สำหรับผู้ชมอย่างเรา “พลับพลึงสีชมพู” เป็น Fairy tale เล่าเรื่อง “เทพนิยายนายวิศรุต”
วิศรุต แปลว่า ผู้มีชื่อเสียงปรากฏ มรุพงษ์ แปลว่า สืบเชื้อสายมาจากเทวดา
แต่นาม ‘วิศรุต’ นั้นประชด เพราะเขาเป็นทายาทผู้หายสาบสูญ ไม่มีชื่อเสียงปรากฏใน ‘มรุพงษ์’ วงศ์เทวา
สืบเนื่องจากกาลครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงผู้เลอโฉมทำผิดกฎสวรรค์ต้องลงมารับโทษทัณฑ์ในดินแดนมนุษย์
ระหว่างนั้นเจ้าหญิงให้กำเนิดทายาทแต่ไม่นานก็สิ้นพระชนม์ เด็กน้อยมีนางฟ้าแม่ทูนหัวแนนซี่เลี้ยงดู
ทายาทครึ่งเทพครึ่งมนุษย์เติบโตมาเป็นนายวิศรุต มรุพงษ์
และภารกิจของเขาคือต้องไปแสดงตัวเพื่อเป็น ‘ผู้มีชื่อเสียงปรากฏ’ ในฐานะผู้สืบเชื้อสายเทวดา ณ ที่ ‘เทวาสถิต’
ระหว่างหาทางกลับสู่ครอบครัว ครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพผู้นี้ได้ปกครองเคหาสถาน มีแม่ย่านางประจำเรือนนามว่า “ธารา”
ความสามารถพิเศษคือสามารถต่อของราคาตั้งต้นที่ 1,000 เหลือ 100 บาท ภายใน 8 วินาที
ริชาร์ดกับจอห์นนี คือคู่รัก-ยม เฝ้าเรือน โปรดสังเกตคอสตูมตอนปรากฏกายในรูปมนุษย์ ยังคงสัญลักษณ์ชุดแฝด
เป็นเอี๊ยมที่สายพาดกะเท่เร่ข้างหนึ่ง รวมทั้งเทวดาร่อนเร่วรรณะต่ำกว่าอีกสองตน
วันหนึ่งมีผู้หญิงผุดขึ้นจากกอพลับพลึงและกลายเป็นสมาชิกของหมู่มวลในชื่อว่าพลับพลึง
แท้จริงนางเป็นลูกครึ่งนางไม้กับมนุษย์ เพราะสืบทอดเชื้อสายนางไม้จากแม่ นางจึงมีคาถาจำแลงกายกับเวทย์มนตร์
บังตา ทั้งเทวดาและผู้คนไม่อาจจดจำนางได้ ใครๆ จึงแยกพลับพลึงกับลิลลี่ไม่ออก
เนื่องจากเป็นนางไม้ นางจึงมีสัญลักษณ์ประจำตัวเป็นกิ๊บดอกไม้ติดผม
(กิ๊บซื้อตลาดนัด จำเป็นต้องซื้อยกโหลเพราะซื้อชิ้นเดียว 10 บาท แต่ถ้าซื้อยกเซ็ต 12 สี 60 บาท –
จบการตลาดจากเมืองนอก แต่พลาดท่าหลงกลการตลาดแม่ค้าตลาดนัด)
รู้ตัวอีกที่ก็ต้องติดดอกไม้ 12 แบบ วันละดอกวันละสี
พลับพลึงจึงมักสวมเสื้อคอระบาย เลียนแบบลีลาทิ้งตัวของช่อดอกพลับพลึง เสื้อบางตัวก็ประดับรูปดวงดอกไม้
ชุดที่ว่าเร่อร่านั่นเป็นคอสตูมนางไม้ในรูปจำแลงเป็นมนุษย์ บางครั้งนางไม้พลับพลึงก็ปรึกษาเรื่องแฟชั่นกับนางไม้
ตานีข้างบ้าน เลยได้กระโปรงสีเขียวใบตองตัวนั้นมาใส่
ส่วนคุณวิศรุต มีสายเลือดสีน้ำเงินเหมือนพวก “สว่างวงศ์” แห่งบ้านทรายทอง คอสตูมจึงเน้นโทนน้ำเงินเป็นหลัก
ธาตุแห่งมนุษย์ทำให้วิศรุตรู้จักความน้อยใจ
เด็กชายน้อยผู้มีนกในสวนเป็นเพื่อนเล่น น้อยใจมาตั้งแต่วัยเยาว์ เหตุใดเราจึงมีแต่แม่กับนางฟ้าแม่ทูนหัว
คนอื่นหายไปไหนเสียหมดเล่า...
บางครั้งรำพึงรำพันเป็นภาษาเทวดาที่มนุษย์ไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้ง เห็นวังเทวาสถิตครั้งแรก
เขาว่า “...ฝนตกไม่ทั่วฟ้า มันเป็นอย่างนี้นี่เอง” เปรียบเทียบถึงความลำเอียง
ท่านยายรับหลานห่างๆ มาเลี้ยงในวัง “ถึงจะเก่าแต่ก็ได้อยู่ในวังไม่ถูกทอดทิ้ง”
เมื่อพบท่านยายก็แอบตัดพ้อ “กระหม่อมตัวคนเดียว” / “เป็นเพียงคนธรรมดา” / “เป็นคนห่างไกลครอบครัว”
“นามสกุลก็แค่คำสมมุติให้คนเขาเรียก ไม่ชอบเขาก็ตัดทิ้ง ไม่ชอบก็เปลี่ยน ก็เหมือนชื่อนั่นแหละ”
“ฉันไม่เคยคิดจะหวังอะไรจากคนในวังนั้น”
ใครถามถึงพ่อบอก “ไม่รู้จักครับ” (เทวดาไม่โกหก มันเป็นความจริงในชีวิตลูกและเป็นความฝันในชีวิตพ่อ)
เขาถูกทอดทิ้ง ทั้งที่แต่ละท่านก็อัครฐานใหญ่โตกันทั้งนั้น แต่เขาไม่บ่นไม่เรียกร้อง
“บางอย่างแค่ได้มองเห็นก็รู้ว่ามันมีอยู่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว”
แต่น้อยยยยยย...ยใจ ว่า “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าผมควรรู้จักไหม”
เขามีรอยยิ้มบางๆ ด้วยซ้ำแม้ในยามน้อยใจ
ธาตุแห่งเทวดาในกายทำให้วิศรุตดำรงรักษาความดี
ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร เขาพยายามอยู่ด้วยตัวเองให้ดีที่สุด ไม่เกลียดไม่โกรธ
เขาพูดถึงพ่อว่า “ไม่ใช่พอใจหรือไม่พอใจ บอกว่าไม่รู้จักก็คือไม่รู้จัก”
ใจซื่อถือความสัตย์จริง ทูลเสด็จพระองค์หญิงว่าเขาก็เป็นนายหน้ามาซื้อที่
เขา “ชอบดูคนอื่นมีความสุข”
โดนคุณหนูลิลลี่ลูกคนรวยรังแก หงุดหงิดอารมณ์เสียก็หลบไปนั่งคนเดียวไม่ร้อนร้าย
ด่าเองก็ไม่เป็น คนที่บ้านช่วยด่าให้แล้วโล่งขึ้นหน่อย
ช่วยคนหลงเดินทางผิดอย่างน้องชายธาราให้กลับตัวเป็นคนดี
ตัวเองโหยหาแต่กลับต้องยืนหยัดเป็นดุจหัวหน้าครอบครัวให้คนอื่น
นี่คือจิตใจที่ตั้งมั่นบำเพ็ญคุณงามความดีของนายวิศรุต
นี่คือหนทางของเทวดาขี้น้อยใจ ตัวเองขาดส่งใดก็เติมให้คนรอบข้างอย่างนั้น
ไม่เอาสิ่งที่ขาดไปทำร้ายผู้อื่น (เช่น วิศรุตตัวปลอม)
ทุกอย่างมาจากใจบริสุทธิ์เยี่ยงธาตุเทวดาในตัว
จึงสุดแสนจะน้อยยยยยยยใจ มาว่าเทวดาอย่างเรามีผลประโยชน์ทับซ้อน
ร่ายมายาวไม่ใช่อะไร เห็นบ่นกันเยอะ เลยชักไขว่เขวเองว่าจะดูละครสักเรื่องให้สนุกมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ
จึงมาขอเรียนเชิญทุกท่านรับชมการเดินทางกลับสู่ปราสาทของเทวดาขี้น้อยใจให้สำราญ
ดูว่าวิศรุตจะใช้ธาตุเทวดาพิสูจน์ความเป็นมรุพงษ์ได้หรือไม่
ดูว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อลูกครึ่งเทวดาปะทะมนุษย์สีดำเพื่อปกป้องท่านยายจากหลานตัวปลอม
พิเศษส่งท้าย : แอนดริวเหมาะจะเล่นเป็นเทวดาขี้น้อยใจที่สุดแล้ว
ส่วนด้วยเหตุผลใดขอเชิญญาติมิตรทั้งหลายทัศนาตามสะดวกโยธิน
ป.ล. “วิศรุตมันก็เรื่องเยอะเหมือนกัน” แอนดริวกล่าวไว้
แอนดริว-วิศรุต-เทวดาขี้น้อยใจกับนางไม้พลับพลึง
วิศรุต แปลว่า ผู้มีชื่อเสียงปรากฏ มรุพงษ์ แปลว่า สืบเชื้อสายมาจากเทวดา
แต่นาม ‘วิศรุต’ นั้นประชด เพราะเขาเป็นทายาทผู้หายสาบสูญ ไม่มีชื่อเสียงปรากฏใน ‘มรุพงษ์’ วงศ์เทวา
สืบเนื่องจากกาลครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงผู้เลอโฉมทำผิดกฎสวรรค์ต้องลงมารับโทษทัณฑ์ในดินแดนมนุษย์
ระหว่างนั้นเจ้าหญิงให้กำเนิดทายาทแต่ไม่นานก็สิ้นพระชนม์ เด็กน้อยมีนางฟ้าแม่ทูนหัวแนนซี่เลี้ยงดู
ทายาทครึ่งเทพครึ่งมนุษย์เติบโตมาเป็นนายวิศรุต มรุพงษ์
และภารกิจของเขาคือต้องไปแสดงตัวเพื่อเป็น ‘ผู้มีชื่อเสียงปรากฏ’ ในฐานะผู้สืบเชื้อสายเทวดา ณ ที่ ‘เทวาสถิต’
ระหว่างหาทางกลับสู่ครอบครัว ครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพผู้นี้ได้ปกครองเคหาสถาน มีแม่ย่านางประจำเรือนนามว่า “ธารา”
ความสามารถพิเศษคือสามารถต่อของราคาตั้งต้นที่ 1,000 เหลือ 100 บาท ภายใน 8 วินาที
ริชาร์ดกับจอห์นนี คือคู่รัก-ยม เฝ้าเรือน โปรดสังเกตคอสตูมตอนปรากฏกายในรูปมนุษย์ ยังคงสัญลักษณ์ชุดแฝด
เป็นเอี๊ยมที่สายพาดกะเท่เร่ข้างหนึ่ง รวมทั้งเทวดาร่อนเร่วรรณะต่ำกว่าอีกสองตน
วันหนึ่งมีผู้หญิงผุดขึ้นจากกอพลับพลึงและกลายเป็นสมาชิกของหมู่มวลในชื่อว่าพลับพลึง
แท้จริงนางเป็นลูกครึ่งนางไม้กับมนุษย์ เพราะสืบทอดเชื้อสายนางไม้จากแม่ นางจึงมีคาถาจำแลงกายกับเวทย์มนตร์
บังตา ทั้งเทวดาและผู้คนไม่อาจจดจำนางได้ ใครๆ จึงแยกพลับพลึงกับลิลลี่ไม่ออก
เนื่องจากเป็นนางไม้ นางจึงมีสัญลักษณ์ประจำตัวเป็นกิ๊บดอกไม้ติดผม
(กิ๊บซื้อตลาดนัด จำเป็นต้องซื้อยกโหลเพราะซื้อชิ้นเดียว 10 บาท แต่ถ้าซื้อยกเซ็ต 12 สี 60 บาท –
จบการตลาดจากเมืองนอก แต่พลาดท่าหลงกลการตลาดแม่ค้าตลาดนัด)
รู้ตัวอีกที่ก็ต้องติดดอกไม้ 12 แบบ วันละดอกวันละสี
พลับพลึงจึงมักสวมเสื้อคอระบาย เลียนแบบลีลาทิ้งตัวของช่อดอกพลับพลึง เสื้อบางตัวก็ประดับรูปดวงดอกไม้
ชุดที่ว่าเร่อร่านั่นเป็นคอสตูมนางไม้ในรูปจำแลงเป็นมนุษย์ บางครั้งนางไม้พลับพลึงก็ปรึกษาเรื่องแฟชั่นกับนางไม้
ตานีข้างบ้าน เลยได้กระโปรงสีเขียวใบตองตัวนั้นมาใส่
ส่วนคุณวิศรุต มีสายเลือดสีน้ำเงินเหมือนพวก “สว่างวงศ์” แห่งบ้านทรายทอง คอสตูมจึงเน้นโทนน้ำเงินเป็นหลัก
ธาตุแห่งมนุษย์ทำให้วิศรุตรู้จักความน้อยใจ
เด็กชายน้อยผู้มีนกในสวนเป็นเพื่อนเล่น น้อยใจมาตั้งแต่วัยเยาว์ เหตุใดเราจึงมีแต่แม่กับนางฟ้าแม่ทูนหัว
คนอื่นหายไปไหนเสียหมดเล่า...
บางครั้งรำพึงรำพันเป็นภาษาเทวดาที่มนุษย์ไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้ง เห็นวังเทวาสถิตครั้งแรก
เขาว่า “...ฝนตกไม่ทั่วฟ้า มันเป็นอย่างนี้นี่เอง” เปรียบเทียบถึงความลำเอียง
ท่านยายรับหลานห่างๆ มาเลี้ยงในวัง “ถึงจะเก่าแต่ก็ได้อยู่ในวังไม่ถูกทอดทิ้ง”
เมื่อพบท่านยายก็แอบตัดพ้อ “กระหม่อมตัวคนเดียว” / “เป็นเพียงคนธรรมดา” / “เป็นคนห่างไกลครอบครัว”
“นามสกุลก็แค่คำสมมุติให้คนเขาเรียก ไม่ชอบเขาก็ตัดทิ้ง ไม่ชอบก็เปลี่ยน ก็เหมือนชื่อนั่นแหละ”
“ฉันไม่เคยคิดจะหวังอะไรจากคนในวังนั้น”
ใครถามถึงพ่อบอก “ไม่รู้จักครับ” (เทวดาไม่โกหก มันเป็นความจริงในชีวิตลูกและเป็นความฝันในชีวิตพ่อ)
เขาถูกทอดทิ้ง ทั้งที่แต่ละท่านก็อัครฐานใหญ่โตกันทั้งนั้น แต่เขาไม่บ่นไม่เรียกร้อง
“บางอย่างแค่ได้มองเห็นก็รู้ว่ามันมีอยู่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว”
แต่น้อยยยยยย...ยใจ ว่า “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าผมควรรู้จักไหม”
เขามีรอยยิ้มบางๆ ด้วยซ้ำแม้ในยามน้อยใจ
ธาตุแห่งเทวดาในกายทำให้วิศรุตดำรงรักษาความดี
ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร เขาพยายามอยู่ด้วยตัวเองให้ดีที่สุด ไม่เกลียดไม่โกรธ
เขาพูดถึงพ่อว่า “ไม่ใช่พอใจหรือไม่พอใจ บอกว่าไม่รู้จักก็คือไม่รู้จัก”
ใจซื่อถือความสัตย์จริง ทูลเสด็จพระองค์หญิงว่าเขาก็เป็นนายหน้ามาซื้อที่
เขา “ชอบดูคนอื่นมีความสุข”
โดนคุณหนูลิลลี่ลูกคนรวยรังแก หงุดหงิดอารมณ์เสียก็หลบไปนั่งคนเดียวไม่ร้อนร้าย
ด่าเองก็ไม่เป็น คนที่บ้านช่วยด่าให้แล้วโล่งขึ้นหน่อย
ช่วยคนหลงเดินทางผิดอย่างน้องชายธาราให้กลับตัวเป็นคนดี
ตัวเองโหยหาแต่กลับต้องยืนหยัดเป็นดุจหัวหน้าครอบครัวให้คนอื่น
นี่คือจิตใจที่ตั้งมั่นบำเพ็ญคุณงามความดีของนายวิศรุต
นี่คือหนทางของเทวดาขี้น้อยใจ ตัวเองขาดส่งใดก็เติมให้คนรอบข้างอย่างนั้น
ไม่เอาสิ่งที่ขาดไปทำร้ายผู้อื่น (เช่น วิศรุตตัวปลอม)
ทุกอย่างมาจากใจบริสุทธิ์เยี่ยงธาตุเทวดาในตัว
จึงสุดแสนจะน้อยยยยยยยใจ มาว่าเทวดาอย่างเรามีผลประโยชน์ทับซ้อน
ร่ายมายาวไม่ใช่อะไร เห็นบ่นกันเยอะ เลยชักไขว่เขวเองว่าจะดูละครสักเรื่องให้สนุกมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ
จึงมาขอเรียนเชิญทุกท่านรับชมการเดินทางกลับสู่ปราสาทของเทวดาขี้น้อยใจให้สำราญ
ดูว่าวิศรุตจะใช้ธาตุเทวดาพิสูจน์ความเป็นมรุพงษ์ได้หรือไม่
ดูว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อลูกครึ่งเทวดาปะทะมนุษย์สีดำเพื่อปกป้องท่านยายจากหลานตัวปลอม
พิเศษส่งท้าย : แอนดริวเหมาะจะเล่นเป็นเทวดาขี้น้อยใจที่สุดแล้ว
ส่วนด้วยเหตุผลใดขอเชิญญาติมิตรทั้งหลายทัศนาตามสะดวกโยธิน
ป.ล. “วิศรุตมันก็เรื่องเยอะเหมือนกัน” แอนดริวกล่าวไว้