คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
คิดผิดอย่างมากครับ
ข้อ1. แบบไม่ซื้อคุณคิดผลตอบแทนแบบทบต้นทั้งหมด (เงินที่เป็นดอกผลไม่นำมาใช้เลย แต่นำไปลงทุนต่อทั้งหมด)
แต่ขณะเดียวกัน แบบซื้อ LTF เงินที่ได้หลังจากครบ5ปี คุณไม่ได้นำไปลงทุนต่อ (ซึ่งถ้าคุณนำไปลงทุนต่อจะเห็นผลแตกต่างมากๆๆๆๆๆๆ)
ข้อ2. สิ้นปีที่ 20 ผลตอบแทนโครงการแบบซื้อคุณคิดจำนวนสินทรัพย์ทั้งหมด
แต่ขณะเดียวกัน แบบซื้อ LTF คุณไม่ได้รวมสินทรัพย์(ที่เป็นหน่วยลงทุน) คุณคิดแค่จำนวนเงินสดในมือ ซึ่งไม่ถูกต้อง
ถ้าจะให้ถูกต้องผมขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ โดยสมมติว่าคุณมีสิทธิ์ลงทุน เป็นเงิน 270000 (1800000*0.15)
คุณต้องตัดสินใจเลือกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ LTF (ยอมจ่ายภาษีแล้วเหลือเงินสด = 270000*0.85 = 202500)
สมมติฐานของคุณคือลงทุนเองได้ 5% ซื้อ LTF ได้ 10% โดยทั้ง 2 แบบ ต้องไม่นำดอกผลมาใช้ทั้งคู่
มาดูกันครับว่าแตกต่างกันแค่ไหน
ซื้อ LTF (เติมปีละ 270000) ไม่ซื้อ LTF (เติมปีละ 202500)
ต้นปีจะมีเงิน ผลตอบแทน รวมสิ้นปี ต้นปีจะมีเงิน ผลตอบแทน รวมสิ้นปี
1 270000 27000 297000 202500 10125 212625
2 567000 56700 623700 415125 20756.25 435881.3
3 893700 89370 983070 638381.3 31919.1 670300.3
4 1253070 125307 1378377 872800.3 43640.0 916440.3
5 1648377 164837.7 1813214.7 1118940.3 55947.0 1174887.3
6 2083214.7 208321.5 2291536.2 1377387.3 68869.4 1446256.7
7 2561536.2 256153.6 2817689.8 1648756.7 82437.8 1731194.5
8 3087689.8 308769.0 3396458.8 1933694.5 96684.7 2030379.3
9 3666458.8 366645.9 4033104.6 2232879.3 111644.0 2344523.2
10 4303104.6 430310.5 4733415.1 2547023.2 127351.2 2674374.4
11 5003415.1 500341.5 5503756.6 2876874.4 143843.7 3020718.1
12 5773756.6 577375.7 6351132.3 3223218.1 161160.9 3384379.0
13 6621132.3 662113.2 7283245.5 3586879.0 179344.0 3766223.0
14 7553245.5 755324.6 8308570.1 3968723.0 198436.1 4167159.1
15 8578570.1 857857.0 9436427.1 4369659.1 218483.0 4588142.1
16 9706427.1 970642.7 10677069.8 4790642.1 239532.1 5030174.2
17 10947069.8 1094707.0 12041776.7 5232674.2 261633.7 5494307.9
18 12311776.7 1231177.7 13542954.4 5696807.9 284840.4 5981648.3
19 13812954.4 1381295.4 15194249.9 6184148.3 309207.4 6493355.7
20 15464249.9 1546425.0 17010674.8 6695855.7 334792.8 7030648.5
21 17280674.8 1728067.5 19008742.3 7233148.5 361657.4 7594805.9
22 19278742.3 1927874.2 21206616.6 7797305.9 389865.3 8187171.2
23 21476616.6 2147661.7 23624278.2 8389671.2 419483.6 8809154.8
24 23894278.2 2389427.8 26283706.0 9011654.8 450582.7 9462237.5
25 26553706.0 2655370.6 29209076.7 9664737.5 483236.9 10147974.4
26 29479076.7 2947907.7 32426984.3 10350474.4 517523.7 10867998.1
27 32696984.3 3269698.4 35966682.7 11070498.1 553524.9 11624023.0
28 36236682.7 3623668.3 39860351.0 11826523.0 591326.2 12417849.2
29 40130351.0 4013035.1 44143386.1 12620349.2 631017.5 13251366.6
30 44413386.1 4441338.6 48854724.7 13453866.6 672693.3 14126560.0
สรุป ซื้อ LTF สิ้นปีที่ 30 มีเงิน 48 ล้าน ไม่ซื้อมี 14 ล้าน
เห็นไหมครับ ว่าแตกต่างกันแค่ไหน... แล้วตัดสินใจได้หรือยังว่าจะซื้อหรือไม่
ข้อ1. แบบไม่ซื้อคุณคิดผลตอบแทนแบบทบต้นทั้งหมด (เงินที่เป็นดอกผลไม่นำมาใช้เลย แต่นำไปลงทุนต่อทั้งหมด)
แต่ขณะเดียวกัน แบบซื้อ LTF เงินที่ได้หลังจากครบ5ปี คุณไม่ได้นำไปลงทุนต่อ (ซึ่งถ้าคุณนำไปลงทุนต่อจะเห็นผลแตกต่างมากๆๆๆๆๆๆ)
ข้อ2. สิ้นปีที่ 20 ผลตอบแทนโครงการแบบซื้อคุณคิดจำนวนสินทรัพย์ทั้งหมด
แต่ขณะเดียวกัน แบบซื้อ LTF คุณไม่ได้รวมสินทรัพย์(ที่เป็นหน่วยลงทุน) คุณคิดแค่จำนวนเงินสดในมือ ซึ่งไม่ถูกต้อง
ถ้าจะให้ถูกต้องผมขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ โดยสมมติว่าคุณมีสิทธิ์ลงทุน เป็นเงิน 270000 (1800000*0.15)
คุณต้องตัดสินใจเลือกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ LTF (ยอมจ่ายภาษีแล้วเหลือเงินสด = 270000*0.85 = 202500)
สมมติฐานของคุณคือลงทุนเองได้ 5% ซื้อ LTF ได้ 10% โดยทั้ง 2 แบบ ต้องไม่นำดอกผลมาใช้ทั้งคู่
มาดูกันครับว่าแตกต่างกันแค่ไหน
ซื้อ LTF (เติมปีละ 270000) ไม่ซื้อ LTF (เติมปีละ 202500)
ต้นปีจะมีเงิน ผลตอบแทน รวมสิ้นปี ต้นปีจะมีเงิน ผลตอบแทน รวมสิ้นปี
1 270000 27000 297000 202500 10125 212625
2 567000 56700 623700 415125 20756.25 435881.3
3 893700 89370 983070 638381.3 31919.1 670300.3
4 1253070 125307 1378377 872800.3 43640.0 916440.3
5 1648377 164837.7 1813214.7 1118940.3 55947.0 1174887.3
6 2083214.7 208321.5 2291536.2 1377387.3 68869.4 1446256.7
7 2561536.2 256153.6 2817689.8 1648756.7 82437.8 1731194.5
8 3087689.8 308769.0 3396458.8 1933694.5 96684.7 2030379.3
9 3666458.8 366645.9 4033104.6 2232879.3 111644.0 2344523.2
10 4303104.6 430310.5 4733415.1 2547023.2 127351.2 2674374.4
11 5003415.1 500341.5 5503756.6 2876874.4 143843.7 3020718.1
12 5773756.6 577375.7 6351132.3 3223218.1 161160.9 3384379.0
13 6621132.3 662113.2 7283245.5 3586879.0 179344.0 3766223.0
14 7553245.5 755324.6 8308570.1 3968723.0 198436.1 4167159.1
15 8578570.1 857857.0 9436427.1 4369659.1 218483.0 4588142.1
16 9706427.1 970642.7 10677069.8 4790642.1 239532.1 5030174.2
17 10947069.8 1094707.0 12041776.7 5232674.2 261633.7 5494307.9
18 12311776.7 1231177.7 13542954.4 5696807.9 284840.4 5981648.3
19 13812954.4 1381295.4 15194249.9 6184148.3 309207.4 6493355.7
20 15464249.9 1546425.0 17010674.8 6695855.7 334792.8 7030648.5
21 17280674.8 1728067.5 19008742.3 7233148.5 361657.4 7594805.9
22 19278742.3 1927874.2 21206616.6 7797305.9 389865.3 8187171.2
23 21476616.6 2147661.7 23624278.2 8389671.2 419483.6 8809154.8
24 23894278.2 2389427.8 26283706.0 9011654.8 450582.7 9462237.5
25 26553706.0 2655370.6 29209076.7 9664737.5 483236.9 10147974.4
26 29479076.7 2947907.7 32426984.3 10350474.4 517523.7 10867998.1
27 32696984.3 3269698.4 35966682.7 11070498.1 553524.9 11624023.0
28 36236682.7 3623668.3 39860351.0 11826523.0 591326.2 12417849.2
29 40130351.0 4013035.1 44143386.1 12620349.2 631017.5 13251366.6
30 44413386.1 4441338.6 48854724.7 13453866.6 672693.3 14126560.0
สรุป ซื้อ LTF สิ้นปีที่ 30 มีเงิน 48 ล้าน ไม่ซื้อมี 14 ล้าน
เห็นไหมครับ ว่าแตกต่างกันแค่ไหน... แล้วตัดสินใจได้หรือยังว่าจะซื้อหรือไม่
แสดงความคิดเห็น
การลดหย่อนภาษี คุ้มจริงหรือ?
การเสียภาษีเต็มจำนวน กับ การลดหย่อนภาษีโดยวิธีต่างๆ
ถ้าคิดระยะยาวซัก20ปี แบบไหนจะคุ้มกว่ากัน?
ผมขอลองคำนวนแบบคร่าว ผิดถูกยังไงขออภัยนะครับ ไม่มีความรู้เรื่องกองทุนเลยครับ
แค่อยากเห็นมุมมองหลายๆแบบ
ขออนุญาตคำนวนภาษีจากเวปนี้ https://www.tmbbank.com/calculator/investment
ยกตัวอย่าง ถ้าเงินเดือนเดือนละ150,000บาท (ปีละ1,800,000บาท)
กรณี 1
ลดหย่อนภาษีทั่วไป
ผลการคำนวณค่าลดหย่อน
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000 บาท
เงินสะสมประกันสังคม 7,200 บาท
ค่าลดหย่อนส่วนตัวและคู่สมรส 30,000 บาท
รวมค่าลดหย่อนเงินได้ทั้งหมด 97,200 บาท
รวมเงินได้สุทธิ 1,702,800 บาท
ภาษีที่คุณต้องจ่ายปีนี้ 290,700 บาท
ปีนี้จ่ายภาษี 290,700 บาท
เงินสดเหลือ 1,800,000 - 290,700 = 1,509,300 บาท
กรณี 2 ซื้อLTF15%(270,000บาท)
ลดหย่อนภาษีทั่วไป
ผลการคำนวณค่าลดหย่อน
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000 บาท
เงินสะสมประกันสังคม 7,200 บาท
ค่าลดหย่อนส่วนตัวและคู่สมรส 30,000 บาท
รวมค่าลดหย่อนเงินได้ทั้งหมด 97,200 บาท
LTF ลดหย่อนได้ 270,000 บาท
ตกอยู่ช่วงภาษี25% ทำให้เสียภาษีน้อยลง67,500บาท
ปีนี้จ่ายภาษี 223,200บาท
แต่การที่เราซื้อLTF ทำให้เงินสดเหลือ 1,800,000 - 270,000 - 223,200 = 1,306,800 บาท
......................................................................................
จะเห็นได้ว่า กรณีที่1 มีเงินที่เหลือในกระเป๋า มากกว่า กรณีที่2
1,509,300 - 1,306,800 = 202,500 บาท
สมมุติว่าเราไม่ได้ซื้อLTF แล้วนำเงินจำนวนนี้ไป ลงทุนเองได้ผลตอบแทนปีละ5%
ปีที่1 ส่วนต่างต่อปี เงินเก็บสะสม
1 ฿202,500.00 ฿212,625.00
2 ฿202,500.00 ฿435,881.25
3 ฿202,500.00 ฿670,300.31
4 ฿202,500.00 ฿916,440.33
5 ฿202,500.00 ฿1,174,887.34
6 ฿202,500.00 ฿1,446,256.71
7 ฿202,500.00 ฿1,731,194.55
8 ฿202,500.00 ฿2,030,379.27
9 ฿202,500.00 ฿2,344,523.24
10 ฿202,500.00 ฿2,674,374.40
11 ฿202,500.00 ฿3,020,718.12
12 ฿202,500.00 ฿3,384,379.03
13 ฿202,500.00 ฿3,766,222.98
14 ฿202,500.00 ฿4,167,159.13
15 ฿202,500.00 ฿4,588,142.08
16 ฿202,500.00 ฿5,030,174.19
17 ฿202,500.00 ฿5,494,307.90
18 ฿202,500.00 ฿5,981,648.29
19 ฿202,500.00 ฿6,493,355.71
20 ฿202,500.00 ฿7,030,648.49
20ปีผ่านไปเงินลงทุนสะสม ฿7,030,648.49
แล้วถ้าเราซื้อLTFทุกปีแล้วได้ ผลตอบแทนเฉลี่ย10% ต่อปี หละ
ปีที่1 ซื้อLTF ได้คืนเมื่อครบ5ปี
1 ฿270,000.00
2 ฿270,000.00
3 ฿270,000.00
4 ฿270,000.00
5 ฿270,000.00
6 ฿270,000.00 ฿434,837.70
7 ฿270,000.00 ฿434,837.70
8 ฿270,000.00 ฿434,837.70
9 ฿270,000.00 ฿434,837.70
10 ฿270,000.00 ฿434,837.70
11 ฿270,000.00 ฿434,837.70
12 ฿270,000.00 ฿434,837.70
13 ฿270,000.00 ฿434,837.70
14 ฿270,000.00 ฿434,837.70
15 ฿270,000.00 ฿434,837.70
16 ฿270,000.00 ฿434,837.70
17 ฿270,000.00 ฿434,837.70
18 ฿270,000.00 ฿434,837.70
19 ฿270,000.00 ฿434,837.70
20 ฿270,000.00 ฿434,837.70
ปีที่20จะได้เงินจากLTFรวม ฿6,522,565.50
ยังไม่รวมเงินที่จะได้คืนในปี 21-25 จำนวน ฿434,837.70 ต่อปี =฿2,174,188.50
________________________________
จะเห็นได้ว่าเมื่อครบ20ปีแล้ว เปรียบเทียบ2กรณี
กรณีที่ลงทุนเองจะมีเงิน ฿7,030,648.49
กรณีที่ซื้อLTFจะมีเงิน ฿6,522,565.50 ถ้าคิดที่จะได้LTFคืนในปี21-25 จะเท่ากับ ฿8,696,754.00
กรณีลงทุนเองจะได้มากกว่า ฿508,082.99
ถ้าคิดที่จะได้LTFคืนในปี21-25 กรณีลงทุนเองจะได้น้อยกว่า ฿1,666,105.51
ในกรณีนี้จะเห็นว่าซื้อLTFอาจจะได้มากกว่า แต่ต้องแลกกับการเอาเงินไปจมอยู่กับLTFทีละ5ปี
เพื่อนๆคิดว่าแบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
________________________________
พอดีผมไปเห็นบทความนี้เลยลองคิดดูว่าซื้อกองทุนเพื่อลดภาษี จะคุ้มไหม
หลุมพรางของ RMF-LTF - ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
15 December 2011 at 19:53
กองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุหรือ RMF และกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือ LTF นั้น เป็นกองทุนรวมที่ดูเหมือนว่าจะเป็นกองทุนรวมสุดยอดสำหรับคนกินเงินเดือนที่ มีรายได้สูง และต้องเสียภาษีส่วนบุคคลในอัตราก้าวหน้าที่ค่อนข้างสูง เพราะเงินที่ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนทั้งสองดังกล่าวนั้น สามารถนำไปเครดิตภาษีคืนได้ พูดง่ายๆ ถ้าคุณต้องเสียภาษีอัตราสุดท้าย 20% ถ้าคุณเอาเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนดังกล่าว 100 บาท คุณก็จะได้เงินคืนมาฟรีๆ 20 บาท ข้อจำกัดที่สำคัญมีเพียงประการเดียวก็คือ ในกรณีของ RMF คุณต้องลงทุนถือไว้จนกว่าคุณจะมีอายุ 55 ปี ซึ่งแปลว่าถ้าคุณมีอายุ 35 ปี คุณจะต้องถือหน่วยลงทุนนี้ไว้ถึง 20 ปี ในกรณีของ LTF นั้น คุณต้องถือหน่วยลงทุนไว้เพียง 3 ปีกับอีกประมาณ 4-5 วันถ้าคุณต้องการ แต่ข้อจำกัดที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ กองทุน LTF นั้นต้องเป็นการลงทุนในหุ้นเท่านั้น ไม่สามารถที่จะลงทุนในตราสารหนี้ได้
ผู้เชี่ยวชาญ หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องกว่าก็คือ คนที่ต้องการขายหน่วยลงทุนดังกล่าวมักจะให้ความเห็นว่า RMF และ LTF เป็นกองทุนรวมที่คนมีรายได้ และต้องเสียภาษีตั้งแต่ประมาณ 10% ขึ้นไปควรที่จะต้องซื้ออย่างยิ่งเพราะมันเป็นการลงทุนที่ไม่มีอะไรจะเสียมี แต่ได้ และถ้าคุณเป็นห่วงว่าการลงทุนจะเสียหาย คุณก็อย่าลงทุนใน LTF ซึ่งมีความเสี่ยงเพราะเป็นการลงทุนในหุ้น แต่ให้ลงทุนใน RMF ที่เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ซึ่งแทบจะไม่มีความเสี่ยงว่าเงินต้นจะหาย และผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน และดีกว่าการฝากเงิน คำแนะนำทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง แต่เขาไม่ได้พูดเรื่องจริงอื่นๆ อีกมากที่อาจจะทำให้การลงทุนในหน่วยลงทุนทั้งสองแบบนั้น "ไม่ดีอย่างที่คิด" ความจริงที่ "จริงกว่า" ก็คือ จะดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรายได้ และคุณสมบัติส่วนตัวของแต่ละคน คำแนะนำที่พูดเป็นการทั่วไปนั้น อาจจะทำให้คนเชื่อ และทำตามเกิดความเสียหายได้มหาศาล มันเป็นหลุมพรางขนาดใหญ่ที่คุณอาจไม่ทันคิด
สมมติว่าคุณอายุ 35 ปี มีรายได้สูงซึ่งทำให้อัตราภาษีสุดท้ายของคุณเท่ากับ 20% คุณมีเงินเหลือเก็บตลอด ดังนั้นโดยธรรมชาติคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวอยู่แล้ว เงินส่วนหนึ่งจะต้องถูกเก็บสะสม และลงทุนไปจนวันเกษียณ คุณไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับหุ้น และเป็นคนระมัดระวัง ดังนั้น คุณคิดว่า RMF เป็นทางที่คุณเลือกเพราะคุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ได้ คุณตัดสินใจซื้อแล้วก็คิดว่าคุณคิดถูกแล้ว แต่ช้าก่อน มาดูการคาดการณ์ทางการเงินดูว่าวันที่คุณเกษียณคุณจะได้อะไรเมื่อเทียบกับ การลงทุนในหุ้นซึ่งในระยะยาวแล้ว ความเสี่ยงไม่ได้มากไปกว่าตราสารหนี้แต่ผลตอบแทนสูงกว่ามาก
สมมติว่าคุณลงทุนเงิน 100 บาท และการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย ปีละ 5% ขณะที่การลงทุนในหุ้นโดยเฉลี่ยให้ผลตอบแทนปีละ 10% (ถ้าคุณลงทุนไม่เป็นก็สามารถซื้อกองทุนรวมหุ้นตามดัชนีได้) เงิน 100 บาทของคุณด้วยอัตราภาษีส่วนบุคคลที่ 20% คุณจะสามารถนำเครดิตภาษีมาซื้อหน่วยลงทุน RMF ได้เท่ากับ 125 บาท ในขณะที่ลงทุนเองในหุ้นคุณก็ลงได้เพียง 100 บาท ในวันแรกคุณดีใจที่คุณมีเงินลงทุนใน RMF ถึง 125 บาท ขณะที่ลงทุนในหุ้นคุณมีแค่ 100 บาท แต่เนื่องจากหุ้นนั้นโตเร็วหรือให้ผลตอบแทนมากกว่า ดังนั้นพอถึงปีที่ 5 หุ้นของคุณก็จะโตทันคือจะเป็น 161 บาทในขณะที่หน่วยลงทุน RMF ของคุณจะอยู่ที่ 160 บาท และเมื่อถึงเวลา 20 ปีที่คุณจะสามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ หน่วยลงทุน RMF ของคุณจะมีค่าเท่ากับ 332 บาท แต่หุ้นของคุณจะมีค่าเท่ากับ 673 บาทหรือมากกว่าเท่าตัว ดังนั้น การลงทุนในกองทุน RMF ที่เป็นตราสารหนี้ที่เป็นคำแนะนำยอดนิยมจึงอาจเป็นการลงทุนที่ผิดพลาดมากก็ ได้
การลงทุนใน RMF ที่เป็นกองทุนหุ้นนั้น อาจจะน่าสนใจสำหรับคนที่ลงทุนในหุ้นอยู่แล้วเพราะ RMF ได้เครดิตภาษี อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นนั้น เราต้องเสียค่าบริหารซึ่งจะถูกคิดเป็นต้นทุนปีละประมาณ 1.5-2% ในขณะที่ถ้าเราลงทุนเองจะไม่เสีย หรือลงทุนในกองทุนหุ้นตามดัชนีจะเสียค่าบริหารน้อยกว่า ดังนั้น เราต้องมาคิดว่าเครดิตภาษีที่ได้มานั้นคุ้มค่าหรือไม่กับการที่จะต้องผูกค่า บริหารปีละ 1.5-2% ไปทุกปีเป็นเวลา 20 ปี ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เราสมมติว่าการลงทุนในหุ้นเราได้ผลตอบแทนเฉลี่ย เท่าๆ กับตลาดไม่ว่าจะบริหารเองหรือให้กองทุนบริหาร แต่ถ้าเราลงทุนเป็น มีฝีมือดี การพิจารณาเรื่องผลตอบแทน และทางเลือกของเราก็จะเปลี่ยนไป
ถ้าเราเชื่อมั่นในหุ้น และเป็นนักลงทุนระยะยาว การลงทุนใน LTF โดยทั่วไปน่าจะให้ผลดีเนื่องจากเรามี "แต้มต่อ" จากเครดิตภาษี เช่น ถ้าเราต้องเสียภาษี 20% การลงทุนใน LTF ตั้งแต่วันแรกเราก็เหมือนกับมีกำไรไปแล้ว 20% ดังนั้น ถ้าเราบริหารเอง ถ้าจะให้ได้ผลตอบแทนเท่ากัน เราต้องสามารถเอาชนะกองทุนถึง 20% ในเวลา ประมาณ 3 ปี หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 6-7% ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเราได้เครดิตภาษีเพียง 10% และเรามีฝีมือในการลงทุน รวมทั้งเราไม่ต้องเสียค่าบริหารปีละประมาณ 1.5-2% เป็นเวลา 3 ปี เราก็อาจจะทำได้ดีกว่าโดยไม่ต้องซื้อ LTF
ทั้งหมดที่พูดมานั้น ไม่ได้เป็นการโจมตีหรือเชียร์ให้ซื้อ RMF หรือ LTF โดยส่วนตัวผมเองนั้น แม้ว่าจะเป็นนักลงทุนเต็มตัวด้วยตนเอง แต่ก็ยังซื้อทั้ง RMF ที่เป็นกองทุนหุ้น และ LTF เต็มเพดาน 15% ของรายได้ทุกปี ประเด็นสำคัญของผมก็คือ อัตราภาษีของผมค่อนข้างสูง และเวลาที่ผมจะต้องถือหน่วยลงทุน RMF นั้น เหลือเพียงไม่กี่ปี สำหรับคนอื่นนั้น ผมคิดว่าจะต้องพิจารณาเองแบบ "ตัวใครตัวมัน" ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่มีอัตราภาษีระดับประมาณ 15% ขึ้นไป น่าจะใช้ประโยชน์จากกองทุนหักลดหย่อนภาษีคู่นี้ได้ ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/notes/ดรนิเวศน์-เหมวชิรวรากร-fan-page/หลุมพรางของ-rmf-ltf-ดร-นิเวศน์-เหมวชิรวรากร/323423454353505