บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมกับผู้บริหารสโมสร
ไทยพรีเมียร์ลีก, ยามาฮ่า ลีกวัน และ เอไอเอส ลีกภูมิภาค รวมกว่า 49สโมสร
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญสโมสรสมาชิกทั้ง 3 ลีก เข้าหารือชิ้แจงนโยบาย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมาโดยมีทีมเข้าร่วมกว่า 50 ทีม แบ่งเป็นจาก ไทย พรีเมียร์ ลีก 14 ทีม, ยามาฮ่า ลีก วัน 19 ทีม และลีก ภูมิภาค 16 ทีม
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญตัวแทนสโมสรจากทั้ง 3 ลีก เข้าร่วมหารือ พร้อมชี้แจงนโยบาย ที่ห้องเดจาวู โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (ซอยรางน้ำ)
ผลปรากฎว่ามีการตอบรับจากสโมสรเป็นอย่างดี รวม 49 ทีม แบ่งเป็น ไทย พรีเมียร์ ลีก จำนวน 14 ทีม
*ขาดเพียง
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เชียงราย ยูไนเต็ด บีอีซี เทโรศาสน และศรีสะเกษ เอฟซี,
ยามาฮ่า ลีก วัน จำนวน 19 ทีม และลีกภูมิภาค ภาคกลางตะวันออก และภาคกลางตะวันตก จำนวน 16 ทีม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมฟุตบอลฯ ไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร ชื่อเสียงของสมาคมมีรอยด่าง มีความขัดแย้งฟ้องร้องให้ผู้บริหารต้องโทษ ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียดังไปถึงต่างประเทศ และผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น พร้อมแจกแจงนโยบายหลักตามสโลแกน 5 FAIR ของตนเอง ที่จะใช้เปลี่ยนแปลงวงการลูกหนังไทย
"FAIR 1 ทำทุกอย่างให้โปร่งใส ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารของสมาคมให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสี หรือเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรในการบริหาร"
"FAIR 2 คือ ต้องเข้าไปปรับปรุงเรื่องงบประมาณ การบริหารเงินที่โปร่งใส ที่ผ่านมามีการปกปิดเรื่องงบประมาณ การใช้จ่ายส่วนใหญ่ไม่เคยเปิดเผยว่าแต่ละบาทแต่ละสตางค์หายไปไหน"
"FAIR 3 การจัดสรรสิทธิประโยชน์ พึงมี พึงได้ ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่ว่า ทีมไหนเพื่อนเรา เราก็สนับสนุนเป็นพิเศษ แบบนี้ต้องไม่มี ที่ผ่านมามีความไม่เสมอภาคในการบริหาร"
"FAIR 4 การแก้ไขปัญหาเรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ต้องมีบทลงโทษกรรมการที่ชัดเจนและตั้งอยู่บนมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ปัญหาเรื่องกรรมการเกิดจากอำนาจของผู้บริหารที่ไม่เอาไหน ปล่อยให้มีการช่วยเหลือ มีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งบางครั้งตัวผู้ตัดสินก็หาผลประโยชน์เองเหมือนกัน"
"FAIR 5 ข้อสุดท้ายคือการจัดตั้งอคาเดมีสโมสรฟุตบอล ส่งอคาเดมีมาอบรม การกินการอยู่ การเรียน หาผู้ฝึกสอนเข้ามาพัฒนาเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม"
ทั้งนี้หลังจากการพูดคุยเรื่องนโยบาย 5 FAIR เสร็จสิ้น สโมสรสมาชิกที่เข้าร่วมหารือต่างก็ได้แสดงความคิดเห็นและขานรับกับนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน
ขอบคุณภาพ/ข้อมูลจาก posttoday.
49 สโมสร ขานรับนโยบาย FAIR หนุน "สมยศ"นั่งนายกส.บอลฯ (ขาดทีมในTPL 4ทีม)
ไทยพรีเมียร์ลีก, ยามาฮ่า ลีกวัน และ เอไอเอส ลีกภูมิภาค รวมกว่า 49สโมสร
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญสโมสรสมาชิกทั้ง 3 ลีก เข้าหารือชิ้แจงนโยบาย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมาโดยมีทีมเข้าร่วมกว่า 50 ทีม แบ่งเป็นจาก ไทย พรีเมียร์ ลีก 14 ทีม, ยามาฮ่า ลีก วัน 19 ทีม และลีก ภูมิภาค 16 ทีม
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญตัวแทนสโมสรจากทั้ง 3 ลีก เข้าร่วมหารือ พร้อมชี้แจงนโยบาย ที่ห้องเดจาวู โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (ซอยรางน้ำ)
ผลปรากฎว่ามีการตอบรับจากสโมสรเป็นอย่างดี รวม 49 ทีม แบ่งเป็น ไทย พรีเมียร์ ลีก จำนวน 14 ทีม
*ขาดเพียง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เชียงราย ยูไนเต็ด บีอีซี เทโรศาสน และศรีสะเกษ เอฟซี,
ยามาฮ่า ลีก วัน จำนวน 19 ทีม และลีกภูมิภาค ภาคกลางตะวันออก และภาคกลางตะวันตก จำนวน 16 ทีม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมฟุตบอลฯ ไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร ชื่อเสียงของสมาคมมีรอยด่าง มีความขัดแย้งฟ้องร้องให้ผู้บริหารต้องโทษ ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียดังไปถึงต่างประเทศ และผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น พร้อมแจกแจงนโยบายหลักตามสโลแกน 5 FAIR ของตนเอง ที่จะใช้เปลี่ยนแปลงวงการลูกหนังไทย
"FAIR 1 ทำทุกอย่างให้โปร่งใส ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารของสมาคมให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสี หรือเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรในการบริหาร"
"FAIR 2 คือ ต้องเข้าไปปรับปรุงเรื่องงบประมาณ การบริหารเงินที่โปร่งใส ที่ผ่านมามีการปกปิดเรื่องงบประมาณ การใช้จ่ายส่วนใหญ่ไม่เคยเปิดเผยว่าแต่ละบาทแต่ละสตางค์หายไปไหน"
"FAIR 3 การจัดสรรสิทธิประโยชน์ พึงมี พึงได้ ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่ว่า ทีมไหนเพื่อนเรา เราก็สนับสนุนเป็นพิเศษ แบบนี้ต้องไม่มี ที่ผ่านมามีความไม่เสมอภาคในการบริหาร"
"FAIR 4 การแก้ไขปัญหาเรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ต้องมีบทลงโทษกรรมการที่ชัดเจนและตั้งอยู่บนมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ปัญหาเรื่องกรรมการเกิดจากอำนาจของผู้บริหารที่ไม่เอาไหน ปล่อยให้มีการช่วยเหลือ มีผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งบางครั้งตัวผู้ตัดสินก็หาผลประโยชน์เองเหมือนกัน"
"FAIR 5 ข้อสุดท้ายคือการจัดตั้งอคาเดมีสโมสรฟุตบอล ส่งอคาเดมีมาอบรม การกินการอยู่ การเรียน หาผู้ฝึกสอนเข้ามาพัฒนาเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม"
ทั้งนี้หลังจากการพูดคุยเรื่องนโยบาย 5 FAIR เสร็จสิ้น สโมสรสมาชิกที่เข้าร่วมหารือต่างก็ได้แสดงความคิดเห็นและขานรับกับนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน
ขอบคุณภาพ/ข้อมูลจาก posttoday.