[CR] ืReview >> เกาะสีชังไม่ปังก็ให้รู้ไป ! :D

สวัสดีค่ะทุกคนนนนน  นี่เป็นรีวิวการท่องเที่ยวครั้งแรกของพวกเรา ถามว่าตื่นเต้นมั้ยในการรีวิวครั้งแรก ขอบอกเลยว่าตื่นเต้นมากกกกก ผิดพลาดประการใด  ก็ขออภัยด้วยนะคะ ติชมได้ค่ะ เราจะพาไปเกาะแห่งหนึ่งที่เหมือนว่าเป็นแค่ทางผ่าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเลย เป็นเกาะที่มีความสงบ ธรรมชาติและมีวิถีชาวบ้านแบบไทยๆ จะไปแบบเช้าเย็นกลับก็ได้ค่ะ เรามาเริ่มออกเดินทางกันเล้ยยยยยยย



    พวกเราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า ไปขึ้นรถตู้ที่อนุเสารีย์ ไปจังหวัดชลบุรี คิวรถตู้จะอยู่ตรงข้างห้างเซนจูรี่  ราคา 110 บาท และให้ลงที่อำเภอศรีราชาหน้าห้างโรบินสันและต่อด้วยนั่งวินมอเตอไซค์ไปท่าเรือเกาะลอย 20 บาท พอถึงก็จะเจอป้านั่งขายตั๋วเรืออยู่ ใบละ 50 บาท ค่าเดินทางมาจากกรุงเทพแค่ 180 บาท ถูกมากค่ะ และเรือที่นี่จะออกทุกๆชั่วโมง ตั้งแต่ 06.00-20.00 น. ถึงเวลาลงเรือแล้ว จากท่าเรือเกาะลอยไปเกาะสีชังจะใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาที นั่งมองวิวทะเลเพลินๆ คุยกับเพื่อนๆ แป๊ปเดียว เราก็มาถึงเกาะสีชังกันแล้ว
เมื่อเราขึ้นจากเรือก็จะมีคุณลุงคุณป้าเดินมา ถามเราว่าจะเช่ามอเตอไซค์มั้ยหรือเช่ารถตุ๊กๆหรือเปล่า ราคาเช่ามอเตอไซค์ประมาณ 250 บาทต่อวัน พวกเราเลือกตุ๊กๆค่ะเพราะมากัน หลายคนละอีกอย่างอยากได้ฟิวด้วยค่ะ อิอิ เมื่อมาถึงที่พัก เราพักที่เกาะสีชัง รีสอร์ท เจ้าของใจดีและเป็นกันเองมากค่ะ ห้องก็ถูกและหลับสบาย เมื่อเก็บของเข้าห้องแล้ว เราก็ไม่รอช้า เดินข้ามฝั่งตรงข้ามของรีสอร์ทเพื่อไปดูจุดชมวิวของเกาะ คือ ช่องเขาขาดหรือช่องอิศริยาภรณ์   วิวคือดีมาก มองเห็นภูเขาและทะเลแบบ 360 องศา ถึงแดดจะแรงแต่เราก็สู้ เดินชมวิวถ่ายรูปกันเอาให้เมมเต็มกันไปข้างนึง และที่นี่ตอนเย็นเค้านิยมมาดูพระอาทิตย์ตกดินกันด้วย






จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ สะพานอัษฎางค์ สะพานแห่งความโรแมนติก อินเลิฟที่สะพานอัษฎาง อินไม่อินไม่รู้ แต่พอไปถึงเห็นคู่รักเดินจับมือกัน น่ารัก เราเลยรู้มาว่าที่นี่ ณ เกาะแห่งนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวของความรัก ว่ากันว่า…ใครที่อยากเติมความหวานให้ชีวิต ตอนเช้าให้ชวนกันมารับแสงแรกของวัน ณ ปลายสะพานแห่งรัก และพอพระอาทิตย์ตกให้ไปอธิษฐานขอพรกลางช่องเขา  ทำให้คู่รักรักกันยาวนานนนน โอ้ยโรแมนติคเว่อออ แต่เสียใจ  ยังหาไม่ได้ 555555



        พอตกเย็นเพื่อนๆก็ชวนกันเช่าเรือไปตกปลากัน เพราะเป็นกิจกรรมที่คนนิยมบนเกาะนี้ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของเกาะนี้ ส่วนเรื่องราคาขึ้นอยู่กับเราต่อรองกับเจ้าของเรือไม่แน่นอนราคาประมาณ 2,000-4,000 บาท ได้ 8-10 คน พอได้เวลาก็ไปขึ้นเรือกันที่ท่าเรือ บนเรือก็จะมีครัวเล็กๆสำหรับทำอาหารระหว่างออกเรืออยู่กลางทะเล พวกเราเตรียมมาม่าไปจะได้ไม่ต้องกลัวเรื่องหิวแล้วจะไม่มีอะไรกินอิอิ พอไปถึงจุดตกปลา ลุงคนขับเรือ ก็มาแนะนำสอนวิธีตกปลา ตั้งแต่ใส่เหยื่อที่เบ็ดและการเหวี่ยงเบ็ด พวกเราออกเรือกันประมาณ 2 ชั่วโมงได้ปลาประมาณ 8-10 ตัว ทำให้เราได้รู้วิถีตกปลาแบบชาวประมงจริงๆ ได้ประสบการณ์ใหม่ๆและการที่พวกออกเรือไปตกปลากัน ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายสัตว์แต่อยากรู้วิถีของชาวประมงแบบไทย ว่าเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรบนเรือเป็นวันๆ ลุงน้อยเล่าให้ฟังว่า บางที ออกเรือตั้งแต่เช้าไปหาปลา ตกกลางคืนก็ตกออกเรือไปไดหมึก ลุงน้อยเล่าอีกว่าคนญี่ปุ่นชอบมาตกปลากันที่เกาะนี้ และสิ่งที่ทำให้พวกเรายิ้มตามก็คือ เวลาที่เรือประมงของชาวบ้านขับผ่านกันก็จะตะโกนทักทาย โบกมือ ส่งยิ้มให้กัน ทำให้เรารู้สึกว่าคนที่นี่มีแต่ความจริงใจให้กัน พวกเราเริ่มหลงรักเกาะนี้ซะแล้ววว 





ตอนขากลับเราได้นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกันบนเรือ มีเสียงเรือกับเสียงคลื่นเบาๆ มันเป็นบรรยากาศที่อธิบายไม่ได้ มันดีมากๆ เมื่อถึงฝั่งก็ให้รถที่รีสอร์ทมารับและก็ ต่างคนต่างพักผ่อน ฝันดีราตรีสวัสดิ์



       วันรุ่งขึ้นเราเช่ามอเตอไซค์ เพื่อขี่ดูการใช้ชีวิตของคนบนเกาะ เจอคุณยายนั่งตากปลาหมึก มีชาวบ้านมารอพระออกบิณฑบาต พ่อแม่ขี่มอเตอไซค์ส่งลูกๆไปโรงเรียน



พอสายๆเราก็จะไปชมรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศกัน คือ ปารีฮัท รีสอร์ทที่ถ่ายทำละครมากมาย อย่างเรื่องเกมร้ายเกมรัก ทางช่อง3 หลายๆคนคงคุ้นๆหูบ้าง และที่นี่มีกิจกรรมกระโดดน้ำที่หน้าผา มองไปก็ไม่ได้สูงมากนี่นา มาถึงทั้งทีขอลองซักครั้ง เมื่อใส่ชูชีพเรียบร้อยก็พร้อมกระโดดกันแล้ว แต่พอมายืนบนหน้าผาจริงๆ รู้สึกว่าทำไมมันสูงกว่าตอนแรกที่มองว้า 55555 เสียวขามากๆ แต่ก็ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยืนทำใจอยู่แป็ปนึง สาม สี่ ตู้มม ความรู้สึกตอนลอยอยู่กลางอากาศนี่รู้สึกว่ายาวนานมาก ขานี่รู้สึกว้าเหว่ หลับตาปี๋ บอกเลยว่าเสียวมากแต่ก็สนุกตื่นเต้นดี สุดท้าย โดดไปคนละ 3 รอบ ฟินแป็ป 5555



อันนี้เป็นวิวระหว่างทางมารีสอร์ปารีฮัทค่ะ




จากนั้นไหนๆ ก็ตัวเปียกกันแล้ว เราก็เลยไปเล่นน้ำกันที่ชายหาดถ้ำพังกัน เราเช่าเรือแคนนูพายเรือ ชมบรรยากาศรอบๆหาดกัน ชายหาดถ้ำพังเป็นชายหาดที่สงบไม่วุ่นวายเลย อาหารก็อร่อย แต่ติดตรงหาดทราย มีหินเยอะไปหน่อย ทำให้เวลาเดินต้องเดินอย่างระมัดระวัง



เมื่อพระอาทิตย์ใกล้ตก เราก็ต้องกลับกรุงเทพแล้ว ยังไม่อยากกลับเลยจริงๆ ทำไมเวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วจัง ถ้าไม่ติดสอบจะอยู่ต่อให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย และนี่ยังไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะไม่หมดถ้ามีโอกาสจะมาตามเก็บสถานที่ท่องเที่ยวให้ครบ ไม่อยากพลาดเรื่องราวดีดีบนเกาะนี้ สุดท้ายนี้เราอยากชวนทุกๆคนที่ชอบธรรมชาติรักความสงบ อยากเห็นวิถีชาวบ้านไทยเดิม ที่เกาะนี้ไม่มีผับไม่มีบาร์ ถ้าอยากดริ้งคงต้องซื้อไปดริ้งกันที่ห้องพักแทน

       คนบนเกาะใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง บางบ้านก็ปลูกผักไว้ทำอาหารกินเอง บ้างก็ปลูกไปขายในตลาด

เกาะสีชังเป็นเกาะที่สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี ถ้ามาวันธรรมดาก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มอีก การไปแบบตอนคนเผลอๆทำให้เราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่  ไม่ต้องไปเจอคนเยอะๆเสียงดัง ไม่เจอความวุ่นวาย นั่งเรือก็สบายไม่ต้องเบียดใคร สั่งอาหารก็ไม่ต้องรอนาน หาดก็เหมือนหาดส่วนตัว ลองไปเที่ยวกันตอนคนเผลอ แล้วคุณจะรู้ว่ามันดียังไงอยากให้ทุกคนลองเปิดใจมาที่เกาะแห่งนี้ อย่ามองเป็นแค่ทางผ่าน ถ้าได้มาสัมผัสรับรองว่าคุณจะหลงรักเกาะนี้เหมือนพวกเรา ขอบคุณที่ทนอ่านกันจนจบนะคะ 55555



พวกเราได้ทำเป็นวีดิโอด้วยนะคะ ใครอยากดูบรรยากาศแบบเต็มๆก็คลิกเลย ยิ้ม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ถ้าชอบผลงานของพวกหนู ก็ส่งกำลังใจไปได้ที่นี่นะคะ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย
http://digitorial.lisaguru.com/vote/MjAz
ชื่อสินค้า:   เกาะสีชัง ศรีราชา ชลบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่