ขอคืนภาษี 1.4 ล้านกว่าบาทในนามบริษัท หลังจดทะเบียนเลิกบริษัท เมื่อเดือน พ.ย. 2556
ผ่านไป 7 เดือน สรรพากรถึงจะมีหนังสือมาขอเอกสารไปตรวจสอบ ก็๋เอาเอกสารตามที่สรรพากรร้องขอมาไปส่งมอบ พร้อมทั้งให้การ ตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ตามที่เค้าถาม จากนั้น สรรพากรก็ให้รอ
เราก็รอ ร้อ รอ รอแล้วรอเล่า เผ้าแต่รอ โทรไปถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้ ก็บอกว่าต้องรอคิวก่อน หรือไม่ก็บอกว่าเพิ่งเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ใหม่ ก็รอไปอีก
จนเมื่อ 3 เดือนก่อน ร่างหนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชา แล้วเอาหนังสือนี้ถือไปหาเจ้าหน้าที่สรรพากรว่าถ้าคุณไม่เริ่มตรวจ ทางเราจะส่งหนังสือนี้ไปยังเจ้านายคุณแล้วนะ เค้าถึงยอมรับปากว่าจะเริ่มทำให้ แต่ขอเวลาอีก 2 เดือน ถึงจะเริ่ม ก็โอเค
มาตอนนี้ โอเค เริ่มแล้ว แต่ต้องโทรไปหาเพื่อเตือนนะ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ขยับอีก
พอขยับตัว ก็ขอเอกสารชุดเดิมกับที่เคยเอาไปส่งให้เมื่อปีกว่าโน้น แล้วก็ถามคำถามชุดเดิมกับคำถามที่เคยให้ปากคำไว้แล้ว มีบันทึกคำให้การเป็นหลักฐานไว้แล้ว แต่ไม่อ่านไม่ดู ว่าเราเคยส่งเอกสารอะไร เคยตอบคำถามอะไรไปแล้วมั่ง ในคำให้การเดิม ก็มีเจ้าหน้าที่คนเดียวกันนี้แหละ เป็นคนลงชื่อรับทราบเอง
แล้วพอคุยๆ ไป ก็จะขู่ให้เราสละสิทธิ์ขอคืนภาษีมั่งล่ะ ขู่ว่าถ้าตรวจไป อาจจะต้องเสียภาษีมากกว่าที่ขอคืนมั่งล่ะ เราก็บอกไปว่า "Nothing to lose" ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นครบถ้วนแล้ว บริษัทประกอบกิจการขาดทุน ไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ยึด ถึงประเมินภาษีเพิ่มมา ก็ไม่มีอะไรให้ยึด ผู้ชำระบัญชีก็ไม่มีความรับผิดชอบส่วนตัวในหนี้ภาษีอากรของบริษัท แต่จะมีแต่ภาษีที่รอจะขอคืนจากสรรพากรนี่แหละ คุณก็รีบๆ ตรวจ จะได้รู้ว่าจะต้องเสียเพิ่ม หรือได้คืน
แต่ก็ไม่วาย ขู่แล้วขู่อีกอยู่นั่นแหละ จะให้สละสิทธิ์ให้ได้
เฮ้อ ตอนนี้ก็เลยกะว่าจะขอดอกเบี้ยตามมาตรา 4 ทศ ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับ 161 ที่ให้คิดดอกเบี้ยให้ผู้ขอคืนภาษีในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเท่ากับปีละ 12% นับแต่พ้น 3 เดือนนับจากวันที่ยื่นคำร้องมาจนถึงตอนนี้ ดอกเบี้ยสะสมก็ประมาณ 3 แสนกว่าแล้ว แล้วดอกเบี้ยยังเดินอยู่ที่เดือนละ 1.4 หมื่นบาท
เอ้า อยากทำช้าก็เชิญ ถ้าจบเรื่อง มีหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีมาปุ๊บ จะรีบทำคำอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองเพื่อขอตัวดอกเบี้ยทั้งหมดเลย
ขอคืนภาษีกับสรรพากรตั้งแต่ พ.ย. 56 ผ่านมาครบ 2 ปี ยังไม่มีความคืบหน้า
ผ่านไป 7 เดือน สรรพากรถึงจะมีหนังสือมาขอเอกสารไปตรวจสอบ ก็๋เอาเอกสารตามที่สรรพากรร้องขอมาไปส่งมอบ พร้อมทั้งให้การ ตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ตามที่เค้าถาม จากนั้น สรรพากรก็ให้รอ
เราก็รอ ร้อ รอ รอแล้วรอเล่า เผ้าแต่รอ โทรไปถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้ ก็บอกว่าต้องรอคิวก่อน หรือไม่ก็บอกว่าเพิ่งเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ใหม่ ก็รอไปอีก
จนเมื่อ 3 เดือนก่อน ร่างหนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชา แล้วเอาหนังสือนี้ถือไปหาเจ้าหน้าที่สรรพากรว่าถ้าคุณไม่เริ่มตรวจ ทางเราจะส่งหนังสือนี้ไปยังเจ้านายคุณแล้วนะ เค้าถึงยอมรับปากว่าจะเริ่มทำให้ แต่ขอเวลาอีก 2 เดือน ถึงจะเริ่ม ก็โอเค
มาตอนนี้ โอเค เริ่มแล้ว แต่ต้องโทรไปหาเพื่อเตือนนะ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ขยับอีก
พอขยับตัว ก็ขอเอกสารชุดเดิมกับที่เคยเอาไปส่งให้เมื่อปีกว่าโน้น แล้วก็ถามคำถามชุดเดิมกับคำถามที่เคยให้ปากคำไว้แล้ว มีบันทึกคำให้การเป็นหลักฐานไว้แล้ว แต่ไม่อ่านไม่ดู ว่าเราเคยส่งเอกสารอะไร เคยตอบคำถามอะไรไปแล้วมั่ง ในคำให้การเดิม ก็มีเจ้าหน้าที่คนเดียวกันนี้แหละ เป็นคนลงชื่อรับทราบเอง
แล้วพอคุยๆ ไป ก็จะขู่ให้เราสละสิทธิ์ขอคืนภาษีมั่งล่ะ ขู่ว่าถ้าตรวจไป อาจจะต้องเสียภาษีมากกว่าที่ขอคืนมั่งล่ะ เราก็บอกไปว่า "Nothing to lose" ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นครบถ้วนแล้ว บริษัทประกอบกิจการขาดทุน ไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ยึด ถึงประเมินภาษีเพิ่มมา ก็ไม่มีอะไรให้ยึด ผู้ชำระบัญชีก็ไม่มีความรับผิดชอบส่วนตัวในหนี้ภาษีอากรของบริษัท แต่จะมีแต่ภาษีที่รอจะขอคืนจากสรรพากรนี่แหละ คุณก็รีบๆ ตรวจ จะได้รู้ว่าจะต้องเสียเพิ่ม หรือได้คืน
แต่ก็ไม่วาย ขู่แล้วขู่อีกอยู่นั่นแหละ จะให้สละสิทธิ์ให้ได้
เฮ้อ ตอนนี้ก็เลยกะว่าจะขอดอกเบี้ยตามมาตรา 4 ทศ ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับ 161 ที่ให้คิดดอกเบี้ยให้ผู้ขอคืนภาษีในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเท่ากับปีละ 12% นับแต่พ้น 3 เดือนนับจากวันที่ยื่นคำร้องมาจนถึงตอนนี้ ดอกเบี้ยสะสมก็ประมาณ 3 แสนกว่าแล้ว แล้วดอกเบี้ยยังเดินอยู่ที่เดือนละ 1.4 หมื่นบาท
เอ้า อยากทำช้าก็เชิญ ถ้าจบเรื่อง มีหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีมาปุ๊บ จะรีบทำคำอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองเพื่อขอตัวดอกเบี้ยทั้งหมดเลย