ทำไมต้องพม่า....
เริ่มจากความอยากจะเปรี้ยวด้วยการ back pack เที่ยวต่างประเทศกับเค้าบ้าง หลังจากศึกษาหลากหลายประเทศที่เป็นจุดหมายในฝันของใครหลายคน แต่สุดท้ายสรุปลงที่พม่าเนื่องด้วยหลากหลายสาเหตุ อันดับแรกเลยคืออยากไปไหว้พระตามรอยศรัทธาของเราๆชาวพุทธ ต่อมาก็เรื่องภาษาเอาแบบงูๆ ปลาๆ แต่ยังมีชีวิตรอดและอิ่มท้องแบบไม่ต้องเมื่อยมือสื่อสารกันมากมาย สุดท้ายก็เงินทุนในกระเป๋าเนื่องด้วยเป็นทริปแบกกระเป๋าออกนอกประเทศครั้งแรกเลยอยากซ้อมแบบเบาๆ ลองคำนวณทั้งค่าตั๋ว ที่พักและการเดินทางรับรองทริปนี้กินอิ่มนอนหลับแน่นอนในงบ 10,000บาทสำหรับ 2คน
Day 1 : ตัวเมืองย่างกุ้ง วัดพระหินขาว ช้างเผือกเมืองพม่า วัดชเวตอเมียต วัดงาทัตจี วัดเจ๊าทัตจี เจดีย์โบตะตาว เทพทันใจ เจดีย์ชเวดากอง <<
http://ppantip.com/topic/34573557 >>
Day 2 : เมืองหงสา(พะโค) พระธาตุมุเตา พระนอนชเวตาเลียง เจดีย์ไจ๊ก์ปุ่น(พระสี่ทิศ) พระมหาเจดีย์ พระนอนนองดาวจี มย่ะตาเลียง เดินทางสู่พระธาตุอินทร์แขวน
Day 3 : พระธาตุอินทร์แขวน เดินทางกลับประเทศไทย และรวมค่าใช้จ่าย <<
http://ppantip.com/topic/34576969 >>
..........เช้าวันที่2 ได้เวลาเดินทางต่อแถมเดินทางไกลซะด้วย ย้อนกลับไปเมื่อคืนก่อนส่งกลับโรงแรมคุณแท๊กซี่คนเดิมได้ทำการกล่อมอีกครั้ง โดยแนะนำเชิงชักจูงเรื่องการเดินทางไปพะโค พยายามอย่างยิ่งที่จะโน้มให้เหมาพี่แก 3วันไปถึงไจทิโย (Kyaikhtiyo) ในราคา $250 จากเดิมตั้งใจจะไปรถไฟ เที่ยวพะโคเสร็จก็ต่อรถบัสไปไจทิโยเพื่อขึ้นรถขนหมูไปนอนค้างบนพระธาตุอินทร์แขวน พี่พลขับเริ่มจากการอ้างน้ำท่วมซึ่งจะทำให้การเดินทางลำบากและบางทีอาจเดินทางไม่ได้ และการเดินทางด้วยรถไฟนั้นอันตรายสำหรับสาวๆ อย่างเรา อีกอย่างคือเรื่องเวลาเพราะที่เที่ยวแต่ละที่ของพะโคนั้นค่อนข้างจะไกล นั่นทำให้เราคิดหนักเพราะทริปค่อนข้างเวลาจำกัด เกรงว่าจะถึงไจทิโย(Kyaikhtiyo)ช้าแล้วจะไม่มีรถขึ้นข้างบน หลังจากยื่นข้อเสนอกันอยู่นานต่อรองกันหลายตลบ โดยเรายืนยันว่าไม่ต้องไปถึงไจทิโย(Kyaikhtiyo)ขอแค่พะโค(Bago)ก็พอ จากราคา $80 เหลือ $65 ราคานี้คนขับบอกว่าลดให้สุดๆ แถมค่าเข้าเมือง ค่าชมวัดจะจ่ายให้เรา สิ่งสุดท้ายคือตั๋วรถบัสไปไจทิโย(Kyaikhtiyo)อีก 2ใบ สุดท้ายเลยตกลงที่พรุ่งนี้ไปพะโค(Bago)เที่ยวเสร็จและส่งขึ้นรถบัส พี่แกบอก I buy for you !!!!
จากย่างกุ้งไปพะโค(Bago)เราใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 2ชม. เริ่มเดินทางกัน 7โมงเช้า ขับมาเรื่อยๆ ชักหิวเลยแวะกินข้าวเช้าง่ายๆ ข้างทาง
บรรยากาศคล้ายๆ ที่พักรถแถวบ้านเรา
ทุกโต๊ะจะมีกาชาร้อนวางอยู่พร้อมแก้ว เห็นพี่แท็กซี่ดื่มแล้วคว่ำแก้วไว้ที่เดิม
ขนมจีนหยวกกล้วยหรือโมฮิงกา (Mo Hin Ga)กับไข่ต้ม เมนูนี้ได้มาจากการชี้เอาจากโต๊ะข้างๆ อร่อยใช้ได้
ข้าวผัดกับถั่ว เครื่องเคียงเป็นน้ำพริกแบบแห้งกับผักดอง มีน้ำซุบให้ 1ถ้วยและไข่ดาว อร่อยและไม่เลี่ยนอย่างที่คิด คงเพราะได้รสเผ็ดจากน้ำพริกกับน้ำซุบร้อนๆ ซดให้คล่องคอ
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อเข้าเมืองพะโค(Bago) จากที่อ่านมาเที่ยวพะโค(Bago)จะเสียค่าเข้าเมือง 10,000 จ๊าด อันนี้จำได้ว่าพี่แท็กซี่จะจ่ายให้ มาถึงวัดแกจอดรถเสร็จบอกให้เราเดินขึ้นไปเลย เราคนซื่อเดินขึ้นไปมึนๆ แล้วก็เจอเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องเสียเงินก่อนค่าเข้าเมือง เอาล่ะสิ… มองหน้ากัน 2คนแล้วเดินลงมาหาพี่แกใหม่ ว่ายังไงกันเราต้องจ่ายเหรอ แกบอกใช่ๆ ต้องจ่าย อึ้งสิคะ มองหน้ากันอีกครั้งหรือเราจะฟังเค้าผิดไปว่าเค้าจะซื้อให้ โอเคมาถึงนี่แล้วจ่ายก็จ่าย
ที่แรกเลยคือ เจดีย์ไจ้ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) หรือพระสี่ทิศ สวยงามแต่ต้องบอกก่อนว่ามีแค่นี้เองจริงๆ จากข้างนอกเราก็สามารถเห็นองค์พระแต่ไม่เต็ม
ระหว่างทางเดินก็จะมีขายของเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมาก็เจอภาพแบบนี้เลย วนถ่ายรูป 1รอบเป็นอันจบพิธี
เที่ยวได้ที่เดียวเกิดความไม่สบายใจ (หลังจากโดนจ่ายค่าเข้าเมืองเอง) เลยตกลงกันว่าเราไปซื้อตั๋วไปไจทิโยไว้ก่อนดีกว่า ก่อนที่พี่แกจะลืมว่าต้องซื้อให้ สถานีต่อไปจึงเป็น high way bus station ถึงปุ๊บพี่แกก็ตรงเข้าไปสอบถามเที่ยวรถและราคา สรุปได้ที่เวลา 12:15 เผื่อเวลาไปรอรถขนหมูและจะได้ขึ้นไปไม่มืดจนเกินจะเก็บภาพตอนพระอาทิตย์ตก กำลังวางแผนเพลินๆ พี่คนขับก็บอกราคาตั๋วคนละ $5 เราก็โอเค you buy for me ไง พี่แกยิ้มได้บาดใจแล้วหัวเราะเบาๆ พร้อมพูดว่า yes…. I buy for you but you pay!!!!! อึ้งสิคะท่านผู้ชม อันนี้เริ่มไม่ไหวละ แสดงว่าเค้าพูดถูกแล้วแต่เราเข้าใจผิดนั่นเอง ใครบอกมาแล้วจะโดนแท๊กซี่โกงนี่เถียงนะ เรานี่แหละไม่เข้าใจเค้า!! พี่แกจะซื้อให้แต่ไม่ได้จ่ายให้นี่เนอะ ชักจะมีอารมณ์…. ยืนอธิบายกันอยู่สักพัก ที่บ้าน I ถ้า you บอกว่าจะซื้อให้นี่คือ you จ่ายนะ แบบนี้ไม่โอเคอย่างแรง พี่แกคงเห็นหน้าชักจะเหวี่ยงเลยลดค่ารถให้ $5 ก็คือเราซื้อตั๋วเอง 1ใบ พี่แกซื้อให้ 1ใบ
ได้ตั๋วมาอยู่ในมือด้วยอารมณ์ที่ยังกรุ่นๆ หายใจเข้า หายใจออกช้าๆ สงบสติเพื่อเที่ยวต่อ เอาเถอะมาแล้วก็ต้องให้ครบรส จะมาแบบสบายไร้อุปสรรค์มันก็ไม่หนุก ขาดสีสันเอากลับไปเล่าให้เพื่อนฟังแย่
ขึ้นรถเที่ยวต่อ ที่ต่อไปคือ พระนอนชเวตาเลียว
พระนอนนองดาวจี มย่ะตาเลียง อยู่ใกล้กับพระนอนชเวตาเลียง องค์ใหญ่โตดีค่ะ
มหาเจดีย์ (Mahazedi Pagoda ) เป็นเจดีย์ใหญ่สูงเด่นตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ฐานเป็นรูปทรงปิรามิดแปดเหลี่ยมใหญ่มาก ตัวเจดีมีลักษณะเป็นฐานทรงแปดเหลี่ยมสีขาว ซ้อนกันสูงถึง 9 ชั้น ส่วนบนเป็นองค์เจดีย์ฐานทรงกลมสีทอง
เจดีย์ชเวมอร์ดอว์(Shwemawdaw Paya) หรือพระธาตุมุเตา ไฮไลท์ของเมืองนี้ที่รอคอยแต่ผิดหวังจี๊ดๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงบูรณะทำให้พระธาตุดูคล้ายมีหนามรอบองค์ จากสีทองอร่ามจึงกลายเป็นสีดำ
รวมค่ากล้องวันนี้ทั้งหมด 900จ๊าด แค่แขวนกล้องไว้เฉยๆก็จะมีคนเดินมาเก็บน่ะจ๊ะ ถ่ายไม่ถ่ายไม่สน….
เสร็จที่พระธาตุเตาประมาณ 11:30 สองเราก็มองตากันอีกรอบแล้วสรุปว่าเราจะไม่ไปพระราชวังบุเรงนองเพราะเกรงว่าจะไม่ทันรถ พี่แท็กซี่ทำหน้าเสียดายมากพร้อมกับกล่อมว่ามันน่าไปนะพระราชวัง ส่วนรถบัสไม่ต้องห่วงเรากลับมาถึงเที่ยงครึ่งหรือบ่ายโมงก็ยังโอเค ทันอยู่แล้ว ในใจตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า No จ้ะ เพราะเท่าที่อ่านมาหลายคนบอกว่าออกไปค่อนข้างไกลและไม่มีอะไรมากเพราะสร้างขึ้นมาใหม่ งานนี้จะไม่ยอมตกรถเป็นอันขาด พี่แกเลยมาส่งที่สถานีรถบัส และเมื่อเวลา 12:15 รถบัสก็มา คิดในใจอีกรอบนี่ถ้าฉันไปดูวังคงกลับมาไม่ทันแน่ๆ ว่าแล้วก็วิ่งขึ้นรถอย่างไว Good bye เมืองพะโค
รถบัสแอร์จะเย็นเป็นพักๆ ถ้าพกพัดไปด้วยจะช่วยได้มาก สำคัญอย่าลืมยาดม บนรถบัสจะมีถุงดำแจกให้ทุกที่นั่ง สำหรับคนเวียนมากจนอยากระบายออกมาและคนที่เคี้ยวหมากจะได้ป้วนเป็นที่ทางไม่เลอะเทอะ ระหว่างทางจะจอดแวะพักสำหรับอาหารว่างและน้ำเย็นเลือกเอาตามใจชอบ
มาสัก 3ชม. เราก็มาถึงไจทิโยมองเห็นรถขนหมูที่จอดอยู่แล้วดีใจ ไม่ใช่อะไร ที่ดีใจนี่เพราะได้ลงรถสักที ร้อนและเวียนมาก
รถจอดปุ๊บเราก็โดดลงปั๊บวิ่งไปต่อแถวขึ้นรถขนหมูกันต่อ คราวนี้ไม่น่าเวียนเนื่องจากเป็นรถแบบ open air
ที่นั่ง 6คนต่อ 1แถวไม่เต็มไม่ออก ตัวผอมตัวอ้วนไม่เกี่ยงนับให้นับครบ 6คนเป็นใช้ได้ เตรียมค่ารถใส่กระเป๋ากางเกงไว้เลยคนละ 2,500จ๊าด ส่วนกระเป๋าใบใหญ่ไว้ด้านหลังได้เพราะที่นั่งมันช่างพอดีตัว หลังตรงเข่าชิด
นั่งรับลมประมาณ 45นาทีเพราะมีแวะพักรถ 2ครั้ง เราก็มาถึงด้านบน ขึ้นมาที่สูงอากาศก็เริ่มเย็น จะมีเสลี่ยงมารอรับสำหรับคนขี้เกียจเดินราคาอยู่ที่ $30ยังไม่รวมทิปคนแบกอีก 4คน แต่เราว่าเดินนิดเดียวไม่ทันเมื่อยก็ถึงแล้ว
ดอกไม้สวยระหว่างทาง
คนเค้าเดินไปทางไหนเราก็เดินไปทางนั้น
แวะเสียค่าธรรมเนียมก่อนคนละ $6 จะมีป้ายไว้คล้องคอ เค้าบอกให้คล้องไว้ตลอดนะ
ได้ป้ายนี้มาแปลว่ามาถึงแล้ว
ที่พักของเราคืนนี้ เราจองผ่าน agoda ในราคา 3,460บาท มีอาหารเช้าให้เรียบร้อย เป็นราคาที่ต้องยอมจ่ายเพื่อจะนอนข้างบน
ห้องพักแบบพอดีตัว มีทีวีติดผนังคืนนั้นนอนดูห้องหุ่นอย่างสบายใจ แอร์ไม่ต้องมีแค่พัดลมก็พอแล้ว เอาเข้าจริงตกกลางคืนก็นอนหนาว อากาศเย็นสบายดีมาก
วิวจากระเบียงด้านหลังโรงแรม มองเห็นพระธาตุอยู่ไกลๆ สวยสมใจหายใจได้เต็มปอด
วางกระเป๋าเสร็จล้างหน้าล้างตาพอหายเหนื่อยเราก็เดินขึ้นไปไหว้พระธาตุกัน อย่างที่บอกไว้มาไหว้พระที่พม่าเราต้องถอดรองเท้าทิ้งไว้ตั้งแต่ตีนบันได รองเท้าแตะแบบหายก็ไม่เสียดายจะเหมาะที่สุด ถอดจอดไว้ตรงไหนก็ไม่ต้องกังวล ไม่อย่างนั้นต้องใส่ตู้ทำบุญเพื่อฝากรองเท้าทุกรอบที่ขึ้นไปไหว้
ตอนเรามาเป็นวันที่ “ผู้ใหญ่” ของบ้านเมืองเค้ามาที่นี่พอดี คนที่นั่นเลยตั้งแถวรอรับกันยาวเหยียด
[CR] ++Review++Backpack "Myanmar nice to meet you" เที่ยวพม่า 3 วัน 2 คืน (ย่างกุ้ง พะโค พระธาตุอินทร์แขวน ) Part2
ทำไมต้องพม่า....
เริ่มจากความอยากจะเปรี้ยวด้วยการ back pack เที่ยวต่างประเทศกับเค้าบ้าง หลังจากศึกษาหลากหลายประเทศที่เป็นจุดหมายในฝันของใครหลายคน แต่สุดท้ายสรุปลงที่พม่าเนื่องด้วยหลากหลายสาเหตุ อันดับแรกเลยคืออยากไปไหว้พระตามรอยศรัทธาของเราๆชาวพุทธ ต่อมาก็เรื่องภาษาเอาแบบงูๆ ปลาๆ แต่ยังมีชีวิตรอดและอิ่มท้องแบบไม่ต้องเมื่อยมือสื่อสารกันมากมาย สุดท้ายก็เงินทุนในกระเป๋าเนื่องด้วยเป็นทริปแบกกระเป๋าออกนอกประเทศครั้งแรกเลยอยากซ้อมแบบเบาๆ ลองคำนวณทั้งค่าตั๋ว ที่พักและการเดินทางรับรองทริปนี้กินอิ่มนอนหลับแน่นอนในงบ 10,000บาทสำหรับ 2คน
Day 1 : ตัวเมืองย่างกุ้ง วัดพระหินขาว ช้างเผือกเมืองพม่า วัดชเวตอเมียต วัดงาทัตจี วัดเจ๊าทัตจี เจดีย์โบตะตาว เทพทันใจ เจดีย์ชเวดากอง << http://ppantip.com/topic/34573557 >>
Day 2 : เมืองหงสา(พะโค) พระธาตุมุเตา พระนอนชเวตาเลียง เจดีย์ไจ๊ก์ปุ่น(พระสี่ทิศ) พระมหาเจดีย์ พระนอนนองดาวจี มย่ะตาเลียง เดินทางสู่พระธาตุอินทร์แขวน
Day 3 : พระธาตุอินทร์แขวน เดินทางกลับประเทศไทย และรวมค่าใช้จ่าย << http://ppantip.com/topic/34576969 >>
..........เช้าวันที่2 ได้เวลาเดินทางต่อแถมเดินทางไกลซะด้วย ย้อนกลับไปเมื่อคืนก่อนส่งกลับโรงแรมคุณแท๊กซี่คนเดิมได้ทำการกล่อมอีกครั้ง โดยแนะนำเชิงชักจูงเรื่องการเดินทางไปพะโค พยายามอย่างยิ่งที่จะโน้มให้เหมาพี่แก 3วันไปถึงไจทิโย (Kyaikhtiyo) ในราคา $250 จากเดิมตั้งใจจะไปรถไฟ เที่ยวพะโคเสร็จก็ต่อรถบัสไปไจทิโยเพื่อขึ้นรถขนหมูไปนอนค้างบนพระธาตุอินทร์แขวน พี่พลขับเริ่มจากการอ้างน้ำท่วมซึ่งจะทำให้การเดินทางลำบากและบางทีอาจเดินทางไม่ได้ และการเดินทางด้วยรถไฟนั้นอันตรายสำหรับสาวๆ อย่างเรา อีกอย่างคือเรื่องเวลาเพราะที่เที่ยวแต่ละที่ของพะโคนั้นค่อนข้างจะไกล นั่นทำให้เราคิดหนักเพราะทริปค่อนข้างเวลาจำกัด เกรงว่าจะถึงไจทิโย(Kyaikhtiyo)ช้าแล้วจะไม่มีรถขึ้นข้างบน หลังจากยื่นข้อเสนอกันอยู่นานต่อรองกันหลายตลบ โดยเรายืนยันว่าไม่ต้องไปถึงไจทิโย(Kyaikhtiyo)ขอแค่พะโค(Bago)ก็พอ จากราคา $80 เหลือ $65 ราคานี้คนขับบอกว่าลดให้สุดๆ แถมค่าเข้าเมือง ค่าชมวัดจะจ่ายให้เรา สิ่งสุดท้ายคือตั๋วรถบัสไปไจทิโย(Kyaikhtiyo)อีก 2ใบ สุดท้ายเลยตกลงที่พรุ่งนี้ไปพะโค(Bago)เที่ยวเสร็จและส่งขึ้นรถบัส พี่แกบอก I buy for you !!!!
จากย่างกุ้งไปพะโค(Bago)เราใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 2ชม. เริ่มเดินทางกัน 7โมงเช้า ขับมาเรื่อยๆ ชักหิวเลยแวะกินข้าวเช้าง่ายๆ ข้างทาง
บรรยากาศคล้ายๆ ที่พักรถแถวบ้านเรา
ทุกโต๊ะจะมีกาชาร้อนวางอยู่พร้อมแก้ว เห็นพี่แท็กซี่ดื่มแล้วคว่ำแก้วไว้ที่เดิม
ขนมจีนหยวกกล้วยหรือโมฮิงกา (Mo Hin Ga)กับไข่ต้ม เมนูนี้ได้มาจากการชี้เอาจากโต๊ะข้างๆ อร่อยใช้ได้
ข้าวผัดกับถั่ว เครื่องเคียงเป็นน้ำพริกแบบแห้งกับผักดอง มีน้ำซุบให้ 1ถ้วยและไข่ดาว อร่อยและไม่เลี่ยนอย่างที่คิด คงเพราะได้รสเผ็ดจากน้ำพริกกับน้ำซุบร้อนๆ ซดให้คล่องคอ
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อเข้าเมืองพะโค(Bago) จากที่อ่านมาเที่ยวพะโค(Bago)จะเสียค่าเข้าเมือง 10,000 จ๊าด อันนี้จำได้ว่าพี่แท็กซี่จะจ่ายให้ มาถึงวัดแกจอดรถเสร็จบอกให้เราเดินขึ้นไปเลย เราคนซื่อเดินขึ้นไปมึนๆ แล้วก็เจอเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องเสียเงินก่อนค่าเข้าเมือง เอาล่ะสิ… มองหน้ากัน 2คนแล้วเดินลงมาหาพี่แกใหม่ ว่ายังไงกันเราต้องจ่ายเหรอ แกบอกใช่ๆ ต้องจ่าย อึ้งสิคะ มองหน้ากันอีกครั้งหรือเราจะฟังเค้าผิดไปว่าเค้าจะซื้อให้ โอเคมาถึงนี่แล้วจ่ายก็จ่าย
ที่แรกเลยคือ เจดีย์ไจ้ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) หรือพระสี่ทิศ สวยงามแต่ต้องบอกก่อนว่ามีแค่นี้เองจริงๆ จากข้างนอกเราก็สามารถเห็นองค์พระแต่ไม่เต็ม
ระหว่างทางเดินก็จะมีขายของเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมาก็เจอภาพแบบนี้เลย วนถ่ายรูป 1รอบเป็นอันจบพิธี
เที่ยวได้ที่เดียวเกิดความไม่สบายใจ (หลังจากโดนจ่ายค่าเข้าเมืองเอง) เลยตกลงกันว่าเราไปซื้อตั๋วไปไจทิโยไว้ก่อนดีกว่า ก่อนที่พี่แกจะลืมว่าต้องซื้อให้ สถานีต่อไปจึงเป็น high way bus station ถึงปุ๊บพี่แกก็ตรงเข้าไปสอบถามเที่ยวรถและราคา สรุปได้ที่เวลา 12:15 เผื่อเวลาไปรอรถขนหมูและจะได้ขึ้นไปไม่มืดจนเกินจะเก็บภาพตอนพระอาทิตย์ตก กำลังวางแผนเพลินๆ พี่คนขับก็บอกราคาตั๋วคนละ $5 เราก็โอเค you buy for me ไง พี่แกยิ้มได้บาดใจแล้วหัวเราะเบาๆ พร้อมพูดว่า yes…. I buy for you but you pay!!!!! อึ้งสิคะท่านผู้ชม อันนี้เริ่มไม่ไหวละ แสดงว่าเค้าพูดถูกแล้วแต่เราเข้าใจผิดนั่นเอง ใครบอกมาแล้วจะโดนแท๊กซี่โกงนี่เถียงนะ เรานี่แหละไม่เข้าใจเค้า!! พี่แกจะซื้อให้แต่ไม่ได้จ่ายให้นี่เนอะ ชักจะมีอารมณ์…. ยืนอธิบายกันอยู่สักพัก ที่บ้าน I ถ้า you บอกว่าจะซื้อให้นี่คือ you จ่ายนะ แบบนี้ไม่โอเคอย่างแรง พี่แกคงเห็นหน้าชักจะเหวี่ยงเลยลดค่ารถให้ $5 ก็คือเราซื้อตั๋วเอง 1ใบ พี่แกซื้อให้ 1ใบ
ได้ตั๋วมาอยู่ในมือด้วยอารมณ์ที่ยังกรุ่นๆ หายใจเข้า หายใจออกช้าๆ สงบสติเพื่อเที่ยวต่อ เอาเถอะมาแล้วก็ต้องให้ครบรส จะมาแบบสบายไร้อุปสรรค์มันก็ไม่หนุก ขาดสีสันเอากลับไปเล่าให้เพื่อนฟังแย่
ขึ้นรถเที่ยวต่อ ที่ต่อไปคือ พระนอนชเวตาเลียว
พระนอนนองดาวจี มย่ะตาเลียง อยู่ใกล้กับพระนอนชเวตาเลียง องค์ใหญ่โตดีค่ะ
มหาเจดีย์ (Mahazedi Pagoda ) เป็นเจดีย์ใหญ่สูงเด่นตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ฐานเป็นรูปทรงปิรามิดแปดเหลี่ยมใหญ่มาก ตัวเจดีมีลักษณะเป็นฐานทรงแปดเหลี่ยมสีขาว ซ้อนกันสูงถึง 9 ชั้น ส่วนบนเป็นองค์เจดีย์ฐานทรงกลมสีทอง
เจดีย์ชเวมอร์ดอว์(Shwemawdaw Paya) หรือพระธาตุมุเตา ไฮไลท์ของเมืองนี้ที่รอคอยแต่ผิดหวังจี๊ดๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงบูรณะทำให้พระธาตุดูคล้ายมีหนามรอบองค์ จากสีทองอร่ามจึงกลายเป็นสีดำ
รวมค่ากล้องวันนี้ทั้งหมด 900จ๊าด แค่แขวนกล้องไว้เฉยๆก็จะมีคนเดินมาเก็บน่ะจ๊ะ ถ่ายไม่ถ่ายไม่สน….
เสร็จที่พระธาตุเตาประมาณ 11:30 สองเราก็มองตากันอีกรอบแล้วสรุปว่าเราจะไม่ไปพระราชวังบุเรงนองเพราะเกรงว่าจะไม่ทันรถ พี่แท็กซี่ทำหน้าเสียดายมากพร้อมกับกล่อมว่ามันน่าไปนะพระราชวัง ส่วนรถบัสไม่ต้องห่วงเรากลับมาถึงเที่ยงครึ่งหรือบ่ายโมงก็ยังโอเค ทันอยู่แล้ว ในใจตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า No จ้ะ เพราะเท่าที่อ่านมาหลายคนบอกว่าออกไปค่อนข้างไกลและไม่มีอะไรมากเพราะสร้างขึ้นมาใหม่ งานนี้จะไม่ยอมตกรถเป็นอันขาด พี่แกเลยมาส่งที่สถานีรถบัส และเมื่อเวลา 12:15 รถบัสก็มา คิดในใจอีกรอบนี่ถ้าฉันไปดูวังคงกลับมาไม่ทันแน่ๆ ว่าแล้วก็วิ่งขึ้นรถอย่างไว Good bye เมืองพะโค
รถบัสแอร์จะเย็นเป็นพักๆ ถ้าพกพัดไปด้วยจะช่วยได้มาก สำคัญอย่าลืมยาดม บนรถบัสจะมีถุงดำแจกให้ทุกที่นั่ง สำหรับคนเวียนมากจนอยากระบายออกมาและคนที่เคี้ยวหมากจะได้ป้วนเป็นที่ทางไม่เลอะเทอะ ระหว่างทางจะจอดแวะพักสำหรับอาหารว่างและน้ำเย็นเลือกเอาตามใจชอบ
มาสัก 3ชม. เราก็มาถึงไจทิโยมองเห็นรถขนหมูที่จอดอยู่แล้วดีใจ ไม่ใช่อะไร ที่ดีใจนี่เพราะได้ลงรถสักที ร้อนและเวียนมาก
รถจอดปุ๊บเราก็โดดลงปั๊บวิ่งไปต่อแถวขึ้นรถขนหมูกันต่อ คราวนี้ไม่น่าเวียนเนื่องจากเป็นรถแบบ open air
ที่นั่ง 6คนต่อ 1แถวไม่เต็มไม่ออก ตัวผอมตัวอ้วนไม่เกี่ยงนับให้นับครบ 6คนเป็นใช้ได้ เตรียมค่ารถใส่กระเป๋ากางเกงไว้เลยคนละ 2,500จ๊าด ส่วนกระเป๋าใบใหญ่ไว้ด้านหลังได้เพราะที่นั่งมันช่างพอดีตัว หลังตรงเข่าชิด
นั่งรับลมประมาณ 45นาทีเพราะมีแวะพักรถ 2ครั้ง เราก็มาถึงด้านบน ขึ้นมาที่สูงอากาศก็เริ่มเย็น จะมีเสลี่ยงมารอรับสำหรับคนขี้เกียจเดินราคาอยู่ที่ $30ยังไม่รวมทิปคนแบกอีก 4คน แต่เราว่าเดินนิดเดียวไม่ทันเมื่อยก็ถึงแล้ว
ดอกไม้สวยระหว่างทาง
คนเค้าเดินไปทางไหนเราก็เดินไปทางนั้น
แวะเสียค่าธรรมเนียมก่อนคนละ $6 จะมีป้ายไว้คล้องคอ เค้าบอกให้คล้องไว้ตลอดนะ
ได้ป้ายนี้มาแปลว่ามาถึงแล้ว
ที่พักของเราคืนนี้ เราจองผ่าน agoda ในราคา 3,460บาท มีอาหารเช้าให้เรียบร้อย เป็นราคาที่ต้องยอมจ่ายเพื่อจะนอนข้างบน
ห้องพักแบบพอดีตัว มีทีวีติดผนังคืนนั้นนอนดูห้องหุ่นอย่างสบายใจ แอร์ไม่ต้องมีแค่พัดลมก็พอแล้ว เอาเข้าจริงตกกลางคืนก็นอนหนาว อากาศเย็นสบายดีมาก
วิวจากระเบียงด้านหลังโรงแรม มองเห็นพระธาตุอยู่ไกลๆ สวยสมใจหายใจได้เต็มปอด
วางกระเป๋าเสร็จล้างหน้าล้างตาพอหายเหนื่อยเราก็เดินขึ้นไปไหว้พระธาตุกัน อย่างที่บอกไว้มาไหว้พระที่พม่าเราต้องถอดรองเท้าทิ้งไว้ตั้งแต่ตีนบันได รองเท้าแตะแบบหายก็ไม่เสียดายจะเหมาะที่สุด ถอดจอดไว้ตรงไหนก็ไม่ต้องกังวล ไม่อย่างนั้นต้องใส่ตู้ทำบุญเพื่อฝากรองเท้าทุกรอบที่ขึ้นไปไหว้
ตอนเรามาเป็นวันที่ “ผู้ใหญ่” ของบ้านเมืองเค้ามาที่นี่พอดี คนที่นั่นเลยตั้งแถวรอรับกันยาวเหยียด