หากเรามองย้อนไปถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับอวกาศ ตั้งแต่วันที่จินตนาการของเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบทฤษฏีแรงโน้มถ่วงของ นิวตัน ที่ทำให้เรารู้ว่าดวงดาวแต่ละดวงมีแรงโน้มถ่วงต่อกันและต่างโคจรรอบดวงอาทิตย์เหมือนกัน หรือจุดเริ่มต้นของนิยายวิทยาศาสตร์ของจูลส์ เวิร์น ที่จินตนาการไปถึงการเดินทางไปดวงจันทร์ของมนุษย์ จนกระทั่งมนุษย์เราสามารถเดินทางไปสู่อวกาศครั้งแรกได้จริงๆโดย ยูริ กาการิน เมื่อปี 1961 และสามารถลงเหยียบบนดวงจันทร์ได้ด้วยยาน อพอลโล 11 เมื่อปี 1969 อีก 8 ปีต่อมา ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ถึงได้ถือกำเนิดขึ้น และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามอวกาศระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรม ที่เปลี่ยนฉากสงครามโลกที่คุ้นเคย กลายเป็นการไล่ล่ากันด้วยยาน Tie-Fighter และ X-Wing ยาน Star Destroyer ขนาดยักษ์ และอาวุธที่มีพลังทำลายล้างขนาดใหญ่เท่าดวงดาวที่ชื่อว่า Death Star ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars คือจุดกึ่งกลางของความรู้ทางอวกาศเท่าที่มนุษย์มีและจินตนาการเกี่ยวกับอวกาศที่ไกลที่สุดเท่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้ในเวลานั้น นอกจากนี้ Star Wars ยังบัญญัติศัพท์เกี่ยวกับอวกาศขึ้นมาใหม่ เช่นการเดินทางเข้าสู่ Hyperspace ด้วยความเร็วแสง ดาวที่มีแต่ทะเลทรายอย่าง Tatooine หุ่นยนต์ Astro Droid ปืนเลเซอร์ และการต่อสู้กันด้วย light saber ระหว่างอัศวิน Jedi และ Darth Vader (ซึ่งต่อมาถึงได้เรียกว่าเป็นพวก Sith) ที่กลายมาเป็นภาพจำที่ทุกคนจำกันได้มากที่สุด ว่านี่คือสัญลักษณ์ของ Star Wars และอย่างที่รู้กันว่า Star Wars นั้นนำมาดัดแปลงจากการ์ตูนที่ George Lucas ถือลิขสิทธิ์ แต่ด้วยเทคนิคภาพยนตร์ที่ทำได้สมัยนั้นไม่สามารถเริ่มจากตอนที่ 1 ได้ ภาคแรกของ Star Wars จึงเป็นตอนที่ 4 ซึ่งต่อมาเรียกว่าชื่อตอน A New Hope และเป็นตอนที่ 5 และ 6 ตามลำดับ ก่อนที่ George Lucas จะมาเริ่มสร้างตอนที่ 1 ขึ้นมาใหม่ในอีก 20 กว่าปีต่อมา โดยลำดับเวลาการออกฉายของ Star Wars แต่ละภาคเป็นดังนี้
ภาค 4 : A New Hope (1977)
ภาค 5 : Empire Strike Back (1980)
ภาค 6 : Return of the Jedi (1983)
ภาค 1 : The Phantom Menace (1999)
ภาค 2 : Attack of the Clones (2002)
ภาค 3 : Revenge of the Sith (2005)
คราวนี้คนส่วนใหญ่ก็มักจะมีคำถามว่า ถ้าจะเริ่มต้นดู Star Wars ควรจะเริ่มต้นดูจากตอนไหน ?
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ ...
ตอนไหนก็ได้ ขอแค่แยกออกเป็นทีละ 3 ภาค คือ 4,5,6 หรือไม่ก็ 1,2,3
ถ้าอยากดูหมดตามลำดับเวลาการออกฉาย ก็จะเป็น 4,5,6,1,2,3 ซึ่งการดูแบบนี้ก็จะได้อารมณ์ของเทคนิคภาพยนตร์ยุคเก่าไปสู่ใหม่ หรือถ้าอยากดูแบบลำดับเนื้อเรื่องก็จะเป็น 1,2,3,4,5,6 โดยเฉพาะคนที่ดูจาก DVD และ Blu-Ray ยุคหลังที่ทำออกมาใหม่ เพราะในตัวหนังจะมีการแต่งเติมฉากและ CG ใหม่ๆลงไปด้วย เช่น A New Hope จะมีการแก้ไขฉากต่างๆให้ดูดีขึ้นครั้งแรกในเวอร์ชั่นปี 1997 และครั้งที่ 2 ปี 2011 หรือแม้แต่ Return of the Jedi ที่ตอนท้ายจะใส่ฉากการเฉลิมฉลองของดาว Naboo และ Anakin Skywalker ในเวอร์ชั่นของ Hayden Christensen ลงไปด้วย ดังนั้นใครที่ไม่เคยดูแล้วจะเริ่มดูจาก DVD หรือ Blu-Ray สมัยใหม่ การดูตามลำดับแบบนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดมากกว่า แล้วคราวนี้ก็จะมาถึงคำถามที่ว่า
ถ้าจะดู The Force Awaken ล่ะ ควรดูภาคไหนมาก่อน ?
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ 4,5 และ 6
เพราะ The Force Awaken คือ Episode 7 และอ้างอิงเรื่องราวและตัวละครต่อจากนั้น เช่น Han Solo , Chewbacca , Princess Leia เป็นต้น ซึ่งถ้าดูมาก่อนก็จะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น และตื่นตาตื่นใจกับฉากที่เขาพยายามสร้างขึ้นมาใหม่ให้รู้ถึงเรื่องราวที่เป็นไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ถ้าไม่เคยดูมาก่อนเลยแล้วดูภาคนี้ ก็คงมีหลายอย่างของเนื้อเรื่องที่จะต้องเดาๆเอาด้วยตัวเองเช่นกัน โดยเรื่องราวพื้นฐานของภาคนี้ก็คงไม่ต่างจากการเริ่มต้นภาคแรกของทุกๆไตรภาค นั่นก็คือการ “ค้นพบพลัง” ซึ่งไตรภาคทุกภาคจะมีโครงเรื่องที่คล้ายๆกันคือ
ตอนแรก : การค้นพบพลัง
ตอนที่ 2 : การเรียนรู้
และตอนที่ 3 : จุดหักและชัยชนะ ซึ่งก็แบ่งเป็นชนะและแพ้ฝ่ายละครั้งตามชื่อตอน (Revenge of the Sith / Empire Strike Back)
แต่ทว่า The Force Awaken นี้ ก็ได้มีการผสมผสานการ “คนพบพลัง” ตามสไตล์ตอนแรกของไตรภาคกับ “จุดหัก” ไว้ด้วย จึงทำให้การดำเนินเรื่องค่อนข้างแตกต่างออกไปจากความคุ้นเคยของ Star Wars ปกติทั่วไป และนอกจากความสะใจของแฟนๆที่ได้เห็นตัวละครเก่าๆที่เราคุ้นเคยมาโลดแล่นอยู่บนจออีกครั้งแล้ว หนังยังพยายามปูเรื่องและแนะนำตัวละครใหม่ที่จะมีให้เห็นในภาคต่อๆไปอีกด้วย (Star Wars Episode 8 ถูกวางกำหนดการไว้ว่าจะออกฉายปี 2017 และ Episode 9 จะฉายปี 2019) ดังนั้นหากถามถึงความสนุกของภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงจะบอกได้ว่า
“สนุก ... สมกับที่คิดถึง และสนุก ... สมกับที่รอคอย”
แต่ถ้าถามว่า Star Wars EP 7 : The Force Awaken นี้จะเป็น Movie of the year ไหม ?
คำตอบคือ “น่าจะยาก”
ด้วยความแตกต่างของขอบเขตของจินตนาการที่ Star Wars ภาคแรกที่เคยสร้างไว้เมื่อ 38 ปีที่แล้ว อาจยากที่จะสร้าง impact ต่อความรู้สึกของคนดูในยุคปัจจุบัน นั่นก็เพราะว่าเทคนิคและการเล่าเรื่องต่างๆในภาพยนตร์ยุคปัจจุบันนั้นได้ก้าวหน้าไปไกลเหลือเกิน จนแม้แต่เราเองที่เป็นแฟนตัวยงของ Star Wars ยังไม่สามารถบอกได้เลยว่าการที่เราได้เห็นฉากต่างๆในภาคนี้ เมื่อดูแล้วเราเองก็ไม่ได้ใจเต้นหรือตื่นเต้นซักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ชุด The Avengers ที่มีฉากอย่าง Hulkbuster ต่อยปะทะกับ The Hulk หรือความสนุกของ Ironman หรือ Captain America เรื่องและภาพเหล่านี้ส่งผลต่อจิตใจของคนดูมากกว่าลีลาการขับยาน Millenium Falcon ของ Han Solo ที่คนดูเองก็เคยเห็นมาแล้วในภาคก่อนๆ ดังนั้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็คือ
“ดีใจที่ได้เห็น แต่คงจะดีใจมากกว่านี้ถ้าสิ่งที่ได้เห็นเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้”
เพราะสิ่งที่ผู้กำกับ J.J. Abrams ทำไว้คือ “ดี ... ดีมากๆ” ในแง่ของการสดุดีต้นฉบับนั้น ทำออกมาได้อย่างดี ฉากทุกฉากที่เราคิดถึง เราก็ได้เห็น และเป็นฉากที่ทำออกมาได้สวยงามและตื่นตาตื่นใจอีกด้วย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ Star Treks ที่เขาเองก็นำมาปัดฝุ่นทำใหม่ กลายเป็นว่า Star Treks นั้นกลับมีอะไรหลายอย่างที่เราคาดเดาไม่ได้ให้คนดูได้ตื่นตาตื่นใจอยู่ในนั้นเยอะกว่ามาก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นอาจมีอยู่ในภาคนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึก “ตะลึงกับสิ่งใหม่ๆที่เค้าสร้างมามากพออย่างที่ใจเราหวังไว้” ทำให้ความรู้สึกจากการดู Star Wars ภาคนี้คือ “ชอบนะ” แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นว่าจะกระโดดโลดเต้นแล้วพูดออกมาว่า “ชอบ
เลย” อะไรแบบนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต่างรู้ดีว่านี่คือ “บทนำ” ของไตรภาคชุดที่ 3 ที่จะพาเราไปสู่อะไรอีกมากมายที่กำลังรอคอยเราอยู่ การคลี่คลายปมต่างๆ และปูมหลังของตัวละครที่เรายังไม่รู้ ซึ่งแน่นอนว่าแค่การนำ Star Wars กลับมาทำใหม่นั้น แฟนๆก็ดีใจจะแย่แล้ว และผมเชื่อว่าแฟนๆทุกคนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่คงจะตั้งตารอมหากาพย์ของความอลังการครั้งนี้กันต่อในอีกหลายปีข้างหน้า
ปล.ผมกำลังเริ่มทำ blog รีวิวหนัง หากใครชอบแวะเข้าไปคอมเม้นท์ได้นะครับ
https://nospoil.wordpress.com/?p=2 ขอบคุณครับ
รีวิว Star Wars : The Force Awaken แบบไม่สปอยล์
ภาค 4 : A New Hope (1977)
ภาค 5 : Empire Strike Back (1980)
ภาค 6 : Return of the Jedi (1983)
ภาค 1 : The Phantom Menace (1999)
ภาค 2 : Attack of the Clones (2002)
ภาค 3 : Revenge of the Sith (2005)
คราวนี้คนส่วนใหญ่ก็มักจะมีคำถามว่า ถ้าจะเริ่มต้นดู Star Wars ควรจะเริ่มต้นดูจากตอนไหน ?
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ ...
ตอนไหนก็ได้ ขอแค่แยกออกเป็นทีละ 3 ภาค คือ 4,5,6 หรือไม่ก็ 1,2,3
ถ้าอยากดูหมดตามลำดับเวลาการออกฉาย ก็จะเป็น 4,5,6,1,2,3 ซึ่งการดูแบบนี้ก็จะได้อารมณ์ของเทคนิคภาพยนตร์ยุคเก่าไปสู่ใหม่ หรือถ้าอยากดูแบบลำดับเนื้อเรื่องก็จะเป็น 1,2,3,4,5,6 โดยเฉพาะคนที่ดูจาก DVD และ Blu-Ray ยุคหลังที่ทำออกมาใหม่ เพราะในตัวหนังจะมีการแต่งเติมฉากและ CG ใหม่ๆลงไปด้วย เช่น A New Hope จะมีการแก้ไขฉากต่างๆให้ดูดีขึ้นครั้งแรกในเวอร์ชั่นปี 1997 และครั้งที่ 2 ปี 2011 หรือแม้แต่ Return of the Jedi ที่ตอนท้ายจะใส่ฉากการเฉลิมฉลองของดาว Naboo และ Anakin Skywalker ในเวอร์ชั่นของ Hayden Christensen ลงไปด้วย ดังนั้นใครที่ไม่เคยดูแล้วจะเริ่มดูจาก DVD หรือ Blu-Ray สมัยใหม่ การดูตามลำดับแบบนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดมากกว่า แล้วคราวนี้ก็จะมาถึงคำถามที่ว่า
ถ้าจะดู The Force Awaken ล่ะ ควรดูภาคไหนมาก่อน ?
คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ 4,5 และ 6
เพราะ The Force Awaken คือ Episode 7 และอ้างอิงเรื่องราวและตัวละครต่อจากนั้น เช่น Han Solo , Chewbacca , Princess Leia เป็นต้น ซึ่งถ้าดูมาก่อนก็จะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น และตื่นตาตื่นใจกับฉากที่เขาพยายามสร้างขึ้นมาใหม่ให้รู้ถึงเรื่องราวที่เป็นไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ถ้าไม่เคยดูมาก่อนเลยแล้วดูภาคนี้ ก็คงมีหลายอย่างของเนื้อเรื่องที่จะต้องเดาๆเอาด้วยตัวเองเช่นกัน โดยเรื่องราวพื้นฐานของภาคนี้ก็คงไม่ต่างจากการเริ่มต้นภาคแรกของทุกๆไตรภาค นั่นก็คือการ “ค้นพบพลัง” ซึ่งไตรภาคทุกภาคจะมีโครงเรื่องที่คล้ายๆกันคือ
ตอนแรก : การค้นพบพลัง
ตอนที่ 2 : การเรียนรู้
และตอนที่ 3 : จุดหักและชัยชนะ ซึ่งก็แบ่งเป็นชนะและแพ้ฝ่ายละครั้งตามชื่อตอน (Revenge of the Sith / Empire Strike Back)
แต่ทว่า The Force Awaken นี้ ก็ได้มีการผสมผสานการ “คนพบพลัง” ตามสไตล์ตอนแรกของไตรภาคกับ “จุดหัก” ไว้ด้วย จึงทำให้การดำเนินเรื่องค่อนข้างแตกต่างออกไปจากความคุ้นเคยของ Star Wars ปกติทั่วไป และนอกจากความสะใจของแฟนๆที่ได้เห็นตัวละครเก่าๆที่เราคุ้นเคยมาโลดแล่นอยู่บนจออีกครั้งแล้ว หนังยังพยายามปูเรื่องและแนะนำตัวละครใหม่ที่จะมีให้เห็นในภาคต่อๆไปอีกด้วย (Star Wars Episode 8 ถูกวางกำหนดการไว้ว่าจะออกฉายปี 2017 และ Episode 9 จะฉายปี 2019) ดังนั้นหากถามถึงความสนุกของภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงจะบอกได้ว่า
“สนุก ... สมกับที่คิดถึง และสนุก ... สมกับที่รอคอย”
แต่ถ้าถามว่า Star Wars EP 7 : The Force Awaken นี้จะเป็น Movie of the year ไหม ?
คำตอบคือ “น่าจะยาก”
ด้วยความแตกต่างของขอบเขตของจินตนาการที่ Star Wars ภาคแรกที่เคยสร้างไว้เมื่อ 38 ปีที่แล้ว อาจยากที่จะสร้าง impact ต่อความรู้สึกของคนดูในยุคปัจจุบัน นั่นก็เพราะว่าเทคนิคและการเล่าเรื่องต่างๆในภาพยนตร์ยุคปัจจุบันนั้นได้ก้าวหน้าไปไกลเหลือเกิน จนแม้แต่เราเองที่เป็นแฟนตัวยงของ Star Wars ยังไม่สามารถบอกได้เลยว่าการที่เราได้เห็นฉากต่างๆในภาคนี้ เมื่อดูแล้วเราเองก็ไม่ได้ใจเต้นหรือตื่นเต้นซักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ชุด The Avengers ที่มีฉากอย่าง Hulkbuster ต่อยปะทะกับ The Hulk หรือความสนุกของ Ironman หรือ Captain America เรื่องและภาพเหล่านี้ส่งผลต่อจิตใจของคนดูมากกว่าลีลาการขับยาน Millenium Falcon ของ Han Solo ที่คนดูเองก็เคยเห็นมาแล้วในภาคก่อนๆ ดังนั้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็คือ
“ดีใจที่ได้เห็น แต่คงจะดีใจมากกว่านี้ถ้าสิ่งที่ได้เห็นเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้”
เพราะสิ่งที่ผู้กำกับ J.J. Abrams ทำไว้คือ “ดี ... ดีมากๆ” ในแง่ของการสดุดีต้นฉบับนั้น ทำออกมาได้อย่างดี ฉากทุกฉากที่เราคิดถึง เราก็ได้เห็น และเป็นฉากที่ทำออกมาได้สวยงามและตื่นตาตื่นใจอีกด้วย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ Star Treks ที่เขาเองก็นำมาปัดฝุ่นทำใหม่ กลายเป็นว่า Star Treks นั้นกลับมีอะไรหลายอย่างที่เราคาดเดาไม่ได้ให้คนดูได้ตื่นตาตื่นใจอยู่ในนั้นเยอะกว่ามาก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นอาจมีอยู่ในภาคนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึก “ตะลึงกับสิ่งใหม่ๆที่เค้าสร้างมามากพออย่างที่ใจเราหวังไว้” ทำให้ความรู้สึกจากการดู Star Wars ภาคนี้คือ “ชอบนะ” แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นว่าจะกระโดดโลดเต้นแล้วพูดออกมาว่า “ชอบเลย” อะไรแบบนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต่างรู้ดีว่านี่คือ “บทนำ” ของไตรภาคชุดที่ 3 ที่จะพาเราไปสู่อะไรอีกมากมายที่กำลังรอคอยเราอยู่ การคลี่คลายปมต่างๆ และปูมหลังของตัวละครที่เรายังไม่รู้ ซึ่งแน่นอนว่าแค่การนำ Star Wars กลับมาทำใหม่นั้น แฟนๆก็ดีใจจะแย่แล้ว และผมเชื่อว่าแฟนๆทุกคนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่คงจะตั้งตารอมหากาพย์ของความอลังการครั้งนี้กันต่อในอีกหลายปีข้างหน้า
ปล.ผมกำลังเริ่มทำ blog รีวิวหนัง หากใครชอบแวะเข้าไปคอมเม้นท์ได้นะครับ https://nospoil.wordpress.com/?p=2 ขอบคุณครับ