'โรเบิร์ต คิโยซากิ' เจ้าของหนังสือ 'พ่อรวยสอนลูก' โชว์พอร์ตลงทุน 300 ล้านเหรียญ พร้อมชำแหละวิธีรวยรอบใหม่สูงเพิ่มขึ้นทุกปี
'เงินสี่ด้านกับอสิรภาพทางการเงิน' หนึ่งในคำสอนยอดฮิตของ 'โรเบิร์ต คิโยซากิ' เจ้าของหนังสือ 'รวยสอนลูก' (Rich Dad Poor Dad) ที่ทำให้เหล่ามุนษย์เงินเดือนหลากหลายอาชีพ ตัดสินใจผันตัวเองมาสู่ถนนนักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ Value Investor เพราะต้องการออกมาสร้างอิสรภาพทางการเงิน
หนึ่งในหลายๆ เนื้อหา ภายในหนังสือจะสอนให้รู้จักเงินทั้ง 4 ด้าน ซึ่งแต่ละด้านเป็นตัวแทนของแหล่งรายได้ว่ามาจากไหน 1.E (Employee) ลูกจ้าง รายได้จากเงินเดือน, นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิต, ขาดอิสระภาพต้องเซนต์ชื่อ หรือตอกบัตร, ตกงานเท่ากับล้มละลาย, อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ
2.S (Self-employed) ทำธุรกิจส่วนตัว ต้องการเป็นนายตัวเอง,ขายเวลาแลกกับเงิน ,จ้างตัวเองทำงานชอบคิดเองทำเอง , ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง ,ขาดประสบการณ์,เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่าอาจจะทนทำเพราะชอบอิสระ แต่ไม่มีอิสระภาพ
3.B (Business Owner) เจ้าของกิจการ ตรงข้ามกับคนทำธุรกิจส่วนตัว,ชอบหาคนเก่งๆ มาทำงานเป็นทีม 4.I (Investor) นักลงทุน ใช้เงินทำงานแทน รายได้จากผลตอบแทนการลงทุน ,มองผลตอบแทนจากการปันผลดอกเบี้ย ,ซื้อกิจการมาปรับปรุงแล้วขายต่อ
ทว่า 'โรเบิร์ต คิโยซากิ' กลับมาคราวนี้กับหนังสือเล่มใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ 'SECOND CHANCE' ซึ่ง 'กรุงเทพธุรกิจ Biz Week' มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนกับเจ้าของหนังสือขายดีตลอดกาล ก่อนเขาจะขึ้นเวทีสัมมนา 'The National Achievers Congress 2015' ร่วมกับนักลงทุนระดับโลกในวันถัดไป
'โรเบิร์ต' เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น (พ่อเป็นคนญี่ปุ่น) เขาเกิดและเติบโตที่รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความที่พื้นเพมาจากครอบครัวนักวิชาการ พ่อเป็นอธิบดีกรมการศึกษาของรัฐฮาวาย ทำให้เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยในนครนิวยอร์ก เขาตัดสินใจเข้ารับราชการกองทัพเรือ ในตำแหน่งนักบินเฮลิคอปเตอร์ติดจรวดประจำประเทศเวียดนาม
หลังกลับจากสงครามเวียดนาในปี 2520 เขาตัดสินใจเดินเข้าสู่แวดวงธุรกิจครั้งแรก ด้วยการเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ภายใต้เชื่อ 'กระเป๋าสตางค์ไนลอน' ต่อมากิจการเติบโตเป็น 'ธุรกิจเงินล้าน' ทำให้ได้ลงนิตยสารหลายเล่ม เช่น Success Magazine, Newsweek และ Playboy
เมื่อมีอายุ 47 ปี เขาเกษียณตัวเอง ปัจจุบันแม้จะอายุ 60 ปี แต่ยังคงทำงานในสิ่งที่ชื่นชอบมากที่สุด นั่นคือ 'อาชีพนักลงทุน' หลังเริ่มเห็นช่องว่างระหว่าง 'คนจน' กับ 'คนรวย' ขยายมากขึ้นจนน่าเป็นห่วง
'โรเบิร์ต' เล่าให้ทีมบิสวีคฟังว่า ปัจจุบันสนใจการลงทุนในสินทรัพย์ 2 ประเภท นั่นคือ 'อสังหาริมทรัพย์' เน้นซื้อที่อยู่อาศัยมาปล่อยเช่า โดยเริ่มหันมาลงทุนในรูปแบบดังกล่าว เมื่อปี 2550 ด้วยการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในรัฐเทกซัส,แอริโซนา และโอคลาโฮมา เนื่องจากมีความชำนาญในพื้นที่ดังกล่าว หลังศึกษามานาน ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ดี รวมทั้งยังมีทีมงานคอยดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดีด้วย
ช่วงที่เมืองไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 มีโอกาสเข้ามาศึกษาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แถวพัทยา จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพ แต่ตอนนั้นคิดว่า หากลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย จำเป็นต้องตั้งทีมงานขึ้นมาดูแล และต้องเป็นคนท้องถิ่น เมื่อขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยากจึงตัดสินใจไม่ลงทุน แต่หากลงทุนในตลาดหุ้นอาจทำได้ง่ายกว่า เพราะว่าไม่ต้องมีคนมาดูแลเหมือนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
'เริ่มลงทุนอสังหาฯครั้งแรกในวัย 20 ปีต้นๆ ด้วยการกู้เงินแบงก์ 100% และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเดือนละ 25 เหรียญ ตั้งแต่นั้นมาก็บอกตัวเองตลอดว่า การลงทุนในครั้งต่อไปต้องไม่ใช้เงินตัวเอง'
เมื่อถามถึงเส่นห์ของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 'โรเบิร์ต' ตอบว่า ข้อดี คือ 'ไม่ต้องเสียภาษี' และ 'สามารถเงินกู้ธนาคารได้เต็มวงเงิน' เขาอธิบายว่า ทุกครั้งที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มักจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน 'ร้อยเปอร์เซ็นต์' อย่างช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2550 ธนาคารได้ให้วงเงินกู้ผมมาจำนวน 500 ล้านเหรียญ
ตอนนั้นผมก็นำเงินกู้ไปลงทุนในที่อยู่อาศัย เพื่อนำปล่อยเช่าให้ลูกค้ากลุ่มวัยทำงาน ผมค่อนข้างมีความถนัดในเซกเมนต์วัยทำงาน หากเจอที่อยู่อาศัยที่สามารถเจาะกลุ่มนี้ได้จะลงทุนทันที 100% ส่วนตัวไม่นิยมซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อปล่อยเช่ากลุ่มไฮเอนด์ หรือโลว์เอนด์ เพราะไม่เชี่ยวชาญ
'การลงทุนอสังหาฯไม่ต้องเสียภาษี ขณะที่ค่าเสื่อมของอสังหาฯ ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย ทำให้ผมไม่ต้องจ่ายภาษี'
เจ้าของหนังสือพ่อรวยสอนลูก เล่าต่อว่า ผมยังลงทุนใน 'ธุรกิจบ่อน้ำมัน' ซึ่งบ่อน้ำมันจะอยู่รอบๆอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง ลูกค้าหลัก คือ พนักงานที่ทำงานในบ่อน้ำมัน ซึ่งพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผมเป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน (ยิ้ม)
'สองการลงทุนนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ผมรวยขึ้น'
สำหรับ 'ข้อดี' ของการลงทุนในธุรกิจบ่อน้ำมัน คือ ทุกครั้งที่เจาะบ่อน้ำมัน 1 แห่ง ผมจะได้เงินคืนจากรัฐบาล ยกตัวอย่าง เจ้าบ่อใช้เงินเจาะบ่อน้ำมัน 1 ล้านเหรียญ ในวันแรกจะได้เงินคืนจากรัฐ 8 แสนเหรียญ
เมื่อคนรวยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยเริ่มกว้างมาก เพราะคนรวยจะเสียภาษีน้อยมาก เมื่อเทียบกับคนที่มีรายได้ระดับปานกลางจะเสียภาษีในอัตราสูงกว่าคนรวย
'ปัจจุบันพอร์ตลงทุนมีมูลค่า 300 ล้านเหรียญ ซึ่งแต่ละปีเลขศูนย์ข้างหลังจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง'
เขา บอกว่า การเข้ามาแบ่งปันความรู้ให้กับนักลงทุนไทยในงานสัมมนาครั้งนี้ ผมจะพูดถึง 'โอกาสครั้งที่สอง' (SECOND CHANCE) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในหนังสือเล่มล่าสุด โดยได้วางขายฉบับภาษาอังกฤษไปเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนฉบับภาษาไทยอาจขายในปีหน้า ทั้งนี้ในหนังสือต้องการชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่สองทางด้านการเงิน และชีวิตของคุณตลอดจนโลกที่เราอยู่อาศัย
ผมเริ่มศึกษาเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ปี 2526 ส่วนตัวมองว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2559 คือ 'จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง และแนวโน้มจะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา'
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศกรีซ แม้จะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย แต่ไม่สามารถให้การช่วยเหลือทางการเงินได้ ตรงข้ามกับให้การช่วยเหลือทางฝรั่งเศส หรือแม้แต่กรณีตลาดหุ้นจีนร่วงหนัก รัฐบาลจีนก็ออกมาพิมพ์ธนบัตรอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น คือ หนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงถึง 220% เรื่องสิ่งเหล่านี้ผมเขียนไว้ในหนังสือ 'SECOND CHANCE' ทั้งหมดแล้ว
โดยหลายๆเรื่อง ผมเริ่มเห็นมาตั้งแต่ปี 2514 หลังรัฐบาลเปลี่ยนแปลงกฎหมาย จากเดิมการพิมพ์ธนบัตรออกมาจะต้องผูกติดกับทองคำ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่ให้การพิมพ์ธนบัตรไม่ต้องผูกติดกับทองอีกแล้ว ดังนั้นตั้งแต่ปี 2514 รัฐบาลสหรัฐสามารถพิมพ์ธนบัตรออกมาได้ทันทีไม่ต้องอิงกับทองคำ
ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมาแต่ละครั้ง รัฐบาลสหรัฐจะแก้ไขปัญหาด้วยการพิมพ์ธนบัตรออกมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2550 รัฐบาลสหรัฐก็พิมพ์ธนบัตรออกมา ซึ่งหลังมาตรากระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น
แต่คำถามที่แท้จริงแล้ว หากเกิดภาวะเศรษฐกิจขึ้นอีกรัฐบาลสหรัฐฯ จะแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์ธนบัตรออกมาอีกหรือไม่
ทว่า ผมยังมองว่า ในวิกฤติเศรษฐกิจยังสามารถมองหาโอกาสได้ โดยในปี 2550-2551 ถือเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนอสังหาฯ ซึ่งผมมองว่า การเกิดปัญหาเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าของจะมีราคาถูก ซึ่งเป็นจังหวะที่เกิดภาวะเศรษฐกิจขึ้นในสหรัฐ และผมไม่ได้วิ่งหนี แต่กลับวิ่งเข้าไปซื้อของถูก ถือว่า เป็นจังหวะเวลาที่ดีสุดแล้ว
'ผมรวยตอนค่าเงินบาทลอยตัวในปี 2540 ซึ่งเป็นวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชีย'
สำหรับคนที่สนใจการลงทุนแล้วจะนำวิธีการลงทุนของผมไปใช้ ก่อนอื่นต้องตัดสินใจก่อนว่า อยากเป็น 'คนจน' หรือ 'คนรวย' ซึ่งสิ่งที่ผมทำก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ก่อนจะประสบความสำเร็จ
เขา ย้ำว่า ทำไมคนรวยถึงรวยแล้วรวยอีก หนังสือเล่มนี้จะทำให้คนทั่วไปตื่นตัวว่า คนรวยเขาเป็นแบบนี้เอง ดังนั้นเราจะได้ลุกขึ้นมาทำอะไรให้ชีวิตตัวเองบ้าง แต่สิ่งที่แย่สุด คือ เวลาไปโรงเรียนจะไม่ได้รู้เรื่องในสิ่งเหล่านี้เลย เพราะว่าในโรงเรียนไม่ได้สอน
นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยถึงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจ คนทั่วไปจะถูกบังคับให้ขายบ้านก่อนคนรวย เพราะว่าผ่อนต่อไม่ได้แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเยอะมากในสหรัฐ
'โรเบิร์ต' บอกว่า สำหรับคนที่ยังมี 'มายด์เซ็ท' การลงทุนแบบเดิมๆ คือ ทำงานหนักๆ เพื่อเก็บเงินอย่างเดียว เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจาก็จะติดกับดักเดิมๆ เพราะว่าไม่มีความรู้ใหม่ๆ ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ฉะนั้นควรศึกษารูปแบบใหม่ๆ เพื่อจะได้ทันเหตุการณ์ และไม่ติดกับดักเหมือนเดิมอีก
'รมยกร สุวิสิทฐ์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพน โฟ จำกัด ในฐานะผู้นำการจัดสัมมนาด้านทรานส์ฟอร์มเมชั่นที่ใหญ่สุดในประเทศไทย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนการจัดสัมมนาหลักสูตรระดับโลก จาก บริษัท ซัคเซส รีซอร์สเซส สิงคโปร์ ให้จัดงานสัมมนา 'The National Achievers Congress' ว่า งานสัมมนาดังกล่าวถือเป็นงานระดับโลกที่จัดมาแล้ว 22 ปี ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก โดยในปี 2558 ถือเป็นปีแรกที่เราจัดงานสัมมนาดังกล่าวขึ้นในประเทศไทย
ความโดดเด่นของงานนี้ คือ เป็นเวทีในการนำความรู้ระดับโลกมาแบ่งปัน ซึ่งจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาพูดบนเวที ประกอบด้วย ธุรกิจ, ออนไลน์ ,การลงทุน,อสังหาริมทรัพย์ โดยวิทยากรแต่ละท่านจะไม่ใช่แค่มาพูดเรื่องทั่วๆ ไป แต่จะมาบอกว่า เขาประสบความสำเร็จด้วยวิธีไหน และสามารถนำไปปรับใช้หรือเลียนแบบได้อย่างไร
'ความสำเร็จเป็นสิ่งที่เลียนแบบได้ แต่ต้องเลียนแบบจากคนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น'
Credit : bangkokbiznews.com
======================================================================
ติดตามเรื่องราวดีๆ แนวคิดการทำงาน, มุมมองธุรกิจ, และลงทุนอสังหา เพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/thinkvestment
=== อสังหาฯ-บ่อน้ำมัน สูตรรวย "โรเบิร์ต คิโยซากิ" ===
'เงินสี่ด้านกับอสิรภาพทางการเงิน' หนึ่งในคำสอนยอดฮิตของ 'โรเบิร์ต คิโยซากิ' เจ้าของหนังสือ 'รวยสอนลูก' (Rich Dad Poor Dad) ที่ทำให้เหล่ามุนษย์เงินเดือนหลากหลายอาชีพ ตัดสินใจผันตัวเองมาสู่ถนนนักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ Value Investor เพราะต้องการออกมาสร้างอิสรภาพทางการเงิน
หนึ่งในหลายๆ เนื้อหา ภายในหนังสือจะสอนให้รู้จักเงินทั้ง 4 ด้าน ซึ่งแต่ละด้านเป็นตัวแทนของแหล่งรายได้ว่ามาจากไหน 1.E (Employee) ลูกจ้าง รายได้จากเงินเดือน, นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิต, ขาดอิสระภาพต้องเซนต์ชื่อ หรือตอกบัตร, ตกงานเท่ากับล้มละลาย, อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ
2.S (Self-employed) ทำธุรกิจส่วนตัว ต้องการเป็นนายตัวเอง,ขายเวลาแลกกับเงิน ,จ้างตัวเองทำงานชอบคิดเองทำเอง , ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง ,ขาดประสบการณ์,เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่าอาจจะทนทำเพราะชอบอิสระ แต่ไม่มีอิสระภาพ
3.B (Business Owner) เจ้าของกิจการ ตรงข้ามกับคนทำธุรกิจส่วนตัว,ชอบหาคนเก่งๆ มาทำงานเป็นทีม 4.I (Investor) นักลงทุน ใช้เงินทำงานแทน รายได้จากผลตอบแทนการลงทุน ,มองผลตอบแทนจากการปันผลดอกเบี้ย ,ซื้อกิจการมาปรับปรุงแล้วขายต่อ
ทว่า 'โรเบิร์ต คิโยซากิ' กลับมาคราวนี้กับหนังสือเล่มใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ 'SECOND CHANCE' ซึ่ง 'กรุงเทพธุรกิจ Biz Week' มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนกับเจ้าของหนังสือขายดีตลอดกาล ก่อนเขาจะขึ้นเวทีสัมมนา 'The National Achievers Congress 2015' ร่วมกับนักลงทุนระดับโลกในวันถัดไป
'โรเบิร์ต' เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น (พ่อเป็นคนญี่ปุ่น) เขาเกิดและเติบโตที่รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความที่พื้นเพมาจากครอบครัวนักวิชาการ พ่อเป็นอธิบดีกรมการศึกษาของรัฐฮาวาย ทำให้เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยในนครนิวยอร์ก เขาตัดสินใจเข้ารับราชการกองทัพเรือ ในตำแหน่งนักบินเฮลิคอปเตอร์ติดจรวดประจำประเทศเวียดนาม
หลังกลับจากสงครามเวียดนาในปี 2520 เขาตัดสินใจเดินเข้าสู่แวดวงธุรกิจครั้งแรก ด้วยการเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ภายใต้เชื่อ 'กระเป๋าสตางค์ไนลอน' ต่อมากิจการเติบโตเป็น 'ธุรกิจเงินล้าน' ทำให้ได้ลงนิตยสารหลายเล่ม เช่น Success Magazine, Newsweek และ Playboy
เมื่อมีอายุ 47 ปี เขาเกษียณตัวเอง ปัจจุบันแม้จะอายุ 60 ปี แต่ยังคงทำงานในสิ่งที่ชื่นชอบมากที่สุด นั่นคือ 'อาชีพนักลงทุน' หลังเริ่มเห็นช่องว่างระหว่าง 'คนจน' กับ 'คนรวย' ขยายมากขึ้นจนน่าเป็นห่วง
'โรเบิร์ต' เล่าให้ทีมบิสวีคฟังว่า ปัจจุบันสนใจการลงทุนในสินทรัพย์ 2 ประเภท นั่นคือ 'อสังหาริมทรัพย์' เน้นซื้อที่อยู่อาศัยมาปล่อยเช่า โดยเริ่มหันมาลงทุนในรูปแบบดังกล่าว เมื่อปี 2550 ด้วยการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในรัฐเทกซัส,แอริโซนา และโอคลาโฮมา เนื่องจากมีความชำนาญในพื้นที่ดังกล่าว หลังศึกษามานาน ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ดี รวมทั้งยังมีทีมงานคอยดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดีด้วย
ช่วงที่เมืองไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 มีโอกาสเข้ามาศึกษาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แถวพัทยา จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพ แต่ตอนนั้นคิดว่า หากลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย จำเป็นต้องตั้งทีมงานขึ้นมาดูแล และต้องเป็นคนท้องถิ่น เมื่อขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยากจึงตัดสินใจไม่ลงทุน แต่หากลงทุนในตลาดหุ้นอาจทำได้ง่ายกว่า เพราะว่าไม่ต้องมีคนมาดูแลเหมือนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
'เริ่มลงทุนอสังหาฯครั้งแรกในวัย 20 ปีต้นๆ ด้วยการกู้เงินแบงก์ 100% และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเดือนละ 25 เหรียญ ตั้งแต่นั้นมาก็บอกตัวเองตลอดว่า การลงทุนในครั้งต่อไปต้องไม่ใช้เงินตัวเอง'
เมื่อถามถึงเส่นห์ของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 'โรเบิร์ต' ตอบว่า ข้อดี คือ 'ไม่ต้องเสียภาษี' และ 'สามารถเงินกู้ธนาคารได้เต็มวงเงิน' เขาอธิบายว่า ทุกครั้งที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มักจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน 'ร้อยเปอร์เซ็นต์' อย่างช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2550 ธนาคารได้ให้วงเงินกู้ผมมาจำนวน 500 ล้านเหรียญ
ตอนนั้นผมก็นำเงินกู้ไปลงทุนในที่อยู่อาศัย เพื่อนำปล่อยเช่าให้ลูกค้ากลุ่มวัยทำงาน ผมค่อนข้างมีความถนัดในเซกเมนต์วัยทำงาน หากเจอที่อยู่อาศัยที่สามารถเจาะกลุ่มนี้ได้จะลงทุนทันที 100% ส่วนตัวไม่นิยมซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อปล่อยเช่ากลุ่มไฮเอนด์ หรือโลว์เอนด์ เพราะไม่เชี่ยวชาญ
'การลงทุนอสังหาฯไม่ต้องเสียภาษี ขณะที่ค่าเสื่อมของอสังหาฯ ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย ทำให้ผมไม่ต้องจ่ายภาษี'
เจ้าของหนังสือพ่อรวยสอนลูก เล่าต่อว่า ผมยังลงทุนใน 'ธุรกิจบ่อน้ำมัน' ซึ่งบ่อน้ำมันจะอยู่รอบๆอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง ลูกค้าหลัก คือ พนักงานที่ทำงานในบ่อน้ำมัน ซึ่งพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผมเป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน (ยิ้ม)
'สองการลงทุนนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ผมรวยขึ้น'
สำหรับ 'ข้อดี' ของการลงทุนในธุรกิจบ่อน้ำมัน คือ ทุกครั้งที่เจาะบ่อน้ำมัน 1 แห่ง ผมจะได้เงินคืนจากรัฐบาล ยกตัวอย่าง เจ้าบ่อใช้เงินเจาะบ่อน้ำมัน 1 ล้านเหรียญ ในวันแรกจะได้เงินคืนจากรัฐ 8 แสนเหรียญ
เมื่อคนรวยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ ทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยเริ่มกว้างมาก เพราะคนรวยจะเสียภาษีน้อยมาก เมื่อเทียบกับคนที่มีรายได้ระดับปานกลางจะเสียภาษีในอัตราสูงกว่าคนรวย
'ปัจจุบันพอร์ตลงทุนมีมูลค่า 300 ล้านเหรียญ ซึ่งแต่ละปีเลขศูนย์ข้างหลังจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง'
เขา บอกว่า การเข้ามาแบ่งปันความรู้ให้กับนักลงทุนไทยในงานสัมมนาครั้งนี้ ผมจะพูดถึง 'โอกาสครั้งที่สอง' (SECOND CHANCE) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในหนังสือเล่มล่าสุด โดยได้วางขายฉบับภาษาอังกฤษไปเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนฉบับภาษาไทยอาจขายในปีหน้า ทั้งนี้ในหนังสือต้องการชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่สองทางด้านการเงิน และชีวิตของคุณตลอดจนโลกที่เราอยู่อาศัย
ผมเริ่มศึกษาเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ปี 2526 ส่วนตัวมองว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2559 คือ 'จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง และแนวโน้มจะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา'
ยกตัวอย่างเช่น ประเทศกรีซ แม้จะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย แต่ไม่สามารถให้การช่วยเหลือทางการเงินได้ ตรงข้ามกับให้การช่วยเหลือทางฝรั่งเศส หรือแม้แต่กรณีตลาดหุ้นจีนร่วงหนัก รัฐบาลจีนก็ออกมาพิมพ์ธนบัตรอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น คือ หนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงถึง 220% เรื่องสิ่งเหล่านี้ผมเขียนไว้ในหนังสือ 'SECOND CHANCE' ทั้งหมดแล้ว
โดยหลายๆเรื่อง ผมเริ่มเห็นมาตั้งแต่ปี 2514 หลังรัฐบาลเปลี่ยนแปลงกฎหมาย จากเดิมการพิมพ์ธนบัตรออกมาจะต้องผูกติดกับทองคำ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่ให้การพิมพ์ธนบัตรไม่ต้องผูกติดกับทองอีกแล้ว ดังนั้นตั้งแต่ปี 2514 รัฐบาลสหรัฐสามารถพิมพ์ธนบัตรออกมาได้ทันทีไม่ต้องอิงกับทองคำ
ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมาแต่ละครั้ง รัฐบาลสหรัฐจะแก้ไขปัญหาด้วยการพิมพ์ธนบัตรออกมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2550 รัฐบาลสหรัฐก็พิมพ์ธนบัตรออกมา ซึ่งหลังมาตรากระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น
แต่คำถามที่แท้จริงแล้ว หากเกิดภาวะเศรษฐกิจขึ้นอีกรัฐบาลสหรัฐฯ จะแก้ปัญหาด้วยการพิมพ์ธนบัตรออกมาอีกหรือไม่
ทว่า ผมยังมองว่า ในวิกฤติเศรษฐกิจยังสามารถมองหาโอกาสได้ โดยในปี 2550-2551 ถือเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุนอสังหาฯ ซึ่งผมมองว่า การเกิดปัญหาเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าของจะมีราคาถูก ซึ่งเป็นจังหวะที่เกิดภาวะเศรษฐกิจขึ้นในสหรัฐ และผมไม่ได้วิ่งหนี แต่กลับวิ่งเข้าไปซื้อของถูก ถือว่า เป็นจังหวะเวลาที่ดีสุดแล้ว
'ผมรวยตอนค่าเงินบาทลอยตัวในปี 2540 ซึ่งเป็นวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชีย'
สำหรับคนที่สนใจการลงทุนแล้วจะนำวิธีการลงทุนของผมไปใช้ ก่อนอื่นต้องตัดสินใจก่อนว่า อยากเป็น 'คนจน' หรือ 'คนรวย' ซึ่งสิ่งที่ผมทำก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ก่อนจะประสบความสำเร็จ
เขา ย้ำว่า ทำไมคนรวยถึงรวยแล้วรวยอีก หนังสือเล่มนี้จะทำให้คนทั่วไปตื่นตัวว่า คนรวยเขาเป็นแบบนี้เอง ดังนั้นเราจะได้ลุกขึ้นมาทำอะไรให้ชีวิตตัวเองบ้าง แต่สิ่งที่แย่สุด คือ เวลาไปโรงเรียนจะไม่ได้รู้เรื่องในสิ่งเหล่านี้เลย เพราะว่าในโรงเรียนไม่ได้สอน
นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยถึงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจ คนทั่วไปจะถูกบังคับให้ขายบ้านก่อนคนรวย เพราะว่าผ่อนต่อไม่ได้แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเยอะมากในสหรัฐ
'โรเบิร์ต' บอกว่า สำหรับคนที่ยังมี 'มายด์เซ็ท' การลงทุนแบบเดิมๆ คือ ทำงานหนักๆ เพื่อเก็บเงินอย่างเดียว เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจาก็จะติดกับดักเดิมๆ เพราะว่าไม่มีความรู้ใหม่ๆ ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ฉะนั้นควรศึกษารูปแบบใหม่ๆ เพื่อจะได้ทันเหตุการณ์ และไม่ติดกับดักเหมือนเดิมอีก
'รมยกร สุวิสิทฐ์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพน โฟ จำกัด ในฐานะผู้นำการจัดสัมมนาด้านทรานส์ฟอร์มเมชั่นที่ใหญ่สุดในประเทศไทย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนการจัดสัมมนาหลักสูตรระดับโลก จาก บริษัท ซัคเซส รีซอร์สเซส สิงคโปร์ ให้จัดงานสัมมนา 'The National Achievers Congress' ว่า งานสัมมนาดังกล่าวถือเป็นงานระดับโลกที่จัดมาแล้ว 22 ปี ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก โดยในปี 2558 ถือเป็นปีแรกที่เราจัดงานสัมมนาดังกล่าวขึ้นในประเทศไทย
ความโดดเด่นของงานนี้ คือ เป็นเวทีในการนำความรู้ระดับโลกมาแบ่งปัน ซึ่งจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาพูดบนเวที ประกอบด้วย ธุรกิจ, ออนไลน์ ,การลงทุน,อสังหาริมทรัพย์ โดยวิทยากรแต่ละท่านจะไม่ใช่แค่มาพูดเรื่องทั่วๆ ไป แต่จะมาบอกว่า เขาประสบความสำเร็จด้วยวิธีไหน และสามารถนำไปปรับใช้หรือเลียนแบบได้อย่างไร
'ความสำเร็จเป็นสิ่งที่เลียนแบบได้ แต่ต้องเลียนแบบจากคนที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น'
Credit : bangkokbiznews.com
======================================================================
ติดตามเรื่องราวดีๆ แนวคิดการทำงาน, มุมมองธุรกิจ, และลงทุนอสังหา เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/thinkvestment