เคยคิดว่า "นครพนม" เป็นเมืองนอกสายตาในปฏิทินท่องเที่ยวของเรา
จนวันหนึ่งได้มีโอกาสออกทริปที่นครพนม ก็เลยต้องเปลี่ยนความคิดให้เมืองนี้ไปตลอดกาล
ไปเห็นกับตา ไปต้องลม ไปโดนแดด ไปสูดอากาศริมโขงบ้าง
อย่ามัวแต่นั่งอ้าปากค้าง หน้าจอคอมฯ จะรออัลลัยย์ ไปกันเร้ย!!!
ขอบพระคุณรูปภาพสวยๆ จาก พี่สาวคนดี FB : Funn Dee มานะโอกาสนี้
Good Thinking หลากสิ่งโคตรๆ ที่คุณจะได้รับหากได้มีโอกาสมาเยือน "นครพนม"
- นครพนมเป็นเมืองสะโลวไสฟ์ของจริง! มันเชื่องช้าแบบเขียวๆ ของทุ่งข้าว มีเทียมควายให้เห็นเป็นระยะๆ และมันเป็นความสะโลวว์ที่มีแต่ความสุข
- นครพนมเป็นเมืองริมแม่น้ำโขง คูลๆ ชิคๆ คล้ายเชียงคาน แต่มีความก๋ากั่นของหนุ่มสาววัยมัธยมที่มากกว่า
- นครพนมพร้อมจะบอกคุณว่าเขาเป็น "ที่สุดแห่งความสุข" เพราะตามเส้นทางจะเห็นป้าย "Happiness@นครพนม" "นครพนมเมืองแห่งความสุข"
- จนมาดูข้อมูลเลยได้รู้ว่าเขาเป็นจังหวัดที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ผู้คนมีความสุขที่สุดในประเทศ
- นครพนมอยู่ติดกับ "ลาว" ประเทศเพื่อนบ้าน โดย แม่น้ำโขง" เป็นพรมแดนธรรมชาติ
- แต่ทว่ากลับมีบ้านพักของท่าน "โฮจิมิน" แห่งเวียดนาม เคยมาพำนักที่นี่นานแรมปี ทั้งยังมี ชุมชนเวียดนาม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน
"ชุมชนชาวเวียดนามในนครพนม พร้อมท่านโฮจิมิน"
- ร่อยรอยนี้จึงอนุมานว่า นครพนม เป็นเมือง 3 เชื้อสาย คือ ไทย-ลาว-เวียดนาม แบ่งย่อยได้อีกหลายชาติพันธุ์ จะเป็นพันธุ์ไหนไปหาเอาใน Google ดีกว่า
- นักท่องเที่ยงส่วนใหญ่อยู่ใน "วัยสง่า" เนื่องจากทริปนิยมสำหรับการมาเยือนนครพนมคือ สักการะพระธาตุประจำปีวอก และประจำวันเกิด
- อนุมานอีกครั้งว่า หากนับกันในปีนี้ 2558 วัยสง่าที่มาเยือนเป็นคนปีวอกด้วยแล้ว ก็ต้องอายุ 59 / 71 และ 83 ปี ถ้ายังเที่ยวไหวอยู่
- การมาเยือนนครพนมครั้งนี้ แน่นอนว่า "พระธาตุพนม" เป็นพระเอกของทริป แถมยังเป็นหัวใจของคนจังหวัดนครพนมด้วย
"พระธาตุพนม พระธาตุประจำปีวอกและคนเกิดวันอาทิตย์"
ความสง่างามขององค์พระธาตุพนมในยามค่ำคืน
- ยังมีพระธาตุประจำวันเกิดอีก 6 องค์ ซึ่งได้รับแนวคิดและอิทธิพลด้านต่างๆ จากองค์พระธาตุพนม
"พระธาตเรณู พระธาตุประจำวันจันทร์"
- พระธาตุแต่ละองค์ ถ้าจะไปให้ครบทั้ง 7 ที่ในหนึ่งวันทำได้ คนจังหวัดจะบอกว่าไม่ไกลกันมาก เที่ยวครึ่งวันก็เสร็จ
"พระธาตุตั้งอยู่ที่อำเภอเรณู"
"พระธาตุสีชมพู ดูน่ารัก"
- แต่ความเป็นจริงคือ มันไม่ได้ใกลแบบเดินถึงกัน บางองค์อยู่ต่างอำเภอ ต้องใช้รถ ดังนั้น จะเหมาสกายแลปหรือขับรถไปเองก็ได้
"พระธาตุท่าอุเทนแห่งอำเภอท่าอุเทน"
"พระธาตุของคนเกิดวันศุกร์"
"เดินเวียนรอบพระธาตุท่าอุเทนเพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับคนเกิดวันศุกร์"
- การเช่ารถขับเองเป็นอะไรที่สะดวกที่สุด ค่ารถเช่าเริ่มต้นที่ 1,100 บาทขึ้นไป จองล่วงหน้าได้ มีหลายเจ้าให้เลือก
- บางเจ้ามีโปรจองออนไลน์ ราคาครึ่งเดียวเหลือหลักร้อย ลงเครื่องปั๊ปรับรถปุ๊ป นำมันเต็มถัง ขากลับเติมคืนให้เต็มเหมือนเดิม
- มีปั๊มน้ำมันก่อนเข้าสนามบิน ขากลับแวะเติมได้สบายอุรา การเที่ยวด้วยโปรโมชั่นจะเป็นอะไรที่ฟีคมาก
- การขับรถเที่ยวที่นครพนม ใช้สูตร 212 เพราะใช้ถนนหลักหมายเลข 212-นครพนม จำง่ายเหมือนท่องสูตรคูณ ไงก็ไม่หลงทาง!
- นครพนมมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ซึ่งเป็นแห่งล่าสุดที่สวยงามมว้ากกกกก แต่
ไม่ให้เข้าไปถ่ายรูปงะ เอาไว้ข้ามแดน
- การไปเที่ยวนครพนมควรพกพาสปอร์ตติดไปด้วยนะ เพราะถ้าเกิดคึกอยากข้ามแดนลาวขึ้นมา จะได้ไม่ต้องเสียตังค์เสียเวลา
- สามารถข้ามได้ทั้งทางเรือและสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 3 อยู่นครพนม
"เก็บรอยพระธาตุพนม สง่างามตามท้องเรื่อง สังเกตองค์พระธาตุฐานจะเอียง"
"จวนผู้ว่าฯ หลังเดิม ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าฯ นครพนม"
"หอนาฬิกาบอกเวลาสโลวไลฟ์"
- ทริปนี้หักมุมตรงที่อุตส่าห์ดั้นด้นไปข้ามแดนกันถึงมุกดาหาร ทั้งที่ท่าข้ามเรือนครพนมอยู่แค่ปลายจมูก
- เพราะเป้าหมายคือ สะหวันนะเขต และการสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ของชาวลาว
- ค่าข้ามแดนจะเสียยิบเสียย่อยเหมือนสปอยหนัง จำราคาไม่ได้ รู้แต่ว่า ขาออกฝั่งไทยจ่าย 2 จุด
ค่ารถ บขส. ข้ามสะพาน 50 บาท ตดไม่ทันหายเหม็น ถึงฝั่งลาวจะเข้าบ้านเค้ามีค่าเหยียบแผ่นดินอีก 2 จุด
- การข้ามแดนลาวจะได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนเดินวิ่งมาราธอน จะพบชาวลาวไซส์มินิที่พร้อมวิ่งชิงที่นั่งบนรถบัส
- นี่แหละวิ่งลาว! แต่นั่นไม่สำคัญเท่าการที่คิดว่าตัวเองชิงขึ้นรถมาได้ก่อน แต่พบว่าบนเบาะนั่งมีกระเป๋าจองไว้แล้ว
"รอยยนิ้วมือชาวลาว"
- การแย่งชิงที่นั่งอาจเหมือน Pre-Running เพราะหลังจากนั้นมันจะมีการขึ้นลงอีก 2 ครั้ง ตามมา จนกว่าจะถึงสถานีขนส่ง
- ถ้าถามชาวลาวว่าเที่ยวที่ไหนบ้าง จะได้รับคำตอบว่า "ตลาดสะหวันนะเขต" ซึ่งหน้าตาเหมือนตลาดไทบ้านเราแต่ขายของแบบโบ๊เบ๊
- จากสถานีขนส่งเดินไปตลาดสะหวันนะเขตได้ แต่สำหรับที่เที่ยวอื่นๆ ในสะหวันนะเขต คนลาวอาจแนะนำให้เดิน แต่คนไทยด้วยกันอย่างเราแนะนำให้เหมาสกายแลป
- การเหมารถเที่ยวจะได้ราคาตั้งต้นที่ คนละ 40 บาทไทย (ใช้เงินไทยจ่าย/คนลาวชอบ) คนลาวแนะนำให้ต่อเหลือ 20 เดียว ซึ่งราคานี้คนขับไม่ไป
- การไปหลายคนจึงค่อนข้างคุ้ม เพราะจะได้รับโปรโมชั่นเหมาเที่ยวราคาหยุดที่คนละ 30 บาท แถมได้นั่งรถชมบรรยากาศรอบเมือง
- อาหารที่สะหวันนะเขตเหมือนอาหารไทย แต่ของไทยอร่อยกว่า ล้านเปอร์เซ็น
- สะหวันนะเขตมีร้านขายของฝาก เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล คล้าย O-TOP แต่เขาเรียก O-DOP
"มีกาแฟลาวขายด้วย"
- คนขายร้านนี้สวยมากจนไม่อยากข้ามกลับไทย
- การข้ามกลับแดนไทย จะเสียตังค์จากด่านฝั่งลาวอีก 2 ครั้ง
- ในกรณีที่เกิน 16.00 น. ต้องเสียค่า OT ให้ จนท.เพิ่ม อย่างโอ้วมายก๊อต รวมค่ารถตดไม่หายเหม็นอีก 50 บาท
- ถึงฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพ
- สนนราคาของการข้ามแดนลาวโดยไม่มีพาสปอร์ต ราวๆ 400 บาท (รวมทุกอย่างแล้ว)
Bye Bye นครพนม.
[CR] "นครพนม" เมืองแห่งความสุข และมนต์ขลังของพลังพระธาตุ
จนวันหนึ่งได้มีโอกาสออกทริปที่นครพนม ก็เลยต้องเปลี่ยนความคิดให้เมืองนี้ไปตลอดกาล
ไปเห็นกับตา ไปต้องลม ไปโดนแดด ไปสูดอากาศริมโขงบ้าง
อย่ามัวแต่นั่งอ้าปากค้าง หน้าจอคอมฯ จะรออัลลัยย์ ไปกันเร้ย!!!
- นครพนมเป็นเมืองสะโลวไสฟ์ของจริง! มันเชื่องช้าแบบเขียวๆ ของทุ่งข้าว มีเทียมควายให้เห็นเป็นระยะๆ และมันเป็นความสะโลวว์ที่มีแต่ความสุข
- นครพนมเป็นเมืองริมแม่น้ำโขง คูลๆ ชิคๆ คล้ายเชียงคาน แต่มีความก๋ากั่นของหนุ่มสาววัยมัธยมที่มากกว่า
- นครพนมพร้อมจะบอกคุณว่าเขาเป็น "ที่สุดแห่งความสุข" เพราะตามเส้นทางจะเห็นป้าย "Happiness@นครพนม" "นครพนมเมืองแห่งความสุข"
- จนมาดูข้อมูลเลยได้รู้ว่าเขาเป็นจังหวัดที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ผู้คนมีความสุขที่สุดในประเทศ
- นครพนมอยู่ติดกับ "ลาว" ประเทศเพื่อนบ้าน โดย แม่น้ำโขง" เป็นพรมแดนธรรมชาติ
- แต่ทว่ากลับมีบ้านพักของท่าน "โฮจิมิน" แห่งเวียดนาม เคยมาพำนักที่นี่นานแรมปี ทั้งยังมี ชุมชนเวียดนาม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน
- ร่อยรอยนี้จึงอนุมานว่า นครพนม เป็นเมือง 3 เชื้อสาย คือ ไทย-ลาว-เวียดนาม แบ่งย่อยได้อีกหลายชาติพันธุ์ จะเป็นพันธุ์ไหนไปหาเอาใน Google ดีกว่า
- นักท่องเที่ยงส่วนใหญ่อยู่ใน "วัยสง่า" เนื่องจากทริปนิยมสำหรับการมาเยือนนครพนมคือ สักการะพระธาตุประจำปีวอก และประจำวันเกิด
- อนุมานอีกครั้งว่า หากนับกันในปีนี้ 2558 วัยสง่าที่มาเยือนเป็นคนปีวอกด้วยแล้ว ก็ต้องอายุ 59 / 71 และ 83 ปี ถ้ายังเที่ยวไหวอยู่
- การมาเยือนนครพนมครั้งนี้ แน่นอนว่า "พระธาตุพนม" เป็นพระเอกของทริป แถมยังเป็นหัวใจของคนจังหวัดนครพนมด้วย
- ยังมีพระธาตุประจำวันเกิดอีก 6 องค์ ซึ่งได้รับแนวคิดและอิทธิพลด้านต่างๆ จากองค์พระธาตุพนม
- พระธาตุแต่ละองค์ ถ้าจะไปให้ครบทั้ง 7 ที่ในหนึ่งวันทำได้ คนจังหวัดจะบอกว่าไม่ไกลกันมาก เที่ยวครึ่งวันก็เสร็จ
- แต่ความเป็นจริงคือ มันไม่ได้ใกลแบบเดินถึงกัน บางองค์อยู่ต่างอำเภอ ต้องใช้รถ ดังนั้น จะเหมาสกายแลปหรือขับรถไปเองก็ได้
- การเช่ารถขับเองเป็นอะไรที่สะดวกที่สุด ค่ารถเช่าเริ่มต้นที่ 1,100 บาทขึ้นไป จองล่วงหน้าได้ มีหลายเจ้าให้เลือก
- บางเจ้ามีโปรจองออนไลน์ ราคาครึ่งเดียวเหลือหลักร้อย ลงเครื่องปั๊ปรับรถปุ๊ป นำมันเต็มถัง ขากลับเติมคืนให้เต็มเหมือนเดิม
- มีปั๊มน้ำมันก่อนเข้าสนามบิน ขากลับแวะเติมได้สบายอุรา การเที่ยวด้วยโปรโมชั่นจะเป็นอะไรที่ฟีคมาก
- การขับรถเที่ยวที่นครพนม ใช้สูตร 212 เพราะใช้ถนนหลักหมายเลข 212-นครพนม จำง่ายเหมือนท่องสูตรคูณ ไงก็ไม่หลงทาง!
- นครพนมมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ซึ่งเป็นแห่งล่าสุดที่สวยงามมว้ากกกกก แต่ไม่ให้เข้าไปถ่ายรูปงะ เอาไว้ข้ามแดน
- การไปเที่ยวนครพนมควรพกพาสปอร์ตติดไปด้วยนะ เพราะถ้าเกิดคึกอยากข้ามแดนลาวขึ้นมา จะได้ไม่ต้องเสียตังค์เสียเวลา
- สามารถข้ามได้ทั้งทางเรือและสะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 3 อยู่นครพนม
- ทริปนี้หักมุมตรงที่อุตส่าห์ดั้นด้นไปข้ามแดนกันถึงมุกดาหาร ทั้งที่ท่าข้ามเรือนครพนมอยู่แค่ปลายจมูก
- เพราะเป้าหมายคือ สะหวันนะเขต และการสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ของชาวลาว
- ค่าข้ามแดนจะเสียยิบเสียย่อยเหมือนสปอยหนัง จำราคาไม่ได้ รู้แต่ว่า ขาออกฝั่งไทยจ่าย 2 จุด
ค่ารถ บขส. ข้ามสะพาน 50 บาท ตดไม่ทันหายเหม็น ถึงฝั่งลาวจะเข้าบ้านเค้ามีค่าเหยียบแผ่นดินอีก 2 จุด
- การข้ามแดนลาวจะได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนเดินวิ่งมาราธอน จะพบชาวลาวไซส์มินิที่พร้อมวิ่งชิงที่นั่งบนรถบัส
- นี่แหละวิ่งลาว! แต่นั่นไม่สำคัญเท่าการที่คิดว่าตัวเองชิงขึ้นรถมาได้ก่อน แต่พบว่าบนเบาะนั่งมีกระเป๋าจองไว้แล้ว
- การแย่งชิงที่นั่งอาจเหมือน Pre-Running เพราะหลังจากนั้นมันจะมีการขึ้นลงอีก 2 ครั้ง ตามมา จนกว่าจะถึงสถานีขนส่ง
- ถ้าถามชาวลาวว่าเที่ยวที่ไหนบ้าง จะได้รับคำตอบว่า "ตลาดสะหวันนะเขต" ซึ่งหน้าตาเหมือนตลาดไทบ้านเราแต่ขายของแบบโบ๊เบ๊
- จากสถานีขนส่งเดินไปตลาดสะหวันนะเขตได้ แต่สำหรับที่เที่ยวอื่นๆ ในสะหวันนะเขต คนลาวอาจแนะนำให้เดิน แต่คนไทยด้วยกันอย่างเราแนะนำให้เหมาสกายแลป
- การเหมารถเที่ยวจะได้ราคาตั้งต้นที่ คนละ 40 บาทไทย (ใช้เงินไทยจ่าย/คนลาวชอบ) คนลาวแนะนำให้ต่อเหลือ 20 เดียว ซึ่งราคานี้คนขับไม่ไป
- การไปหลายคนจึงค่อนข้างคุ้ม เพราะจะได้รับโปรโมชั่นเหมาเที่ยวราคาหยุดที่คนละ 30 บาท แถมได้นั่งรถชมบรรยากาศรอบเมือง
- อาหารที่สะหวันนะเขตเหมือนอาหารไทย แต่ของไทยอร่อยกว่า ล้านเปอร์เซ็น
- สะหวันนะเขตมีร้านขายของฝาก เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล คล้าย O-TOP แต่เขาเรียก O-DOP
- คนขายร้านนี้สวยมากจนไม่อยากข้ามกลับไทย
- การข้ามกลับแดนไทย จะเสียตังค์จากด่านฝั่งลาวอีก 2 ครั้ง
- ในกรณีที่เกิน 16.00 น. ต้องเสียค่า OT ให้ จนท.เพิ่ม อย่างโอ้วมายก๊อต รวมค่ารถตดไม่หายเหม็นอีก 50 บาท
- ถึงฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพ
- สนนราคาของการข้ามแดนลาวโดยไม่มีพาสปอร์ต ราวๆ 400 บาท (รวมทุกอย่างแล้ว)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น