กองปราบเตรียมเชิญ’อั้ม พัชราภา’ เข้าให้ปากคำ ปมหนุ่มอ้างชื่อตุ๋นเงิน

กองปราบเตรียมเชิญ ‘อั้ม พัชราภา’ เข้าให้ปากคำ ในฐานะพยาน กรณีแฟนคลับนำชื่อไปแอบอ้าง เพื่อตุ๋นเงินเหยื่อกว่า 8 ล้านบาท

ความคืบหน้าล่าสุด พนักงานสอบสวนกองปราบ ได้เตรียมเชิญตัว นายปรีชา และ น.ส.ชญาดา ผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน พร้อมกับเตรียมประสานไปยังธนาคารเพื่อขอตรวจสอบบัญชีการเงินของผู้เสียหาย เพื่อดูความเชื่อมโยงในการทำธุรกรรมการเงินกับ นายพัชราวรรธน์ ผู้ถูกกล่าวหาว่ามีการโอนเงินให้ตามที่ผู้เสียหายได้ให้ปากคำไว้หรือไม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาดำเนินการ ประมาณ 1-2 สัปดาห์

นอกจากนี้ หลังจากที่มีการดำเนินการตรวจสอบการทำธุรกรรมการเงินของผู้เสียหายกับผู้ถูกกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว ทางพนักงานสอบสวนกองปราบ ก็จะทำการเชิญตัว อั้ม-พัชราภา นางเอกสาวชื่อดัง มาให้ปากคำในฐานะพยาน เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด หากดาราสาวสะดวกที่จะมาเข้าให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ก็สามารถติดต่อประสานเข้ามาได้ตลอดเวลา

ด้านนายพัชราวรรธน์ ผู้ถูกกล่าวหา หลังจากที่เจ้าหน้าที่สามารถสอบปากคำดาราสาวเสร็จสิ้นแล้วนั้น ก็จะดำเนินการออกหมายเรียกให้ นายพัชราวรรธน์ ผู้ถูกกล่าวหามาเข้าพบพนักงานสอบสวนในทันที เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป

หนุ่มเจ้าของร้านเสื้อผ้า อ้างชื่อ ‘อั้ม พัชราภา’ หลอกเงินเจ้าของเต็นท์รถสูญกว่า 8 ล้าน

วันนี้ (26 พ.ย. 58) นายปรีชา ชินวาณิชย์ อายุ 50 ปี นักธุรกิจเต็นท์รถยนต์มือ2 ย่านถนนศรีนครินทร์ และ น.ส.ชญาดา ชินวาณิชย์ พี่สาว เดินทางเข้าพบมาที่กองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายพัชราวรรธน์ คำแหง เจ้าของร้านเสื้อผ้า “พัชราภากรุ๊ป บาย พัชราวรรธน์” ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ในข้อหาฉ้อโกง หลังแอบอ้างชื่อของ น.ส.พัชราภา ไชยเชื้อ หรือ อั้ม ดารานางเอกชื่อดัง มาขอยืมเงินเพื่อนำไปใช้รักษาอาการป่วยของนางเอกสาว พร้อมนำหลักฐาน สลิปการโอนเงิน รวมทั้งภาพถ่ายของนายพัชราวรรธน์มามอบให้ไว้เป็นหลักฐาน


จาการสอบสวน นายปรีชา ให้การว่า เมื่อ 6 ปีก่อน น.ส.ชญาดา พี่สาวของตนมีโอกาสไปรู้จักกับ นายพัชราวรรธน์ เนื่องจากเป็นแฟนคลับของ “อั้ม พัชราภา” เหมือนกัน โดย นายพัชราวรรธน์ ยังอ้างด้วยว่า มีความสนิทสนมกับนักแสดงสาวมาก และยังเคยพาพี่สาวของตนไปพบกับ อั้ม พัชราภา หลายครั้งด้วย ทำให้น.ส.ชญาดาเชื่อใจสนิท และไว้ใจนายพัชราวรรธน์มากขึ้น

กระทั่งเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา นายพัชราวรรธน์ ได้มาบอกกับพี่สาวของตนว่า อั้ม พัชราภา กำลังป่วยหนัก ต้องใช้เงินเป็นค่ารักษาจำนวนมาก จึงให้มาขอยืมเงินกับ น.ส.ชญาดา เพื่อนำไปใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล ครั้งแรกได้ขอยืมไปแสนกว่าบาท โดยพี่สาวของตนก็โอนเงินให้ผ่านทางธนาคารกสิกรไทย สาขาโรบินสัน นครศรีธรรมราช ชื่อบัญชีของ นายพัชราวรรธน์ หลังจากนั้นก็มายืมเงินไปอีกหลายหน รวมแล้ว 10 ครั้ง ยอดเงินทั้งหมดประมาณ 8 ล้านบาท ทุกครั้งก็อ้างชื่อ อั้ม พัชราภา ตลอด

นายปรีชา กล่าวว่า นายพัชราวรรธน์ ยังอ้างอีกด้วยว่า อั้ม พัชราภา ฝากมาบอกด้วยว่า จะคืนเงินที่ขอยืมไปทั้งหมดให้ภายในเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งตลอดมาตนก็ไม่ทราบเรื่อง จนกระทั่งตนมีความจำเป็นต้องใช้เงิน เพื่อนำไปใช้หมุนเวียนทำธุรกิจ จึงมาสอบถามพี่สาวเลยทราบเรื่อง

โดยพี่สาวบอกว่า นายพัชราวรรธน์ มาขอเลื่อนระยะเวลาคืนเงินเป็นช่วงกลางปีหน้า ตนจึงรู้สึกผิดปกติเลยตัดสินใจโทรศัพท์ไปสอบถามกับทาง อั้ม พัชราภา ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรทั้งสิ้น เรื่องให้ใครมาขอยืมเงินนั้น ก็ไม่ทราบเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร นายพัชราวรรธน์ ก็ไม่เคยเจอกันมานานแล้ว จึงรู้ทันทีว่าพี่สาวของตนถูกหลอกแน่นอน จึงตัดสินใจพากันเข้ามาแจ้งความดังกล่าว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับเรื่องไว้ โดยจะสอบปากคำผู้เสียหายก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พร้อมกันนี้ก็จะอาจต้องเชิญตัว อั้ม พัชราภา มาสอบปากคำ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด หลังจากนั้นก็จะเรียกตัว นายพัชรวรรธน์ มาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่