้ำหอม
เจ๊ล่ะอยากจะพิสูจน์กลิ่นจริงๆว่าผู้ชายประเทศนี้เค้าจะตัวหอมมั้ย
อร๊ายยย เอาล่ะเข้าเรื่อง น้องเจลตัวนี้ออกเสียงว่า “เลอ ปาติต มาร์แซแยซ” (อ่านยากจริงอะไรจริงวุ้ย)
กลิ่นที่เจ๊เลือกตัวนี้จะเป็นกลิ่น Verbena & Lemon ค่ะ
กลิ่นจะเด่นเลมอนทำให้เหมาะกับการใช้ในหน้าร้อนที่มีอยู่ตลอดปีอย่างเมืองไทยมาก
เพราะอาบแล้วรู้สึกได้ถึงความสดชื่นหอมเปรี้ยวๆ (เอ๊ะ!)
เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกลิ่นเลมอนเป็นทุนเดิม
สำหรับใครที่ไม่ปลื้มกลิ่นแนวนี้แนะนำให้เลี่ยงจ้ะ เพราะอาบเสร็จกลิ่นเลมอนจะติดผิดไปพักใหญ่เลยล่ะคุณน้องงงงง
อ๋อ ตัวนี้เจ๊สอยมาจากฝรั่งเศสเลยค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในไทยมีการนำเข้ามารึยัง
เพราะไม่เคยหาเจอเลย ใครบินไปฝรั่งเศสช่วยสอยมาฝากเจ๊หน่อยนะคะ เจ๊อยากได้ง่า
6.Kustie Rose Scrub
อาบน้ำเสร็จแล้วก็มาขัดผิวกันต่อนะคะ เจ๊ยังคงติดใจแบรนด์คัสตี้อยู่
ด้วยความที่ชอบกลิ่นแนวๆดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่เลย เจ๊เลยหลงรักเจ้าตัวนี้ได้ไม่ยาก
ที่เจ๊เลือกกลิ่นโรสมาเพราะว่ากลิ่นมันจะฟุ้งกว่ากลิ่นเชอร์รี่บลอสซั่มค่ะ
เป็นความหอมที่ดมแล้วรู้สึกถึงความเย้ายวน เหมาะสำหรับช่วงเวลาผ่อนคลายอย่างการขัดผิวมั่กมาก
ยิ่งตอนที่นั่งขัดเนี่ย กลิ่นของนางจะหอมฟุ้งไปทั้งห้องน้ำเลยค่ะคู๊ณณณ โอยยยยย รักมากกกกกก (ลากเสียงยาวไปอีก!)
ที่สำคัญคือเม็ดสครับนางไม่หยาบค่ะ ขัดแล้วไม่แสบผิว
และนางยังมีกลีบดอกไม้ลอยอยู่ในเนื้อสครับให้เราเชยชมอีกด้วย
เออนะ เอากะนางซิจะเลิศไปไหนคะ? ใครที่ชอบกลิ่นดอกไม้ควรลองค่ะ นางมีทั้งหมด 4 กลิ่น
ไปหาดมตามห้างทั่วไปดูนะจ้ะตัวนี้ไม่แพงเจ๊แนะนำ ^___^
7.Soap & Glory The Scrub of your life
พูดเรื่องกลิ่นแล้วจะไม่ยกคุณน้อง Soap & Glory มาพูดด้วยก็คงใจร้ายอยู่นะคะ
เพราะกลิ่นที่หอมเหมือนขนมหวานนั้นช่างยั่วยวนใจจนสาวๆหลายคนเทใจให้
ตัวเจ๊เองก็ซื้อมาลองใช้อยู่เหมือนกันค่ะ ด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนชอบสครับผิวมาก
เจ๊เลยเลือกชิ้นนี้มา แหมะ บอกตรงๆว่าปลื้มคอนเซ็ปนางนะคะ Scrub of your life ฟังดูยิ่งใหญ่ดีค่ะเจ๊ชอบ 5555
สำหรับกลิ่นก็จะเป็นแพทเทริ์นเดียวกับตัว Soap & Glory อื่น คือกลิ่นจะเหมือนขนมหวาน
ให้ความรู้สึกฟินเหมือนกำลังราดน้ำเชื่อมลงบนผิวตัวเองยังไงอย่างนั้นเลย
แต่ตัวเม็ดสครับเจ๊ว่าหยาบไปหน่อยค่ะ ใครที่ผิวบอบบางเจ๊ไม่แนะนำนะคะ เพราะอาจจะรู้สึกระคายเคืองได้ค่ะ
8.NUXE Body Fondant Firming Cream
ยังคงเป็นแบรนด์ฝรั่งเศสค่ะ นับไปนับมานี่เจ๊เสียตังค์สอยโปรดักส์ประเทศนี้มาเยอะเหมือนกันนะคะ
เห็นทีครั้งหน้าถ้าเจ๊บินไปอีกคงต้องสอยอย่างอื่นมามั่งแล้วล่ะ คริคริ
สำหรับจุดเด่นของ NUXE ตัวนี้ที่นอกจากเนื้อครีมสีน้ำตาลอ่อนที่ซึมเข้าผิวได้เร็วและช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น (มาก!)
สิ่งที่ทำให้เจ๊ตัดสินใจซื้ออีกอย่างคือกลิ่นค่ะ กลิ่นนางคือแบบดีงามสยามสแควร์วันมากค่ะ
กลิ่นจะอ่อนๆหน่อยไม่ฉุน มีความละมุนของกลิ่นที่ผสมผสานกันระหว่างความสดชื่นแบบกลิ่นส้ม
และความละมุนแบบกลิ่นอัลมอนด์ค่ะกลิ่นเหมาะสำหรับคนที่รักความเป็นอิสระ
ดื่มด่ำความงามจากธรรมชาติมีสไตล์แบบสาวปาริเซียง
ที่พูดมาเนี่ยไม่ได้เว่อร์นะคะ แต่กลิ่นของนางคือหอมแบบผู้ดีเมืองปารีสจีจี
ทาลงผิวหลังชโลมให้ทั่วนอกจากผิวจะนุ่มแล้วกลิ่นยังติดทนอีกนะคะ เจ๊พูดเลย!!
9.Flower Heritage Rose Powder
แป้งตัวนี้คือสิ่งดีงามมมมมมมม มันหอมมากเลยค่ะคุณน้องขา
ครั้งแรกที่ดมเจ๊รู้เลยค่ะว่าเราเกิดมาคู่กันเป็นเหมือนยาสีฟันกับดอกบัวคู่ยังไงยังงั้น
โดยเฉพาะกลิ่นกุหลาบที่ให้ความรู้สึกเหมือนฉีดน้ำหอมเลยค่ะ
ทาเสร็จเจ๊สามารถจินตนาการได้เลยว่าตัวเองเป็นราชินีกุหลาบพันปี 555 นางหอมจริงอะไรจริง
หอมแบบผู้ดีเก่า หอมแบบเลดี้น่ะค่ะ ส่วนใครที่ไม่ชอบกลิ่นกุหลาบเจ๊แนะนำอีกกลิ่นที่ดีงามคือกลิ่นลาเวนเดอร์ค่ะ
สำหรับตัวนี้เจ๊ไปสอยมาจากใต้ตึกออฟฟิตเจ๊เองค่ะ อารมณ์แบบมีแม่ค้าขนมาขายราคาไม่แพงงี้
เจ๊เห็นเค้าเอาเครื่องประทิงผิวหลายตัวมาขายราคาไม่แพงเจ๊ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปอย่างไวเลยค่ะ
แล้วก็มาสะดุดกับกลิ่นของน้อง Flower Heritage ตัวนี้เข้า บอกตรงๆค่ะว่าตั้งแต่ซื้อมายังไม่กล้าใช้เยอะเลย
กลัวหมด 555 หาซื้อยากมากอ่ะใครรู้แหล่งรบกวนบอกนะคะ เจ๊จะไปเหมามาใช้สักโหลนึง
หมดแล้วนะคะสำหรับการรีวิวของหอมๆด้วยความเห็นแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว ยาวหน่อยแต่จบแน่นอนค่ะ ไม่มีการปล่อยให้รอนาน ใครชอบไม่ชอบยังไงติชมได้นะคะ ใครอ่านแล้วรู้สึกรำคาญก็บอกกันได้ 555 เจ๊เพียงแค่อยากให้ผู้อ่านได้ฟิลเหมือนแก๊งค์สาวๆมานั่งเม้าส์กันค่ะเลยมีเวิ่นเว้อบ้าง >< สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่จ้าาา
[CR] รีวิวของหอมๆ หอมตราตรึง หอมสะพรึงพรึ่บพรั่บ หอมจนผู้ชายยืนสตั๊น !!
แหม่ะ ทักทายกันเป็นสก๊อยเลย เอาดีๆล่ะกัน
สวัสดีจ้าทุกคนที่หลงมาแว๊บอ่านกระทู้เจ๊ อยากจะบอกว่า คุณหลงกลแล้วล่ะ อิอิ
นี่เป็นการเขียนครั้งแรกใน Pantip นะเออ ปกติเจ๊ชอบไปสิงใน Storylog ชอบอ่านเรื่องยาวๆ เขียนเรื่องยาวๆงี้
มาครั้งนี้เจ๊คันไม้คันมืออยากเขียนแชร์ประสบการณ์ความงาม (ที่มีอยู่จริงๆนะ) ของตัวเองบ้าง
หลังจากที่ต้องคอยตอบคำถามคนใกล้ตัวมาตลอด เกี่ยวกับเรื่องกลิ่น (กลิ่นในที่นี้ไม่ใช่กลิ่นเต่านะจ้ะ ><)
ง่ายๆเลยคือ เจ๊เป็นคนบ้ากลิ่นหอม คือเวลาจะเลือกซื้อสินค้าอะไรก็แล้วแต่ เจ๊จะดูเรื่องกลิ่นเป็นอันดับแรก
เคยมั้ยแบบซื้อแชมพูเนี่ย คว้าขวดมาดมกลิ่นก่อนล่ะ เรื่องสรรพคุณไว้ที่หลัง
หรือซื้อครีมอาบน้ำ ถ้ากลิ่นไม่โอเคเจ๊ก็บายนะจ้ะ เราคงไปกันไม่ได้จีจี
เกริ่นมาสักพัก อย่าเพิ่งรำคาญนะเออ ใจความหลักมันอยู่ตรงนี้
คือที่ผ่านมามีคนเข้ามาถามตลอดว่า “แกๆใช้แชมพูกลิ่นไรอ่ะ หอมจัง” หรือว่า “เจ๊ตัวหอมอ่ะ ใช้น้ำหอมของอะไรเนี่ย?”
หรือจะเป็น “เธอๆโลชั่นที่เธอใช้ชื่ออะไรนะ เราจะไปซื้อมั่ง”
สารพันคำถามที่ประดังประเดเข้ามาไม่ขาดสายจากมิตรรักแฟนเพลงที่รักเจ๊คนนี้
เอาล่ะหนูๆ ฟังเจ๊นะ วันนี้เจ๊จะมาเผยกรุสมบัติสิ่งของที่เจ๊เคยใช้และที่ใช้อยู่ปัจจุบันแล้วอยากจิบอกว่า
กลิ่นหอมของพวกนี้แระ ที่ทำให้เจ๊หลงรักและครองตำแหน่งสาวเนื้อหอม ประจำออฟฟิต ว่ะฮ่ะฮ่าๆๆๆๆ
ใครที่หลงมาอ่านแล้วเห็นว่าเจ๊เวิ่นเยอะก็อย่าเพิ่งรำคาญนะจ้ะ
คิดซะว่ากำลังเม้าอยู่กับชะนีสาวรุ่นเจ๊แต่ยังสวยแซ่บอยู่ในออฟฟิตเนอะ 5555
ต่อไปนี้คือรีวิวของจริงค่ะ เอาเริ่ม!
1. แชมพู&ครีมนวด Daily Defense Green Apple
เรามาไล่กันตั้งแต่หัวเลยนะคะคุณน้องขา ตัวแรกที่เจ๊จะแนะนำเนี่ย บอกเลยค่ะว่าเหมาะกับสาวที่ชอบกลิ่นผลไม้นะคะ
ก็แหม ชื่อสูตรก็บอกอยู่โต้งๆนะคะ ว่านางเป็นกรีนแอปเปิ้ล อิมพอร์ตมาจากแคนาดาโน่นนน
อุ๊ต๊ะ!มาไกลเลยค่ะ ท้าวความนิดนึงค่ะว่าตัว Daily Defense นี้เจ๊เคยใช้เมื่อสมัยที่นานมากแล้วค่ะ
ตอนที่มีโอกาสล่องเครื่องบินไปชิลที่ลอนดอน เมื่อก่อนชีวิตดีค่ะ แต่ตอนนี้ชีวิตดีกว่า ว่ะฮ่ะฮ่า
จุดเด่นของตัว Daily Defense นี้คือเป็นแบรนด์ที่ราคาไม่สูงแต่คุณภาพระดับซาลอนเรียกขุ่นแม่
อารมณ์เดียวกับเทรซาเม่ค่ะ แต่กลิ่นกรีนแอปเปิ้ลตัวนี้จะหอมกว่า คือกลิ่นมันจะออกแนวสดชื่นๆ เหมือนเอาแอปเปิ้ลมาสระผมทำนองนั้น
ขอบอกว่านอกจากแชมพูแล้วนางยังมีตัวที่เป็น shower 3in1
สำหรับผู้ชายด้วยคือมันดีงามตรงที่เป็นเจลอาบน้ำกลิ่นที่ทำออกมาเหมือนน้ำหอมแบรนด์อย่างโปโล เวอร์ซาเช่ บลาๆๆ
แต่ด้วยความที่เป็นตัว for men อ่ะนะเจ๊เลยไม่ได้ซื้อมา เพราะก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปให้ men ที่ไหนใช้
แต่ถ้าใครอยากเป็น men ของเจ๊ก็ inbox มาบอกกันได้นะคะ เจ๊ให้อาบน้ำฟรีตลอดชีวิตเลยค่า 555
2.Kerastase Cristalliste Cristal Luminous Perfecting Masque
ตัวนี้จะมาส์กผมซึ่งเป็นแบรนด์ ในเครือ L'OREAL หลายๆคนอาจจะไม่คุ้นหูเพราะถ้าไม่คุ้นหู
เพราะทาร์เก็ตของเค้าจะเกาะกลุ่มร้านซาลอนเป็นหลัก สูตรนี้เหมาะกับสาวผมยาวค่ะ
เพราะเน้นบำรุงคนที่ปลายผมแห้งเสีย แต่โคนผมมันซึ่งเป็นปัญหาหนักอกหนักใจสาวผมยาวหลายๆคน
และตามคอนเซ็ปของแบรนด์ที่วางไว้คือ ผมพลิ้วสวยดุจคริสตัล
เจ๊ก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าคริสตัลเนี่ยมันพลิ้วไหวได้ยังไง
แต่เอาเป็นว่าเจ๊กดไลค์กลิ่นค่ะ เจ๊ปลื้มกลิ่นเจ๊เลยซื้อมา 5555
กลิ่นจะหอมแนวๆผลไม้ผสมกับดอกไม้ค่ะ หอมแบบผู้หญิ๊งงง ผู้หญิงเลย
คือแบบวันไหนที่ใช้มาส์กตัวนี้หมักผม แล้วออกมาทำงาน น้องๆที่ทำงานชอบมาขอดมผมทุกทีเลย
ซึ่งเจ๊ก็ให้ดมทุกครั้งแต่ถ้าเปลี่ยนจากน้องๆชะนีเป็นน้องๆหนุ่มๆ เจ๊จะปลื้มกว่านี้นะคะ 5555
3.สเปรย์ผม Kerastase K powder bluff
เจ๊ยังคงอยู่ที่เรื่องของผมนะคะ ด้วยชีวิตประจำวันที่รีบเร่งของพวกเราชะนีสาวชาวออฟฟิต
ก็ทำให้มีบ้างที่ทำให้ไม่มีเวลาดูแลหนังศีรษะกันเท่าไหร่
ยอมรับมาซะดีๆเถอะค่ะว่า บ่อยครั้งที่มัวแต่ยุ่งๆจนลืมสระผม
ก็แหม เล่นออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พอกลับถึงบ้านอีกทีก็ฟ้ามืดไปแล้ว
แต่ละวันกว่าจะผ่านมาได้ก็เล่นเอาเจ๊อ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนอยากจะนอนไปทั้งอย่างนั้น
เข้าเรื่องค่ะ เจ๊พร่ำมาเยอะอย่าว่ากันนะหนูๆ
คือเจ๊จะบอกว่าสำหรับสาวๆที่ลืมสระผมในวันเร่งรีบ(รวมตัวเจ๊ด้วย)
เจ๊เป็นต้องรีบคว้าเจ้าตัว Hair Spray มาอย่างไวเลยค่ะ ซึ่งตัวที่เจ๊เลือกใช้คือเจ้าขวดม่วงๆนี่แระค่ะ
กลิ่นจะหอมแนวลึกลับหน่อยๆ ยั่วยวนนิดๆ อารมณ์แบบนางแมวป่าขนนุ่มฟูที่ยั่วให้หนุ่มๆอยากเอามือมาจับขน เอ้ย!ผมของเรา
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาสระผม แต่อยากให้ผมหอมเหมือนเดินออกมาจากร้านน้ำหอมในกรุงแพรีส
ก็ลองไปดม Hair Spray ตัวนี้ดูนะจ้ะเผื่อจะติดใจ คริคริ
4.Kustie Cherry Blossom Shower&Bath Gel
เสร็จจากเรื่องหัวก็ลงมาที่ตัวมั่งนะจ้ะสาวๆ ตัวแรกที่เจ๊อยากจะบอกก็เป็นตัวที่เจ๊กำลังใช้อยู่ตอนนี้เลยค่ะ
บอกเลยแบบไม่ได้ค่าสปอนเซอร์ว่าตัวนี้เจ๊เลิฟมากกกกกกกก (กอไก่ 9 ล้านตัว)
เพราะนางเป็น Bath Gel ที่มีกลีบดอกไม้ลอยอยู่ในขวดด้วยค่ะคุณขา
แต่อย่าเข้าใจผิดว่านางเป็นสครับนะคะ นางก็เป็น Bath Gel ที่เราใช้อาบน้ำถูๆตัวนี่แระค่ะ
แต่ความเลิศเลอของนางยังไม่หมดแค่นี้นะจ้ะเพราะขึ้นชื่อว่าเจ๊เลือกแล้วจะใช้ของไก่กาอาราเล่ ไก่ราดซอสเทริยากิก็ไม่ใช่ ชิป่ะ?
จุดเด่นอีกอย่างของ “คัสตี้” คือกลิ่นและเนื้อเจลแน่ๆของแม่นางคัสตี้นี่แระค่ะ
กลิ่นที่เจ๊ใช้อยู่จะเป็นกลิ่นเชอรี่บลอสซั่มนะคะ เป็นกลิ่นที่หอมหวานๆ
ให้อารมณ์แบบกำลังเดินอยู่ท่ามกลางเทศกาลชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่นยังไงอย่างนั้น (เกร็ดความรู้เชอรี่บลอสซั่มก็คืออีกชื่อนึงของซากุระนะแจ๊ะ)
พูดแล้วอยากจะตรงดิ่งกลับไปนอนแช่อ่าง ณ บัดนาวเลยค่ะ
ที่สำคัญใช้ได้นานมากกกกกกกก ขนาดที่เจ๊ซื้อมานี่เป็น 500 มล.นะคะ
ใช้ได้ราวๆ 3 เดือน (ใช้เช้า&เย็น) เพราะแต่ละครั้งเราบีบแค่นิดเดียวค่ะ
ฟองก็เยอะเต็มอ่างแล้วยิ่งใครที่บ้านอาบน้ำแบบฝักบัวยิ่งประหยัดใหญ่เลยค่ะ
เพราะมันใช้แค่นิดเดียวจีจี สำหรับ Kustie นี้นางมี 6 กลิ่นค่ะ
ส่วนตัวเจ๊ชอบกลิ่นเชอร์รี่บลอสซั่มนี้เพราะนางหอมหวานๆดี หอมแบบคุณหนูวัยแรกแย้ม
หอมจนอยากกินตัวเอง 555 อ๋อ นางเป็นแบรนด์จากเมืองน้ำหอมนะคะฉะนั้นเรื่องความหอมขอซูฮกค่ะ ^____^
5.Le Petit Marseillais
ยังอยู่กันที่เรื่องของเจลอาบน้ำนะคะ และก็ยังไม่หนีออกนอกประเทศฝรั่งเศส
สังเกตุว่าของหอมๆหลายอย่างล้วนแต่มีที่มาจากฝรั่งเศสนะคะ สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองน้ำหอม
เจ๊ล่ะอยากจะพิสูจน์กลิ่นจริงๆว่าผู้ชายประเทศนี้เค้าจะตัวหอมมั้ย
อร๊ายยย เอาล่ะเข้าเรื่อง น้องเจลตัวนี้ออกเสียงว่า “เลอ ปาติต มาร์แซแยซ” (อ่านยากจริงอะไรจริงวุ้ย)
กลิ่นที่เจ๊เลือกตัวนี้จะเป็นกลิ่น Verbena & Lemon ค่ะ
กลิ่นจะเด่นเลมอนทำให้เหมาะกับการใช้ในหน้าร้อนที่มีอยู่ตลอดปีอย่างเมืองไทยมาก
เพราะอาบแล้วรู้สึกได้ถึงความสดชื่นหอมเปรี้ยวๆ (เอ๊ะ!)
เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกลิ่นเลมอนเป็นทุนเดิม
สำหรับใครที่ไม่ปลื้มกลิ่นแนวนี้แนะนำให้เลี่ยงจ้ะ เพราะอาบเสร็จกลิ่นเลมอนจะติดผิดไปพักใหญ่เลยล่ะคุณน้องงงงง
อ๋อ ตัวนี้เจ๊สอยมาจากฝรั่งเศสเลยค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในไทยมีการนำเข้ามารึยัง
เพราะไม่เคยหาเจอเลย ใครบินไปฝรั่งเศสช่วยสอยมาฝากเจ๊หน่อยนะคะ เจ๊อยากได้ง่า
6.Kustie Rose Scrub
อาบน้ำเสร็จแล้วก็มาขัดผิวกันต่อนะคะ เจ๊ยังคงติดใจแบรนด์คัสตี้อยู่
ด้วยความที่ชอบกลิ่นแนวๆดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่เลย เจ๊เลยหลงรักเจ้าตัวนี้ได้ไม่ยาก
ที่เจ๊เลือกกลิ่นโรสมาเพราะว่ากลิ่นมันจะฟุ้งกว่ากลิ่นเชอร์รี่บลอสซั่มค่ะ
เป็นความหอมที่ดมแล้วรู้สึกถึงความเย้ายวน เหมาะสำหรับช่วงเวลาผ่อนคลายอย่างการขัดผิวมั่กมาก
ยิ่งตอนที่นั่งขัดเนี่ย กลิ่นของนางจะหอมฟุ้งไปทั้งห้องน้ำเลยค่ะคู๊ณณณ โอยยยยย รักมากกกกกก (ลากเสียงยาวไปอีก!)
ที่สำคัญคือเม็ดสครับนางไม่หยาบค่ะ ขัดแล้วไม่แสบผิว
และนางยังมีกลีบดอกไม้ลอยอยู่ในเนื้อสครับให้เราเชยชมอีกด้วย
เออนะ เอากะนางซิจะเลิศไปไหนคะ? ใครที่ชอบกลิ่นดอกไม้ควรลองค่ะ นางมีทั้งหมด 4 กลิ่น
ไปหาดมตามห้างทั่วไปดูนะจ้ะตัวนี้ไม่แพงเจ๊แนะนำ ^___^
7.Soap & Glory The Scrub of your life
พูดเรื่องกลิ่นแล้วจะไม่ยกคุณน้อง Soap & Glory มาพูดด้วยก็คงใจร้ายอยู่นะคะ
เพราะกลิ่นที่หอมเหมือนขนมหวานนั้นช่างยั่วยวนใจจนสาวๆหลายคนเทใจให้
ตัวเจ๊เองก็ซื้อมาลองใช้อยู่เหมือนกันค่ะ ด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนชอบสครับผิวมาก
เจ๊เลยเลือกชิ้นนี้มา แหมะ บอกตรงๆว่าปลื้มคอนเซ็ปนางนะคะ Scrub of your life ฟังดูยิ่งใหญ่ดีค่ะเจ๊ชอบ 5555
สำหรับกลิ่นก็จะเป็นแพทเทริ์นเดียวกับตัว Soap & Glory อื่น คือกลิ่นจะเหมือนขนมหวาน
ให้ความรู้สึกฟินเหมือนกำลังราดน้ำเชื่อมลงบนผิวตัวเองยังไงอย่างนั้นเลย
แต่ตัวเม็ดสครับเจ๊ว่าหยาบไปหน่อยค่ะ ใครที่ผิวบอบบางเจ๊ไม่แนะนำนะคะ เพราะอาจจะรู้สึกระคายเคืองได้ค่ะ
8.NUXE Body Fondant Firming Cream
ยังคงเป็นแบรนด์ฝรั่งเศสค่ะ นับไปนับมานี่เจ๊เสียตังค์สอยโปรดักส์ประเทศนี้มาเยอะเหมือนกันนะคะ
เห็นทีครั้งหน้าถ้าเจ๊บินไปอีกคงต้องสอยอย่างอื่นมามั่งแล้วล่ะ คริคริ
สำหรับจุดเด่นของ NUXE ตัวนี้ที่นอกจากเนื้อครีมสีน้ำตาลอ่อนที่ซึมเข้าผิวได้เร็วและช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น (มาก!)
สิ่งที่ทำให้เจ๊ตัดสินใจซื้ออีกอย่างคือกลิ่นค่ะ กลิ่นนางคือแบบดีงามสยามสแควร์วันมากค่ะ
กลิ่นจะอ่อนๆหน่อยไม่ฉุน มีความละมุนของกลิ่นที่ผสมผสานกันระหว่างความสดชื่นแบบกลิ่นส้ม
และความละมุนแบบกลิ่นอัลมอนด์ค่ะกลิ่นเหมาะสำหรับคนที่รักความเป็นอิสระ
ดื่มด่ำความงามจากธรรมชาติมีสไตล์แบบสาวปาริเซียง
ที่พูดมาเนี่ยไม่ได้เว่อร์นะคะ แต่กลิ่นของนางคือหอมแบบผู้ดีเมืองปารีสจีจี
ทาลงผิวหลังชโลมให้ทั่วนอกจากผิวจะนุ่มแล้วกลิ่นยังติดทนอีกนะคะ เจ๊พูดเลย!!
9.Flower Heritage Rose Powder
แป้งตัวนี้คือสิ่งดีงามมมมมมมม มันหอมมากเลยค่ะคุณน้องขา
ครั้งแรกที่ดมเจ๊รู้เลยค่ะว่าเราเกิดมาคู่กันเป็นเหมือนยาสีฟันกับดอกบัวคู่ยังไงยังงั้น
โดยเฉพาะกลิ่นกุหลาบที่ให้ความรู้สึกเหมือนฉีดน้ำหอมเลยค่ะ
ทาเสร็จเจ๊สามารถจินตนาการได้เลยว่าตัวเองเป็นราชินีกุหลาบพันปี 555 นางหอมจริงอะไรจริง
หอมแบบผู้ดีเก่า หอมแบบเลดี้น่ะค่ะ ส่วนใครที่ไม่ชอบกลิ่นกุหลาบเจ๊แนะนำอีกกลิ่นที่ดีงามคือกลิ่นลาเวนเดอร์ค่ะ
สำหรับตัวนี้เจ๊ไปสอยมาจากใต้ตึกออฟฟิตเจ๊เองค่ะ อารมณ์แบบมีแม่ค้าขนมาขายราคาไม่แพงงี้
เจ๊เห็นเค้าเอาเครื่องประทิงผิวหลายตัวมาขายราคาไม่แพงเจ๊ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปอย่างไวเลยค่ะ
แล้วก็มาสะดุดกับกลิ่นของน้อง Flower Heritage ตัวนี้เข้า บอกตรงๆค่ะว่าตั้งแต่ซื้อมายังไม่กล้าใช้เยอะเลย
กลัวหมด 555 หาซื้อยากมากอ่ะใครรู้แหล่งรบกวนบอกนะคะ เจ๊จะไปเหมามาใช้สักโหลนึง
หมดแล้วนะคะสำหรับการรีวิวของหอมๆด้วยความเห็นแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว ยาวหน่อยแต่จบแน่นอนค่ะ ไม่มีการปล่อยให้รอนาน ใครชอบไม่ชอบยังไงติชมได้นะคะ ใครอ่านแล้วรู้สึกรำคาญก็บอกกันได้ 555 เจ๊เพียงแค่อยากให้ผู้อ่านได้ฟิลเหมือนแก๊งค์สาวๆมานั่งเม้าส์กันค่ะเลยมีเวิ่นเว้อบ้าง >< สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่จ้าาา