เวลาใครถามว่าบ้านอยู่ไหน พอตอบว่า “ภูเก็ต” หลายคนก็ถึงกับตาลุกวาวและบอกว่า “ดีจัง มีทะเลสวยๆ”
และครั้งนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวภูเก็ตบ้านผมกันบ้าง แต่ทริปนี้ไม่มีทะเลนะครับ
กลับบ้านครั้งนี้มีเวลา 3 วัน จะนอนอยู่บ้านเฉยๆก็ยังไงอยู่ เลยเกิดความคิดมาว่า เห้ย!! ออกไปเดินถ่ายรูปดีกว่า ว่าแล้วก็จัดกระเป๋าเลยฮะ
เริ่มต้นบินลัดฟ้าจากสนามบินดอนเมืองใช้เวลาชั่วโมงเศษๆเราก็เริ่มเห็นเกาะน้อยใหญ่ที่รายล้อมด้วยผืนน้ำสีคราม
ที่เป็นเหมือนเครื่องหมายให้เรารู้ว่าภูเก็ตอยู่ไม่ไกลแล้ว
ถึงสนามบินภูเก็ตรับกระเป๋าเรียบร้อย คราวนี้เราก็มาหาวิธีการเข้าสู่ตัวเมือง
ส่วนตัวของผมนะจะใช้บริการของรถบัสสนามบินแทบทุกครั้ง ราคาอยู่ที่ประมาณ 100 บาท
และจะมีป้ายบอกจุดขึ้นรถมาตั้งแต่ด้านในสนามบิน เดินตามป้ายมาเรื่อยๆจนออกนอกตัวอาคารแล้วเลี้ยวซ้าย
พอถึงจะมีเจ้าหน้าที่ขายตั๋วมาสอบถามกับเรา และจากนั้นก็บอกพิกัดที่จะลง
สามารถดูรายละเอียดได้ว่าผ่านที่ไหนบ้าง
http://www.airportbusphuket.com/timetable-thai.php
ระหว่างทางจากสนามบิน ทั้งสองฝั่งถนนมีต้นไม้ ภูเขาให้มองอยู่ตลอด
สักพักก็เริ่มเจอตึกเจออาคารเป็นสัญญาณบอกว่ากำลังเข้าสู่เมืองภูเก็ตแล้วละครับ
เกริ่นกันก่อนว่าผมไม่ใช่คนภูเก็ตตั้งแต่เกิด แต่ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ประมาณ 10 ปีแล้ว
จะกลับไปภูเก็ตก็ต่อเมื่อถึงเวลาปิดเทอม ไปกลับไปกลับอยู่จนตอนนี้ก็ทำงานแล้ว และไปทุกครั้งก็จะพักผ่อนอยู่บ้าน
แต่มีที่นึงที่ดึงดูดให้ผมแบกกล้องย่ำเท้าเดินเล่นรอบแล้วรอบเล่าไม่เคยเบื่อ
------------ “ถนนถลาง” ------------
ตึกเก่าของคนภูเก็ตดั้งเดิม ที่ผมเริ่มทำความรู้จักตั้งแต่พ่อพาขับรถไปจ่ายตลาด
ไม่ว่าจะผ่านกี่วันๆผมก็ไม่สามารถละสายตาจากสถานที่แห่งนี้ไปได้
จากความขลังความมีเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผมเริ่มสนใจตึกที่ทอดยาวในย่านเมืองเก่าแห่งนี้
เป็นสถาปัตยกรรม “ชิโน-ภูเก็ต” หรือจะเรียกว่า "ตึกแถวภูเก็ต"
ที่ปีๆนึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถ่ายรูปแบบไม่ขาดสาย
... เดินเท้ามากลางถนนถลาง ก็จะเจออีกหนึ่งจุดไฮไลท์อย่าง "ซอยรมณีย์"
ที่ยังคงความงดงามของตัวตึกเก่าและสีสันที่ถูกแต่งแต้มเข้าไปให้ซอยนี้ได้รับความนิยม ...
... ในวันที่แสงสีความเจริญเดินทางมาถึงถนนเส้นนี้อย่างเต็มตัว แต่ย่านเมืองเก่าของภูเก็ตก็ยังคงอนุรักษ์ความเป็นดั้งเดิม
แถมยังอ้าแขนรับสิ่งใหม่เข้ามาอยู่รวมกันอย่างลงตัว ทั้งเกสเฮ้าส์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือว่าจะเป็นร้านรวงของฝาก
รวมไปถึงร้านกาแฟนับสิบที่เกิดขึ้นตามสมัยนิยม ....
------------ “ร้านหนัง(สือ) ๒๕๒๑” ------------
ประมาณ 3 ปีที่แล้ว คำว่าร้านกาแฟยังไม่เป็นที่นิยมในภูเก็ตมากนัก
แต่ผมได้มีโอกาสแวะมาที่ร้านนี้จากคำแนะนำของรุ่นพี่นักจ้องเที่ยว
ใช่แล้วครับ "นักจ้องเที่ยว" (คิดว่าน่าจะเป็น "ผู้ที่หาโอกาสเที่ยว" อยู่อย่างสม่ำเสมอ 555)
ตอนนั้น ... ร้านหนัง(สือ) เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่ผนังเก่าของร้านมีก้อนอิฐโผล่ออกมาประปราย และที่เป็นจุดเด่นก็คือหนังสือที่มีอยู่เต็มไปหมด
เลยทำให้ที่นี่เป็นจุดหนึ่งของนักคิดนักเขียนที่นัดกันเข้ามาพบปะพูดคุย
ครั้งนี้ ... ผมได้กลับไปร้านหนัง(สือ)อีกครั้ง ที่มีการปรับปรุงใหม่ แต่ยังคงมีหนังสือเป็นเอกลักษณ์ของร้านเช่นเดิม
เพิ่มเติมเข้ามาก็คือคาเฟ่กาแฟ ที่รสชาติจัดว่าไม่ธรรมดาเลยละครับ
ไม่ได้มีเพียงแค่ส่วนหน้าร้านเท่านั้น ด้านหลังยังมีที่เงียบๆเอาไว้ให้นั่งคิด นั่งอ่าน นั่งเขียน ...
หืมมมมมเห็นแล้วอยากให้มีร้านแบบนี้ในกรุงเทพ
“ถนนถลาง” หรือย่านเมืองเก่า ไม่ได้จะคึกคักชวนหลงไหลแค่ตอนกลางวันเท่านั้น
แต่เมื่อตะวันตกดินที่นี่ก็เหมือนมีชีวิตอีกครั้ง
------------ เดี๋ยวจะรีบกลับมาพาเที่ยวต่อนะครับ ------------
[CR] ภูเก็ตเมืองเก่า เราจะกลับมา
และครั้งนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวภูเก็ตบ้านผมกันบ้าง แต่ทริปนี้ไม่มีทะเลนะครับ
ที่เป็นเหมือนเครื่องหมายให้เรารู้ว่าภูเก็ตอยู่ไม่ไกลแล้ว
และจะมีป้ายบอกจุดขึ้นรถมาตั้งแต่ด้านในสนามบิน เดินตามป้ายมาเรื่อยๆจนออกนอกตัวอาคารแล้วเลี้ยวซ้าย
พอถึงจะมีเจ้าหน้าที่ขายตั๋วมาสอบถามกับเรา และจากนั้นก็บอกพิกัดที่จะลง
สามารถดูรายละเอียดได้ว่าผ่านที่ไหนบ้าง http://www.airportbusphuket.com/timetable-thai.php
สักพักก็เริ่มเจอตึกเจออาคารเป็นสัญญาณบอกว่ากำลังเข้าสู่เมืองภูเก็ตแล้วละครับ
จะกลับไปภูเก็ตก็ต่อเมื่อถึงเวลาปิดเทอม ไปกลับไปกลับอยู่จนตอนนี้ก็ทำงานแล้ว และไปทุกครั้งก็จะพักผ่อนอยู่บ้าน
แต่มีที่นึงที่ดึงดูดให้ผมแบกกล้องย่ำเท้าเดินเล่นรอบแล้วรอบเล่าไม่เคยเบื่อ
ไม่ว่าจะผ่านกี่วันๆผมก็ไม่สามารถละสายตาจากสถานที่แห่งนี้ไปได้
เป็นสถาปัตยกรรม “ชิโน-ภูเก็ต” หรือจะเรียกว่า "ตึกแถวภูเก็ต"
ที่ปีๆนึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถ่ายรูปแบบไม่ขาดสาย
ที่ยังคงความงดงามของตัวตึกเก่าและสีสันที่ถูกแต่งแต้มเข้าไปให้ซอยนี้ได้รับความนิยม ...
แถมยังอ้าแขนรับสิ่งใหม่เข้ามาอยู่รวมกันอย่างลงตัว ทั้งเกสเฮ้าส์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือว่าจะเป็นร้านรวงของฝาก
รวมไปถึงร้านกาแฟนับสิบที่เกิดขึ้นตามสมัยนิยม ....
------------ “ร้านหนัง(สือ) ๒๕๒๑” ------------
แต่ผมได้มีโอกาสแวะมาที่ร้านนี้จากคำแนะนำของรุ่นพี่นักจ้องเที่ยว
ใช่แล้วครับ "นักจ้องเที่ยว" (คิดว่าน่าจะเป็น "ผู้ที่หาโอกาสเที่ยว" อยู่อย่างสม่ำเสมอ 555)
ตอนนั้น ... ร้านหนัง(สือ) เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่ผนังเก่าของร้านมีก้อนอิฐโผล่ออกมาประปราย และที่เป็นจุดเด่นก็คือหนังสือที่มีอยู่เต็มไปหมด
เลยทำให้ที่นี่เป็นจุดหนึ่งของนักคิดนักเขียนที่นัดกันเข้ามาพบปะพูดคุย
เพิ่มเติมเข้ามาก็คือคาเฟ่กาแฟ ที่รสชาติจัดว่าไม่ธรรมดาเลยละครับ
หืมมมมมเห็นแล้วอยากให้มีร้านแบบนี้ในกรุงเทพ
แต่เมื่อตะวันตกดินที่นี่ก็เหมือนมีชีวิตอีกครั้ง