วันนี้มาเล่าข้อพิพาท ระหว่าง ผู้รับเหมา กับ เจ้าของบ้านครับ จากที่เคยติดไว้มาพักนึง วันนี้ศาลตัดสินละครับ ผมจะเล่าตั้งแต่ต้นนะครับ แต่จะให้กระชับที่สุดแบบไม่น่าเบื่อ ..
จากที่ผมได้รับงานบ้านหลังนึงขนาดเกือบ 300 ต.ร.ม. จากสมาชิกในเพจๆนึง ใช้ชื่อว่า คุณนาย.... (ปัจจุบันได้บล๊อกเฟสผมไปแล้ว และไม่รู้ว่าได้เปลี่ยนชื่ออื่นมาเข้าเพจอยู่หรือเปล่า) ได้มีการว่าจ้างผมสร้างบ้านให้ตกลงราคาที่ 3.3 ล้านบาท ( แบ่งจ่ายเป็นตัวเลขกลมๆที่งวดละ สามแสนบาท ) เป็นการทำสัญญา 2 งวดๆละ 1.5 แสนบาท ที่เหลืออีก 10 งวดหลังจากงานเสร็จเป็นงวดตามสัญญาซึ่งลงลายมือทั้งคู่ (ระหว่างผมกับ สามีของเขา ขอใช้ชื่อว่า มู ละกัน)ระบุในสัญญาก่อสร้างไว้ 1 ปี ระหว่างการทำงานก้อเป็นไปตามเป้าหมายของผม การเบิกจ่ายไม่มีปัญหาอะไร เเต่เริ่มมีปัญหาเล็กน้อย พอจะเบิกก้ออิดออดบ้างเล็กน้อย แต่ก้อยังดีที่ชำระ แต่ระหว่างนี้ผมแอบทราบว่า เจ้าของบ้านแอบตีสนิทกับลูกน้องผมที่ผมให้ควบคุมงาน ได้ยินมาว่ามีการตกลงว่าจ้างนอกรอบ แบบไม่เกรงใจ ผ.ร.ม.อย่างเรา แต่ผมก้อรอดูอยู่ว่าจะมีอะไรผิดปกติไหม ขนาดช่วงระหว่างทำงาน ผมป่วยต้องผ่าตัด นอน ร.พ. 16 วันเต็ม แต่ในระหว่างอยู่ ร.พ. ยังสั่งงานลูกน้องทุกวัน พอออกจาก ร.พ. พักฟื้นอาทิตย์นึง (หมอให้พักฟื้นอย่างน้อย 1 เดือน)
ผมก้อรีบไปหน้างานดูความเรียบร้อย ช่วงนั้นก่อสร้างไปประมาณ 80 % ใช้ระยะเวลา 5 เดือนกว่า โครงสร้างก่อฉาบเสร็จเรียบร้อย โครงหลังคาเสร็จไปตามงวดงาน เจ้าของบ้านก้อชำระมาแล้ว 7 งวด งานก้อดำเนินต่อไป งวดที่ 8 , 9 , 10 ก้อได้เริ่มงานไปบางส่วน (งานที่เหลือ ปูกระเบื้อง ฝ้า ใส่ประตูหน้าต่าง ทาสี ไฟฟ้า ) ก้อเริ่มเจอปัญหาของเจ้าของบ้าน คือ งวดที่ 8 ตามสัญญาระบุว่าเป็นการปูกระเบื้อง ซึ่งตามแบบในสัญญา เป็นห้องน้ำสี่เหลี่ยมทั่วไป แต่เจ้าของบ้านเอาแบบมาให้ใหม่เป็นเหมือนงานบิ้วส์ มีกล่อง ตกแต่งหลายๆส่วน ทางผมเองก้อสามารถทำได้แต่ขอค่าแรงเพิ่มเพราะขั้นตอนเยอะ (ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นอีก 4-5 หมื่นบาท) แต่คุยยังไงเจ้าของบ้านก้อไม่ให้ จะให้เรารับผิดชอบ แต่ช่วงระหว่างนี้เราก้อให้ลุกน้องปูกระเบื้องผนังไปก่อน เพราะว่าจะค่อยๆทำความเข้าใจกับเจ้าของบ้าน จนถึงวันนึงที่ระหว่างทำงาน เจ้าของบ้านได้มาโวยวายหาว่า ปูไม่ดี ไม่สวย (ตอนนั้นช่างเลยหนีไปเพราะตลอดเวลาที่ปู เจ้าของบ้านมานั่งเฝ้าซะจนช่างทำงานไม่ออก) ผมเลยบอกว่าเรื่องเล็กเด๋วเปลี่ยนช่างให้ แต่ความที่เจ้าของบ้านอยากยกเลิกสัญญาเลยบอกผมว่า "เดี๋ยวจะเปลี่ยน ผ.ร.ม." ผมเลยบอกว่าแล้วแต่ครับ จะเอาแบบนั้นก้อได้ ผมเลยบอกว่ายังมีค่าใช้จ่ายงานที่เกิน เดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบอีกที
หลังจากวันนั้นสองวัน ผมนัดเจ้าของบ้านมาเคลียร์ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนึง แต่พอเจอหน้ากัน เจ้าของบ้านก้อเริ่มเลย บอกผมบอกว่า "โลกออนไลน์มันใหญ่นะ ถ้าเขาเอาเรื่องผมไปลง เดี๋ยวผมจะตกงาน" คุยไปมาสักพัก ก้อบอกว่า บ้านผมที่ผมเคยพาไปดูทำไมไม่ยกให้เขา (ผมต้องการให้รู้จักบ้านผม และดูความแข็งแรง) งงไหมครับ .. สรุปวันนั้นคุยไม่รู้เรื่อง ผมเลยต้องฟ้องครับ แต่ช่วงระหว่างที่จะฟ้อง ผมได้ไปถ่ายรูปบ้านที่สร้างเพื่อประกอบสำนวนฟ้อง ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่ ลูกน้องเลวของผมที่จะแทงข้างหลังผม โทรไปบอกเจ้าของบ้าน ๆเลยรีบมา เอารถมาขวางรถผมไม่ให้ออก แล้วแจ้งตำรวจ พอตำรวจมาก้อไม่มรู้จะจับผมข้อหาอะไร เลยไปโรงพัก แต่ตลกมากเขาพยายามจะบอกตำรวจว่า ทำสัญญากับผม 6 เดือน ทั้งๆที่สัญญาระบุชัดเจนว่า 1 ปี และบอกตำรวจว่าจะให้จับผมข้อหาฉ้อโกง (ขำมากๆ) ตำรวจยังบอกว่าผมไม่ได้ฉ้อโกง จนเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรม จากไกล่เกลี่ย มาถึงสืบพยาน เจ้าของบ้านเอาลูกน้องเก่าผมสองคนมาเป็นพยานให้เขา แต่กลับกลายเป็นว่าคำให้การของพยานกลับเป็นประโยชน์กับทางผมมาก (ขอขอบคุณนะครับ ที่เอาพยานแบบนี้มาทำให้ศาลตัดสินใจง่ายขึ้น 555 )
จนวันนี้ ศาลชั้นต้นตัดสินให้ผมชนะคดี ได้ค่าเสียหายพอสมควร แต่คดีอาจจะยังไม่สิ้นสุด เพราะเจ้าของบ้านคงอยากจะยื้อโดยการอุธรณ์ แต่ก้อได้นะครับ ผมก้อยังมั่นใจในกระบวนการอยู่ดี หลักฐานผมเพียบ และยิ่งนานดอกเบี้ย 7.5% ก้อยังเดินต่อไปทุกวัน คงต้องบอกเจ้าของบ้านไว้นะครับ ถ้าได้อ่าน ผมคิดว่าเอาเงินไปปล่อยกู้ครับ ดอกสูงใช้ได้ แต่จนถึงที่สุดก้อคงยึดทรัพย์ครับ
เรื่องคราวนี้ คงบอกอะไรได้หลายๆอย่าง อย่างน้อยก้อเรื่องความซื่อสัตย์ของคน คนเราเมื่อร่วมมือกันควรมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ผมทำงานซื่อสัตย์ในวิชาชีพมาโดยตลอด ไม่เคยทิ้งงาน เจ้าของบ้านเองก้อควรซื่อสัตย์เหมือนกัน ถ้าผมทิ้งงาน ผมคงไม่มีหน้ามาลงในเพจบ้านไอเดีย และที่สำคัญที่สุด เรายังมีศาลที่ให้ความยุติธรรมกับเราครับ ไม่ว่า ผ.ร.ม. จะผิด หรือ เจ้าของบ้านผิด ถ้าหาทางออกไม่ได้ ศาลยุติธรรมคือทางออกของทุกคนครับ
มาดูเรื่องราวที่ ผ.ร.ม. ฟ้องเจ้าของบ้านบ้างนะ(ชนะด้วย)ไม่ใช่จะมีแต่ เจ้าของบ้านที่ออกมาด่า ผ.ร.ม.อย่างเดียว
จากที่ผมได้รับงานบ้านหลังนึงขนาดเกือบ 300 ต.ร.ม. จากสมาชิกในเพจๆนึง ใช้ชื่อว่า คุณนาย.... (ปัจจุบันได้บล๊อกเฟสผมไปแล้ว และไม่รู้ว่าได้เปลี่ยนชื่ออื่นมาเข้าเพจอยู่หรือเปล่า) ได้มีการว่าจ้างผมสร้างบ้านให้ตกลงราคาที่ 3.3 ล้านบาท ( แบ่งจ่ายเป็นตัวเลขกลมๆที่งวดละ สามแสนบาท ) เป็นการทำสัญญา 2 งวดๆละ 1.5 แสนบาท ที่เหลืออีก 10 งวดหลังจากงานเสร็จเป็นงวดตามสัญญาซึ่งลงลายมือทั้งคู่ (ระหว่างผมกับ สามีของเขา ขอใช้ชื่อว่า มู ละกัน)ระบุในสัญญาก่อสร้างไว้ 1 ปี ระหว่างการทำงานก้อเป็นไปตามเป้าหมายของผม การเบิกจ่ายไม่มีปัญหาอะไร เเต่เริ่มมีปัญหาเล็กน้อย พอจะเบิกก้ออิดออดบ้างเล็กน้อย แต่ก้อยังดีที่ชำระ แต่ระหว่างนี้ผมแอบทราบว่า เจ้าของบ้านแอบตีสนิทกับลูกน้องผมที่ผมให้ควบคุมงาน ได้ยินมาว่ามีการตกลงว่าจ้างนอกรอบ แบบไม่เกรงใจ ผ.ร.ม.อย่างเรา แต่ผมก้อรอดูอยู่ว่าจะมีอะไรผิดปกติไหม ขนาดช่วงระหว่างทำงาน ผมป่วยต้องผ่าตัด นอน ร.พ. 16 วันเต็ม แต่ในระหว่างอยู่ ร.พ. ยังสั่งงานลูกน้องทุกวัน พอออกจาก ร.พ. พักฟื้นอาทิตย์นึง (หมอให้พักฟื้นอย่างน้อย 1 เดือน)
ผมก้อรีบไปหน้างานดูความเรียบร้อย ช่วงนั้นก่อสร้างไปประมาณ 80 % ใช้ระยะเวลา 5 เดือนกว่า โครงสร้างก่อฉาบเสร็จเรียบร้อย โครงหลังคาเสร็จไปตามงวดงาน เจ้าของบ้านก้อชำระมาแล้ว 7 งวด งานก้อดำเนินต่อไป งวดที่ 8 , 9 , 10 ก้อได้เริ่มงานไปบางส่วน (งานที่เหลือ ปูกระเบื้อง ฝ้า ใส่ประตูหน้าต่าง ทาสี ไฟฟ้า ) ก้อเริ่มเจอปัญหาของเจ้าของบ้าน คือ งวดที่ 8 ตามสัญญาระบุว่าเป็นการปูกระเบื้อง ซึ่งตามแบบในสัญญา เป็นห้องน้ำสี่เหลี่ยมทั่วไป แต่เจ้าของบ้านเอาแบบมาให้ใหม่เป็นเหมือนงานบิ้วส์ มีกล่อง ตกแต่งหลายๆส่วน ทางผมเองก้อสามารถทำได้แต่ขอค่าแรงเพิ่มเพราะขั้นตอนเยอะ (ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นอีก 4-5 หมื่นบาท) แต่คุยยังไงเจ้าของบ้านก้อไม่ให้ จะให้เรารับผิดชอบ แต่ช่วงระหว่างนี้เราก้อให้ลุกน้องปูกระเบื้องผนังไปก่อน เพราะว่าจะค่อยๆทำความเข้าใจกับเจ้าของบ้าน จนถึงวันนึงที่ระหว่างทำงาน เจ้าของบ้านได้มาโวยวายหาว่า ปูไม่ดี ไม่สวย (ตอนนั้นช่างเลยหนีไปเพราะตลอดเวลาที่ปู เจ้าของบ้านมานั่งเฝ้าซะจนช่างทำงานไม่ออก) ผมเลยบอกว่าเรื่องเล็กเด๋วเปลี่ยนช่างให้ แต่ความที่เจ้าของบ้านอยากยกเลิกสัญญาเลยบอกผมว่า "เดี๋ยวจะเปลี่ยน ผ.ร.ม." ผมเลยบอกว่าแล้วแต่ครับ จะเอาแบบนั้นก้อได้ ผมเลยบอกว่ายังมีค่าใช้จ่ายงานที่เกิน เดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบอีกที
หลังจากวันนั้นสองวัน ผมนัดเจ้าของบ้านมาเคลียร์ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนึง แต่พอเจอหน้ากัน เจ้าของบ้านก้อเริ่มเลย บอกผมบอกว่า "โลกออนไลน์มันใหญ่นะ ถ้าเขาเอาเรื่องผมไปลง เดี๋ยวผมจะตกงาน" คุยไปมาสักพัก ก้อบอกว่า บ้านผมที่ผมเคยพาไปดูทำไมไม่ยกให้เขา (ผมต้องการให้รู้จักบ้านผม และดูความแข็งแรง) งงไหมครับ .. สรุปวันนั้นคุยไม่รู้เรื่อง ผมเลยต้องฟ้องครับ แต่ช่วงระหว่างที่จะฟ้อง ผมได้ไปถ่ายรูปบ้านที่สร้างเพื่อประกอบสำนวนฟ้อง ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่ ลูกน้องเลวของผมที่จะแทงข้างหลังผม โทรไปบอกเจ้าของบ้าน ๆเลยรีบมา เอารถมาขวางรถผมไม่ให้ออก แล้วแจ้งตำรวจ พอตำรวจมาก้อไม่มรู้จะจับผมข้อหาอะไร เลยไปโรงพัก แต่ตลกมากเขาพยายามจะบอกตำรวจว่า ทำสัญญากับผม 6 เดือน ทั้งๆที่สัญญาระบุชัดเจนว่า 1 ปี และบอกตำรวจว่าจะให้จับผมข้อหาฉ้อโกง (ขำมากๆ) ตำรวจยังบอกว่าผมไม่ได้ฉ้อโกง จนเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรม จากไกล่เกลี่ย มาถึงสืบพยาน เจ้าของบ้านเอาลูกน้องเก่าผมสองคนมาเป็นพยานให้เขา แต่กลับกลายเป็นว่าคำให้การของพยานกลับเป็นประโยชน์กับทางผมมาก (ขอขอบคุณนะครับ ที่เอาพยานแบบนี้มาทำให้ศาลตัดสินใจง่ายขึ้น 555 )
จนวันนี้ ศาลชั้นต้นตัดสินให้ผมชนะคดี ได้ค่าเสียหายพอสมควร แต่คดีอาจจะยังไม่สิ้นสุด เพราะเจ้าของบ้านคงอยากจะยื้อโดยการอุธรณ์ แต่ก้อได้นะครับ ผมก้อยังมั่นใจในกระบวนการอยู่ดี หลักฐานผมเพียบ และยิ่งนานดอกเบี้ย 7.5% ก้อยังเดินต่อไปทุกวัน คงต้องบอกเจ้าของบ้านไว้นะครับ ถ้าได้อ่าน ผมคิดว่าเอาเงินไปปล่อยกู้ครับ ดอกสูงใช้ได้ แต่จนถึงที่สุดก้อคงยึดทรัพย์ครับ
เรื่องคราวนี้ คงบอกอะไรได้หลายๆอย่าง อย่างน้อยก้อเรื่องความซื่อสัตย์ของคน คนเราเมื่อร่วมมือกันควรมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ผมทำงานซื่อสัตย์ในวิชาชีพมาโดยตลอด ไม่เคยทิ้งงาน เจ้าของบ้านเองก้อควรซื่อสัตย์เหมือนกัน ถ้าผมทิ้งงาน ผมคงไม่มีหน้ามาลงในเพจบ้านไอเดีย และที่สำคัญที่สุด เรายังมีศาลที่ให้ความยุติธรรมกับเราครับ ไม่ว่า ผ.ร.ม. จะผิด หรือ เจ้าของบ้านผิด ถ้าหาทางออกไม่ได้ ศาลยุติธรรมคือทางออกของทุกคนครับ