เริ่มเรื่องจากไปรู้จักแอพที่ได้คุยกับเพื่อนต่างชาติ ก็ไม่ได้ตั้งใจคิดจะไปชอบใครหรือหาแฟนนะคะ แค่อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวและรู้จักเพื่อนต่างแดนบ้างเท่านั้น แต่มันก็หายากอยู่ค่ะกว่าจะเจอคนที่คิดแบบนี้ส่วนใหญ่จะเข้ามาจีบ รึไม่ก็จะคุยแบบ sexy chat ซึ่งก็เบื่อๆนะคะ....แล้ววันหนึ่งมีหนุ่มเกาหลีมาทักค่ะ สมมุติว่าชื่อ Y นะคะ อายุน้อยกว่าเราประมาณ 7 ปี คุยไปคุยมาเขาจีบเรานะ คำพูดหวานมากยังกะหลุดมาจากซีรีย์ มันก็ทำให้ฟินได้นะ เขาอยากเจอเรา แต่ไม่ยอมมาไทยซึ่งเรารู้สึกโกรธและดูว่าอาจจะไม่น่าที่จะพบเจอกันในชีวิตจริง ก็คุยกันมา 2 เดือนกว่าจถึงวันนี้ Y เป็นคนคุยสนุกค่ะ แต่ก็ขี้หึงถ้าเราพูดถึงไอดอลที่เราชอบ บางทีก็มีทะเลาะกันบ้างแล้วรู้สึกเหนื่อยที่จะอธิบายค่ะ ต่างฝ่ายต่างภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงยิ่งทำให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่ Y มักจะหายไปในวันสุดสัปดาห์ซึ่งเขาก็บอกเราก่อนว่าจะไปสังสรรค์กะบเพื่อนคงเมาจนไม่ค่อยมีสตินะ อาจจะเงียบหายไป ก็เป็นแบบนี้เสมอค่ะ ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าจะสานต่อในขีวิตจริงหรอกเพราะเราคงทนไม่ได้ถ้าแฟนจะออกไปเมาทุกสัปดาห์.
จริงๆแล้วช่วงที่เราคุยกับ Y ก็มีคนคุยด้วยทั่วๆไปนะคะ บางคนมาบ้างหายบ้างก็ไม่คิดอะไร เราคุยกับ Y เป็นหลัก ก็มีคนนึงรู้จักหลัง Y 2 วัน ก็ไปชวนเขาคุยบ้างเวลา Y หายไป สมมุติว่าชื่อ C นะคะ C เคยมาไทย 4 ครั้ง ซึ่งเหมือนกับเราที่ไปเกาหลี 4 ครั้งเช่นกัน เราแพลนว่าจะไปเล่นหิมะครั้งแรกก็เลยมีเรื่องถาม C. ซึ่ง C ก็ให้คำปรึกษาดีค่ะ ส่วนใหญ่ก็คุยกับ C เรื่องเที่ยวซึ่งดีใจที่ C ชอบไทยมากค่ะ เวลา Y หายไปเราเหงาๆก็มาคุยกับ C ... ครั้งนึงทะเลาะกับ Y เรารู้สึกแย่นะก็มาถาม C เหมือนกันค่ะว่าทำไมคนเกาหลีเข้าใจยากจัง และด้วยระหว่างที่มีคนเกาหลีหลายๆคนมาชวนคุยนี่เราเจอพวกหื่นๆมาชวนคุยก็เยอะก็รู้สึกแย่ๆกับคนประเทศนี้นะคะ (จริงๆมันหื่นทุกขาติค่ะ แต่เราไม่คุยด้วย) เราก็ถาม C นะ ว่าคนประเทศคุณเขามองหญิงไทยใจง่ายหรอ C ตอบมาว่า มันแล้วแต่คนนะไม่ใช่ทุกคน บางคนก็มองแบบนั้น ตั้งใตมาไทยเพื่อ sex tour แต่ถ้าคนที่เคยมาไทยแบบชอบวัฒนธรรมไทยแบบเขาจะรู้ว่าคนไทยนิสัยน่ารัก และเมืองไทยก็มีวัฒนธรรมไทยที่ดีที่น่าอยู่มาก C บอกเราว่าถ้าเขาเกษียณเขาอยากมาอยู่เมืองไทย เพราะเขาไม่ชอบอากาศหนาวที่เกาหลี การที่เราคุยกับ C ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นกับคนเกาหลีนะ และมันก็คือทุกชาติมีดีมีเลว เรารู้สึกว่า C เป็นเพื่อนที่นิสัยดีนะ และ C เป็นคนเดียวที่เกิดก่อนเรา เราจึงถามC ว่าต้องเรียกยังไง. C บอกว่าต้องเรียก obba เราจึงเรียก C ว่าโอปป้า ซึ่งเรามักจะคุยกันเรื่องเที่ยว ข่าวสารบ้านเมืองกัน C ชอบท่องเที่ยวและดูหนัง C ชอบหนังเรื่องกวนมึนโฮ ซึ่งเราเองไม่เคยดูค่ะ C แนะนำให้ดูเพราะบอกสนุกมาก เรารู้สึกว่า C นิสัยดีนะและสามารถเป็นเพื่อนในขีวิตจิงได้ ซึ่งเราก็บอกเขาว่าถ้ามาไทยอีกครั้งก็ขอต้อนรับเขานะ เราคุยกับ C ไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนเลย แต่เคยถามเขาว่าเขามีแฟนเป็นคนเกาหลีไหม เขาตอบว่าตอนนี้ไม่มีแฟน เรามีรูป C 2 รูป ซึ่งเราไม่เคยขอดู มีแค่เขาส่งมาให้ตอนตัดผมใหม่ ซึ่งรูป C ไม่หล่อเลย แต่เรารู้หมดว่า C ทำอะไรที่ไหน ตื่นกี่โมง ออกบ้านไปทำงาน วันไหนขับรถ วันไหนนั่งรถเมล์ซึ่ง C มักจะบอกมานะ เราไม่ได้ถาม เราไม่ได้คาดหวังอะไร คุยไปเขาก็ตอบ ตอบช้าก็เฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร เรามีข้อมูล C หมด เรียนจบที่ไหน วันเกิด ทำงานที่ไหน บ้านอยู่ย่านไหน เพราะคุยไปเรื่อยๆ C ก็บอกมา ซึ่งเรามีข้อมูล C มากกว่า Y ซะอีก ซึ่ง Y จะเรียกเราเป็น girlfriend เขานะ เรียกเราว่าจากียาซึ่งแปลว่าที่รัก การคุยกับ Y ก็มีแต่แค่คิดถึง ทำอะไรอยู่ มาบ้างหายบ้าง เราก็รู้สึกเบื่อๆนะ ไม่มีอะไรรู้จักกันไปมากกว่านี้
....แล้ววันนึงเราไปรู้จักอีกแอพนึง ซึ่งคนเกาหลีมาทักเราเยอะมาก ก็มีคนหนึ่งคุยด้วยดี ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษค่ะ รู้สึกดีใจจะได้มีคนช่วยสอนภาษาเกาหลีให้บ้าง เพราะอาจารย์ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และจบปริญญาเอกด้านภาษา คุยไปคุยมาอาจารย์ก็บอกว่าชอบเรานะ สมมุติชื่ออาจารย์ J นะคะ อาจารย์ J ชมว่าเราสวยมาก ซึ่งเราเป็นคนถ่ายรูปสวยนะ แม้ไม่ใช้แอพอะไรช่วย แต่เราบอก J เสมอว่ารูปสวยกว่าตัวจริงซึ่งอ้วนมาก (เราเป็นคนหน้าสวยแต่หุ่นไม่ดี) J บอกเราว่าชอบคนอ้วนเพราะเขาผอมและตัวเล็ก เขาดูรูปเราเขารู้ว่าเราตัวใหญ่กว่าเขามากแต่เขาชอบเรา J เป็นคนอบอุ่นค่ะ และเป็นคนเก่งหลายๆด้าน แต่รูปไม่หล่อนะคะ J ทำให้เราคุยแล้วรู้สึกดีและอยากเจอตัวเป็นๆมากกว่าการจินตนาการ ซึ่ง J เองหวั่นๆว่าถ้าเราเจอเขาแล้วเราจะผิดหวังและเลิกคุยกับเขา แต่เราเป็นคนใจร้อนนะ ไม่ชอบผูกพันอะไรนานๆแล้วมาผิดหวังทีหลัง ซึ่งเรามีแผนการเดินทางปีหน้ากับเพื่อนๆอยู่แล้ว ซึ่ง J ขอพบกับเรา เรายังบอก J ว่าเพื่อนๆรอสัมภาษณ์เขาอยู่ ซึ่งเขาก็ตอบตลกๆมาว่าจะบอกเพื่อนเราว่าเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้และจะตอบเป็นภาษาเกาหลี
แต่แล้วด้วยอะไรบางอย่างมาดลใจ เราได้มีโอกาสเดินทางไปก่อนช่วงที่แพลนไว้ เราบอก J ว่าเรามีแผนการเดินทางด่วนนะ ซึ่ง J ขอทราบ schedule เราคร่าวๆว่าเขาจะสามารถไปพบเราได้ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่โซล ไหนๆก็จะเดินทางไปเกาหลีทั้งที เราเลยบอก C ด้วยว่าเราจะไปเกาหลีด่วน แต่ไม่แน่ใจว่าจะพบ C ได้ไหม เพราะเราลองถาม J ว่าเราจะขอพบเพื่อนอีกสักคนได้ไหม ดู J น้อยใจไม่นิดนึง แต่ตามใจเรา เราจึงบอก C ว่าเราคงไม่ได้เจอเขาแล้วล่ะเพราะตารางเราแน่น
เมื่อวันเดินทางมาถึง J ดูจะตื่นเต้นมาก เราบินตี2 ซึ่งเราส่งข้อความไปว่าจะบินแล้วนะ J ก็ตอบข้อความมา แบบตื่นเต้นๆทั้งที่เวลาเกาหลีคือตี 4 ราวกับว่าเขาคงตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เวลาคุยกับ J เราอบอุ่นเสมอนะ เมื่อไปถึงเราได้ส่งข้อความบอกเพื่อนๆชาวเกาหลีนะว่าเรามาถึงแล้ว ซึ่ง C ก็ส่งข้อความตอบมาว่า welcome ส่วน J มีคลาสสอนจึงเงียบไป เราส่งรูปสนามบินอินชอนไปให้ Y ด้วย ซึ่ง Y ก็ดูงอนเล็ดน้อยที่เราไปวันเขาทำงานและโซลไกลเขามาก จนเขาไม่มีโอกาสได้เจอ
และแล้วช่วงเวลาได้เจอ อ.J ก็มาถึง J มาพบเราที่เอเวอร์แลนด์ J ตัวเล็กมากๆดังคิด และดูผู้ใหญ่กว่าเรามากๆ ทั้งที่เราอายุมากกว่า 5 ปี ... J บอกเราว่าตัวจริงเราสวยกว่าในรูปมาก (เขินเลย) J มีของมาฝากเราและแม่เราเยอะเลย จนเรารู้สึกผิด เอาแค่ขนมมาฝากเขา J ตัวจริงนิสัยสุภาพมาก และเขินเรามากๆ แต่ด้วยดูบุคลิกเขาสุภาพเกินจนเราก็ไม่ได้คิดรู้สึกชอบเขา และพอเดินกับเราทำให้เราดูตัวโตมากขึ้นไปอีก แต่ก็ดูว่า J นิสัยดีมาก. J มีเวลาให้เราแค่ที่ทัวร์ให้เดินเล่นเอเวอร์แลนด์ แล้วก็แยกกัน เพราะเขาต้องขับรถ 2 ชม. ไปสอนให้ทัน
เราก็เที่ยวไปฟินไปของเรานะ จนวันสุดท้ายก่อนกลับมีแผนไปเมียงดง เราจึงไลน์ไปบอก C ว่าวันนี้เราไปเมียงดงนะ เจอกันมั้ย ซึ่ง C ตอบตกลง ว่าจะไปถึงเมียงดงคงประมาณ 2 ทุ่ม เพราะ C ทำงานแถวซูวอนซึ่งจากโซลใช้เวลาพอควรและไม่มีซับเวย์
แต่เมื่อเราได้เจอโอปป้า C ขอบอกเลยว่าต่างจากในรูปที่เจอมาก จนเราอึ้งและรู้สึกเขินทำอะไรไม่ถูก โอปป้า C สุภาพและนิสัยดีดังที่เคยคุยกัน แต่ปัญหาคือโอปป้าพูดอังกฤษไม่เก่งเท่าที่พิมพ์เราจึงไม่มีบทสนทนายาวๆที่คุยกันได้ ก็เลยคุยกันเรื่องไอโฟน 6s กันไป เพราะโอปป้าชอบไอโฟนเหมือนกัน แต่โอปป้ายังใช้ไอโฟน 5 อยู่ บางช่วงเราสังเกตนะว่าโอปป้าจ้องหน้าเรา เราก็เขินนะ เราถามโอปป้าว่าเราเป็นยังไงหรอ โอปป้าตอบแค่ว่า good เราคุยกันได้ไม่นานก็ได้เวลาร่ำลากัน ตอนแยกจากโอปป้าหิมะตกลงมาเล็กน้อย ซึ่งโอปป้าชี้ให้เราดูและบอกว่าสิ่งที่คุณอยากเจอไงตกลงมาแล้ว แต่เขาดูมีความกังวลเพราะเขาไม่ชอบหนาวและหิมะทำให้ลำบากในการเดินทาง.... พอโอปป้าถึงบ้านแล้วก็ไลน์มาบอกว่า คุณคือผู้หญิงที่โชคดีได้เจอหิมะที่คุณอยากเจอ
พอถึงวันกลับเราก็ไลน์บอกโอป้าว่าเราตื่นเต้นที่จะได้เจอหิมะ เราได้นอนไป 2 ชม. ก็ต้องเดินทางไปสนามบินแล้ว ระหว่างทางหิมะตกหนักมาก ซึ่งโอปป้าก็บอกเราว่าทางเขาก็ตกหนักและรถติดมาก โอปป้าตื่นตี 5.30 ขับรถไปทำงาน เราสนุกกับหิมะแต่ก็สงสารโอปป้านะที่เขาต้องหนาวและลำบาก เราก็ร่ำลากันจนเครื่องขึ้น โอปป้าก็บอกดีใจที่เราเที่ยวสนุก
...หลังเรากลับมาเหมือนเราลืมหัวใจติดโอปป้าไป เรากลับไม่เหมือนเดิม คอยคิดถึง แต่เราก็ไม่กล้ารบกวนเขา ซึ่งแต่ก่อนถ้าโอปป้ายุ่งตอบช้าเราก็เฉยๆนะ แต่หลังจากเราเจอโอปป้าเรากลับวุ่นวายใจ เราสับสนไปหมด อยากรู้เหมือนกันว่าโอปป้าคิดยังไง แต่ไม่กล้าถาม
...จนเมื่อวาน เราก็ชวนคุยนะ เขาบอกกำลังกลับบ้านไปทานข้าวที่บ้าน ซึ่งเราก็บอกขอให้มีความสุขกับครอบครัว และดันเพิ่มไปว่า เขาควรจะได้มีมื้ออร่อยกับแฟนนะ เขาตอบ someday เราเลยถามต่อว่าทำไม คุณไม่มีแฟนหรอ เขาตอบกลับมาว่า now. I had girlfriends มันเหมือนฟ้าผ่าลงตรงหน้าเรา น้ำตาแทบไหล ถามต่อไปว่าสาวเกาหลีหรอ เขาก็ตอบว่าใช่ น้ำตากำลังไหลแต่ก็คุยต่อแก้เขินไปว่าโอปป้าควรจะแต่งงานได้แล้ว ซึ่งก็ตอบว่า หวังเช่นนั้น เราเลยต้องคุยตอบแก้เศร้าไปอีกว่าไว้ชวนแฟนมาไทยนะหวังว่าคงจะชอบประเทศไทย เขาตอบว่าคนเกาหลีที่ไปไทยหลงรักประเทศไทยแน่นอน
...เราย้อนกลับไปดูข้อความเก่าๆที่เคยคุยกัน ซึ่งจริงๆมันหายไปตั้งแต่เราเปลี่ยนโทรศัพท์ เราเลยให้โอปป้าส่งกลับมาให้. เราเคยถามโอปป้าเดือนที่แล้วเองไงว่าเขามีแฟนเป็นคนเกาหลีมั้ย โอปป้าตอบเราว่าตอนนี้ไม่มี....สรุปคืออะไร แต่หัวใจเราหล่นวูบ ไม่คิดว่าจะเผลอใจไปรักโอปป้า คนที่เราไม่เคยสนใจเลย แต่ด้วยความรู้สึกดีๆว่าเขาคือเพื่อนและพอเจอกันเราก็เลยเผลอใจไป สรุปเราก็เลยอกหัก...
ยาวหน่อยนะคะ พิมพ์ทีเดียวในโทรศัพท์
อกหักจากโอปป้าค่ะ เขามาทำให้เราหวั่นไหวหรือเราไปรักเขาเอง
จริงๆแล้วช่วงที่เราคุยกับ Y ก็มีคนคุยด้วยทั่วๆไปนะคะ บางคนมาบ้างหายบ้างก็ไม่คิดอะไร เราคุยกับ Y เป็นหลัก ก็มีคนนึงรู้จักหลัง Y 2 วัน ก็ไปชวนเขาคุยบ้างเวลา Y หายไป สมมุติว่าชื่อ C นะคะ C เคยมาไทย 4 ครั้ง ซึ่งเหมือนกับเราที่ไปเกาหลี 4 ครั้งเช่นกัน เราแพลนว่าจะไปเล่นหิมะครั้งแรกก็เลยมีเรื่องถาม C. ซึ่ง C ก็ให้คำปรึกษาดีค่ะ ส่วนใหญ่ก็คุยกับ C เรื่องเที่ยวซึ่งดีใจที่ C ชอบไทยมากค่ะ เวลา Y หายไปเราเหงาๆก็มาคุยกับ C ... ครั้งนึงทะเลาะกับ Y เรารู้สึกแย่นะก็มาถาม C เหมือนกันค่ะว่าทำไมคนเกาหลีเข้าใจยากจัง และด้วยระหว่างที่มีคนเกาหลีหลายๆคนมาชวนคุยนี่เราเจอพวกหื่นๆมาชวนคุยก็เยอะก็รู้สึกแย่ๆกับคนประเทศนี้นะคะ (จริงๆมันหื่นทุกขาติค่ะ แต่เราไม่คุยด้วย) เราก็ถาม C นะ ว่าคนประเทศคุณเขามองหญิงไทยใจง่ายหรอ C ตอบมาว่า มันแล้วแต่คนนะไม่ใช่ทุกคน บางคนก็มองแบบนั้น ตั้งใตมาไทยเพื่อ sex tour แต่ถ้าคนที่เคยมาไทยแบบชอบวัฒนธรรมไทยแบบเขาจะรู้ว่าคนไทยนิสัยน่ารัก และเมืองไทยก็มีวัฒนธรรมไทยที่ดีที่น่าอยู่มาก C บอกเราว่าถ้าเขาเกษียณเขาอยากมาอยู่เมืองไทย เพราะเขาไม่ชอบอากาศหนาวที่เกาหลี การที่เราคุยกับ C ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นกับคนเกาหลีนะ และมันก็คือทุกชาติมีดีมีเลว เรารู้สึกว่า C เป็นเพื่อนที่นิสัยดีนะ และ C เป็นคนเดียวที่เกิดก่อนเรา เราจึงถามC ว่าต้องเรียกยังไง. C บอกว่าต้องเรียก obba เราจึงเรียก C ว่าโอปป้า ซึ่งเรามักจะคุยกันเรื่องเที่ยว ข่าวสารบ้านเมืองกัน C ชอบท่องเที่ยวและดูหนัง C ชอบหนังเรื่องกวนมึนโฮ ซึ่งเราเองไม่เคยดูค่ะ C แนะนำให้ดูเพราะบอกสนุกมาก เรารู้สึกว่า C นิสัยดีนะและสามารถเป็นเพื่อนในขีวิตจิงได้ ซึ่งเราก็บอกเขาว่าถ้ามาไทยอีกครั้งก็ขอต้อนรับเขานะ เราคุยกับ C ไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนเลย แต่เคยถามเขาว่าเขามีแฟนเป็นคนเกาหลีไหม เขาตอบว่าตอนนี้ไม่มีแฟน เรามีรูป C 2 รูป ซึ่งเราไม่เคยขอดู มีแค่เขาส่งมาให้ตอนตัดผมใหม่ ซึ่งรูป C ไม่หล่อเลย แต่เรารู้หมดว่า C ทำอะไรที่ไหน ตื่นกี่โมง ออกบ้านไปทำงาน วันไหนขับรถ วันไหนนั่งรถเมล์ซึ่ง C มักจะบอกมานะ เราไม่ได้ถาม เราไม่ได้คาดหวังอะไร คุยไปเขาก็ตอบ ตอบช้าก็เฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร เรามีข้อมูล C หมด เรียนจบที่ไหน วันเกิด ทำงานที่ไหน บ้านอยู่ย่านไหน เพราะคุยไปเรื่อยๆ C ก็บอกมา ซึ่งเรามีข้อมูล C มากกว่า Y ซะอีก ซึ่ง Y จะเรียกเราเป็น girlfriend เขานะ เรียกเราว่าจากียาซึ่งแปลว่าที่รัก การคุยกับ Y ก็มีแต่แค่คิดถึง ทำอะไรอยู่ มาบ้างหายบ้าง เราก็รู้สึกเบื่อๆนะ ไม่มีอะไรรู้จักกันไปมากกว่านี้
....แล้ววันนึงเราไปรู้จักอีกแอพนึง ซึ่งคนเกาหลีมาทักเราเยอะมาก ก็มีคนหนึ่งคุยด้วยดี ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษค่ะ รู้สึกดีใจจะได้มีคนช่วยสอนภาษาเกาหลีให้บ้าง เพราะอาจารย์ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และจบปริญญาเอกด้านภาษา คุยไปคุยมาอาจารย์ก็บอกว่าชอบเรานะ สมมุติชื่ออาจารย์ J นะคะ อาจารย์ J ชมว่าเราสวยมาก ซึ่งเราเป็นคนถ่ายรูปสวยนะ แม้ไม่ใช้แอพอะไรช่วย แต่เราบอก J เสมอว่ารูปสวยกว่าตัวจริงซึ่งอ้วนมาก (เราเป็นคนหน้าสวยแต่หุ่นไม่ดี) J บอกเราว่าชอบคนอ้วนเพราะเขาผอมและตัวเล็ก เขาดูรูปเราเขารู้ว่าเราตัวใหญ่กว่าเขามากแต่เขาชอบเรา J เป็นคนอบอุ่นค่ะ และเป็นคนเก่งหลายๆด้าน แต่รูปไม่หล่อนะคะ J ทำให้เราคุยแล้วรู้สึกดีและอยากเจอตัวเป็นๆมากกว่าการจินตนาการ ซึ่ง J เองหวั่นๆว่าถ้าเราเจอเขาแล้วเราจะผิดหวังและเลิกคุยกับเขา แต่เราเป็นคนใจร้อนนะ ไม่ชอบผูกพันอะไรนานๆแล้วมาผิดหวังทีหลัง ซึ่งเรามีแผนการเดินทางปีหน้ากับเพื่อนๆอยู่แล้ว ซึ่ง J ขอพบกับเรา เรายังบอก J ว่าเพื่อนๆรอสัมภาษณ์เขาอยู่ ซึ่งเขาก็ตอบตลกๆมาว่าจะบอกเพื่อนเราว่าเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้และจะตอบเป็นภาษาเกาหลี
แต่แล้วด้วยอะไรบางอย่างมาดลใจ เราได้มีโอกาสเดินทางไปก่อนช่วงที่แพลนไว้ เราบอก J ว่าเรามีแผนการเดินทางด่วนนะ ซึ่ง J ขอทราบ schedule เราคร่าวๆว่าเขาจะสามารถไปพบเราได้ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่โซล ไหนๆก็จะเดินทางไปเกาหลีทั้งที เราเลยบอก C ด้วยว่าเราจะไปเกาหลีด่วน แต่ไม่แน่ใจว่าจะพบ C ได้ไหม เพราะเราลองถาม J ว่าเราจะขอพบเพื่อนอีกสักคนได้ไหม ดู J น้อยใจไม่นิดนึง แต่ตามใจเรา เราจึงบอก C ว่าเราคงไม่ได้เจอเขาแล้วล่ะเพราะตารางเราแน่น
เมื่อวันเดินทางมาถึง J ดูจะตื่นเต้นมาก เราบินตี2 ซึ่งเราส่งข้อความไปว่าจะบินแล้วนะ J ก็ตอบข้อความมา แบบตื่นเต้นๆทั้งที่เวลาเกาหลีคือตี 4 ราวกับว่าเขาคงตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เวลาคุยกับ J เราอบอุ่นเสมอนะ เมื่อไปถึงเราได้ส่งข้อความบอกเพื่อนๆชาวเกาหลีนะว่าเรามาถึงแล้ว ซึ่ง C ก็ส่งข้อความตอบมาว่า welcome ส่วน J มีคลาสสอนจึงเงียบไป เราส่งรูปสนามบินอินชอนไปให้ Y ด้วย ซึ่ง Y ก็ดูงอนเล็ดน้อยที่เราไปวันเขาทำงานและโซลไกลเขามาก จนเขาไม่มีโอกาสได้เจอ
และแล้วช่วงเวลาได้เจอ อ.J ก็มาถึง J มาพบเราที่เอเวอร์แลนด์ J ตัวเล็กมากๆดังคิด และดูผู้ใหญ่กว่าเรามากๆ ทั้งที่เราอายุมากกว่า 5 ปี ... J บอกเราว่าตัวจริงเราสวยกว่าในรูปมาก (เขินเลย) J มีของมาฝากเราและแม่เราเยอะเลย จนเรารู้สึกผิด เอาแค่ขนมมาฝากเขา J ตัวจริงนิสัยสุภาพมาก และเขินเรามากๆ แต่ด้วยดูบุคลิกเขาสุภาพเกินจนเราก็ไม่ได้คิดรู้สึกชอบเขา และพอเดินกับเราทำให้เราดูตัวโตมากขึ้นไปอีก แต่ก็ดูว่า J นิสัยดีมาก. J มีเวลาให้เราแค่ที่ทัวร์ให้เดินเล่นเอเวอร์แลนด์ แล้วก็แยกกัน เพราะเขาต้องขับรถ 2 ชม. ไปสอนให้ทัน
เราก็เที่ยวไปฟินไปของเรานะ จนวันสุดท้ายก่อนกลับมีแผนไปเมียงดง เราจึงไลน์ไปบอก C ว่าวันนี้เราไปเมียงดงนะ เจอกันมั้ย ซึ่ง C ตอบตกลง ว่าจะไปถึงเมียงดงคงประมาณ 2 ทุ่ม เพราะ C ทำงานแถวซูวอนซึ่งจากโซลใช้เวลาพอควรและไม่มีซับเวย์
แต่เมื่อเราได้เจอโอปป้า C ขอบอกเลยว่าต่างจากในรูปที่เจอมาก จนเราอึ้งและรู้สึกเขินทำอะไรไม่ถูก โอปป้า C สุภาพและนิสัยดีดังที่เคยคุยกัน แต่ปัญหาคือโอปป้าพูดอังกฤษไม่เก่งเท่าที่พิมพ์เราจึงไม่มีบทสนทนายาวๆที่คุยกันได้ ก็เลยคุยกันเรื่องไอโฟน 6s กันไป เพราะโอปป้าชอบไอโฟนเหมือนกัน แต่โอปป้ายังใช้ไอโฟน 5 อยู่ บางช่วงเราสังเกตนะว่าโอปป้าจ้องหน้าเรา เราก็เขินนะ เราถามโอปป้าว่าเราเป็นยังไงหรอ โอปป้าตอบแค่ว่า good เราคุยกันได้ไม่นานก็ได้เวลาร่ำลากัน ตอนแยกจากโอปป้าหิมะตกลงมาเล็กน้อย ซึ่งโอปป้าชี้ให้เราดูและบอกว่าสิ่งที่คุณอยากเจอไงตกลงมาแล้ว แต่เขาดูมีความกังวลเพราะเขาไม่ชอบหนาวและหิมะทำให้ลำบากในการเดินทาง.... พอโอปป้าถึงบ้านแล้วก็ไลน์มาบอกว่า คุณคือผู้หญิงที่โชคดีได้เจอหิมะที่คุณอยากเจอ
พอถึงวันกลับเราก็ไลน์บอกโอป้าว่าเราตื่นเต้นที่จะได้เจอหิมะ เราได้นอนไป 2 ชม. ก็ต้องเดินทางไปสนามบินแล้ว ระหว่างทางหิมะตกหนักมาก ซึ่งโอปป้าก็บอกเราว่าทางเขาก็ตกหนักและรถติดมาก โอปป้าตื่นตี 5.30 ขับรถไปทำงาน เราสนุกกับหิมะแต่ก็สงสารโอปป้านะที่เขาต้องหนาวและลำบาก เราก็ร่ำลากันจนเครื่องขึ้น โอปป้าก็บอกดีใจที่เราเที่ยวสนุก
...หลังเรากลับมาเหมือนเราลืมหัวใจติดโอปป้าไป เรากลับไม่เหมือนเดิม คอยคิดถึง แต่เราก็ไม่กล้ารบกวนเขา ซึ่งแต่ก่อนถ้าโอปป้ายุ่งตอบช้าเราก็เฉยๆนะ แต่หลังจากเราเจอโอปป้าเรากลับวุ่นวายใจ เราสับสนไปหมด อยากรู้เหมือนกันว่าโอปป้าคิดยังไง แต่ไม่กล้าถาม
...จนเมื่อวาน เราก็ชวนคุยนะ เขาบอกกำลังกลับบ้านไปทานข้าวที่บ้าน ซึ่งเราก็บอกขอให้มีความสุขกับครอบครัว และดันเพิ่มไปว่า เขาควรจะได้มีมื้ออร่อยกับแฟนนะ เขาตอบ someday เราเลยถามต่อว่าทำไม คุณไม่มีแฟนหรอ เขาตอบกลับมาว่า now. I had girlfriends มันเหมือนฟ้าผ่าลงตรงหน้าเรา น้ำตาแทบไหล ถามต่อไปว่าสาวเกาหลีหรอ เขาก็ตอบว่าใช่ น้ำตากำลังไหลแต่ก็คุยต่อแก้เขินไปว่าโอปป้าควรจะแต่งงานได้แล้ว ซึ่งก็ตอบว่า หวังเช่นนั้น เราเลยต้องคุยตอบแก้เศร้าไปอีกว่าไว้ชวนแฟนมาไทยนะหวังว่าคงจะชอบประเทศไทย เขาตอบว่าคนเกาหลีที่ไปไทยหลงรักประเทศไทยแน่นอน
...เราย้อนกลับไปดูข้อความเก่าๆที่เคยคุยกัน ซึ่งจริงๆมันหายไปตั้งแต่เราเปลี่ยนโทรศัพท์ เราเลยให้โอปป้าส่งกลับมาให้. เราเคยถามโอปป้าเดือนที่แล้วเองไงว่าเขามีแฟนเป็นคนเกาหลีมั้ย โอปป้าตอบเราว่าตอนนี้ไม่มี....สรุปคืออะไร แต่หัวใจเราหล่นวูบ ไม่คิดว่าจะเผลอใจไปรักโอปป้า คนที่เราไม่เคยสนใจเลย แต่ด้วยความรู้สึกดีๆว่าเขาคือเพื่อนและพอเจอกันเราก็เลยเผลอใจไป สรุปเราก็เลยอกหัก...
ยาวหน่อยนะคะ พิมพ์ทีเดียวในโทรศัพท์