สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
แต่งงานตอนปี 37 ตอนนี้ก็ ปี 58 แล้ว... ถ้า 20 ปีผ่านมาแล้วยังคิดแค้นถึงเงินสินสอดทองหมั้น ผมก็ว่าคุณทั้ง 2 ก็เก่งนะครับที่ยังอยู่กินกันได้ถึงทุกวันนี้ ยิ่งอ่านตรงที่ "สามีเข้าใจเราและเขารู้ว่าเขามีทุกวันนี้ได้เพราะภรรยาเก่ง. เราเองก็ช่วยเหลือครอบครัวสามีตลอด ทุกคนในบ้านก็ดีกับเรามาก. แม่เขาก็ดีกับเรา ทั้งที่ตอนแต่งไปใหม่ๆก็เหมือนแม่สามี. ลูกสะไภ้ทั่วไป. ตอนนี้พ่อแม่เขาตายหมดแล้ว" ผมก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นว่าจะคิดแค้นอะไรกันมากมาย แต่งงานมา 20 กว่าปี จนพ่อแม่สามีลงโลงไปหมดแล้วคุณก็ยังไม่ปล่อยวางเรื่องสินสอดอีก ถ้าในแง่ศาสนาพุทธ กฏแห่งกรรม คุณไม่อโหสิมันก็จะตามไปหลอกหลอนคุณต่อในภพหน้า ชาติหน้า
แสดงความคิดเห็น
ชีวิตแต่งงานที่ไม่มีวันลืม
เราและสามีคบกันตั้งแต่เรียนหนังสือ. ครอบครัวเรายากจนมาก. ครอบครัวสามีดีกว่าเรา เมื่อพวกเราเราเรียนจบและเพิ่งทำงานประมาณปีกว่า. แต่ไม่มีเงินเก็บเลย อยู่ๆทางบ้านผู้ชายก็ไปดูดวงว่าต้องแต่งงานภายใน 4 เดือนข้างหน้าครอบครัวเราและลูกชายเขาจะรวย. ทางบ้านสามีให้สินสอดแต่พ่แแม่เราคืนให้เป็นเงินตั้งตัว. ค่าซองช่วยงานครอบครัวฝ่ายชายเก็บทั้งหมด. สรุปเราไม่ได้ทั้งค่าสินสอดและค่าช่วยงานในตอนนั้น สามีบอกว่าตอนแต่งยืมเงินพวกพี่ๆก็ใช้คืนเขาจึงไม่เห็นเงินว่ามีใครมาช่วยซองบ้าง และเงินค่าสินสอดก็ไม่เห็น
บ้านสามีเป็นคนแต้จิ๋ววันแรกที่เราแต่งงาน. วันแรกของการแต่งงานเราต้องตื่นมายกน้ำให้พ่อแม่สามีล้างหน้าตามพิธีจีน. ( เราแต่งงานปี 37 อายุตอนนั้นเราละสามี 26 ) ทำงานในบ้านทุกอย่างกับคนใช้ แต่มีคนใช้ช่วยเราทำ 1 คน. ใครจะเชื่อว่ายังมีระบบแบบนี้เกิดขึ้นในสมัยนี้
เราไม่มีความสุขในบ้านนั้นจะทำอะไรก็ต้องพ่อแม่เค้าก่อน พอเก็บเงินได้ก็ออกมาซื้อบ้านอยู่กันเอง. จนตอนหลังเราสามารถสร้างครอบครัวเป็นหลักฐาน
พ่อแม่เค้าป่วยไข้เราก็ออกค่ารักษาทีละหลายๆ แสน ( ที่บ้านนี้มีลูก 9 คน. ช่วงแรกพี่ชายคนโตจ่ายค่ารักษาคนเดียว. ทุกคนรักพ่อแม่มาก แต่ไม่มีใครควักเงินสักคน ). จนตอนเราเราให้สามีออกค่าใช้จ่าย