"เมิงๆ อยากไปอ่องกงหวะ พาไปหน่อยดิ
เออๆ ไปดิ "

หลังจากจบบทสนทนาข้าต้นเราก็เริ่มต้นหาตั๋วราคาถูก แต่หาไปหามาราคามันก็ไม่ได้ถูกขนาดนั้นเพราะโปรโมชั่นสิ้นปีมันยังไม่ออกหน่ะสิ  ด้วยความที่ใจร้อน ก็เลยไม่รอแล้วว้อยหางแดงบะบายน้า
สรุปว่าเราจองของสายการบิน HK Airline ราคาไปกลับทั้งหมด 9950 บาท  ค่ะ (รู้สึกสวยไฮโซขึ้นมา3สเตปที่ต้องไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ)
หลังจากจองตั๋วเสร็จ เราก็เริ่มแพลนการเที่ยวของพวกเราโดยที่พวกเราจะไปทั้งหมด5วัน3คืน
โดยเดินทางไปวันที่ 25/11/16 เวลา2ทุ่ม
เดินทางกลับวันที่  29/11/16 เวลา 5 โมงเย็น
และจะไม่ไปเที่ยวดิสนี่ย์แลนด์เพราะเพิ่งไปมาเมื่อปีที่แล้ว  อ้อๆ ลืมบอกไปว่านี่ไม่ใช่การไปฮ่องกงครั้งแรกของเราสองคน ล่าสุดที่ไปมาคือเมื่อ 11 เดือนที่แล้ว แต่เป็นการเที่ยวทั้งจีน มาเก๊า และฮ่องกง มันเลยรีบๆ และยังรู้สึกว่าเที่ยวไม่ครบเลย
ความคันก็เลยบังเกิดทำให้มีทริปนี้ขึ้นอีก และแพลนเที่ยวของเราก็ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ  ถ้าใครไปจำนวนวันไกลๆกับเราลองเลียนแบบดูได้นะค่ะ  http://ppantip.com/topic/34380042

ขอว้าปเลยแล้วกันเนาะ ใช้อุโมงค์ข้ามเวลาของโดเรม่อน น น น น น น น
จัดกระเป๋าเสร็จแล้ว เตรียมพร้อมแล้วนะ ไปสนามบินกันเถอะ
พวกเรามาถึงสนามบินกันประมาณ 4 โมงเย็น (รีบไปปะ) ก็นั่งเล่น รอเวลาไปเรื่อยๆ ใครหิวก็ไปหาไรมากินก่อนเลย
พอประมาณ 6 โมงกว่าๆ  ก็เข้าไปเช็คอิน เข้าตม.ตรวจพาสปอร์ต  คือโง่มาก ไม่รู้ว่ามีช่องสำหรับคนไทยที่ไม่ต้องไปต่อแถวเพื่อพบจนท.ตม.  คือถ้าเป้นคนไทยมันจะมีช่องที่เป็นเครื่องอัตโนมัติเราพาสปอร์ตเราเข้าไปสแกนๆ ถ่ายรูป ๆ ก็เสร็จละ
แต่คือไม่รู้ว่ามีไง ไปต่อแถวตั้งนาน จนมีคุณลุงชาวต่างชาติคนนึงที่พอพูดไทยได้ มาบอกว่าคนไทยให้ไปช่องนู้นเลย  รู้สึกเขิน อิอิ  แต่ก็ผ่านตม. มาแย้วน้า  นี่ก็จะทุ่มนึงละ เดินเล่นไรเรื่อยๆรอขึ้นเครื่องตอน 2 ทุ่ม



เดินเล่นไปๆมาๆ พี่แอร์กราวด์คนสวยที่เป็นคนเช็คอินให้ก็เดินมายิ้มให้1ทีพร้อมบอกว่า เครื่องจะออกเเล้วนะค่ะ พวกเราก็เตรียมตัวพร้อมเเล้วเดินขึ้นเครื่องอย่างสวยงาม

ลืมไปเลยว่าบนเครื่องก็มีข้าวกิน เพราะเพิ่งกินข้าวไปมะกี้เอง  แต่ด้วยความที่เสียดาย ก็กินอีกก้ะด้ะ 5555 (อิอ้วนเอ้ย)



กินไปกินมา และแล้วก็ถึงฮ่องกงจริงๆแล้วด้วย พอมาถึงปุ้บก็โชว์ความโง่อีกรอบ คือลืมเขียนใบเข้าประเทศแล้วยังเสนอหน้าไปหาตม.อีก โดนไล่ออกมาเขียนใหม่ คนมองเยอะมาก อย่างอายเลยจ้า เหมือนเราเป็นเดอะเฟสที่ตกรอบ ฮ่าๆๆๆ  แล้วต้องไปต่อแถวใหม่ซึ่งแถวยาวมาก



สรุปแล้วตีหนึ่งกว่าๆเพิ่งได้รับกระเป๋า
หลังจากนั้นก็เซอเวย์หาที่นอนดีกว่า .... หมายถึงหาโรงแรมนอนหน่ะหรอ... เปล่าจ้ะ นอนที่สนามบินนั่นแหละ หามุมที่มึดและคนน้อยที่สุด เอากระเป๋า วางลงบนพื้น ใช้เป็นที่รองเท้า ยืดเท้าไปข้างหน้า เอ้า หลับได้ เจอกันพรุ่งนี้เช้าจ้ะ
ลืมบอกไปว่า ตรงบริเวณที่เรานอนนั้นมีจุดชาร์ตเเบตให้ใช้บริการด้วยนะค่ะ เป็นพอร์ทUSB ส่วนช่องปลั้กจะเป็นแบบ3รู ต้องนำมาพ่วงเอง


ต้องบอกก่อนว่าสาเหตุที่ต้องนอนสนามบินคือ เราจองซิมไว้ตอนเช้าเลย ถ้าเข้าเมืองไปแล้วต้องกลับเข้ามาอีก มันจะเปลือเงินและเสียเวลามากมาย ก็เลยตัดสินใจพักเอาแรงกันที่สนามบินก็แล้วกันเนาะ


ฝันดีค้า ทุกๆคน

Day2
เวลา 7.30น.  รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคนเริ่มพลุกพล่าน ประกอบกับแสงแดดอ่อนๆเริ่มสะท้อนผ่านกระจกเข้ามาในตัวสนามบิน จึงทำให้ต้องตื่นขึ้นมาทำภารกิจส่วนตัว ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งหน้า เตรียมรอเวลาไปรับซิมการ์ด ซึ่งระบุในเวลาจองไว้คือ 8.30น.
รอรับซิมการ์ด กว่าอาตี๋ที่เป็นเจ้าหน้าที่จะมาสแตนบายด์ ปาไปจะ9โมงได้ ระหว่างรออาตี๋มาก็ไปซื้อบัตรออคโตพุสเตรียมไว้ดีกว่า  พอกลับมาบูธI-Sim อาตี๋มาเปิดพอดี ได้ซิมมาก็เปลี่ยนเลยสิครับรออะไรอยู่ ทดลองโทรหากัน เกร๋ๆ มีเบอร์ฮ่องกงนะแกรรรร
9โมงแล้วก็ยังไม่ออกจากสนามบิน เพราะหลงรถไฟ ไม่แน่ใจว่าใช่ขบวนนี้หรือเปล่า คือกลัวเป็นรถไฟAirPort Express คือกลัวเสียตังแพงไงไม่ใช่ไรหรอก  ถามคนนู้นคนนี้เขาก็บอกว่าให้ไปตรงนี้แหละ เข้าไปได้เลย ก็ยังไม่เชื่อ เดินงงไปมา สุดท้ายเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ขายบัตรและคำตอบที่ได้ก็คือ อีขบวนที่อยู่ตรงหน้านี้แหละ ที่ใครๆก้บอกให้เข้าไปเลย ก็ไม่ยอมเชื่อเขา (เมื่อคืนอุส่าต์เดินเซอเวย์แล้วนะเนี่ย) แล้วก็เอ๋อๆงงๆอีก จนมาถึงมงก๊กจนได้  มองนาฬิกา เอ้า 11โมง แล้วนี่หน่า  ถึงที่พัก ในส่วนของที่พัก เราพักกันที่ตึกSincere House อยู่สถานีมงก๊ก ทางออกD1 เดินออกมาแล้วข้ามถนนตรงมาเรื่อยๆไม่เกิน200 เมตรก็ถึง ถือว่าเดินทางสะดวกและตึกก็ดูปลอดภัยไม่น่ากลัว มีอาแปะคอยเฝ้ายามอยู่ด้านล่าง  กดลิฟขึ้นไปชั้น4 เข้าไปติดต่อเรื่องที่พัก  แต่เขายังไม่ให้ เชคอิน งั้นเลยขอฝากกระเป๋าไว้ก็แล้วกัน พร้อมเอามาม่าที่แบกมาจากไทยต้มกินเป็นมื้อแรกที่เหยียบแผ่นดินฮ่องกง


แต่ความซวยของเราก็คือ ไวไฟดันมาใช้ไม่ได้ พยายามต่อเท่าไหร่ก็ไม่ติด เปลี่ยนสัญญาณหลายตัวมาก ไวไฟช้ามาก  เครื่องทำน้ำอุ่นไม่ดี ใช้แทบไม่ได้เลย  แล้วตอนที่เรานั้น อากาศถือว่าหนาวเลยทีเดียว ต้องทนอาบน้ำเย็น บรึ๋ยยยย



หลังจากที่ฝากกระเป๋า กินมาม่า เสร็จเเล้ว เริ่มออกเดินทางกันเถอะ
ในวันแรก เราจะเน้นไหว้พระสะส่วนใหญ่
โดยที่แรกที่เราจะไปก็คือ วัดกังหัน
นั่งMTRมาลงสถานี Tai Waiทางออก B เเล้วเดินไปตามทางจะเจอวัดอยู่ฝั่งตรงข้าม ให้มุดทางใต้ดินลอดข้ามถนนไปจะมาโผล่ที่วัดพอดี
พอมาถึงวัดก็งงอีกรอบว่าข้าพเจ้าจะไหว้ยังไง ไหว้ตรงไหนก่อน หันซ้ายหันขวา หันรอบวัด เจอจุดที่เขาขายธูป
เจ้าหน้าที่ที่นี่น่ารักมากพูดไทยได้ด้วย รู้สึกดีใจ คุยกันรู้เรื่อง 5555555555+ จ่ายค่าเสียหายไป 38ดอล คือค่าธูป  แลกกับความสบายใจที่ได้ไหว้พระ มีคนจุดธูปให้ด้วย จุดที่เขาบริการจุดธูปให้เขาก็อธิบายว่าให้ไปไหว้กลางแจ้งเพื่อไหว้ฟ้าดินก่อนด้วยธูปใหญ่ แล้วค่อยเอาธูปเล็กอีกคนละกำไปไหว้เทพเจ้า
พอไหวเสร็จก็เข้าไปข้างใน ขอพรเทพเจ้า และได้กังหันมาคนละอัน 48 ดอล
ทีนี้ระหว่างถ่ายรูปชิลๆ เจอทัวร์ไทยมาลงเลยรีบหนีไปอีกวัดต่อเลยจ้า บรัยส์






หลังจาดเจอทัวร์ไทยถ่ายเซลฟี่ไม่แบ่งพื้นที่ให้ใครหน้าไหนได้ถ่ายเเล้ว พวกเราก็เดินทางต่อกันมายัง วัดที่2 หวังต้าเซียน
มาลงสถานี Wong Tai Sin Station ทางออก B โผล่ออกมาก็เห็นวัดอยู่ตรงหน้าเลย  เป็นวัดที่คนเยอะมากกก  จะถ่ายรูปทีไม่แป๊ะก็ซิ้มเดินผ่านตัดหน้ากล้องเฉ๊ยยยยยย


วัดนี้จริงๆดังเรื่องขอความรักนะ เทพเจ้าด้ายแดงที่เราไปไหว้กันอ่ะ ต้องทำมือตามรูปเพื่อหยิบด้ายแดงมาอธิษฐาน

และที่สำคัญ เขาบอกว่าเซียมซีแม่นมากกกก แต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน อีกอย่างเสียค่าแปล40ดอล เลยไม่เป็นไร 555555555555+


มาต่อกันที่วัดที่3กันเถอะ ต้องขอทำเวลาสักหน่อย
วัดนางชี ลงสถานี Diamond Hill ทางออก C ออกมาจะเจอห้าง Plaza Hollywood ให้ออกจากห้างมา เดินตาม ป้ายบอกทางวัดนี้สงบและร่มรื่นมากกกก ใหญ่โต กว้างขวาง คนก็น้อย เหมือนได้รับพลังและอากาศบริสุทธิ์มาเต็มๆ



ขากลับระหว่างทางที่จะหาทางลงใต้ดินก็เผลอแวะเดินในห้างสักแปร้บ  เสียเวลาไปสักครึ่งชั่วโมง
สามโมงครึ่ง กลับที่พักอีกรอบเพื่อไปเช็คอินเเละกะว่าจะพักผ่อนกันเต็มที่สักงีบนึงหลังจากนอนกันไม่เต็มอิ่มกันในสนามบิน  แต่ว่าเนตของI-Sim มีปัญหา วายฟายที่โรงแรมก็ไม่ดี หวังพึ่งไม่ได้ เพื่อนเราเป็นคนที่ติดโซเชี่ยลมากๆเริ่มนอยด์แหละ ความเฟลเริ่มก่อตัว เริ่มหงุดหงิดเเล้วมัน เลยตัดสินใจเดินตามทางเพื่อที่จะหาซื้อซิมใหม่ ซึ่งกว่าจุะคุยกันเข้าใจว่าต้องจ่ายกี่บาท เเล้วเน็ตเล่นได้ไม่จำกัดใช่ไหม ปาไป4โมงครึ่งเเล้วงะ  เพื่อนเราจ่ายค่าเสียหายไป 100ดอล สบายตัวมันแหละ ส่วนเราหรอ หึหึ ไม่สนอะ ไม่ได้ติดโซเชี่ยล ไม่มีก็อยู่ได้ ชิชิสะบัดบ้อบ
ได้ซิมเสร็จ อารมณ์ดี ออกเดินทางต่อ
ไปยัง The peak การเดินทางก็คือ ลงสถานี Central ต่อรถเมล์สาย 15 ประมาณ45นาที  หลับยาวเลยจ้า เหนื่อยมาทั้งวัน ขึ้นเขาสุดฤทธิ์ พอถึงสุดสายเลยลงรถพอดี ก็เจอวิวที่สวยแหละ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ไปโง่อีกรอบ ไปต่อแถวจะขึ้นรถราง ซึ่งไม่ได้ซื้อบัตรมาก่อน สักพักเหมือนรู้สึกตัวว่าถ้ายังต่ออยู่อาจจะต้องเสียตังเยอะนะเมิง ออกกันเถอะนะ เดินออกจากแถวไปซื้อไอติมกิน หนาวก็หนาว สั่นสู้สุดๆ เจอราคาเข้าไป หนาวกว่าเดิม 52ดอล 2คนโคนเดียวพอแล้วววว


หาทางขึ้นไปจุดชมวิว (ต้องจ่ายตังค่าขึ้นไปชมวิวด้วยนะถ้าจำไม่ผิดคนละ50 ดอล)
พอขึ้นไปถึงเขาจะให้เครื่องที่อธิบายจุดต่างๆรอบเกาะฮ่องกงมาเป็นภาษาอังกฤษ รับมางั้นอ่ะ ฟังไปก็ไม่รู้เรื่อง 5555555555+
ไปยืนแข่งกันถ่ายรูปกับคนอื่นยันพระอาทิตย์ตกดินพอดี อยากบอกว่าวิวสวยมาก เเละคุ้มมาที่ขึ้นมา


ทุ่มนึง ลงมาต่อแถวรถเมล์ คิวอย่างยาววววว แต่รถเมล์ที่นี่ดีอย่างนึง คือมาตรงเวลาดีมากเลย
รอไม่นานหรอกประมาณ30นาทีเองแกร ฮ่าๆๆๆ  พอได้ขึ้นรถก็หลับยาวเลยจ้ะ
ด้วยความที่เข้าใจว่าต้องลงสุดสายคือที่ Central ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรเลย พอมาถึงสุดสาย สรุปว่ามันไม่ใช่อะแกร
ที่นี่ที่ไหนก็ไม่รู้ หลงทางไปอี้ก ก็เลยแก้ปัญหาโดยเปิดGoogle Map โลด หาสถานีใต้ดินที่ไกล้ที่สุดเเล้วเดินไปทางนั้น ไกลแค่ไหนก็ต้องเดิน
สรุปคือไม่ไกลจ้า สถานีHong Kong ไกล้ๆ Central โชคยังดีที่ไม่หลงไปไกลมาก
วันนี้พอแค่นี้เนอะ เหนื่อยมามากพอเเล้ว ขอไปหาอะไรร้อนๆกินให้หายหิวหน่อย
มื้อแรกที่ฮ่องกงแถวๆมงก๊ก มา2คนสั่งไป3อย่าง ป้าซิ้มเจ้าของร้านถึงกับงง(เพราะอาหารที่ฮ่องกงจะให้เยอะมาก ชามเดียวก็จุกเเล้ว)

กินเสร็จมีแรงแหละ เดินต่อที่ตลาดเลดี้มาร์เกต ซึ่งเป็นตลาดที่ดีที่สุดในทริปนี้แล้วจริงๆ เดินกันจนสุดซอย (อยู่ตรงข้ามที่พักเลยข้ามถนนมาก็ถึงเเล้ว)
3ทุ่มครึ่งขึ้นห้อง อาบน้ำซึ่งน้ำไม่อุ่นเลย เรียกว่าน้ำเย็นเลยจ่ะ ไม่อยากจะพูดว่าหนาวแค่ไหน
ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะฮ้าบบบบ