american idol season 15 : the fairwell season น่าเสียดายจังที่จะกลายเป็นตำนานซะแล้ว
ผมขอเขียนรวมความประทับใจที่มีต่อรายการซะหน่อยแล้วกันนะครับ
1) ตอนที่ได้รู้ข่าวว่าทาง fox จะทำ american idol season นี้เป็น season สุดท้าย ก็อดใจหายไม่ได้ เพราะเป็นอีกรายการที่โดนใจใช้ได้เลย แต่อีกใจก็รู้สึกดีที่ยังต่อให้อีกตั้งซีซั่น (ดีกว่าบางรายการที่หายจ้อยไปเลย) เพราะซีซั่นนี้คงต้องปล่อยทีเด็ดและพลังออกมาทั้งหมดแน่ๆ ไม่มีกั๊ก เพื่อส่งท้ายประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของวงการทีวี หลังจากที่เคยสร้างประวัติศาสตร์มามากมายหลายอย่างที่น่าจดจำ ทั้งในแง่ของความนิยม และนักร้องดังๆระดับคุณภาพมาประดับวงการเพลงมากมายหลายท่าน
2) นักร้องจากอเมริกัน ไอดอลที่รู้จักกันดีก็เคลลี่ คลากสัน ผู้ชนะจากซีซั่น 1 และ แครี่ อันเดอร์วูด จากซีซั่น 4 ที่สร้างเพลงฮิตหลากหลายและเป็นผู้ชนะรางวัลต่างๆทางดนตรีอีกมากมายเยอะแยะไปหมด แม้แต่อดัม แลมเบิร์ค ถึงแม้จะได้ที่ 2 จากซีซั่น 9 แต่ก็โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในวงการบันเทิงอเมริกา ทั้งหมดนี้แม้ปัจจุบันจะโด่งดังสุดๆในอเมริกา แต่ก็อดนึกถึงวันแรกที่เขาเหล่านั้นเข้ามาออดิขั่นไม่ได้ ว่าแต่ละคนหล่อสวยใสๆเริ่มต้นมาอย่างไร
3) หลายวันก่อนไปเดินห้าง มีการจัดอีเวนท์ประกวดอะไรสักอย่าง แล้วผู้เข้าแข่งขันใช้เพลง centuries ในการประกวด ได้ยินเพลงนี้ลอยมาแต่ไกล แบบว่าขนลุกซู่เลย คือนึกถึงภาพ ตอนเราดู american idol season 14 รอบ final เหมือนเราได้มีส่วนร่วมในรายการเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากพลาดที่จะติดตามใน season fairwell นี้จริงๆ
ลิงค์ของคลิปตอนโชว์ในรายการครับ
(แต่หาไม่เจอใน youtube เลยแปะไม่ได้ ต้องคลิกดูเองนะครับ)
http://www.dailymotion.com/video/x350bjp
4) ผมชอบคณะกรรมการชุดนี้มากเลย ทั้งเจนนิเฟอร์ โลเปซ, คีธ เออร์บัน และแฮรี่ คอนนิกค์ จูเนียร์ ผมว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวพอดีๆ (ไม่โหดและใจร้ายเกินไป คือดีไม่ดีไม่รู้ ขอด่าและเวอร์เอาไว้ก่อนล่ะกัน) คำแนะนำของกรรมการก็ "เป๊ะ" คือตรงประเด็น จากประสบการณ์ของคนที่เจนจัดบนเวทีจริงๆ
ตัวอย่างเช่น ซีซั่นล่าสุด ที่คีธ แนะนำคล๊าก เบ็คแฮม เรื่องการเล่นกีตาร์บนเวที ที่แรกๆแบบว่าจืดและเนิร์ดมากๆ คีธก็แนะนำให้ปรับสายสะพายกีตาร์ให้หย่อนลงมาที่เอวอีกนิด ง่ายๆแค่นี้ก็ดู cool และเท่สไตล์มือกีตาร์วงร็อคแล้ว
หรือแม้แต่ นิค ฟราเดียนิ คนคุ้นหน้าจากรายการ america got talent ที่ไปไม่ถึงฝันเท่าไหร่ แต่พอมาแข่งในรายการนี้ หลังจากได้รับคำแนะนำต่างๆ ก็เห็นถึงพัฒนาการอย่างชัดเจน จากนักร้องนำวงร็อคทั่วๆไป กลายเป็นคนที่มีสเน่ห์และเท่มากๆ และโดดเด่นจนชนะเลิศในรอบไฟนอล
5) ยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นแทน เวลาเห็นคนที่เข้าแข่งขัน พัฒนาตัวเอง จากคนธรรมดากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ ที่แตกต่างจากรายการอื่นคือรอบออดิชั่น แม้จะเน้นดราม่าบ้างตามประสารายการเรลลิตี้ แต่ท้ายสุด บุคลิคและความสามารถของผู้เข้าแข่งขันก็สำคัญที่สุดอยู่ดี คือ ต้องไม่หลอกตัวเองแสดงเป็นตัวละครอื่นๆ (แบบที่หลายรายการชอบทำๆกัน) หรือดราม่าน่าสงสารจนมองข้ามความสามารถที่แท้จริงไป
6) แสงสีเสียง รายการนี้จัดเต็มมากๆ จนคิดในใจอยู่ว่า จะหมดงบไปกี่ล้านนะเนี่ยกว่าจะเนรมิตทั้ง hall แม้แต่ที่นั่งคนดู ให้อลังการงานสร้างได้ขนาดนี้ แถมยังออกแบบโชว์ ออกแบบกราฟฟิคได้ตระการตาสุดๆ และที่สำคัญ โชว์ทุกโชว์ "ไม่ง่อย" น่าติดตามมากๆ ทั้งจากผูเข้าแข่งขัน และจากดารารับเชิญที่แวะมาเปิดโชว์โปรโมทเพลงในรายการก็จัดเต็มแบบสุดๆ ไม่แพ้คอนเสิร์ทใหญ่ของตัวเองเลยด้วย คือตื่นตาแบบสุดๆ ไม่อยากพลาดแม้แต่ตอนเดียวจริงๆ
7) เสียดายในเมืองไทย ที่ทางทรูซื้อมาฉาย ก็ฉายแบบแย่สุดๆ อย่างซีซั่น 14 นอกจากจะฉายช้าาาา มากกกก (จนรายการที่อเมริกาจบไปเป็นเดือนๆแล้ว) ก็ย้ายเวลาในช่อง true4u แบบตามใจฉัน จากบ่ายๆวันอาทิตย์ ก็ย้ายเวลาตอนท้ายๆซีซั่นไปอยู่กลางคืนแบบไม่โปรโมทอะไรเลยด้วยซ้ำ เลยติดตามดูได้ไม่ต่อเนื่องเลย เซ็งจริงๆ
ส่วนซีซั่น 13 แม้ทาง true4u จะฉายแบบแทบจะถ่ายทอดสดจากอเมริกา แต่ก็ทำเหมือนเป็นรายการถ่ายทอดออสการ์ซะงั้น คือให้ผู้บรรยาย (ที่แทบจะไม่ได้ทำการบ้านมาด้วยซ้ำ) มาพากย์สรุปบรรยายออกอากาศ ที่ตลกคือบางเทป ผู้บรรยายมาทำงานสาย ก็จะมาพากย์ต่อกลางๆรายการเฉยเลย (แถมไม่พากย์ซ่อมช่วงรีรันด้วยอีกต่างหาก) คือเอามาฉายแบบเสียของมากๆ น่าเสียดายจัง
8) นึกขึ้นได้ ที่ชอบ american idol มากอีกเรื่อง คือผลโหวดที่แฟร์มาก ไม่ต้องเสียเงินทุ่มโหวดแบบบางรายการ (โดยเฉพาะในเมืองไทย) อีกทั้งคนที่โหวดจากทางบ้าน ก็โหวดได้แบบจำกัดไม่กี่เสียง (แถมโหวดฟรีด้วย) มีระยะเวลาโหวดหลังรายการจบชัดเจน ผลโหวดของรายการนี้จึงเชื่อถือได้จริงๆไม่ใช่แค่การปั่นโหวด หรือล็อกโหวดตามความนิยมของคนดู (หรือแม้แต่บางรายการที่(เหมือนจะ)ล็อกโหวด ตามใจกรรมการเพื่อให้ทีมของตัวเองชนะ ซึ่งดูแล้วเพลียจิตมากๆ เฮ่อ..)
9) จะว่าไป อเมริกันไอดอล ก็ยังเป็นรายการประกวดร้องเพลงที่ดูสนุก มีสไตล์ และลงตัวหลายๆอย่าง แม้ปัจจุบันจะมีรายการประกวดร้องเพลงหลากหลายรูปแบบมาแข่งขัน และกระแสเรลลิตี้การแข่งขันประกวดร้องเพลงจะไม่นิยมสุดๆเหมือนสิบปีก่อน แต่รายการก็ยังมีจุดเด่นอีกหลายอย่าง ที่รายการอื่นๆเลียนแบบไม่ได้ คือ "ความเป็น idol" ที่รวมถึงความเป็นบุคคลตัวอย่าง ทั้งในด้านงานเพลงและชีวิตส่วนตัว (ที่แตกต่างจาก net idol ที่ขอแค่ดัง ส่วนจะดังเพราะอะไรก็ช่าง)
10) ยังไม่รู้เลยว่า สุดท้ายทางทรูจะเอา american idol : the fairwell season มาฉายหรือเปล่านะ แต่ถ้าเอามาก็ช่วยทำให้น่าติดตามกว่านี้หน่อยก็ดี อย่างเช่น ทำเป็นซับไทยเถอะ จะโอเคกว่ากันเยอะเลย (คือจะพากย์ไทยก็ดี แต่บางประโยคมันแปลไทย ยังไงก็ไม่ตรงความหมายจริงๆ) อยากให้ช่วยฉายเวลาดีๆ ต่อเนื่องหน่อยเถอะ อย่าย้ายเวลาเป็นว่าเล่น และที่สำคัญ ถ้าอัพเดททันกับที่อเมริกาได้ จะเวิร์คมากๆเลย (หรือถ้าใครจะสามารถทำได้ จะขอบพระคุณสุดๆครับ)
american idol 15 : the fairwell season น่าเสียดายจังที่จะกลายเป็นตำนานซะแล้ว ผมขอรวมความประทับใจที่มีต่อรายการนะครับ
ผมขอเขียนรวมความประทับใจที่มีต่อรายการซะหน่อยแล้วกันนะครับ
1) ตอนที่ได้รู้ข่าวว่าทาง fox จะทำ american idol season นี้เป็น season สุดท้าย ก็อดใจหายไม่ได้ เพราะเป็นอีกรายการที่โดนใจใช้ได้เลย แต่อีกใจก็รู้สึกดีที่ยังต่อให้อีกตั้งซีซั่น (ดีกว่าบางรายการที่หายจ้อยไปเลย) เพราะซีซั่นนี้คงต้องปล่อยทีเด็ดและพลังออกมาทั้งหมดแน่ๆ ไม่มีกั๊ก เพื่อส่งท้ายประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของวงการทีวี หลังจากที่เคยสร้างประวัติศาสตร์มามากมายหลายอย่างที่น่าจดจำ ทั้งในแง่ของความนิยม และนักร้องดังๆระดับคุณภาพมาประดับวงการเพลงมากมายหลายท่าน
2) นักร้องจากอเมริกัน ไอดอลที่รู้จักกันดีก็เคลลี่ คลากสัน ผู้ชนะจากซีซั่น 1 และ แครี่ อันเดอร์วูด จากซีซั่น 4 ที่สร้างเพลงฮิตหลากหลายและเป็นผู้ชนะรางวัลต่างๆทางดนตรีอีกมากมายเยอะแยะไปหมด แม้แต่อดัม แลมเบิร์ค ถึงแม้จะได้ที่ 2 จากซีซั่น 9 แต่ก็โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในวงการบันเทิงอเมริกา ทั้งหมดนี้แม้ปัจจุบันจะโด่งดังสุดๆในอเมริกา แต่ก็อดนึกถึงวันแรกที่เขาเหล่านั้นเข้ามาออดิขั่นไม่ได้ ว่าแต่ละคนหล่อสวยใสๆเริ่มต้นมาอย่างไร
3) หลายวันก่อนไปเดินห้าง มีการจัดอีเวนท์ประกวดอะไรสักอย่าง แล้วผู้เข้าแข่งขันใช้เพลง centuries ในการประกวด ได้ยินเพลงนี้ลอยมาแต่ไกล แบบว่าขนลุกซู่เลย คือนึกถึงภาพ ตอนเราดู american idol season 14 รอบ final เหมือนเราได้มีส่วนร่วมในรายการเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากพลาดที่จะติดตามใน season fairwell นี้จริงๆ
ลิงค์ของคลิปตอนโชว์ในรายการครับ
(แต่หาไม่เจอใน youtube เลยแปะไม่ได้ ต้องคลิกดูเองนะครับ)
http://www.dailymotion.com/video/x350bjp
4) ผมชอบคณะกรรมการชุดนี้มากเลย ทั้งเจนนิเฟอร์ โลเปซ, คีธ เออร์บัน และแฮรี่ คอนนิกค์ จูเนียร์ ผมว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวพอดีๆ (ไม่โหดและใจร้ายเกินไป คือดีไม่ดีไม่รู้ ขอด่าและเวอร์เอาไว้ก่อนล่ะกัน) คำแนะนำของกรรมการก็ "เป๊ะ" คือตรงประเด็น จากประสบการณ์ของคนที่เจนจัดบนเวทีจริงๆ
ตัวอย่างเช่น ซีซั่นล่าสุด ที่คีธ แนะนำคล๊าก เบ็คแฮม เรื่องการเล่นกีตาร์บนเวที ที่แรกๆแบบว่าจืดและเนิร์ดมากๆ คีธก็แนะนำให้ปรับสายสะพายกีตาร์ให้หย่อนลงมาที่เอวอีกนิด ง่ายๆแค่นี้ก็ดู cool และเท่สไตล์มือกีตาร์วงร็อคแล้ว
หรือแม้แต่ นิค ฟราเดียนิ คนคุ้นหน้าจากรายการ america got talent ที่ไปไม่ถึงฝันเท่าไหร่ แต่พอมาแข่งในรายการนี้ หลังจากได้รับคำแนะนำต่างๆ ก็เห็นถึงพัฒนาการอย่างชัดเจน จากนักร้องนำวงร็อคทั่วๆไป กลายเป็นคนที่มีสเน่ห์และเท่มากๆ และโดดเด่นจนชนะเลิศในรอบไฟนอล
5) ยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นแทน เวลาเห็นคนที่เข้าแข่งขัน พัฒนาตัวเอง จากคนธรรมดากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ ที่แตกต่างจากรายการอื่นคือรอบออดิชั่น แม้จะเน้นดราม่าบ้างตามประสารายการเรลลิตี้ แต่ท้ายสุด บุคลิคและความสามารถของผู้เข้าแข่งขันก็สำคัญที่สุดอยู่ดี คือ ต้องไม่หลอกตัวเองแสดงเป็นตัวละครอื่นๆ (แบบที่หลายรายการชอบทำๆกัน) หรือดราม่าน่าสงสารจนมองข้ามความสามารถที่แท้จริงไป
6) แสงสีเสียง รายการนี้จัดเต็มมากๆ จนคิดในใจอยู่ว่า จะหมดงบไปกี่ล้านนะเนี่ยกว่าจะเนรมิตทั้ง hall แม้แต่ที่นั่งคนดู ให้อลังการงานสร้างได้ขนาดนี้ แถมยังออกแบบโชว์ ออกแบบกราฟฟิคได้ตระการตาสุดๆ และที่สำคัญ โชว์ทุกโชว์ "ไม่ง่อย" น่าติดตามมากๆ ทั้งจากผูเข้าแข่งขัน และจากดารารับเชิญที่แวะมาเปิดโชว์โปรโมทเพลงในรายการก็จัดเต็มแบบสุดๆ ไม่แพ้คอนเสิร์ทใหญ่ของตัวเองเลยด้วย คือตื่นตาแบบสุดๆ ไม่อยากพลาดแม้แต่ตอนเดียวจริงๆ
7) เสียดายในเมืองไทย ที่ทางทรูซื้อมาฉาย ก็ฉายแบบแย่สุดๆ อย่างซีซั่น 14 นอกจากจะฉายช้าาาา มากกกก (จนรายการที่อเมริกาจบไปเป็นเดือนๆแล้ว) ก็ย้ายเวลาในช่อง true4u แบบตามใจฉัน จากบ่ายๆวันอาทิตย์ ก็ย้ายเวลาตอนท้ายๆซีซั่นไปอยู่กลางคืนแบบไม่โปรโมทอะไรเลยด้วยซ้ำ เลยติดตามดูได้ไม่ต่อเนื่องเลย เซ็งจริงๆ
ส่วนซีซั่น 13 แม้ทาง true4u จะฉายแบบแทบจะถ่ายทอดสดจากอเมริกา แต่ก็ทำเหมือนเป็นรายการถ่ายทอดออสการ์ซะงั้น คือให้ผู้บรรยาย (ที่แทบจะไม่ได้ทำการบ้านมาด้วยซ้ำ) มาพากย์สรุปบรรยายออกอากาศ ที่ตลกคือบางเทป ผู้บรรยายมาทำงานสาย ก็จะมาพากย์ต่อกลางๆรายการเฉยเลย (แถมไม่พากย์ซ่อมช่วงรีรันด้วยอีกต่างหาก) คือเอามาฉายแบบเสียของมากๆ น่าเสียดายจัง
8) นึกขึ้นได้ ที่ชอบ american idol มากอีกเรื่อง คือผลโหวดที่แฟร์มาก ไม่ต้องเสียเงินทุ่มโหวดแบบบางรายการ (โดยเฉพาะในเมืองไทย) อีกทั้งคนที่โหวดจากทางบ้าน ก็โหวดได้แบบจำกัดไม่กี่เสียง (แถมโหวดฟรีด้วย) มีระยะเวลาโหวดหลังรายการจบชัดเจน ผลโหวดของรายการนี้จึงเชื่อถือได้จริงๆไม่ใช่แค่การปั่นโหวด หรือล็อกโหวดตามความนิยมของคนดู (หรือแม้แต่บางรายการที่(เหมือนจะ)ล็อกโหวด ตามใจกรรมการเพื่อให้ทีมของตัวเองชนะ ซึ่งดูแล้วเพลียจิตมากๆ เฮ่อ..)
9) จะว่าไป อเมริกันไอดอล ก็ยังเป็นรายการประกวดร้องเพลงที่ดูสนุก มีสไตล์ และลงตัวหลายๆอย่าง แม้ปัจจุบันจะมีรายการประกวดร้องเพลงหลากหลายรูปแบบมาแข่งขัน และกระแสเรลลิตี้การแข่งขันประกวดร้องเพลงจะไม่นิยมสุดๆเหมือนสิบปีก่อน แต่รายการก็ยังมีจุดเด่นอีกหลายอย่าง ที่รายการอื่นๆเลียนแบบไม่ได้ คือ "ความเป็น idol" ที่รวมถึงความเป็นบุคคลตัวอย่าง ทั้งในด้านงานเพลงและชีวิตส่วนตัว (ที่แตกต่างจาก net idol ที่ขอแค่ดัง ส่วนจะดังเพราะอะไรก็ช่าง)
10) ยังไม่รู้เลยว่า สุดท้ายทางทรูจะเอา american idol : the fairwell season มาฉายหรือเปล่านะ แต่ถ้าเอามาก็ช่วยทำให้น่าติดตามกว่านี้หน่อยก็ดี อย่างเช่น ทำเป็นซับไทยเถอะ จะโอเคกว่ากันเยอะเลย (คือจะพากย์ไทยก็ดี แต่บางประโยคมันแปลไทย ยังไงก็ไม่ตรงความหมายจริงๆ) อยากให้ช่วยฉายเวลาดีๆ ต่อเนื่องหน่อยเถอะ อย่าย้ายเวลาเป็นว่าเล่น และที่สำคัญ ถ้าอัพเดททันกับที่อเมริกาได้ จะเวิร์คมากๆเลย (หรือถ้าใครจะสามารถทำได้ จะขอบพระคุณสุดๆครับ)