uss langley cv-1
USS Langley เดิมทีเป็นเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Jupiter ตัวเรือถูกวางกระดูกงูในวันที่ 11 ตุลาคม 1911 และถูกปล่อยลงทะเลในวันที่ 14 สิงหาคม 1912 ที่อู่ Mare Island Naval Shipyard ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้าระวางประจำการในวันที่ 7 เมษายน 1913 ตัวเรือถูกบัญชาการโดย พลเรือเอก Joseph M. Reeves ตัวเรือมีน้องสาวที่ต่อมาทีหลังชื่อว่า Cyclops ที่ปล่อยออกมาไล่ๆเลี่ยกัน ก่อนที่ Cyclops จะหายตัวไปทีหลังเนื่องตัวเรือจากดันไปแล่นอยู่ในเขตสามเหลี่ยมเมอร์ ทำให้เรือหายไปอย่างลึกลับอย่างไร้ร่องลอย (คาดว่าโดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป)
หลังจากประสบความสำเร็จกับการทดลองด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า เรือ Jupiter ก็ได้รับหน้าที่ขนส่งทหารนาวิกโยธินสหรัฐไปที่ San Francisco ต่อมาเรือได้รับหน้าที่ให้แล่นไปมาแถวน่านน้ำในเขตแม็กซิโกในเหตุการณ์การความขัดแย้ง Veracruz crisis ระหว่างสหรัฐและแม็กซิโก ในปี 1914 หลังจากนั้นตัวเรือก็ได้รับหน้าที่แล่นไปมาแถวๆเขตน่านน้ำชายฝั่งของทางมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่จะเดินทางไปที่ Philadelphia ในวันที่ 10 ตุลาคมในปีเดียวกัน
uss jupiter ac-3
-สงครามโลกครั้งที่ 1-
ในช่วงก่อนที่อเมริกาจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ตัวเรือนั้นทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวณแถวมหาสมุทรแอตแลนติกและที่อ่าวแม็กซิโก ตัวเรือได้เดินทางไปที่ Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐ ในเดือนเมษายน 1917 ต่อมาตัวเรือได้รับภารกิจให้ขนส่งถ่านหินไปยังประเทศฝรั่งเศสเดือนมิถุนายนในปีเดียวกัน ก่อนที่จะเดินทางกลับมายังสหรัฐและรับภารกิจขนส่งบุคลากรทางทหาร 129 คนไปยังประเทศอังกฤษในเดือนพฤศจิกายน 1918 ซึ่งบุคลากรเหล่านี้ถือว่าเป็นกองกำลังชุดแรกของสหรัฐที่ส่งไปยังอังกฤษ
ตัวเรือได้เดินไปที่เมือง Brest ประเทศฝรั่งเศส เพื่อขนส่งถ่านหิน ก่อนที่จะเดินทางกับมายัง Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐ ในวันที่ 23 มกราคม 1919 หลังจากสงครามจบและประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะอย่างงดงาม
-ถูกดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน-
ในวันที่ 17 สิงหาคม 1919 ตัวเรือได้เดินทางไปยังชายฝั่งตะวันตก เพื่อนำไปทดลองและดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินในช่วงนี้ตัวเรือถูกปลดประจำการชั่วคราวเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงทดลองเพื่อหาแนวทางใหม่ๆ ต่อมาตัวเรือถูกดัดแปลงทดลองจนเสร็จและเข้าระวางประจำการอีกครั้งพร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Langley เพื่อเป็นเกียรติแก่ Samuel Pierpont Langley นักดาราศาสตร์ นักฟิสิกข์และวิศวกรด้านเครื่องบินของสหรัฐ พร้อมรหัสเก่าของตัวเรือ AC-3 ถูกเปลี่ยนใหม่และไปใช้รหัสใหม่อย่าง CV-1 เพื่อแสดงถึงความเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน ตัวเรือได้เข้าระวางประจำการอย่างเป็นทางการในฐานะเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐในวันที่ 20 มีนาคม 1922 โดยมีพลเรือเอก Kenneth Whiting เป็นผู้บังคับบัญชาเรือ และในอนาคตในเวลาต่อมาเรือบรรทุกเครื่องบินจะกลายเป็นกำลังหลักในกองทัพเรือและแสดงถึงความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐในจนมาถึงปัจจุบัน
-ในบทบาทเรือบรรทุกเครื่องบิน-
หลังจากที่ตัวเรือถูกดัดแปลงและกลายเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของสหรัฐที่ Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย การทดลองในการดัดแปลงเปลี่ยนเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้เพื่อทดลองหาแนวทางการรบใหม่ๆ ทั้งยังเป็นการทดลองการเป็นฐานเครื่องบินลอยน้ำครั้งแรกๆของสหรัฐ
การทดสอบเป็นไปได้ด้วยดี เครื่องบินลำแรกที่บินออกจากลานบินของตัวเรือลำนี้อย่าง Vought VE-7 และนักบิน Virgil C. Griffin ผู้เป็นคนขับเครื่องบินลำนี้สามารถบินออกจากลานบินจากเรือลำนี้ได้อย่างงดงาม ก่อนที่วันที่ 18 พฤศจิกายน 1922 การทดสอบการลงจอดบนตัวเรือจะตามมาติดๆนำโดยเครื่องบินแบบ Aeromarine 39B พร้อมนักบิน Godfrey de Courcelles Chevalier ผู้เป็นคนขับ การทดสอบการลงจอดบนตัวเรือก็สามารถผ่านไปด้วยดีเช่นกัน
-รังนก-
มีเรื่องน่ารักๆของเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยความที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นกพิราบสื่อสารนั้นมีส่วนช่วยอย่างมากในการสื่อสารระหว่างแนวรบต่างๆไปมาในสงคราม ทำให้ช่วงแรกของเรือบรรทุกเครื่องบินมันมีบ้านสำหรับไว้สำหรับเลี้ยงนกพิราบสื่อสารเพื่อใช้สื่อสารไปมาระหว่างภาคพื้นดินกับทางทะเล โดยนกพิราบสื่อสารพวกนี้ถูกฝึกที่อู่ Norfolk Naval Shipyard ในช่วงที่ตัวเรือกำลังถูกดัดแปลง ในช่วงที่มีการทดสอบการลงจอด-ขึ้นบิน บนตัวเรือ ก็มีการฝึกนกพิราบเหล่านี้ไปด้วยโดยเป็นการฝึกให้นกบินไปมาระหว่างตัวเรือในทะเลและสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการฝึกนกพิราบเหล่านี้ให้คุ้นชินและสามารถทำภารกิจสื่อสารระหว่างเรือบรรทุกเครื่องบินและสถานที่ต่างๆได้อย่างราบรื่น
ก่อนที่การทดสอบโดยใช้นกพิราบสื่อสารจะถูกยกเลิกไปเนื่องจากในช่วงที่ตัวเรือได้เดินทางออกจากเกาะ Tangier นั้นได้มีการปล่อยฝูงนกพิราบออกไปเพื่อทำการส่งข่าวแต่ฝูงนกดันกลับไปทำรังอยู่บนเครนที่อู่เรือ Norfolk Naval Shipyard และไม่บินกลับมาที่ตัวเรืออีกเลย การทดลองใช้นกพิราบสื่อสารบนตัวเรือจึงถูกยกเลิกไปและบ้านสำหรับนกถูกเปลี่ยนเป็นห้องสั่งการสำหรับผู้การเรือแทน
-การสาธิต-
ในวันที่ 15 มกราคม 1923 เรือได้เดินทางไปที่ทะเลแถบแคลิปเบี้ยน เพื่อทดสอบการให้เครื่องบินลงจอดและบินขึ้นจากตัวเรือ ก่อนในเดือนมิถุนายนในปีเดียวกันตัวเรือจะเดินทางไปที่เมือง Washington D.C เพื่อสาธิตการขึ้นบินและลงจอดของเครื่องบินบนเรือ ต่อหน้าประชาชนและบุคลากรทางทหารของสหรัฐ ก่อนที่จะเดินทางกลับเมือง ที่ Norfolk รัฐเวอร์จิเนียในวันที่ 13 มิถุนายนและเดินทางเพื่อไปทำการฝึก ณ ชายฝั่งแถบมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลแคริปเบี้ยน จนจบปี
ในปี 1924 ตัวเรือใช้เวลาหน้าร้อนทั้งเดือนเพื่อนำไปซ่อมแซมและแก้ไข เพื่อลบข้อด้อย และดัดแปลงให้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินทะเล ก่อนที่จะเดินทางไปยัง San Diego เพื่อเข้าร่วมกับกองเรือของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก
และต่อมาในเดือน มิถุนายน 1939 ตัวเรือได้เดินทางไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นอาณานิคมของสหรัฐอยู่เพื่อไปประจำการอยู่แถวๆนั้น จนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ระเบิดขึ้น
ตัวเรือหลังจากถูกดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินทะเล
-ถูกเปลี่ยนชื่อรหัส-
ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1937 ตัวเรือได้ถูกเปลี่ยนชื่อรหัสใหม่อีกครั้งเป็น AV-3 ก่อนที่ต่อมาในวันที่ 11 เมษายน 1937 ตัวเรือได้รับหน้าที่ให้สอดแนม และลาดตระเวนเขตน่านน้ำชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
-สงครามโลกครั้งที่ 2-
หลังจากที่สหรัฐเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวเรือที่ตอนนั้นกำลังจอดทอดสมออยู่ที่เมือง Cavite ประเทศฟิลิปปินส์ รีบถอนสมอออกทันทีและรีบเดินทางไปยัง Balikpapan เพื่อรับมือกับกองทัพญี่ปุ่นที่กำลังบุกยึดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเขต Dutch East Indies ก่อนที่จะเดินทางไปยังเมือง Darwin ประเทออสเตเลีย เพื่อเข้าร่วมกองเรือ American-British-Dutch-Australian Command หรือ ABDACOM ซึ่งเป็นกองเรือร่วมของสัมพันธมิตรเพื่อรับมือกับกองทัพเรือของประเทศญี่ปุ่น
ต่อมาเรือและเรือ MS Sea Witch ได้เดินทางไปช่วยกองทัพอากาศออสเตเลียที่ Fremantle เพื่อช่วยในภารกิจลาดตระเวณและคุ้มกันขบวนเรือสินค้าของสหรัฐที่ส่งมายังออสเตเลียจากเรือดำน้ำของกองทัพเรือญี่ปุ่น ตัวเรือได้แบกเครื่องบินแบบ p40 ไปด้วย 32 ลำ หลังจากนั้นถัดมา 5 วันตัวเรือและ mx sea witch ได้แยกทางไปที่เมือง Tjilatjap เกาะ java ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อทำภารกิจลาดตระเวณและตามล่าเรือดำน้ำของญี่ปุ่นที่อยู่ในแถบนั้น
-ปิดฉาก-
ในช่วงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1942 ขนาดที่ตัวเรือกำลังอยู่ในภารกิจลาดตระเวณปราบเรือดำน้ำของญี่ปุ่นกับเรือพิฆาตแบบ USS Whipple และ USS Edsall ทางใต้ของเมือง Tjilatjap นั้น ตัวเรือก็ดันโดนเครื่องบินดำดิ่งทิ้งระเบิดแบบ d3a1 ของกองทัพญี่ปุ่น ในช่วงการโจมตีชุดแรกและชุดที่สองของเครื่องบินญี่ปุ่นนั้นล้มเหลว แต่ช่วงระลอกที่ 3 ตัวเรือโดนระเบิดไป 5 ลูกพร้อมลูกเรืออีก 16 คนเสียชีวิต ด้านบนของตัวเรือเริ่มลุกไหม้ และหางเสือของเรือเสียหาย น้ำเริ่มเข้ามาในห้องเครื่องยนต์ ตัวเรือค่อยๆจมลงไปในทะเล ก่อนที่ในเวลาต่อมาลูกเรือบนเรือทั้งหมดจะสละเรือและตัวเรือได้ถูกตอร์ปิโดจากเรือพิฆาติฝ่ายเดียวกันเอง 2 ลูกยิงเข้ามาซ้ำอีกรอบทำให้เรือจมอย่างรวดเร็วทั้งนี้เพื่อไม่ให้เรือตกไปอยู่ในมือของกองทัพญี่ปุ่น ลูกเรือทั้งหมดได้ถูกช่วยเหลือโดย USS Pecos ก่อนที่เรือ USS Pecos จะถูกจมโดยเเครื่องบินดำดิ่งทิ้งระเบิดของญี่ปุ่นในขณะที่เดินทางกลับออสเตเลีย แน่นอนลูกเรือทั้งหมดบนเรือ USS Pecos สูญหายและเป็นการปิดฉากเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของสหรัฐไปอย่างน่าเสียดาย
langley ในขณะที่กำลังจม
ข้อมูลโดยรวม
ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 5 นิ้ว 4 กระบอก
ความเร็วสูงสุด 15.5 น็อต
ระวางขับเรือ 12700 ตัน
ลูกเรือ 468 คน
บรรทุกเครื่องบินได้สูงสุด 55 ลำ
อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/USS_Langley_(CV-1)
กดโหวตและถูกใจกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ
USS Langley CV-1 เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐ
USS Langley เดิมทีเป็นเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Jupiter ตัวเรือถูกวางกระดูกงูในวันที่ 11 ตุลาคม 1911 และถูกปล่อยลงทะเลในวันที่ 14 สิงหาคม 1912 ที่อู่ Mare Island Naval Shipyard ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้าระวางประจำการในวันที่ 7 เมษายน 1913 ตัวเรือถูกบัญชาการโดย พลเรือเอก Joseph M. Reeves ตัวเรือมีน้องสาวที่ต่อมาทีหลังชื่อว่า Cyclops ที่ปล่อยออกมาไล่ๆเลี่ยกัน ก่อนที่ Cyclops จะหายตัวไปทีหลังเนื่องตัวเรือจากดันไปแล่นอยู่ในเขตสามเหลี่ยมเมอร์ ทำให้เรือหายไปอย่างลึกลับอย่างไร้ร่องลอย (คาดว่าโดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป)
หลังจากประสบความสำเร็จกับการทดลองด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า เรือ Jupiter ก็ได้รับหน้าที่ขนส่งทหารนาวิกโยธินสหรัฐไปที่ San Francisco ต่อมาเรือได้รับหน้าที่ให้แล่นไปมาแถวน่านน้ำในเขตแม็กซิโกในเหตุการณ์การความขัดแย้ง Veracruz crisis ระหว่างสหรัฐและแม็กซิโก ในปี 1914 หลังจากนั้นตัวเรือก็ได้รับหน้าที่แล่นไปมาแถวๆเขตน่านน้ำชายฝั่งของทางมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่จะเดินทางไปที่ Philadelphia ในวันที่ 10 ตุลาคมในปีเดียวกัน
uss jupiter ac-3
-สงครามโลกครั้งที่ 1-
ในช่วงก่อนที่อเมริกาจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ตัวเรือนั้นทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวณแถวมหาสมุทรแอตแลนติกและที่อ่าวแม็กซิโก ตัวเรือได้เดินทางไปที่ Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐ ในเดือนเมษายน 1917 ต่อมาตัวเรือได้รับภารกิจให้ขนส่งถ่านหินไปยังประเทศฝรั่งเศสเดือนมิถุนายนในปีเดียวกัน ก่อนที่จะเดินทางกลับมายังสหรัฐและรับภารกิจขนส่งบุคลากรทางทหาร 129 คนไปยังประเทศอังกฤษในเดือนพฤศจิกายน 1918 ซึ่งบุคลากรเหล่านี้ถือว่าเป็นกองกำลังชุดแรกของสหรัฐที่ส่งไปยังอังกฤษ
ตัวเรือได้เดินไปที่เมือง Brest ประเทศฝรั่งเศส เพื่อขนส่งถ่านหิน ก่อนที่จะเดินทางกับมายัง Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐ ในวันที่ 23 มกราคม 1919 หลังจากสงครามจบและประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะอย่างงดงาม
-ถูกดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน-
ในวันที่ 17 สิงหาคม 1919 ตัวเรือได้เดินทางไปยังชายฝั่งตะวันตก เพื่อนำไปทดลองและดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินในช่วงนี้ตัวเรือถูกปลดประจำการชั่วคราวเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงทดลองเพื่อหาแนวทางใหม่ๆ ต่อมาตัวเรือถูกดัดแปลงทดลองจนเสร็จและเข้าระวางประจำการอีกครั้งพร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Langley เพื่อเป็นเกียรติแก่ Samuel Pierpont Langley นักดาราศาสตร์ นักฟิสิกข์และวิศวกรด้านเครื่องบินของสหรัฐ พร้อมรหัสเก่าของตัวเรือ AC-3 ถูกเปลี่ยนใหม่และไปใช้รหัสใหม่อย่าง CV-1 เพื่อแสดงถึงความเป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน ตัวเรือได้เข้าระวางประจำการอย่างเป็นทางการในฐานะเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐในวันที่ 20 มีนาคม 1922 โดยมีพลเรือเอก Kenneth Whiting เป็นผู้บังคับบัญชาเรือ และในอนาคตในเวลาต่อมาเรือบรรทุกเครื่องบินจะกลายเป็นกำลังหลักในกองทัพเรือและแสดงถึงความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐในจนมาถึงปัจจุบัน
-ในบทบาทเรือบรรทุกเครื่องบิน-
หลังจากที่ตัวเรือถูกดัดแปลงและกลายเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของสหรัฐที่ Norfolk รัฐเวอร์จิเนีย การทดลองในการดัดแปลงเปลี่ยนเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้เพื่อทดลองหาแนวทางการรบใหม่ๆ ทั้งยังเป็นการทดลองการเป็นฐานเครื่องบินลอยน้ำครั้งแรกๆของสหรัฐ
การทดสอบเป็นไปได้ด้วยดี เครื่องบินลำแรกที่บินออกจากลานบินของตัวเรือลำนี้อย่าง Vought VE-7 และนักบิน Virgil C. Griffin ผู้เป็นคนขับเครื่องบินลำนี้สามารถบินออกจากลานบินจากเรือลำนี้ได้อย่างงดงาม ก่อนที่วันที่ 18 พฤศจิกายน 1922 การทดสอบการลงจอดบนตัวเรือจะตามมาติดๆนำโดยเครื่องบินแบบ Aeromarine 39B พร้อมนักบิน Godfrey de Courcelles Chevalier ผู้เป็นคนขับ การทดสอบการลงจอดบนตัวเรือก็สามารถผ่านไปด้วยดีเช่นกัน
-รังนก-
มีเรื่องน่ารักๆของเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยความที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นกพิราบสื่อสารนั้นมีส่วนช่วยอย่างมากในการสื่อสารระหว่างแนวรบต่างๆไปมาในสงคราม ทำให้ช่วงแรกของเรือบรรทุกเครื่องบินมันมีบ้านสำหรับไว้สำหรับเลี้ยงนกพิราบสื่อสารเพื่อใช้สื่อสารไปมาระหว่างภาคพื้นดินกับทางทะเล โดยนกพิราบสื่อสารพวกนี้ถูกฝึกที่อู่ Norfolk Naval Shipyard ในช่วงที่ตัวเรือกำลังถูกดัดแปลง ในช่วงที่มีการทดสอบการลงจอด-ขึ้นบิน บนตัวเรือ ก็มีการฝึกนกพิราบเหล่านี้ไปด้วยโดยเป็นการฝึกให้นกบินไปมาระหว่างตัวเรือในทะเลและสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการฝึกนกพิราบเหล่านี้ให้คุ้นชินและสามารถทำภารกิจสื่อสารระหว่างเรือบรรทุกเครื่องบินและสถานที่ต่างๆได้อย่างราบรื่น
ก่อนที่การทดสอบโดยใช้นกพิราบสื่อสารจะถูกยกเลิกไปเนื่องจากในช่วงที่ตัวเรือได้เดินทางออกจากเกาะ Tangier นั้นได้มีการปล่อยฝูงนกพิราบออกไปเพื่อทำการส่งข่าวแต่ฝูงนกดันกลับไปทำรังอยู่บนเครนที่อู่เรือ Norfolk Naval Shipyard และไม่บินกลับมาที่ตัวเรืออีกเลย การทดลองใช้นกพิราบสื่อสารบนตัวเรือจึงถูกยกเลิกไปและบ้านสำหรับนกถูกเปลี่ยนเป็นห้องสั่งการสำหรับผู้การเรือแทน
-การสาธิต-
ในวันที่ 15 มกราคม 1923 เรือได้เดินทางไปที่ทะเลแถบแคลิปเบี้ยน เพื่อทดสอบการให้เครื่องบินลงจอดและบินขึ้นจากตัวเรือ ก่อนในเดือนมิถุนายนในปีเดียวกันตัวเรือจะเดินทางไปที่เมือง Washington D.C เพื่อสาธิตการขึ้นบินและลงจอดของเครื่องบินบนเรือ ต่อหน้าประชาชนและบุคลากรทางทหารของสหรัฐ ก่อนที่จะเดินทางกลับเมือง ที่ Norfolk รัฐเวอร์จิเนียในวันที่ 13 มิถุนายนและเดินทางเพื่อไปทำการฝึก ณ ชายฝั่งแถบมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลแคริปเบี้ยน จนจบปี
ในปี 1924 ตัวเรือใช้เวลาหน้าร้อนทั้งเดือนเพื่อนำไปซ่อมแซมและแก้ไข เพื่อลบข้อด้อย และดัดแปลงให้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินทะเล ก่อนที่จะเดินทางไปยัง San Diego เพื่อเข้าร่วมกับกองเรือของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก
และต่อมาในเดือน มิถุนายน 1939 ตัวเรือได้เดินทางไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นอาณานิคมของสหรัฐอยู่เพื่อไปประจำการอยู่แถวๆนั้น จนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ระเบิดขึ้น
ตัวเรือหลังจากถูกดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินทะเล
-ถูกเปลี่ยนชื่อรหัส-
ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1937 ตัวเรือได้ถูกเปลี่ยนชื่อรหัสใหม่อีกครั้งเป็น AV-3 ก่อนที่ต่อมาในวันที่ 11 เมษายน 1937 ตัวเรือได้รับหน้าที่ให้สอดแนม และลาดตระเวนเขตน่านน้ำชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
-สงครามโลกครั้งที่ 2-
หลังจากที่สหรัฐเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวเรือที่ตอนนั้นกำลังจอดทอดสมออยู่ที่เมือง Cavite ประเทศฟิลิปปินส์ รีบถอนสมอออกทันทีและรีบเดินทางไปยัง Balikpapan เพื่อรับมือกับกองทัพญี่ปุ่นที่กำลังบุกยึดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเขต Dutch East Indies ก่อนที่จะเดินทางไปยังเมือง Darwin ประเทออสเตเลีย เพื่อเข้าร่วมกองเรือ American-British-Dutch-Australian Command หรือ ABDACOM ซึ่งเป็นกองเรือร่วมของสัมพันธมิตรเพื่อรับมือกับกองทัพเรือของประเทศญี่ปุ่น
ต่อมาเรือและเรือ MS Sea Witch ได้เดินทางไปช่วยกองทัพอากาศออสเตเลียที่ Fremantle เพื่อช่วยในภารกิจลาดตระเวณและคุ้มกันขบวนเรือสินค้าของสหรัฐที่ส่งมายังออสเตเลียจากเรือดำน้ำของกองทัพเรือญี่ปุ่น ตัวเรือได้แบกเครื่องบินแบบ p40 ไปด้วย 32 ลำ หลังจากนั้นถัดมา 5 วันตัวเรือและ mx sea witch ได้แยกทางไปที่เมือง Tjilatjap เกาะ java ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อทำภารกิจลาดตระเวณและตามล่าเรือดำน้ำของญี่ปุ่นที่อยู่ในแถบนั้น
-ปิดฉาก-
ในช่วงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1942 ขนาดที่ตัวเรือกำลังอยู่ในภารกิจลาดตระเวณปราบเรือดำน้ำของญี่ปุ่นกับเรือพิฆาตแบบ USS Whipple และ USS Edsall ทางใต้ของเมือง Tjilatjap นั้น ตัวเรือก็ดันโดนเครื่องบินดำดิ่งทิ้งระเบิดแบบ d3a1 ของกองทัพญี่ปุ่น ในช่วงการโจมตีชุดแรกและชุดที่สองของเครื่องบินญี่ปุ่นนั้นล้มเหลว แต่ช่วงระลอกที่ 3 ตัวเรือโดนระเบิดไป 5 ลูกพร้อมลูกเรืออีก 16 คนเสียชีวิต ด้านบนของตัวเรือเริ่มลุกไหม้ และหางเสือของเรือเสียหาย น้ำเริ่มเข้ามาในห้องเครื่องยนต์ ตัวเรือค่อยๆจมลงไปในทะเล ก่อนที่ในเวลาต่อมาลูกเรือบนเรือทั้งหมดจะสละเรือและตัวเรือได้ถูกตอร์ปิโดจากเรือพิฆาติฝ่ายเดียวกันเอง 2 ลูกยิงเข้ามาซ้ำอีกรอบทำให้เรือจมอย่างรวดเร็วทั้งนี้เพื่อไม่ให้เรือตกไปอยู่ในมือของกองทัพญี่ปุ่น ลูกเรือทั้งหมดได้ถูกช่วยเหลือโดย USS Pecos ก่อนที่เรือ USS Pecos จะถูกจมโดยเเครื่องบินดำดิ่งทิ้งระเบิดของญี่ปุ่นในขณะที่เดินทางกลับออสเตเลีย แน่นอนลูกเรือทั้งหมดบนเรือ USS Pecos สูญหายและเป็นการปิดฉากเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของสหรัฐไปอย่างน่าเสียดาย
langley ในขณะที่กำลังจม
ข้อมูลโดยรวม
ปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 5 นิ้ว 4 กระบอก
ความเร็วสูงสุด 15.5 น็อต
ระวางขับเรือ 12700 ตัน
ลูกเรือ 468 คน
บรรทุกเครื่องบินได้สูงสุด 55 ลำ
อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/USS_Langley_(CV-1)
กดโหวตและถูกใจกระทู้ จขกท. จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ