เรื่องของเรื่องที่ตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ ก็เพราะว่าช่วงที่ย้ายเข้ามาอยู่คอนโดใหม่ๆ รู้สึกว่าอากาศในห้องไม่ค่อยถ่ายเท แล้วส่วนใหญ่เราก็เปิดแอร์ตลอด อาจเพราะไม่ชินที่เมื่อก่อนเราอยู่บ้านอากาศมันก็จะถ่ายเทได้มากกว่าก็เลยรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ค่อยสะดวก นอนหลับก็ไม่สนิท ผมกับแฟนก็เลยคิดว่าซื้อเครื่องฟอกอากาศไว้ในห้องซักตัวก็คงดี เผื่อจะช่วยให้อากาศมันถ่ายเทมากขึ้น แล้วอีกอย่างก็ลดกลิ่นอับ กลิ่นอาหารเวลาทำกับข้าวในห้องไปด้วยในตัว

โจทย์ของผมซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแฟนซะมากกว่า ก็เลยมีอยู่ว่าเครื่องฟอกอากาศที่เราจะซื้อมันต้องตอบเราได้อย่างน้อย 2 ใน 3 ข้อก็ยังดี

ข้อ 1 งบประมาณ เรียกว่าสำคัญมาก ผมตั้งงบไว้ที่ 15,000 พอ อารมณ์เบี้ยน้อย ขอแค่พอดีก็พอคร้าบ
ข้อ 2  ต้องช่วยให้ห้องไม่อับ ข้อนี้ยิ่งสำคัญกว่าข้อไหนๆ แฟนรีเควสมาต้องช่วยลดพวกกลิ่นอับในห้องได้ด้วย เพราะอย่างที่บอกครับคอนโดมันจะไม่เหมือนบ้านที่จะเปิดให้อากาศถ่ายเทได้ขนาดนั้นแถมอยู่ในเมืองแบบนี้ด้วย สั้นๆ คำเดียวยากที่จะหาอากาศแบบบริสุทธิ์ได้
ข้อ 3 อยากได้ที่แบบช่วยเรื่องอากาศแห้งด้วยครับถ้าเป็นไปได้ เพราะด้วยความที่ติดแอร์มากเลยเปิดทั้งวันก็เลยยิ่งทำให้อากาศในห้องแห้งมาก ผิดก็แห้งตามไปด้วย บางทีตื่นมาก็แอบแสบจมูก แสบคอมากนอนไม่ค่อยจะสนิท
ข้อ 4 ช่วยกรองฝุ่นในห้องได้ด้วยจะดีมาก เพราะห้องผมฝุ่นค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน ไม่มีเวลาปัดกวาดมากเท่าที่ควร

หลังจากที่เลือกอยู่นานแสนนาน ในที่สุดก็ได้เจ้า HITACHI EP-A6000 ตัวนี้มาไว้ประดับ เอ้ย.....ประจำคอนโดนอนรออยู่ในกล่องแล้วครับด้วยราคาที่แอบเกินงบนิดนึง....มั้ง จากที่บอกไปตอนแรกว่าตั้งงบไว้ที่ 15,000  เลือกไปเลือกมาจบที่สนนราคา 18,900 พอดีเป๊ะ!



แต่ถือว่าโอเคเพราะได้ครบตามที่เราอยากได้ พนักงานบอกว่า เครื่องนี้ Made in Japan ครับวัสดุอุปกรณ์จะไม่เหมือนพวกเครื่องจีนที่แบบว่าพังง่ายๆ ไม่ค่อยแข็งแรง ผมนี่เป็นคนนึงที่ถ้าเลือกได้ไม่อยากใช้ของที่ผลิตในจีนเคยซื้อทีวีมาครั้งนึงคือใช้ได้ไม่ถึงไหน คือเบื่อมากครับ คุณภาพต่ำมาก  พอพนักงานบอกว่าเครื่องญี่ปุ่นผมเลยไม่ลังเลเท่าไหร่ วัสดุเค้าเหมือนเป็นของญี่ปุ่นเลย ที่ชอบอีกอย่างคือตัวนี้มันฟอกอากาศได้ดีกว่าเครื่องทั่วไป เพราะมันมีตัวกรองสาร VOCs แล้วก็ช่วยกรองฝุ่นได้ดี โดยเฉพาะฝุ่นเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วย แล้วก็ช่วยเรื่องกรองกลิ่นในอากาศด้วยครับ แผ่นกรองกลิ่นอันนี้ พนักงานบอกว่าใช้วัสดุเดียวกับโรงบำบัดน้ำเสียของญี่ปุ่นเลยครับ และด้วยความที่สงสัยว่าไอ้เจ้า VOCs เนี้ยมันคืออะไรเลยไปปรึกษาอากู๋มาได้คำตอบคร่าวๆ ที่พอเข้าใจประมาณนี้ครับ VOCs เนี้ยคือสารระเหยที่เป็นพิษในอากาศ เช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นควันบุหรี่ , น้ำยาย้อมผม,ดัดผม หรือสีทาบ้าน อะไรพวกนี้อ่ะครับ ที่จะทำให้เราเป็นภูมิแพ้ได้คุณสมบัตินี่เต็มมากๆ

ว่าแล้วก็อย่าได้รอช้าเรามาเปิดกล่องเจ้าเครื่องนี้กันเลยดีกว่าครับ ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นเยี่ยงไร?



ตัวที่ซื้อมาเป็นสีขาว รูปร่างก็ผอมเพรียวกระทัดรัด จับเข้ามุมได้ง่ายไม่เกะกะ จริงๆ พนักงานบอกว่าตัวนี้สามารถเอาติดผนังได้เลย เพราะการทำงานคือดูดลมจากด้านหน้า ปล่อยลมออกด้านบน จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้อีกเรียกว่าเหมาะกับคอนโดมากครับกระทัดรัดสุดๆ

ลืมบอกไปว่าจริงๆ ผมจะเอารุ่นที่เล็กกว่านี้รุ่นนึง มาแล้ว เพราะถ้าเทียบขนาดพื้นที่น่าจะเหมาะกันพอดี ห้องผมขนาด 32 ตร.ม. โดยประมาณ เป็นแบบ 1 ห้องนอน แต่ด้วยที่ผมรู้สึกว่าเรามีห้องนอนแยกออกมา มันอาจไม่ทั่วทั้งห้อง เวลาจะใช้ก็ต้องเปิดพัดลมแรงๆ เพื่อให้อากาศมันทั่วห้องเลยจัดเป็น EP-A6000 มาแทน เพราะตัวนี้เหมาะกับห้องจนถึง 46 ตร.ม. เครื่องทำงานไม่หนักด้วย อารมณ์เดียวกับเวลาติดแอร์นั่นแหละครับ ห้องเล็กติด 9000 ก็อาจจะเย็นพอดีแต่ไม่เย็นจัด ถ้าอยากได้เย็นจัดก็ต้องซื้อเครื่องที่ BTU ใหญ่ขึ้นหน่อย ผมเลยใช่ตรรกะนั้นเลยครับ  



กระโดดกลับมาประกอบร่างกันดีกว่าครับ หลังจากเห็นหน้าตากันไปแล้ว



แกะหน้ากากออกมาจะเห็นแผ่นกรองสามแผ่น คือ
1.    แผ่นกรองหยาบเป็นตาข่ายเหมือนในแอร์เลย เป็นตัวกรองด้านแรงนั่นเองครับ



2.    แผ่นกรองฝุ่น (สีขาวฟ้า) ตัวนี้จะช่วยดักจับฝุ่น ละอองต่างๆ ที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ครับ มันจะช่วยดักจับไรฝุ่น หรือแม้แต่พวกฝุ่นๆ เล็กๆ อย่างที่บอกไปในตอนแรกนั่นแหละครับ ว่าแม้ฝุ่นๆ เล็กเจ้าเครื่องนี้ก็จัดการได้ยิ่งแผ่นใหญ่ก็ยิ่งดักจับฝุ่นได้เยอะ งานนี้ไม่ต้องเป็นภูมิแพ้เลยครับ



3.    แผ่นกรองขจัดกลิ่น  (สีดำ) ผมถ่ายให้เห็นได้แค่นี้จะเห็นว่าเหมือนเม็ดๆ สีขาวอยู่ข้างในทั่วทั้งแผ่น ตัวที่บอกไว้ตอนแรกว่าเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในโรงงานบำบัดน้ำเสียของญี่ปุ่นช่วยเรื่องขจัดกลิ่นแรงๆ ครับ



หลังจากตัวกรองสามอันนั่นแล้ว เจ้าตัวนี้ยังมีตัวช่วยทำความชื้นที่เป็นแท็งก์น้ำด้านข้างเครื่อง แล้วก็ แผ่นกรองไอน้ำ ที่เห็นเป็นสีส้มๆ ด้านล่างของตัวเครื่อง



แล้วเราก็ทำการดึงมันออกมาครับ แผ่นสีส้มช่วยในการกรองไอน้ำจากแท็งก์น้ำ ส่วนนี้จะช่วยเรื่องอากาศแห้งครับ มันจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นภายในห้องให้อากาศไม่แห้งเหมือนเวลาเราเปิดแอร์ อีกอย่างคือมันมีโหมดช่วยให้ผิวชุ่มชื้นด้วยเรียกว่าถูกอกถูกใจคุณแฟนเค้าล่ะครับ



เมื่อผ่านตัวกรองต่างๆ มาแล้ว เราก็แวะมาดูการทำงานของมันซะหน่อยแล้วกันครับ อย่างที่เคยบอกไว้ในตอนแรกว่าเครื่องนี้สามารถนำไปติดผนังได้เพราะตัวระบายอากาศจะดูดลมมาจากหน้าเครื่องจากนั้นจะปล่อยลมบริสุทธิ์ออกมาด้านบนของตัวเครื่องผ่านช่องนี้ครับ



ได้รู้จักตัวกรองต่างๆ จากการแยกร่างเรียบร้อยแล้ว ก็มาประกอบร่างคืนให้สมบูรณ์เตรียมใช้งานกันดีกว่าครับ แต่ก่อนที่จะใส่ตัวแผ่นกรอง ที่ตัวเครื่องเราจะเห็นว่ามีกระดาษสีน้ำตาลเสียบอยู่ให้ดึงออกก่อนนะครับ ภาพที่ 2  และด้านบนของเครื่องจะมีบอกสีของแผ่นกรองว่าถ้าแผ่นมีสีขาวออกน้ำตาล หรือสีเทาแสดงว่าถึงกำหนดที่ต้องเปลี่ยนครับ ภาพที่ 1



วิธีการใส่ก็ไม่ยากเลยคือด้านบนของตัวกรองจะมีบอกว่าด้านไหนอยู่ด้านหน้าด้านหลัง แล้วก็ดันเข้าไปให้สุดจนไม่เห็นแถบสีขาวด้านล่างของตัวเครื่อง ภาพที่ 3  แล้วจึงใส่แผ่นกรองหยาบเข้าไป พอใส่แผ่นกรองเสร็จก็เติมน้ำให้เต็มแท็งก์น้ำที่ใช้ทำความชื้นแล้วใส่กลับเข้าที่เดิม จากนั้นใส่หน้ากากกลับเข้าที่เดิมได้เลย เท่านี้ก็พร้อมใช้งานแล้วครับ
*เพิ่มเติมนิดนึงครับตัวแท็งก์น้ำถ้าเกิดว่าไม่เปิดโหมดทำความชื้นก็ไม่ต้องใส่ได้เหมือนกันนะครับ เครื่องก็สามารถใช้งานได้ปกติ

ถ้าเกิดว่าไม่เข้าใจตรงด้านข้างของเครื่องจะมีวิธีถอด วิธีใส่แผ่นกรอง และข้อห้ามแปะไว้ให้ดูด้วยนะครับ



ถ้าพร้อมแล้วก็ประกอบร่างเลย



ประกอบร่างเสร็จแล้วมาดูกันว่าทำอะไรได้บ้าง อย่างแรกมาดูปุ่มต่างๆ บนเครื่องกันก่อนเลยนะครับ จะเห็นว่ามีโหมดให้เลือกเยอะมาก แล้วที่ต่างจากยี่ห้ออื่นคือมีรีโมทมาให้ด้วย เวลากลางคืนขี้เกียจลุกก็กดรีโมทเปลี่ยนโหมดตั้งเวลาได้เลยง่ายๆ

พร้อมแล้วก็เปิดเครื่องกันเลย จะกดที่รีโมทหรือว่าที่เครื่องก็ได้เหมือนกัน พอเปิดเครื่อง เครื่องจะทำการตรวจสอบสภาพอากาศภายในห้องก่อนจะเริ่มต้นทำงานโหมดต่างๆ โดยผ่านเซ็นเซอร์ที่ตัวเครื่องว่า มีกลิ่น หรือความชื้นอยู่ที่เท่าไหร่ สังเกตได้จากไฟที่กระพริบบนตัวเครื่องครับ ถ้ามีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ไฟที่ air sensor ก็จะกระพริบๆ พอผ่าน 1 นาทีไปเครื่องก็จะเงียบลง จากนั้นเราก็เลือกโหมดที่อยากให้เครื่องทำงานได้เลย อันนี้ผมเลือกโหมดฟอกอากาศปกติครับ



ว่าแล้วก็มาดูกันว่าบนหน้าเครื่องมีอะไรกันบ้าง



ไล่ตามลำดับไปเลยแล้วกันนะครับ
แถบ Humidity Level จะเป็นตัวบอกความชื้นภายในห้องว่าตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่ ค่าที่ดีที่สุดคืออยู่ที่ 50-60 ตามที่คู่มือบอกไว้นะครับ



มาดูกันที่โหมดต่างๆ มีให้เลือก 5 โหมดด้วยกัน เลือกใช้งานได้ตามนี้เลยครับ



นอกเหนือจากโหมดต่างๆ ก็จะเป็นปุ่มที่ตั้งค่าพัดลมอัตโนมัติ หรือจะปรับให้เบา-แรงตามใจได้เลย อีกปุ่มที่ขาดไม่ได้คือปุ่มประหยัดพลังงานหรือ Eco เพื่อช่วยในการประหยัดค่าไฟของเราด้วย อันนี้โดนใจคุณแฟนสุดๆ
เพิ่มเติมอีกข้อคือไฟหน้าจอเครื่องผมไม่แน่ใจว่ารุ่นอื่นสามารถทำได้หรือป่าว แต่ตัวนี้สามารถลดแสงไฟที่หน้าจอได้ด้วยนะครับ เพื่อไม่ให้รำคาญเวลาเรานอน ง่ายๆ คือกดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องแช่ไว้ 3 วิ ไฟก็จะรี่ลงครับ





รู้จักหน้าตา ส่วนประกอบกันไปแล้วมาดูความรู้สึกหลังทดลองใช้มา 2 อาทิตย์กันบ้างดีกว่า ผมขอสรุปเป็นข้อแล้วกันนะครับ
1.    เรื่องของเสียง เครื่องจะเสียงดังหน่อยแค่ช่วงที่เปิดเครื่องทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศภายในห้องตอนนั้นด้วยนะครับ อาจจะดังหรือไม่ดังก็ได้ แต่หลังจากนั้นเครื่องเงียบมากครับ ยิ่งถ้าตั้งโหมด Eco นอกจากจะเงียบแล้วยังช่วยให้ประหยัดขึ้นด้วยครับ ไม่รู้สึกรำคาญเลยครับ
2.    เรื่องของกลิ่น ถือว่าช่วยได้ดีมาก เรื่องกลิ่นอับในห้อง กลิ่นอาหารเวลาทำกับข้าวในห้องแทบจะไม่มีเลย เวลาทำกับข้าวผมจะเปิดเครื่องเลือกโหมดขจัดกลิ่นรุนแรงไปด้วย เพื่อให้เครื่องช่วยดูดกลิ่นกับควันไปด้วยในตัว ก็สามารถช่วยได้ระดับหนึ่งครับ เปิดทิ้งไว้กลิ่นก็เบาลง
3.    เรื่องการนอน พอห้องไม่อับ อากาศไม่แห้ง ก็นอนหลับสบายขึ้น ตื่นมาไม่รู้สึกแสบคอ แสบจมูกเหมือนนอนเปิดแอร์อย่างเดียว อีกอย่างคือช่วยทุ่นแรงแอร์ได้เยอะพอสมควรเลยครับ
โดยรวมส่วนตัวผมถือว่าโอเคนะไม่เสียใจ ไม่เสียดายที่ซื้อมา ช่วยให้อากาศในห้องผมดีขึ้นจริงๆ นอนหลับสบายกว่าเดิมมาก ถือว่าซื้อสุขภาพให้ตัวเองกับแฟนครับ

จบกันไปแล้วกับการเปิดกล่องเครื่องฟอกอากาศ Hitachi EP-A6000 แจ่มแจ๋วประจำคอนโดของผม หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังอยากซื้อสุขภาพดีๆ ให้ตัวเองซักเครื่องนะครับ หากมีคำถาม หรือต้องการติชมอะไรบอกได้เลยนะครับ ยินดีตอบครับ สุดท้ายก็ขอบคุณที่เข้ามาชมกระทู้ของผมนะครับ รอบหน้าถ้ามีอะไรเด็ดๆ อีกจะเอามาอวดกันแน่นอนครับ