สวัสดีครับผมจอห์น วู ... วันนี้ผมครึ้มใจ อยากแชร์เรื่องราวประสบการณ์ของผมลง pantip บ้าง ผมเคยเขียนเรื่องมาลง pantip มาสัก 2-3 เรื่องแล้วหละ และรู้สึกสนุกที่มีคนมาแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน ไม่แน่ใจว่าจะมีใครพอจะรู้จักหรือจำผมได้ไหม ผมผลิตผลงานการถ่ายภาพปีละครั้ง (เล่นตัวหน่อยประหนึ่งตนเป็นเซเลป) ... อารมณ์ดีก็เขียนกระทู้ลง pantip อารมณ์สนุกก็จะหยิบจับกล้องขึ้นมาถ่ายรูปสวยๆ
และหนาวนี้ได้มีคนชวนไปทำงานที่เชียงใหม่ จะรออะไรหละครับ ผมนี่รีบตกลงทันทีเลย แต่ที่ไม่ลืม สะพายกล้อง....... ยี่ห้อ ....รุ่น .....ไปนอนกอดให้หายหนาวที่เชียงใหม่ด้วย
ทริปนี้เป็นการเที่ยวสถานที่อยู่ใกล้ตัวเมือง ด้วยความที่พวกเรามาเชียงใหม่บ่อยแล้ว.....อันไหนคนไปเยอะๆ หรือออกสื่อบ่อยแล้ว เราจะไม่ไป แต่เราเลือกไปที่ที่มีความทรงจำดีๆ และบางคนอาจจะลืมไปแล้วว่ามัน “ยังคง” มีอยู่ โดยใช้กล้อง D800E เลนส์ 14-24N และ 24-70N แต่คงไม่ได้ถ่ายนานแล้วภาพเลยค่อยไปทางแย่ ฮะๆๆ
เรารวมพลังมนุษย์เงินเดือน เพศแม่ 2 นาง กับ ตากล้องตัวกลม 1 นาย ที่ทำงานเรียก “แก๊งค์อินดี้สักแต่ติส”
และมีผู้นำทาง อีก 1 คน (เพื่อนผมเองสมัยเรียน เธอทำงานที่ไปรษณีย์) งานนี้เธอ “ยอม” มาเป็นแบบให้ด้วย จะว่า “ยอม” ก็ไม่ใช่สิ เพราะเธออยากให้ผมช่วยถ่ายรูปสวยๆ ให้
เธอมีคาแรคเตอร์แตกต่างจากสาวเหนือทั่วไป หนึ่ง คือ ความอินดี้ ที่ไม่ต่างกันกับผม แต่เชื้อมึนของเธอนัวปรี๊ดโดดเด่นจากสาวเหนือ ทั่วๆ ไป
เรื่องงานริวจะไม่ยุ่ง (ผมไม่ขอเล่า) นะฮะ ...จะขอเล่าสถานที่ที่ผมไปในส่วนที่เสียตังค์เองแบบภาคภูมิใจ T T
มาเริ่มกันเลย!!
เช้าวันแรก แสตมป์ (เราเรียกว่าแตม) เพื่อนสาวนางนี้มารับเราที่สนามบินแต่เช้าตรู่ ผมและเดอะแก๊งค์เพิ่งลงเครื่องมาอย่างสะโหลสะเหล แตมบอก...เจอกันต้องต้อนรับด้วยข้าวซอย เป็นอาหารเหนือ (Welcome เราด้วยข้าวซอยในมื้อแรกของวัน !!! กระเพาะผมยังไม่ชินคร้าบบ) ที่แปลกไปกว่านั้นคือใต้ป้ายชื่อร้านเขียนว่า (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย!!) 555
อืม....ทุกสิ่งแม้จะค้านสายตาข้าพเจ้าและเดอะแก๊งค์มากขนาดก็ตาม แต่คนพื้นที่อย่าง “แตม” เขายืนยันมาอ่ะนะ ก็ลองซักหน่อย อ้อ ร้านนี้ชื่อ “ ร้านแม่จำปา” อยู่หลังโรงเรียนวารี ถนนมหิดล ตรงมาเรื่อยๆ เด๋วก็เจอ
บรรยากาศร้านร่มรื่น
ร้านแม่จำปา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย แค่ชื่อ ก็ดูภาคเหนือแล้ว ผมนี่รีบสั่งข้าวซอยไก่เลยครัช (ก็แตม ยืนยันนักหนาว่า ข้าวซอยร้านนี้อร๊อย อร่อยๆๆๆๆๆ )
มาแล้วหน้าตาข้าวซอยไก่!! ที่มาพร้อมเครื่องเคียงที่เติมได้ตลอด แต่ชาร์จเพิ่ม ส่วนชามด้านบนเส้นขาวๆ (ก๋วยเตี๋ยว) นั้น คงรู้นะกันนะฮะว่าใครสั่ง .....ผมงี้ชักไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนสั่งขึ้นมาซะงั้น
เอาล่ะ...อย่าเพิ่งตัดสินอะไรจากหน้าตา
คำแรกที่ได้แตะลิ้นต้องขอบอกเลยละคุณเอ๊ยย!! มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ออกจัดจ้านนิดนึง เส้นกรอบร่วน แต่ยังคงความเหนียวนุ่มไว้เวลาผสมกับน้ำพริกข้าวซอย เส้นที่ผ่านการทอดจะอุ้มน้ำไว้ ให้รสชาติที่ดีงามตามท้องเรื่อง ส่วนไก่ก็มีกลิ่นหอมเครื่องเทศนิดๆ เข้ากันได้เป็นอย่างดี กินพร้อมกับผักดอง/หอมแดงและบีบมะนาวตามลงไปอีกนิด แบบชีวิตที่ไม่ต้องคิดมาก ตามฟอร์มหมดเกลี้ยงไป 2 ชาม แหะๆ
หลังจากอิ่มหนำกับข้าวซอยรสเลิศแล้ว ที่ต่อไปที่เราจะไปคือ “แม่กำปอง” ซึ่งเป็นวิถีธรรมชาติ บ้านเล็กในป่าใหญ่ที่คงความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้น้ำตกไว้ครบ ที่นี่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 ก.ม. เริ่มต้นจากตัวเมืองไปทาง อ.สันกำแพง
ที่นี่บรรยากาศ ชิล ที่สุดในสามโลกแล้วละคร้าบบ
เรานั่งรถตามไกด์ของเราขึ้นไป ที่น้ำตกที่นางการันตีซะเหลือเกินว่า งดงาม จั๊บใจ๋
มาถึงแล้วช่วงคนน้อย แต่ อุบ๊ะๆๆ ฟิลลิ่งมันเริ่มมา เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหล กับความชุมชื่นที่ลอยอยู่ตามอากาศ ทำให้เราต้องเดินเข้าไปสัมผัส...
ที่น้ำตก บนหมู่บ้านแม่กำปองนี้ ก็ไม่ใช่น้ำตกที่ใหญ่อะไรมากเท่าไหรฮะ แต่ก็สวยงาม และบรรยากาศน่ามานั่งชิล เก็บภาพ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีเลยทีเดียว (ที่สำคัญน้ำตกไหลลงมาเป็นน้ำครับ ไม่ได้กวนนะครับเรื่องจริง!!)
...รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเห็นวิวนี้ใน MV เพลงเขียนคำว่ารัก ของพี่เบิร์ด เลยอ่ะ ...ได้แต่เขียนเป็นจดหมาย เพราะรู้ว่าง่ายกว่า สบตาแล้วบอกว่ารัก... ว้าวววว โรแมนติกจุง
ไกด์แตมพามา เราก็ต้องทำงานแลกค่าน้ำมันรถเขาละนะ เอ๊าว์ ซักหน่อยพอขำๆ
อากาศดี บรรยากาศดี แบบนี้ เดินชิลลงเขากันดีกว่า
เดินชมนกชมไม้ไปเพลินๆ บรรยากาศดีสุดๆ
เราเดินตามทางลงมาไม่นาน ก็เจอร้านกาแฟที่เป็นจุดชมวิวอีกที่ ...ที่คนนิยมมากัน ร้าน “ชมนกชมไม้” (ไม่แน่ใจว่าคนนิยมไหมนะ เห็นคนเยอะ)
บรรยากาศร้านดูดี งานนี้ฟินอีกแล้ว!!
ร้านนี้เด็ดดด ...ที่มีจุดชมวิว ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาดูวิว ... ส่วนผมชมวิวสวยผ่านเลนส์ ละกาน
เสน่ห์อีกอย่างของร้านฯ คือ แค่ผ่านก็หอมกลิ่นกาแฟสด (มีเครื่องคั่วและบดกาแฟ เครื่องใหญ่ฯ อยู่หน้าร้าน) ชวนดื่มจ๊าดนัก ....หอมขนาดนี้สั่งกาแฟ สิ ช้าอยู่ใย
เห็นกาแฟไหมครับ ไม่มีเนอะ เพราะไม่มีใครกินกาแฟ ฮะๆๆ แล้วสังเกตเค้กที่แหว่งๆ ไปไหมครับ (ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปตอนไหน 555)
อิ่มแล้ว ก็ไปกันต่อ กับ วัด... วัดชื่ออะไรผมไม่แน่ใจ เพราะมานั่งดูรูปแล้วไม่เห็นชื่อป้ายใครรู้ช่วยบอกด้วยน้า
วัดนี้เจ๋งตรงที่มีโบสต์กลางน้ำ เดินลงไปก็ระวังๆ กันด้วยนะครับ ด้วยมีความเป็นธรรมชาติสูง ตะไคร่น้ำจึงเพียบ
เราอยู่ที่วัดกันนานมากๆ น่าจะเกือบๆ 40 นาที เพราะ สาวเหนือ นางนี้ ไหว้ตั้งแต่พระพุทธรูปบนกำแพง ลามลงไปยันโบสถ์กลางน้ำ
หลังจากที่พวกเรากราบไหว้สิ่งศักดิ์ครบทุกชั้นฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินย้อนขึ้นครับ ฟังไม่ผิด ครับเดินย้อนขึ้น เพราะหิวข้าวเที่ยง ( แตม เธอเลือกร้านนี้ไว้ แต่เรามารู้ทีหลังว่ายังมีอีกหลายร้านด้านล่างให้เลือกทาน เฮ้อ!! คุณแตม)
จากรูปน่าจะดูรู้เลยว่าใครหิว พวกเราก็พยายามเดินไป จนถึงร้าน “เฮือนกาแฟ แม่กำปอง” เราจะมากินข้าวเที่ยงกันที่นี่ และชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เฮือนกาแฟ แต่ขอโทษนะคะ หน้าร้านเน้นขายผักจ้า และด้านในมีอาหารขาย ส่วนมุมกาแฟต้อง
เพ่งดีๆ จึงจะเห็น (อยู่ในมุมมืดหรือเขาจงใจให้โรแมนติค ผมนี่แยกไม่ค่อยออก) จะว่าไปอิชั้นนี่ งง ตั้งแต่ ร้านข้าวซอยมื้อเช้าแล้ว จังหวัดน่ารักๆ อย่างเชียงใหม่ นี้ผมค้นพบมุมเก๋ๆ ในการตั้งชื่อร้าน...ที่ทำให้คนต่างถิ่นอย่างผม จำได้
ด้วยความหิวทำให้เราสั่งอาหารมามากมาย ผมรู้สึกได้เลยว่ามื้อนี้ผมหนักไข่มาก! (ส่วนไข่ที่แหว่งไปผมขอยกความดีให้กับไกด์คนเดิมที่รับประทานได้ไวแบบไม่รอการลั่นชัตเตอร์จากผมเลย T-T)
หลังจากอิ่มกันแล้ว พวกเราวัยใสก็เดินลงเขาต่อ ฮะๆๆ
และระหว่างทางที่เดินลงไปก็เจอกับร้านกาแฟ / โฮมสเตย์ มากมาย
ที่นี่มีร้านกาแฟเยอะมากๆ ครับ ไม่รู้มีส่วนแบ่งการตลาดกันยังไง แต่จากที่เดินดูแล้วผมว่า ร้านไหนเปิด ร้านนั้นน่าจะชนะ ร้านไหนปิด ก็ไม่ได้ขายครับ
ส่วนคนพื้นที่... ผมไม่แน่ใจว่านอกจากร้านค้าที่มีพ่อค้าแม่ค้าแล้ว เขาหายไปไหนกันหมด
ตัวอย่างร้านนี้ดอกไม้สวย ให้ฟิลเก๋ๆ น่านั่ง แต่ไม่เปิดจ้า...
เดินลงมาอีกนิดเดียวก็เจออีกร้านแล้ว
วิถี slow life ที่นี่ต้องบอกเลยว่ามาเต็มมากๆ
เราหมายตากันไว้ กับร้านดังอีกร้านประจำแม่กำปอง แน่นอนต้องเป็นร้านกาแฟ ร้าน “ลุงปุ๊ด.ป้าเป็ง” ร้านฮิพๆ ที่มีเทกเจอร์หน้าร้านอันทรงพลัง พร้อมที่จะดึงดูดฝูงชนให้เข้าไปดื่มด่ำกับกาแฟรสเลิศ
อย่างที่ผมบอกเทกเจอร์ที่นี่ทรงพลัง คนเลยติดมาในเฟรมเหมือนเดิม
ไปดูด้านในร้านกันบ้างดีกว่า
ร้านนี้ที่พีคสุดๆ ก็ตรงที่มีระเบียงไว้ให้จิบกาแฟ สัมผัส กับธรรมชาติ ได้แค่เอื้อมมื
และไม่น่าเชื่อครับ ว่าเราอยู่ที่นี่นานมาก มองนาฬิกาก็เกือบๆจะบ่าย 3 โมงแล้ว เลยต้องรีบลงจากดอยแล้ว เพราะว่าเราจะไปดูวิธีทำร่มของภาคเหนือกัน
[CR] เชียงใหม่กับมุมที่ไม่ดัง... แต่ไปแล้วปัง
และหนาวนี้ได้มีคนชวนไปทำงานที่เชียงใหม่ จะรออะไรหละครับ ผมนี่รีบตกลงทันทีเลย แต่ที่ไม่ลืม สะพายกล้อง....... ยี่ห้อ ....รุ่น .....ไปนอนกอดให้หายหนาวที่เชียงใหม่ด้วย
ทริปนี้เป็นการเที่ยวสถานที่อยู่ใกล้ตัวเมือง ด้วยความที่พวกเรามาเชียงใหม่บ่อยแล้ว.....อันไหนคนไปเยอะๆ หรือออกสื่อบ่อยแล้ว เราจะไม่ไป แต่เราเลือกไปที่ที่มีความทรงจำดีๆ และบางคนอาจจะลืมไปแล้วว่ามัน “ยังคง” มีอยู่ โดยใช้กล้อง D800E เลนส์ 14-24N และ 24-70N แต่คงไม่ได้ถ่ายนานแล้วภาพเลยค่อยไปทางแย่ ฮะๆๆ
เรารวมพลังมนุษย์เงินเดือน เพศแม่ 2 นาง กับ ตากล้องตัวกลม 1 นาย ที่ทำงานเรียก “แก๊งค์อินดี้สักแต่ติส”
และมีผู้นำทาง อีก 1 คน (เพื่อนผมเองสมัยเรียน เธอทำงานที่ไปรษณีย์) งานนี้เธอ “ยอม” มาเป็นแบบให้ด้วย จะว่า “ยอม” ก็ไม่ใช่สิ เพราะเธออยากให้ผมช่วยถ่ายรูปสวยๆ ให้
เธอมีคาแรคเตอร์แตกต่างจากสาวเหนือทั่วไป หนึ่ง คือ ความอินดี้ ที่ไม่ต่างกันกับผม แต่เชื้อมึนของเธอนัวปรี๊ดโดดเด่นจากสาวเหนือ ทั่วๆ ไป
เรื่องงานริวจะไม่ยุ่ง (ผมไม่ขอเล่า) นะฮะ ...จะขอเล่าสถานที่ที่ผมไปในส่วนที่เสียตังค์เองแบบภาคภูมิใจ T T
มาเริ่มกันเลย!!
เช้าวันแรก แสตมป์ (เราเรียกว่าแตม) เพื่อนสาวนางนี้มารับเราที่สนามบินแต่เช้าตรู่ ผมและเดอะแก๊งค์เพิ่งลงเครื่องมาอย่างสะโหลสะเหล แตมบอก...เจอกันต้องต้อนรับด้วยข้าวซอย เป็นอาหารเหนือ (Welcome เราด้วยข้าวซอยในมื้อแรกของวัน !!! กระเพาะผมยังไม่ชินคร้าบบ) ที่แปลกไปกว่านั้นคือใต้ป้ายชื่อร้านเขียนว่า (ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย!!) 555
อืม....ทุกสิ่งแม้จะค้านสายตาข้าพเจ้าและเดอะแก๊งค์มากขนาดก็ตาม แต่คนพื้นที่อย่าง “แตม” เขายืนยันมาอ่ะนะ ก็ลองซักหน่อย อ้อ ร้านนี้ชื่อ “ ร้านแม่จำปา” อยู่หลังโรงเรียนวารี ถนนมหิดล ตรงมาเรื่อยๆ เด๋วก็เจอ
บรรยากาศร้านร่มรื่น
ร้านแม่จำปา ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย แค่ชื่อ ก็ดูภาคเหนือแล้ว ผมนี่รีบสั่งข้าวซอยไก่เลยครัช (ก็แตม ยืนยันนักหนาว่า ข้าวซอยร้านนี้อร๊อย อร่อยๆๆๆๆๆ )
มาแล้วหน้าตาข้าวซอยไก่!! ที่มาพร้อมเครื่องเคียงที่เติมได้ตลอด แต่ชาร์จเพิ่ม ส่วนชามด้านบนเส้นขาวๆ (ก๋วยเตี๋ยว) นั้น คงรู้นะกันนะฮะว่าใครสั่ง .....ผมงี้ชักไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนสั่งขึ้นมาซะงั้น
เอาล่ะ...อย่าเพิ่งตัดสินอะไรจากหน้าตา
คำแรกที่ได้แตะลิ้นต้องขอบอกเลยละคุณเอ๊ยย!! มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ออกจัดจ้านนิดนึง เส้นกรอบร่วน แต่ยังคงความเหนียวนุ่มไว้เวลาผสมกับน้ำพริกข้าวซอย เส้นที่ผ่านการทอดจะอุ้มน้ำไว้ ให้รสชาติที่ดีงามตามท้องเรื่อง ส่วนไก่ก็มีกลิ่นหอมเครื่องเทศนิดๆ เข้ากันได้เป็นอย่างดี กินพร้อมกับผักดอง/หอมแดงและบีบมะนาวตามลงไปอีกนิด แบบชีวิตที่ไม่ต้องคิดมาก ตามฟอร์มหมดเกลี้ยงไป 2 ชาม แหะๆ
หลังจากอิ่มหนำกับข้าวซอยรสเลิศแล้ว ที่ต่อไปที่เราจะไปคือ “แม่กำปอง” ซึ่งเป็นวิถีธรรมชาติ บ้านเล็กในป่าใหญ่ที่คงความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้น้ำตกไว้ครบ ที่นี่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 ก.ม. เริ่มต้นจากตัวเมืองไปทาง อ.สันกำแพง
ที่นี่บรรยากาศ ชิล ที่สุดในสามโลกแล้วละคร้าบบ
เรานั่งรถตามไกด์ของเราขึ้นไป ที่น้ำตกที่นางการันตีซะเหลือเกินว่า งดงาม จั๊บใจ๋
มาถึงแล้วช่วงคนน้อย แต่ อุบ๊ะๆๆ ฟิลลิ่งมันเริ่มมา เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหล กับความชุมชื่นที่ลอยอยู่ตามอากาศ ทำให้เราต้องเดินเข้าไปสัมผัส...
ที่น้ำตก บนหมู่บ้านแม่กำปองนี้ ก็ไม่ใช่น้ำตกที่ใหญ่อะไรมากเท่าไหรฮะ แต่ก็สวยงาม และบรรยากาศน่ามานั่งชิล เก็บภาพ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีเลยทีเดียว (ที่สำคัญน้ำตกไหลลงมาเป็นน้ำครับ ไม่ได้กวนนะครับเรื่องจริง!!)
...รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเห็นวิวนี้ใน MV เพลงเขียนคำว่ารัก ของพี่เบิร์ด เลยอ่ะ ...ได้แต่เขียนเป็นจดหมาย เพราะรู้ว่าง่ายกว่า สบตาแล้วบอกว่ารัก... ว้าวววว โรแมนติกจุง
ไกด์แตมพามา เราก็ต้องทำงานแลกค่าน้ำมันรถเขาละนะ เอ๊าว์ ซักหน่อยพอขำๆ
อากาศดี บรรยากาศดี แบบนี้ เดินชิลลงเขากันดีกว่า
เดินชมนกชมไม้ไปเพลินๆ บรรยากาศดีสุดๆ
เราเดินตามทางลงมาไม่นาน ก็เจอร้านกาแฟที่เป็นจุดชมวิวอีกที่ ...ที่คนนิยมมากัน ร้าน “ชมนกชมไม้” (ไม่แน่ใจว่าคนนิยมไหมนะ เห็นคนเยอะ)
บรรยากาศร้านดูดี งานนี้ฟินอีกแล้ว!!
ร้านนี้เด็ดดด ...ที่มีจุดชมวิว ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาดูวิว ... ส่วนผมชมวิวสวยผ่านเลนส์ ละกาน
เสน่ห์อีกอย่างของร้านฯ คือ แค่ผ่านก็หอมกลิ่นกาแฟสด (มีเครื่องคั่วและบดกาแฟ เครื่องใหญ่ฯ อยู่หน้าร้าน) ชวนดื่มจ๊าดนัก ....หอมขนาดนี้สั่งกาแฟ สิ ช้าอยู่ใย
เห็นกาแฟไหมครับ ไม่มีเนอะ เพราะไม่มีใครกินกาแฟ ฮะๆๆ แล้วสังเกตเค้กที่แหว่งๆ ไปไหมครับ (ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปตอนไหน 555)
อิ่มแล้ว ก็ไปกันต่อ กับ วัด... วัดชื่ออะไรผมไม่แน่ใจ เพราะมานั่งดูรูปแล้วไม่เห็นชื่อป้ายใครรู้ช่วยบอกด้วยน้า
วัดนี้เจ๋งตรงที่มีโบสต์กลางน้ำ เดินลงไปก็ระวังๆ กันด้วยนะครับ ด้วยมีความเป็นธรรมชาติสูง ตะไคร่น้ำจึงเพียบ
เราอยู่ที่วัดกันนานมากๆ น่าจะเกือบๆ 40 นาที เพราะ สาวเหนือ นางนี้ ไหว้ตั้งแต่พระพุทธรูปบนกำแพง ลามลงไปยันโบสถ์กลางน้ำ
หลังจากที่พวกเรากราบไหว้สิ่งศักดิ์ครบทุกชั้นฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินย้อนขึ้นครับ ฟังไม่ผิด ครับเดินย้อนขึ้น เพราะหิวข้าวเที่ยง ( แตม เธอเลือกร้านนี้ไว้ แต่เรามารู้ทีหลังว่ายังมีอีกหลายร้านด้านล่างให้เลือกทาน เฮ้อ!! คุณแตม)
จากรูปน่าจะดูรู้เลยว่าใครหิว พวกเราก็พยายามเดินไป จนถึงร้าน “เฮือนกาแฟ แม่กำปอง” เราจะมากินข้าวเที่ยงกันที่นี่ และชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เฮือนกาแฟ แต่ขอโทษนะคะ หน้าร้านเน้นขายผักจ้า และด้านในมีอาหารขาย ส่วนมุมกาแฟต้อง
เพ่งดีๆ จึงจะเห็น (อยู่ในมุมมืดหรือเขาจงใจให้โรแมนติค ผมนี่แยกไม่ค่อยออก) จะว่าไปอิชั้นนี่ งง ตั้งแต่ ร้านข้าวซอยมื้อเช้าแล้ว จังหวัดน่ารักๆ อย่างเชียงใหม่ นี้ผมค้นพบมุมเก๋ๆ ในการตั้งชื่อร้าน...ที่ทำให้คนต่างถิ่นอย่างผม จำได้
ด้วยความหิวทำให้เราสั่งอาหารมามากมาย ผมรู้สึกได้เลยว่ามื้อนี้ผมหนักไข่มาก! (ส่วนไข่ที่แหว่งไปผมขอยกความดีให้กับไกด์คนเดิมที่รับประทานได้ไวแบบไม่รอการลั่นชัตเตอร์จากผมเลย T-T)
หลังจากอิ่มกันแล้ว พวกเราวัยใสก็เดินลงเขาต่อ ฮะๆๆ
และระหว่างทางที่เดินลงไปก็เจอกับร้านกาแฟ / โฮมสเตย์ มากมาย
ที่นี่มีร้านกาแฟเยอะมากๆ ครับ ไม่รู้มีส่วนแบ่งการตลาดกันยังไง แต่จากที่เดินดูแล้วผมว่า ร้านไหนเปิด ร้านนั้นน่าจะชนะ ร้านไหนปิด ก็ไม่ได้ขายครับ
ส่วนคนพื้นที่... ผมไม่แน่ใจว่านอกจากร้านค้าที่มีพ่อค้าแม่ค้าแล้ว เขาหายไปไหนกันหมด
ตัวอย่างร้านนี้ดอกไม้สวย ให้ฟิลเก๋ๆ น่านั่ง แต่ไม่เปิดจ้า...
เดินลงมาอีกนิดเดียวก็เจออีกร้านแล้ว
วิถี slow life ที่นี่ต้องบอกเลยว่ามาเต็มมากๆ
เราหมายตากันไว้ กับร้านดังอีกร้านประจำแม่กำปอง แน่นอนต้องเป็นร้านกาแฟ ร้าน “ลุงปุ๊ด.ป้าเป็ง” ร้านฮิพๆ ที่มีเทกเจอร์หน้าร้านอันทรงพลัง พร้อมที่จะดึงดูดฝูงชนให้เข้าไปดื่มด่ำกับกาแฟรสเลิศ
อย่างที่ผมบอกเทกเจอร์ที่นี่ทรงพลัง คนเลยติดมาในเฟรมเหมือนเดิม
ไปดูด้านในร้านกันบ้างดีกว่า
ร้านนี้ที่พีคสุดๆ ก็ตรงที่มีระเบียงไว้ให้จิบกาแฟ สัมผัส กับธรรมชาติ ได้แค่เอื้อมมื
และไม่น่าเชื่อครับ ว่าเราอยู่ที่นี่นานมาก มองนาฬิกาก็เกือบๆจะบ่าย 3 โมงแล้ว เลยต้องรีบลงจากดอยแล้ว เพราะว่าเราจะไปดูวิธีทำร่มของภาคเหนือกัน