สวัสดีค่ะ มีเรื่องที่เกิดกับตัวเองมาแชร์เกี่ยวกับแท็กซี่สุวรรณภูมิค่ะ ต้องออกตัวก่อนว่าปกติใช้บริการมาไม่เคยเจอคันที่มีปัญหา
เพิ่งเคยเจอคันนี้ครั้งแรกค่ะ และไม่ได้เหมารวมว่าเป็นแบบนี้ทุกคันนะคะ ย้ำว่าตั้งแต่ใช้บริการมาไม่เคยเจอแบบนี้ค่ะ
จุดประสงค์ที่มาตั้งกระทู้คืออยากเตือนให้ระวังกันว่ามีแบบนี้ด้วยค่ะ
และถ้ามีตรงจุดไหนที่เราไม่เข้าใจแล้วอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปก็ขอให้ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ
(แท็กโต๊ะเครื่องแป้งเพราะผู้หญิงเยอะค่ะ ถ้าไม่เกี่ยวต้องขออภัยค่ะ)
อาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้เรียกรถแท็กซี่จากจุดเรียกแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ เรามีกระเป๋าเดินทางขนาดกลางหนึ่งใบ และ
เป้สะพายหลังหนึ่งใบ โดยเราก็กดเรียกรถจากตู้รับบัตรคิวตามปกติ (ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำตู้ที่เรากดนะคะ เรากดเอง)
หลังจากเราได้สลิปบัตรคิวเราก็เดินไปที่หมายเลขรถ พบว่ารถที่จอดอยู่เป็นรถแท็กซี่ขนาดใหญ่
คนขับพอเห็นเราเดินตรงไปที่รถเขาก็หน้านิ่วคิ้วขมวดรอเลย คนขับรถถามเราว่า "คุณกดบัตรคิวเองเหรอ"
เราก็บอกว่ากดเองค่ะ เขาบอกว่าต้องมีเจ้าหน้าที่กดให้สิ เราก็บอกว่าไม่มี เรากดเอง เขาก็ถามย้ำสองสามรอบ
แล้วพูดกับเราว่าปกติเจ้าหน้าที่จะเป็นคนกดให้ เจ้าหน้าที่จะดูว่าสัมภาระเรามากน้อยแค่ไหน แล้วเลือกขนาดรถให้เรา
(ซึ่งจุดนี้เราไม่รู้ข้อมูลว่าเท็จจริงยังไง เพราะปกติเรากดรับบัตรคิวอย่างเดียวไม่ได้สังเกตุว่ามีการเลือกขนาดรถให้หรือเปล่า
และบางครั้งเราก็กดได้รถใหญ่ ทั้งที่เดินทางคนเดียวก็ไม่เคยมีปัญหา)
เราไม่อยากต่อความกับคนขับ คืออยากกลับบ้านมากแล้ว เลยถามคนขับรถไปว่า "พี่จะไปหรือเปล่าคะ?"
คนขับก็พูดทำนองว่าเรียกตรงนี้เสียเงินนะห้าสิบบาท คุณไปเรียกชั้นสี่ดีกว่าตรงนั้นมีรถแท็กซี่มาส่งผู้โดยสาร
ขึ้นตรงนั้นไม่เสียเงินนะ พูดย้ำหลายรอบจนเราเริ่มหงุดหงิดละ เลยถามไปอีกว่าพี่จะไปหรือไม่ไป
เขาก็บอกว่าไปได้ เเค่แนะนำไม่อยากให้เราเสียเงิน เห็นเป็นคนไทยด้วยกัน เราบอกว่าไม่เป็นไรเราจ่ายได้ห้าสิบบาท แล้วเราก็ขึ้นรถ
(ตอนนั้นก็ยังคิดว่าเค้าคงแนะนำจริงๆมั๊ง)
พอรถออก คนขับก็พูดเหมือนจะต่อว่าเราว่าเขาเห็นเราเป็นคนไทยเลยมีเจตนาดี แนะนำให้ไปขึ้นที่ไม่เสียเงิน แต่เรากลับคิดว่าเขาไม่อยากไป
เราก็เฉยๆไม่ได้ตอบอะไร คนขับก็พูดอีกว่า คุณมีของเเค่นี้ไปรถเล็กก็ได้ ให้คนอื่นที่เขามีของเยอะๆไปรถใหญ่ เราหงุดหงิดมากว่าจะอะไรนักหนา
คือจากวิธีที่เค้าพูดมันชัดเจนว่าเค้าไม่อยากไปส่งเรา แต่ก็ต้องรับเราขึ้นมา เราก็เลยพูดไปเลยว่า
เมื่อกี้ก็ถามแล้วว่าจะไปหรือไม่ไป ทำไมไม่บอกตรงๆล่ะถ้าจะไม่ไป
เขาก็พูดทำนองว่า คุณต้องเห็นใจผมนะ ผมมาจอดรอตั้งสามชั่วโมง แท็กซี่ต้องมาเข้าคิวรอเป็นชั่วโมงๆทุกคัน
(คือฟังๆไปแล้วงงมาก ตกลงให้เราเห็นใจคนที่มีสัมภาระเยอะ หรือให้เห็นใจเค้า แล้วเห็นใจเค้าเรื่องอะไร??
ของเยอะกับของน้อยค่ารถไม่เท่ากันเหรอ?) ตอนนั้นเราก็มองทะเบียนรถละ จดไว้เรียบร้อยเผื่อมีอะไร
หลังจากนั้น คนขับก็บอกว่าจะวนไปส่งเราที่คิวรถข้างล่าง บอกเราว่า " ผมจะไปส่งคุณที่คิวรถข้างล่างนะ
ไม่คิดเงินหรอกครับ คุณจะได้ไม่เสียเงินค่าเรียกรถ " พูดแบบนี้สองรอบ เราทนไม่ไหวละ เลยบอกว่า " ได้ งั้นพี่เอาสลิปเรียกรถคืนมา "
****ตรงนี้ล่ะค่ะ ที่เราพลาด ปกติเราจะขอสลิปคืนจากแท็กซี่ทุกครั้ง หลังจากเอาให้คนขับดูว่าหมายเลขตรงกันนะ แต่ครั้งนี้เรามัวแต่จดจ่อเรื่อง
คนขับจะไปหรือไม่ไปเลยลืม ที่จุดเรียกรถแท็กซี่ก็มีป้ายเตือนว่าให้ขอรับสลิปคืนจากคนขับทุกครั้ง ย้ำเลยนะคะ เอาไว้เป็นหลักฐาน
เพราะความสะเพร่าของตัวเองเลยได้ยินคำตอบจากคนขับ ที่คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้คือ
" อ๋อ ผมวางไว้ข้างหลังนะครับ คงปลิวตกไปแล้วล่ะ "
เรานี่ของขึ้น ปีนไปดูหลังรถเลย เขาเห็นเราเอาจริงมั๊งก็เลยพูดขึ้นมาว่า ผมไปส่งคุณก็ได้ครับ ไปทุกที่แหละครับ ไปได้ทั้งนั้น
เราฟังแล้วหงุดหงิด คือพยายามพูดจาดีๆพูดให้ดูดี แต่เจตนาเค้ามันไม่ใช่เลย ตอนนั้นเราก็คิดว่า ไม่ไปแล้วรับเรามาทำไมให้เสียอารมณ์ทั้งสองฝ่าย
แต่ลองมาคิดอีกที อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นกฏที่แท็กซี่ทุกคนต้องรับผู้โดยสาร เค้าก็เลยรับเราออกมาแล้วมาหาเรื่องทิ้งเราลงกลางทางละมั๊ง
ซึ่งหลังจากนั้นเราก็รู้สึกไม่ปลอดภัยละล่ะ เพราะเขาก็ขับรถไม่ค่อยโอเค (จริงๆการมีเรื่องกับคนขับรถแท็กซี่นี่ก็ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่
ไม่แนะนำให้ทำตาม ยิ่งเราเดินทางคนเดียว แถมเขาเป็นคนขับรถอีก แต่ตอนนั้นหงุดหงิดจริงๆ คราวหลังคงต้องระวังกว่านี้ค่ะ)
ระหว่างทาง เราโทรหาที่บ้านบอกว่าอยู่ตรงไหน เค้าก็พูดแทรกมาว่า คุณนั่งพักผ่อนสบายๆเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง
หลังจากนั้นคนขับรถก็มีพูดจากวนเรา แต่ไม่ใช่สาระสำคัญไม่ขอลงรายละเอียดค่ะ
ก็เลยอยากจะเตือนว่าถ้าใครมีเดินทางโดยใช้รถแท็กซี่สุวรรณภูมิ ให้เก็บสลิปเรียกรถไว้ให้ดีเลย (ตามที่สนามบินติดป้ายเตือนไว้)
เรายังโกรธตัวเองอยู่ เพราะทุกทีก็เก็บตลอด แค่วันนั้นเเบบหลายสิ่ง ทั้งอดนอน เหนื่อย แล้วก็หงุดหงิดกับคนขับ
คราวหน้าคงต้องระวังมากๆขึ้นกว่านี้ค่ะ และถ้าใครมีช่องทางที่ปลอดภัยในการร้องเรียนก็ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
เตือนให้ระวังกัน แท็กซี่สุวรรณภูมิ
เพิ่งเคยเจอคันนี้ครั้งแรกค่ะ และไม่ได้เหมารวมว่าเป็นแบบนี้ทุกคันนะคะ ย้ำว่าตั้งแต่ใช้บริการมาไม่เคยเจอแบบนี้ค่ะ
จุดประสงค์ที่มาตั้งกระทู้คืออยากเตือนให้ระวังกันว่ามีแบบนี้ด้วยค่ะ
และถ้ามีตรงจุดไหนที่เราไม่เข้าใจแล้วอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปก็ขอให้ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ
(แท็กโต๊ะเครื่องแป้งเพราะผู้หญิงเยอะค่ะ ถ้าไม่เกี่ยวต้องขออภัยค่ะ)
อาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้เรียกรถแท็กซี่จากจุดเรียกแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ เรามีกระเป๋าเดินทางขนาดกลางหนึ่งใบ และ
เป้สะพายหลังหนึ่งใบ โดยเราก็กดเรียกรถจากตู้รับบัตรคิวตามปกติ (ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำตู้ที่เรากดนะคะ เรากดเอง)
หลังจากเราได้สลิปบัตรคิวเราก็เดินไปที่หมายเลขรถ พบว่ารถที่จอดอยู่เป็นรถแท็กซี่ขนาดใหญ่
คนขับพอเห็นเราเดินตรงไปที่รถเขาก็หน้านิ่วคิ้วขมวดรอเลย คนขับรถถามเราว่า "คุณกดบัตรคิวเองเหรอ"
เราก็บอกว่ากดเองค่ะ เขาบอกว่าต้องมีเจ้าหน้าที่กดให้สิ เราก็บอกว่าไม่มี เรากดเอง เขาก็ถามย้ำสองสามรอบ
แล้วพูดกับเราว่าปกติเจ้าหน้าที่จะเป็นคนกดให้ เจ้าหน้าที่จะดูว่าสัมภาระเรามากน้อยแค่ไหน แล้วเลือกขนาดรถให้เรา
(ซึ่งจุดนี้เราไม่รู้ข้อมูลว่าเท็จจริงยังไง เพราะปกติเรากดรับบัตรคิวอย่างเดียวไม่ได้สังเกตุว่ามีการเลือกขนาดรถให้หรือเปล่า
และบางครั้งเราก็กดได้รถใหญ่ ทั้งที่เดินทางคนเดียวก็ไม่เคยมีปัญหา)
เราไม่อยากต่อความกับคนขับ คืออยากกลับบ้านมากแล้ว เลยถามคนขับรถไปว่า "พี่จะไปหรือเปล่าคะ?"
คนขับก็พูดทำนองว่าเรียกตรงนี้เสียเงินนะห้าสิบบาท คุณไปเรียกชั้นสี่ดีกว่าตรงนั้นมีรถแท็กซี่มาส่งผู้โดยสาร
ขึ้นตรงนั้นไม่เสียเงินนะ พูดย้ำหลายรอบจนเราเริ่มหงุดหงิดละ เลยถามไปอีกว่าพี่จะไปหรือไม่ไป
เขาก็บอกว่าไปได้ เเค่แนะนำไม่อยากให้เราเสียเงิน เห็นเป็นคนไทยด้วยกัน เราบอกว่าไม่เป็นไรเราจ่ายได้ห้าสิบบาท แล้วเราก็ขึ้นรถ
(ตอนนั้นก็ยังคิดว่าเค้าคงแนะนำจริงๆมั๊ง)
พอรถออก คนขับก็พูดเหมือนจะต่อว่าเราว่าเขาเห็นเราเป็นคนไทยเลยมีเจตนาดี แนะนำให้ไปขึ้นที่ไม่เสียเงิน แต่เรากลับคิดว่าเขาไม่อยากไป
เราก็เฉยๆไม่ได้ตอบอะไร คนขับก็พูดอีกว่า คุณมีของเเค่นี้ไปรถเล็กก็ได้ ให้คนอื่นที่เขามีของเยอะๆไปรถใหญ่ เราหงุดหงิดมากว่าจะอะไรนักหนา
คือจากวิธีที่เค้าพูดมันชัดเจนว่าเค้าไม่อยากไปส่งเรา แต่ก็ต้องรับเราขึ้นมา เราก็เลยพูดไปเลยว่า
เมื่อกี้ก็ถามแล้วว่าจะไปหรือไม่ไป ทำไมไม่บอกตรงๆล่ะถ้าจะไม่ไป
เขาก็พูดทำนองว่า คุณต้องเห็นใจผมนะ ผมมาจอดรอตั้งสามชั่วโมง แท็กซี่ต้องมาเข้าคิวรอเป็นชั่วโมงๆทุกคัน
(คือฟังๆไปแล้วงงมาก ตกลงให้เราเห็นใจคนที่มีสัมภาระเยอะ หรือให้เห็นใจเค้า แล้วเห็นใจเค้าเรื่องอะไร??
ของเยอะกับของน้อยค่ารถไม่เท่ากันเหรอ?) ตอนนั้นเราก็มองทะเบียนรถละ จดไว้เรียบร้อยเผื่อมีอะไร
หลังจากนั้น คนขับก็บอกว่าจะวนไปส่งเราที่คิวรถข้างล่าง บอกเราว่า " ผมจะไปส่งคุณที่คิวรถข้างล่างนะ
ไม่คิดเงินหรอกครับ คุณจะได้ไม่เสียเงินค่าเรียกรถ " พูดแบบนี้สองรอบ เราทนไม่ไหวละ เลยบอกว่า " ได้ งั้นพี่เอาสลิปเรียกรถคืนมา "
****ตรงนี้ล่ะค่ะ ที่เราพลาด ปกติเราจะขอสลิปคืนจากแท็กซี่ทุกครั้ง หลังจากเอาให้คนขับดูว่าหมายเลขตรงกันนะ แต่ครั้งนี้เรามัวแต่จดจ่อเรื่อง
คนขับจะไปหรือไม่ไปเลยลืม ที่จุดเรียกรถแท็กซี่ก็มีป้ายเตือนว่าให้ขอรับสลิปคืนจากคนขับทุกครั้ง ย้ำเลยนะคะ เอาไว้เป็นหลักฐาน
เพราะความสะเพร่าของตัวเองเลยได้ยินคำตอบจากคนขับ ที่คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้คือ
" อ๋อ ผมวางไว้ข้างหลังนะครับ คงปลิวตกไปแล้วล่ะ "
เรานี่ของขึ้น ปีนไปดูหลังรถเลย เขาเห็นเราเอาจริงมั๊งก็เลยพูดขึ้นมาว่า ผมไปส่งคุณก็ได้ครับ ไปทุกที่แหละครับ ไปได้ทั้งนั้น
เราฟังแล้วหงุดหงิด คือพยายามพูดจาดีๆพูดให้ดูดี แต่เจตนาเค้ามันไม่ใช่เลย ตอนนั้นเราก็คิดว่า ไม่ไปแล้วรับเรามาทำไมให้เสียอารมณ์ทั้งสองฝ่าย
แต่ลองมาคิดอีกที อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นกฏที่แท็กซี่ทุกคนต้องรับผู้โดยสาร เค้าก็เลยรับเราออกมาแล้วมาหาเรื่องทิ้งเราลงกลางทางละมั๊ง
ซึ่งหลังจากนั้นเราก็รู้สึกไม่ปลอดภัยละล่ะ เพราะเขาก็ขับรถไม่ค่อยโอเค (จริงๆการมีเรื่องกับคนขับรถแท็กซี่นี่ก็ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่
ไม่แนะนำให้ทำตาม ยิ่งเราเดินทางคนเดียว แถมเขาเป็นคนขับรถอีก แต่ตอนนั้นหงุดหงิดจริงๆ คราวหลังคงต้องระวังกว่านี้ค่ะ)
ระหว่างทาง เราโทรหาที่บ้านบอกว่าอยู่ตรงไหน เค้าก็พูดแทรกมาว่า คุณนั่งพักผ่อนสบายๆเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง
หลังจากนั้นคนขับรถก็มีพูดจากวนเรา แต่ไม่ใช่สาระสำคัญไม่ขอลงรายละเอียดค่ะ
ก็เลยอยากจะเตือนว่าถ้าใครมีเดินทางโดยใช้รถแท็กซี่สุวรรณภูมิ ให้เก็บสลิปเรียกรถไว้ให้ดีเลย (ตามที่สนามบินติดป้ายเตือนไว้)
เรายังโกรธตัวเองอยู่ เพราะทุกทีก็เก็บตลอด แค่วันนั้นเเบบหลายสิ่ง ทั้งอดนอน เหนื่อย แล้วก็หงุดหงิดกับคนขับ
คราวหน้าคงต้องระวังมากๆขึ้นกว่านี้ค่ะ และถ้าใครมีช่องทางที่ปลอดภัยในการร้องเรียนก็ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ