DAY 2
Part3 - Day2 Tokyo (Ueno - Asakusa - Odaiba)
ต่อจากกระทู้แรกนะคะ
http://ppantip.com/topic/34465911
********* Narita - Tokyo ----->>>>>
http://ppantip.com/topic/34492592
********* Ueno - Asakusa - Odaiba----->>>>>
http://ppantip.com/topic/34492629
********* Ameyoko - Ginza - Tokyo skytree----->>>>>
http://ppantip.com/topic/34492659
********* Kawaguchiko (ใบไม้เปลี่ยนสี - ฟูจิซัง) --->>>
http://ppantip.com/topic/34492706
********* Tokyo - Nagoya (obara ใบไม้เปลี่ยนสี + ดอกซากุระ)----->>>>>
http://ppantip.com/topic/34494788
********* Nagoya - Tokyo / ช๊อปปิ้งก่อนกลับไทย-->>>
http://ppantip.com/topic/34494797
วันที่ 11 พ.ย. 58 ต่อวันที่ 2 ที่ โตเกียว เริ่มกันที่
- U e n o P a r k -
**** วิธีเดินทางไป สวน อุเอโนะ ]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-------- เช้าวันนี้เราเริ่มกันที่ สวนอุเอโนะ เวลาประมาณ 8.00 น. ---------
เช้านี้อากาศดีมากๆเลยท้องฟ้าแจ่มใส ใบไม้กำลังเริ่มเปลี่ยนสีกัน สวยงามไปอีกแบบ
สวนอุเอโนะ เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงโตเกียว และเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า วัด และพิพิธภัณฑ์สำคัญหลายแห่งเลย และ Ueno Park เป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ที่มีซากุระมากกว่า 1,500 ต้น เลยค่ะ พอดีเราไปตอนช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาชมซากุระบานที่นี้สักครั้งแน่นอน
อ่อ ถ้ามาสวนนี้ เมื่อถึงสถานี Ueno แล้วออกทางออก Park Exit นะคะ ออกไปก็จะเจอเลยจ้ะ
ระหว่างทางเดินของแต่ละสถานี ก็จะเจอกับล็อคเกอร์ใครที่ไม่อยากแบกสัมภาระไปเอยะๆก็เอามาฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ได้เลย ราคาน่าจะเริ่มที่ 200 yenแล้วแต่ขนาดค่ะ
- บรรยากาศในสวนอุเอโนะ -
ในสวนอุเอโนะ ก็จะมีศาลเจ้าอยู่เยอะคะ อย่างที่เราไปมาก็จะมี
1. Hanazoninaru Shrine
2. Gojoten Shrine
3.Kiyomizu Kannaon-do Temple
4. Bentendo Temple ค่ะ
ก่อนทางเข้าวัด หรือศาลเจ้า ส่วนใหญ่มักจะเห็นบ่อน้ำที่ตั้งไว้บริเวณทางเข้า มีไว้เพื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาด ซึ่งจะมีกระบวยวางไว้ เราก็ใช้ล้างมือ โดยจะล้างจากด้านขวา แล้วก้ด้านซ้าย บางที่ก็มีให้บ้วนปากด้วยค่ะ พอเป็นพิธีจ้ะ^^
ระหว่างทางเดินในสวนอุเอโนะ จะพบกับศาลเจ้าและวัดเยอะพอสมควรค่ะ ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีจุดให้เขียนคำขอพรและมีที่สำหรับแขวนไว้ เราก็ได้มีโอกาสเขียนคำขอพรที่ศาลเจ้าหนึ่งในสวนอุเอโนะ และแขวนไว้ แผ่นป้ายที่เราเขียนไป ราคา 500 yen ค่ะ ^^ ใครเจอแสดงว่าเราไปพบกันที่นั้นแล้วนะคะ From NC:THAILAND
- B e n t e n d o T e m p l e -
พอเดินเล่นสวนอุเอโนะได้สักพัก เราก็เดินกลับไปที่สถานีอุเอโนะ (Ueno Station) เพื่อจะเดินทางไปเที่ยวย่าน Asakusa กันค่ะ
>> การเดินทางไปวัด Sensoji <<
- นั่งรถไฟสาย Yamanote ไปลงสถานี JR Ueno แล้วต่อ Subway สาย Tokyo Metro Ginza Line นั่งไป 1 สถานีลงที่ Asakusa ทางออก 3 ค่าโดยสาร 160 เยน
- รถไฟใต้ดินของ Toei Asakusa line ทางออก A4 และ A5
เปิดเวลา
- ศาลาวัด 6:00 – 17:00 และในเดือนตุลาคม – มีนาคมเปิด 6:30 – 17:00
- บริเวณวัดเปิดตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
🍁🍁🍁🍁🍁🍁
- S e n s o j i T e m p l e -
วัดเซ็นโซจิ (Sensoji) เป็นวัดพุทธที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว เมื่อเดินทางมาวัดเซ็นโซจิ จะเจอกับซุ้มประตูสีแดง มียักษ์เฝ้าประตูทั้ง 2 ฝั่งและที่เป็นจุดเด่นคือมีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่แขวนไว้บนซุ้มประตู ประตูนี้เรียกว่า Kaminarimon หรือ Thunder Gate เป็นประตูทางเข้าวัดค่ะ
พอเดินเข้าซุ้มประตูมา จะเจอถนนนากามิเซะ (Nakamise dori) เป็นถนนที่มีขนมขาย ของฝาก ของที่ระลึกต่างๆค่ะ ร้านค้าก็จะมียาวจนไปถึงวัดเซ็นโซจิเลย
ถนนสายนี้เราได้แวะลองทาน ซาลาเปาทอดร้านชื่อดังอีกร้านหนึ่งของถนนสายนี้ เราเลือกรสชาเขียว ส่วนแฟนเลือกรสฟักทอง รสชาดโอเคค่ะ อร่อยดีแต่ก็ไม่ถึงกับ ว้าวว..นะ ความรู้สึกเรา 2 ชิ้นนี้เราจ่ายไป 340 yen ค่ะ ^^
ปล. ซื้อของกินที่ถนนสายนี้ อย่าเดินทานนะคะ ถือว่าเป็นกฎของถนนสายนี้เลย เพราะกลัวถนนเลอะ เราอ่านข้อมูลมาอีกทีนะคะ
เดินจนสุดถนนแล้วก็จะเจอกับทางเข้าที่มีโคมแดงอีก 1 ซุ้มประตูค่ะ
บ ร ร ย า ก า ศ ภ า ย ใ น วั ด
บรรยากาศภายในวัดครึกครื้นดี เพราะมีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลมาเที่ยวที่วัดนี้ เจอทั้งคนไทย และทัวร์ชาวจีน (ที่เยอะพอควร) 555+
คนที่มาวัดนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการกวักความธูปเข้าหาตัว โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า คือการกวักความโชคดีเข้าหาตัว เรา 2 คนจึงไม่รีรอที่จะกวัวควันธูป เข้าหัว เข้าตัว และเข้ากระเป๋าตังค์แบบ รัวๆๆๆๆ เลยคร้าาาาาาาา
หลังจากกวักควันธูปพอกรุบกริบแล้ว เราก็เดินออกมาเสี่ยงเซียมซีของชาวญี่ปุ่นกัน การเสี่ยงเซียมเซี่งซีของบ้านเขา เราก็เขย่าๆกล่องเหล็กที่เขาวางอยู่ให้ไม้ล่วงออกมาจากนั้นก็เอาอักษรตรงไม้ไปเทียบกับอักษรหน้ากล่องเซียมซี แล้วก็หยอกเหรียญ 100 Yenลงไปเพื่อนำใบเซียมซีมาอ่านค่ะ ถ้าอ่านแล้วดีเราก็เก็บมา ถ้าไม่มีเขาก็จะมีที่ผูกไว้.... แต่พอดีเราสองคนได้ดีกับดีเยี่ยม เราเลยสาธุแบบรัวๆๆ ไปเลยจ้า ^^
หลังจากเดินเที่ยวชมบรรยากาศภายในวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปหาของกินกัน ขอบอกว่าบริเวณวัดย่าน Asakusa มีของขายเพียบ ร้านอาหารเยอะพอควรเลยค่ะ เรียกว่าเลือกร้านกินได้ตามใจเราต้องการเลย ส่วนเรา 2 คน แวะกินร้านปลาดิบค่ะ จะมาลองชิมว่าจะแตกต่างจากเมืองไทยมากหรือป่าว....
เราก็เลยแวะที่ร้านนี้ค่ะ
บรรยากาศภายในร้านก็น่ารักดีค่ะ ตามแบบชาวญี่ปุ่น เป็นร้านเล็กๆไม่ใหญ่มาก
- เมนูที่เราสั่ง -
เนื้อปลาสดดีค่ะ มีแต่ของดิบๆทั้งนั้นเลย มื้อนี้แฟนเราเหมาคนเดียว เพราะเราไม่ค่อยชอบกินของดิบเท่าไหร่ ^^
หลังจากท้องอิ่มแล้ว เราก็เดินเที่ยวต่อย่าน Asakusa ตอนแรกตามแผนที่เราวางไว้ก็คือ จะนั่งเรือที่ TOKYO CRUISE ที่อยู่ใกล้ๆสถานี เพื่อไปเกาะ Odaiba ตอนบ่าย 3 (เพราะเรือออกเป็นเวลา จะออก 4 เวลาต่อวัน) แต่แบตกล้องเจ้ากรรมมาดันหมดซะก่อน เมื่อคืนลืมชาตจ์ไว้ เราเลยต้องเปลี่ยนแผน กลับที่พักไปชาจต์แบตก่อน แล้วก็ค่อยเดินทางไปเกาะ โอไดบะ โดยรถไฟกัน
>>>>>>> สำหรับใครอยากนั่งเรือไป ไปเกาะ Odaiba นะคะ จะใช้เวลาประมาณ 50 นาที เรือ 4 เวลา คือ 10.10 / 13.25 / 15.25 /17.20 ค่าโดยสาร ประมาณ 1500 + Yen ค่ะ <<<<<<<
เรือที่จะนั่งไป Odaiba แบบนี้ค่ะ
อ่อ ใกล้ๆ สถานี Asakusa จะมีแลนด์มาร์กที่คนไปถ่ายรูปเยอะๆก็คือ ตึกฟองเบียร์ กับ Tokyo Skytree ที่เป็นวิวสวยๆตรงนี้ค่ะ เรา 2 คนเดินไปถ่ายริมแม่น้ำสุมิดะ ก็จะได้เป็นวิวนี้มาจ้า
หลังจากที่เรากลับที่พักไปชาจต์แบตเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเตรียมตัวไปเกาะ Odaiba กันค่ะ
การเดินทางไป เกาะ Odaiba โดยรถไฟ นั่งรถไฟมาลงที่ JR Shimbashi* แล้วเดินออกไปที่สถานี Shimbashi ของรถไฟ Yurikamome จ้
ะ
------ ที่พักเราอยู่ใกล้ สถานี Ueno เราเลยมาตั้งหลักที่ Ueno เพื่อจะเดินทางไปที่ Shimbashi กันค่ะ -------
การเดินทางก็ตามนี้นะคะ
นั่งรถไฟ JR Yamanote จากอุเอโนะ ไปลง ชิมบาชิ ค่าโดยสาร 160 yen สำหรับคนที่ไม่มี JR pass ค่ะ ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 11 นาที
และพอเรามาถึงสถานี Shimbashi เราก็เดินไปที่ ที่สถานี Shimbashi ของรถไฟ Yurikamome ตามรูปเลยค่ะ
พอมาถึงสถานีก็จะมีป้ายบอกทาง เพื่อจะไปซื้อตั๋วของรถไฟ Yurikamome แล้วเราก็เดินตามป้ายมาเรื่อยๆ จนถึงที่ซื้อตั๋วของรถไฟ Yurikamome
ปล. รถไฟ Yurikamome เป็นรถไฟไม่มีคนขับนะค่ะ การซื้อตั๋วก็ซื้อจากตู้อัตโนมัติได้เลย
เรา 2 คน ซื้อตั๋วแบบ One day Pass ค่ะ ดังนั้นเราก็จะเลือก แบบ 820 Yen แล้ว ยอดเงินไป 820 เยน ก็จะได้บัตรแบบ one day pass มา บัตรนี้จะขึ้นลงกี่สถานีก็ได้ค่ะไม่จำกัด แต่ถ้าเพื่อนมีแผนจะไปไม่กี่สถานีก็เลย ลงเฉพาะสถานีที่อยากไปก็ได้จ้ะ ราคาของแต่ละสถานีก็จะมีบอกอยู่บนตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติค่ะ แล้วก็ลองๆบวก ขาไป - ขากลับดู ว่าเราควรจะซื้อแบบ one day pass ไปจะคุ้มกว่าหรือป่าวว
เราได้ตั๋วแบบ One day pass มาแล้ว เตรียมตะลุยเกาะ โอไดบะกันเล้ยยย
" H o n e y m o o n" นี้ ที่ J A P A N เที่ยวญี่ปุ่นไปกับ "สองเรา" (Part3 :Day2 Tokyo (Ueno - Asakusa - Odaiba)
ต่อจากกระทู้แรกนะคะ http://ppantip.com/topic/34465911
********* Narita - Tokyo ----->>>>> http://ppantip.com/topic/34492592
********* Ueno - Asakusa - Odaiba----->>>>> http://ppantip.com/topic/34492629
********* Ameyoko - Ginza - Tokyo skytree----->>>>> http://ppantip.com/topic/34492659
********* Kawaguchiko (ใบไม้เปลี่ยนสี - ฟูจิซัง) --->>> http://ppantip.com/topic/34492706
********* Tokyo - Nagoya (obara ใบไม้เปลี่ยนสี + ดอกซากุระ)----->>>>> http://ppantip.com/topic/34494788
********* Nagoya - Tokyo / ช๊อปปิ้งก่อนกลับไทย-->>> http://ppantip.com/topic/34494797
วันที่ 11 พ.ย. 58 ต่อวันที่ 2 ที่ โตเกียว เริ่มกันที่
**** วิธีเดินทางไป สวน อุเอโนะ ][Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. Hanazoninaru Shrine
2. Gojoten Shrine
3.Kiyomizu Kannaon-do Temple
4. Bentendo Temple ค่ะ
>> การเดินทางไปวัด Sensoji <<
- นั่งรถไฟสาย Yamanote ไปลงสถานี JR Ueno แล้วต่อ Subway สาย Tokyo Metro Ginza Line นั่งไป 1 สถานีลงที่ Asakusa ทางออก 3 ค่าโดยสาร 160 เยน
- รถไฟใต้ดินของ Toei Asakusa line ทางออก A4 และ A5
เปิดเวลา
- ศาลาวัด 6:00 – 17:00 และในเดือนตุลาคม – มีนาคมเปิด 6:30 – 17:00
- บริเวณวัดเปิดตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
🍁🍁🍁🍁🍁🍁
วัดเซ็นโซจิ (Sensoji) เป็นวัดพุทธที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม วัดนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว เมื่อเดินทางมาวัดเซ็นโซจิ จะเจอกับซุ้มประตูสีแดง มียักษ์เฝ้าประตูทั้ง 2 ฝั่งและที่เป็นจุดเด่นคือมีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่แขวนไว้บนซุ้มประตู ประตูนี้เรียกว่า Kaminarimon หรือ Thunder Gate เป็นประตูทางเข้าวัดค่ะ
พอเดินเข้าซุ้มประตูมา จะเจอถนนนากามิเซะ (Nakamise dori) เป็นถนนที่มีขนมขาย ของฝาก ของที่ระลึกต่างๆค่ะ ร้านค้าก็จะมียาวจนไปถึงวัดเซ็นโซจิเลย
ถนนสายนี้เราได้แวะลองทาน ซาลาเปาทอดร้านชื่อดังอีกร้านหนึ่งของถนนสายนี้ เราเลือกรสชาเขียว ส่วนแฟนเลือกรสฟักทอง รสชาดโอเคค่ะ อร่อยดีแต่ก็ไม่ถึงกับ ว้าวว..นะ ความรู้สึกเรา 2 ชิ้นนี้เราจ่ายไป 340 yen ค่ะ ^^
ปล. ซื้อของกินที่ถนนสายนี้ อย่าเดินทานนะคะ ถือว่าเป็นกฎของถนนสายนี้เลย เพราะกลัวถนนเลอะ เราอ่านข้อมูลมาอีกทีนะคะ
คนที่มาวัดนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการกวักความธูปเข้าหาตัว โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า คือการกวักความโชคดีเข้าหาตัว เรา 2 คนจึงไม่รีรอที่จะกวัวควันธูป เข้าหัว เข้าตัว และเข้ากระเป๋าตังค์แบบ รัวๆๆๆๆ เลยคร้าาาาาาาา
หลังจากกวักควันธูปพอกรุบกริบแล้ว เราก็เดินออกมาเสี่ยงเซียมซีของชาวญี่ปุ่นกัน การเสี่ยงเซียมเซี่งซีของบ้านเขา เราก็เขย่าๆกล่องเหล็กที่เขาวางอยู่ให้ไม้ล่วงออกมาจากนั้นก็เอาอักษรตรงไม้ไปเทียบกับอักษรหน้ากล่องเซียมซี แล้วก็หยอกเหรียญ 100 Yenลงไปเพื่อนำใบเซียมซีมาอ่านค่ะ ถ้าอ่านแล้วดีเราก็เก็บมา ถ้าไม่มีเขาก็จะมีที่ผูกไว้.... แต่พอดีเราสองคนได้ดีกับดีเยี่ยม เราเลยสาธุแบบรัวๆๆ ไปเลยจ้า ^^
บรรยากาศภายในร้านก็น่ารักดีค่ะ ตามแบบชาวญี่ปุ่น เป็นร้านเล็กๆไม่ใหญ่มาก
- เมนูที่เราสั่ง -
เรือที่จะนั่งไป Odaiba แบบนี้ค่ะ
อ่อ ใกล้ๆ สถานี Asakusa จะมีแลนด์มาร์กที่คนไปถ่ายรูปเยอะๆก็คือ ตึกฟองเบียร์ กับ Tokyo Skytree ที่เป็นวิวสวยๆตรงนี้ค่ะ เรา 2 คนเดินไปถ่ายริมแม่น้ำสุมิดะ ก็จะได้เป็นวิวนี้มาจ้า
หลังจากที่เรากลับที่พักไปชาจต์แบตเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเตรียมตัวไปเกาะ Odaiba กันค่ะ
การเดินทางก็ตามนี้นะคะ
นั่งรถไฟ JR Yamanote จากอุเอโนะ ไปลง ชิมบาชิ ค่าโดยสาร 160 yen สำหรับคนที่ไม่มี JR pass ค่ะ ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 11 นาที
และพอเรามาถึงสถานี Shimbashi เราก็เดินไปที่ ที่สถานี Shimbashi ของรถไฟ Yurikamome ตามรูปเลยค่ะ
พอมาถึงสถานีก็จะมีป้ายบอกทาง เพื่อจะไปซื้อตั๋วของรถไฟ Yurikamome แล้วเราก็เดินตามป้ายมาเรื่อยๆ จนถึงที่ซื้อตั๋วของรถไฟ Yurikamome
ปล. รถไฟ Yurikamome เป็นรถไฟไม่มีคนขับนะค่ะ การซื้อตั๋วก็ซื้อจากตู้อัตโนมัติได้เลย
เรา 2 คน ซื้อตั๋วแบบ One day Pass ค่ะ ดังนั้นเราก็จะเลือก แบบ 820 Yen แล้ว ยอดเงินไป 820 เยน ก็จะได้บัตรแบบ one day pass มา บัตรนี้จะขึ้นลงกี่สถานีก็ได้ค่ะไม่จำกัด แต่ถ้าเพื่อนมีแผนจะไปไม่กี่สถานีก็เลย ลงเฉพาะสถานีที่อยากไปก็ได้จ้ะ ราคาของแต่ละสถานีก็จะมีบอกอยู่บนตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติค่ะ แล้วก็ลองๆบวก ขาไป - ขากลับดู ว่าเราควรจะซื้อแบบ one day pass ไปจะคุ้มกว่าหรือป่าวว
เราได้ตั๋วแบบ One day pass มาแล้ว เตรียมตะลุยเกาะ โอไดบะกันเล้ยยย