ในสังคมไทยมักจะพูดกันว่า “ไม่เลื่อมใสก็อย่าดูหมิ่น” เพราะมีปรากฏการณ์ต่างๆ ที่บังเกิดขึ้นโดยไม่สามารถพิสูจน์สัมผัส หรือหาคำตอบกับความบังเอิญต่างๆ ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ นั่นเอง โดยเฉพาะกับการดำเนินการก่อสร้างและประกอบพิธีการต่างๆ จะเห็นได้ว่า ในทุกช่วงงานผูกพันอยู่กับลัทธิของความเชื่อถือในมุมของไสย์ศาสตร์ ที่มาจากศาสนาพราหรมณ์เป็นหลัก และศาสนาพุทธ์เป็นส่วนประกอบในพิธีการ ส่วนความพยายามที่เป็นเจตนารมณ์ของการสร้าง ก็คือความจงใจที่จะเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ ของไทยทั้งเจ็ดพระองค์ (ราชภักดิ์) จากประชากรยุคปัจจุบัน ถูกใหมครับ
ความเข้าใจถึง “ไสย์ศาสตร์” เป็นกรณีที่มักจะถูกมองในแง่ของ ความเชื่อถือ โดยน้อยคนนักที่จะมีความเข้าใจลึกซึ้งหรือแท้จริงกับสิ่งเหล่านี้ เคยมีใครเคยตั้งคำถามกันใหมว่า ด้วยเหตุใดที่ราชดำเนินถึงได้มี พระเทพเทวดาต่างๆ ในลัทธิเดียวกันแต่ไม่ได้สร้างบูชาให้อยู่ในระดับแนวแถวเดียวกันได้ อันก็เช่นเดียวกับ พระมหากษัตริย์ทั้ง เจ็ด พระองค์ ที่มีความแตกต่างระหว่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในองค์พระราชหฤทัย และพระราชกรณีย์กิจเพื่อแผ่นดิน อันมิบังควรที่จะนำมาเป็นที่เคารพบูชาเสมอเหมือนแถวทหาร โดยไม่ต้องมีความรู้ลึกซึ้งในไสย์ศาสตร์ ก็สามารถทดสอบความมิบังควรได้ด้วยตนเอง
คือเอารูปด้านหน้าของ องค์พระมหากษัติย์ทั้งเจ็ดพระองค์มาวางตรงหน้า พยายามตั้งสติให้ปลอดความคิด และมองแต่ละพระองศ์ และเก็บความรู้สึกที่บังเกิดขึ้น หลังจากนี้พยายามมองภาพรวมอีกครั้ง สิ่งที่บังเกิดขึ้นในความคิดของตัวเอง อันนี้แหละคือ อาถรรพ์ ของ อุทยามราชภักดิ์ หรือจะทดลองอีกรอบได้จากลิงค์ที่แนบมา ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=QgtRLZRRjJU
บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้ายังมีชีวิตอยู่เขาสามารถที่จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของชีวิตความเป็นอยู่ที่เริ่มจาก พิธีเปิดกับก่อนหน้านี้ไม่มากก็น้อย รวมถึงผู้ที่ได้ไปบูชากราบไหว้ที่อุทยานราชภักดิ์ทั้งหลาย คำถามว่า เพราะเหตุใด ก็คงหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ หรือสถานะการณ์ทางการเมืองไม่ได้ สำหรับข้อครรหา ถึงการถูกดำเนินคดี ๑๑๒ ที่บังเอิญพากพิงถึงกรณีส่อทุจจริต ฯลฯ อาจมองได้ว่า เป็นเหตุบังเอิญ แต่ถ้าทดลองรำดับเหตุการณ์ ก็จะเห็นว่า ไม่เคยมีเหตุบังเอิญใดๆ ที่มีผลกระทบกับ บุคคลากรทั้งหลาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ครับ
ปรากฏการณ์ครั้งแรก ที่บังเกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่สามารถใช้สิทธิอำนาจของมนุษย์เดินดินเข้ายับยั้งอาถรรพ์นี้ได้ ทั้งนี้และทั้งนั้น มิใช่การสร้างภาพให้ร้ายต่อใครผู้ใดทั้งสิ้น แต่เป็นเพียงการแสดงมุมมองกับเหตุการณ์ผิดปรกติต่างๆ ที่บังเกิดขึ้นและจะตามต่ออย่างหาข้อยุติไม่ได้ ฉนั้นสมควรให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าความผิดปรกติที่เป็นความจริงเหล่านี้ขึ้นมา เกิดจากความเข้าใจไม่ลึกซึ้งของคนยุคใหม่กับความลึกลับของ อาถรรพ์ ชนิดหนึ่งที่มีมาช้านานในสังคมมนุษย์ และถ้านึกได้ ว่ามิใช่เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ผลกระทบอาจครอบคุมกับทั้งประเทศได้ โดยเฉพาะกับผู้เลื่อมสัย ที่เข้าไปกราบไหว้บูชา ฯลฯ ในอุทยานฯ ก็สมควรปรึกษาผู้รู้ “ไสย์ศาสตร์” หรือ “ประวัติศาสตร์” อาจทราบถึง ที่มาของอาถรรพ์ และความจำเป็นถึงการแก้อาถรรพ์จากหนักเป็นเบาเหล่านี้ได้ ครับ
ผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง คือผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่โลภในผล ประโยชน์ส่วนบุคคล หรือมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในตัว อันเป็นเสมือนกับการต่อสู้กับสัตรูที่มาโดยการรู้เท่ามิถึงการ และแถมยังสัมผัสจับต้องมิได้ หรือที่เรียกว่า “สู้กับอาถรรพ์” นั่นเอง การครอบครอง แฝงห้อยหรือบูชา เครื่องรางของขลังและพระเครื่องต่างๆ ก็เพื่อเป็นศิริมงคล คงไม่มีใครใช่ใหมที่เพื่อเป็นโทษหรือพิษภัยให้กับตัวเอง และถึงแม้ว่าจะตัดเอาความเชื่อถือเรื่อง อาถรรพ์ ออกไปมองแต่ในแง่ของความเป็นจริงของหลักวิทยาศาสตร์ ตราบใดที่กรณี อุทยานฯ ยังไม่มีความโปร่งสัยปรากฎ ไม่เพียงเป็นมุมมัวหมองต่ออุทยานฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นการบั่นทอนความชอบธรรมในการอ้างใช้สิทธิอำนาจอธิปไตยของปวงชนทั้งหลายพร้อมกันไปโดยปริยายอีกด้วย ครับ
อาถรรพ์ อุทยานราชภักดิ์
ความเข้าใจถึง “ไสย์ศาสตร์” เป็นกรณีที่มักจะถูกมองในแง่ของ ความเชื่อถือ โดยน้อยคนนักที่จะมีความเข้าใจลึกซึ้งหรือแท้จริงกับสิ่งเหล่านี้ เคยมีใครเคยตั้งคำถามกันใหมว่า ด้วยเหตุใดที่ราชดำเนินถึงได้มี พระเทพเทวดาต่างๆ ในลัทธิเดียวกันแต่ไม่ได้สร้างบูชาให้อยู่ในระดับแนวแถวเดียวกันได้ อันก็เช่นเดียวกับ พระมหากษัตริย์ทั้ง เจ็ด พระองค์ ที่มีความแตกต่างระหว่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในองค์พระราชหฤทัย และพระราชกรณีย์กิจเพื่อแผ่นดิน อันมิบังควรที่จะนำมาเป็นที่เคารพบูชาเสมอเหมือนแถวทหาร โดยไม่ต้องมีความรู้ลึกซึ้งในไสย์ศาสตร์ ก็สามารถทดสอบความมิบังควรได้ด้วยตนเอง
คือเอารูปด้านหน้าของ องค์พระมหากษัติย์ทั้งเจ็ดพระองค์มาวางตรงหน้า พยายามตั้งสติให้ปลอดความคิด และมองแต่ละพระองศ์ และเก็บความรู้สึกที่บังเกิดขึ้น หลังจากนี้พยายามมองภาพรวมอีกครั้ง สิ่งที่บังเกิดขึ้นในความคิดของตัวเอง อันนี้แหละคือ อาถรรพ์ ของ อุทยามราชภักดิ์ หรือจะทดลองอีกรอบได้จากลิงค์ที่แนบมา ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=QgtRLZRRjJU
บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้ายังมีชีวิตอยู่เขาสามารถที่จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของชีวิตความเป็นอยู่ที่เริ่มจาก พิธีเปิดกับก่อนหน้านี้ไม่มากก็น้อย รวมถึงผู้ที่ได้ไปบูชากราบไหว้ที่อุทยานราชภักดิ์ทั้งหลาย คำถามว่า เพราะเหตุใด ก็คงหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ หรือสถานะการณ์ทางการเมืองไม่ได้ สำหรับข้อครรหา ถึงการถูกดำเนินคดี ๑๑๒ ที่บังเอิญพากพิงถึงกรณีส่อทุจจริต ฯลฯ อาจมองได้ว่า เป็นเหตุบังเอิญ แต่ถ้าทดลองรำดับเหตุการณ์ ก็จะเห็นว่า ไม่เคยมีเหตุบังเอิญใดๆ ที่มีผลกระทบกับ บุคคลากรทั้งหลาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ครับ
ปรากฏการณ์ครั้งแรก ที่บังเกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่สามารถใช้สิทธิอำนาจของมนุษย์เดินดินเข้ายับยั้งอาถรรพ์นี้ได้ ทั้งนี้และทั้งนั้น มิใช่การสร้างภาพให้ร้ายต่อใครผู้ใดทั้งสิ้น แต่เป็นเพียงการแสดงมุมมองกับเหตุการณ์ผิดปรกติต่างๆ ที่บังเกิดขึ้นและจะตามต่ออย่างหาข้อยุติไม่ได้ ฉนั้นสมควรให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าความผิดปรกติที่เป็นความจริงเหล่านี้ขึ้นมา เกิดจากความเข้าใจไม่ลึกซึ้งของคนยุคใหม่กับความลึกลับของ อาถรรพ์ ชนิดหนึ่งที่มีมาช้านานในสังคมมนุษย์ และถ้านึกได้ ว่ามิใช่เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ผลกระทบอาจครอบคุมกับทั้งประเทศได้ โดยเฉพาะกับผู้เลื่อมสัย ที่เข้าไปกราบไหว้บูชา ฯลฯ ในอุทยานฯ ก็สมควรปรึกษาผู้รู้ “ไสย์ศาสตร์” หรือ “ประวัติศาสตร์” อาจทราบถึง ที่มาของอาถรรพ์ และความจำเป็นถึงการแก้อาถรรพ์จากหนักเป็นเบาเหล่านี้ได้ ครับ
ผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง คือผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่โลภในผล ประโยชน์ส่วนบุคคล หรือมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในตัว อันเป็นเสมือนกับการต่อสู้กับสัตรูที่มาโดยการรู้เท่ามิถึงการ และแถมยังสัมผัสจับต้องมิได้ หรือที่เรียกว่า “สู้กับอาถรรพ์” นั่นเอง การครอบครอง แฝงห้อยหรือบูชา เครื่องรางของขลังและพระเครื่องต่างๆ ก็เพื่อเป็นศิริมงคล คงไม่มีใครใช่ใหมที่เพื่อเป็นโทษหรือพิษภัยให้กับตัวเอง และถึงแม้ว่าจะตัดเอาความเชื่อถือเรื่อง อาถรรพ์ ออกไปมองแต่ในแง่ของความเป็นจริงของหลักวิทยาศาสตร์ ตราบใดที่กรณี อุทยานฯ ยังไม่มีความโปร่งสัยปรากฎ ไม่เพียงเป็นมุมมัวหมองต่ออุทยานฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นการบั่นทอนความชอบธรรมในการอ้างใช้สิทธิอำนาจอธิปไตยของปวงชนทั้งหลายพร้อมกันไปโดยปริยายอีกด้วย ครับ