อีก 10 ซีซั่นก็ไม่พอ ความในใจของคนทำ "ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น"

กระทู้ข่าว
เพราะ "ซีซั่นนี้เป็นซีซั่นสุดท้าย ความยากเลยมีมากกว่าซีซั่นที่แล้ว" ผู้กำกับ ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร เปิดใจถึง "ฮอร์โมนส์ 3 เดอะ ไฟนอล ซีซั่น"

งานที่เขาว่ายากตั้งแต่ตอนเขียนบท-เพราะไหนๆ จะทิ้งท้าย ทุกคนเลยใส่เกินร้อย

จากการเรียนรู้ในซีซั่นแรก รู้มากขึ้นอีกในซีซั่น 2 มาถึงซีซั่นนี้พวกเขาจึงพยายามอุดทุกรอยรั่วที่เคยมีมาตอนเขียนบท



รวมถึงละเอียดไปทุกสิ่งในขั้นตอนถ่ายทำ

นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลที่หันไปทางไหนก็ได้ยินเสียงตอบรับที่ดี

ฟังอย่างนี้แล้วเขาก็ยิ้ม ก่อนว่า "ทุกซีนที่ถ่าย ไม่มีซีนไหนเลยที่จะเป็นซีนผ่านๆ มันเลยทำให้ทุกซีนเข้มข้น และเรื่องเดินหน้าตลอดเวลา"

"บางซีนของปีที่แล้ว ถ่ายซีนละครึ่งชั่วโมงได้ ปีนี้แทบไม่มีซีนแบบนั้น ทุกซีนใช้เวลาปั้นนานมาก"

บางซีนมากขนาดใช้เวลาครึ่งวัน

"มันเลยค่อนข้างโหด"

โหดทั้งเชิงโปรดักชั่น โหดทั้งการแสดง เพราะนักแสดงซึ่งครั้งนี้เปลี่ยนเซตใหม่เกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่ไม่เคยเล่นอะไรมาก่อน จึงต้องมีการเคี่ยวให้เข้าที่


ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร

"บางคนบอกผมดุขึ้นเยอะเลย ปีที่แล้วใจดี ดูชิล..ชิลกว่า" เขาว่าพลางหัวเราะ

ก่อนบอก "ปีที่แล้วผมได้บทเรียนเยอะมาก ว่าเวลาเราประนีประนอมหรือปล่อยอะไรไป สุดท้ายเราเองก็ไม่ได้ชอบในสิ่งที่ออกมา เลยเข้าใจว่าทำไมพี่ ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์ โปรดิวเซอร์) ถึงโหดมาก"

"เพราะเราจะได้สิ่งที่ดีที่สุด"

ขณะเดียวกัน ตอนเข้ามากำกับในซีซั่น 2 เขาซึ่งไม่เคยทำงานนี้ก่อนอาจอ้างได้ว่า เป็นเพราะ "ใหม่"

"แต่ปีนี้คงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้"

ครั้งนี้เขาจึงทำการบ้านบนกระดาษอย่างดี ก่อนที่จะลั่นกล้อง

"เราปรับทุกอย่างใหม่ ดูการเคลื่อนไหวของตัวละคร ทำอย่างไรให้ดูธรรมชาติมากขึ้น แล้วต้องเข้าใจทุกอิริยาบถของเขา ไม่ว่าจะหันซ้ายหันขวา ไม่เกิดคำถามว่าทำไมเขาทำแบบนี้"

ขณะเดียวกันยังวาดสิ่งที่ต้องการให้คนดูเห็นลงกระดาษ ให้ทีมงานรับทราบตรงกัน

"ว่าผมอยากได้กล้องตัวไหนบ้าง ตัวละครเดินตรงไหน"

ผลที่เห็นชัดจากการนั้นคือ ที่ถ่ายมาไม่มีคิวไหนที่เขาไม่ชอบ

ส่วนกับนักแสดงที่สดใหม่ใสกิ๊ง "เด็กพวกนี้ต้องดังแน่" ปิงมั่นใจ

ด้วยแม้จะยังไม่เก่ง 100% แต่ทุกคนก็มีเสน่ห์ของตัวเองและมีวินัยดี

ส่วนเรื่องเนื้อหาที่มีคนคาดหวังว่าควรจะต้องแซ่บขึ้น ปิงยิ้มนิดๆ ก่อนบอก "คนดูอาจคาดหวังความหวือหวามากขึ้น"

แต่ "มันไม่ใช่ทิศทางที่เราถนัด"



"ที่เราต้องการจะทำที่สุดคือเรายังเล่าเรื่องเดิมอยู่ เล่าเรื่องวัยรุ่น การทำสิ่งผิดพลาดของวัยรุ่น การตัดสินใจที่วัยรุ่นจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง เพราะฉะนั้นตัวละครทุกตัวจะมีความแสบของตัวเอง อาจจะมีรูปแบบเปลี่ยนไปบ้าง คือผมรู้สึกเหมือนกันว่าในช่วงแรกอาจจะรู้สึกว่าเป็นฮอร์โมนส์แบบใหม่ที่คนดูไม่คุ้นเคย เมื่อดูไปลึกๆ จะรู้สึกว่านี่คือฮอร์โมนส์อยู่ดี"

สำหรับสิ่งที่เห็นในจอ เขาก็ว่า "ยังน้อยไปมากๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่วัยรุ่นเจอ"

"มีอะไรอีกเยอะมากที่เราไม่ได้เล่า บางเรื่องคุยกันบนโต๊ะแล้วรู้สึกว่าพูดไม่ได้ พูดแล้วสังคมอาจจะยังไม่พร้อมฟัง เพราะเราเห็นจากฟีดแบ๊กของซีซั่น 1 และ 2 ว่ามันมีขีด มีเส้นศีลธรรมที่มันหมิ่นเหม่"

และถ้าทำออกมาไม่ดี บางทีอาจเกิดผลเสียมากกว่า

"เพราะฉะนั้นความจริงแล้ววัยรุ่นยังมีอะไรอีกเยอะมาก ต่อให้ทำไปอีก 10 ซีซั่นก็ไม่เข้าใจหมด"

บอกอีกว่า ดูเผินๆ ซีรีส์เรื่องนี้อาจดูเหมือนซีรีส์วัยรุ่นทั่วไป

แต่จริงๆ ไม่ใช่

"ทุกคนพยายามทำอะไรที่มันมากกว่า กำลังพยายามคุยกับวัยรุ่นผ่านซีรีส์ พยายามบอกว่าการเติบโตมันเจ็บปวด แต่มันก็สนุกมาก มีอะไรให้เรียนรู้เยอะมาก"

"เป็นงานที่ทำแล้วใจเต้นแรง ไม่ใช่ทำซีรีส์ที่ดูหัวเราะหรือร้องไห้ แต่เรากำลังทำซีรีส์ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตคนบางคนได้ ถ้าเราทำถูกจุด"

"เด็กบางคนบอกดูตอนนี้นี่เหมือนชีวิตเราเลย ดูแล้วเข้าใจว่าชีวิตเป็นแบบนี้เพราะอะไร ดูแล้วตัดสินใจบางอย่างอย่างในชีวิตได้"

"แบบนี้มันมีค่ากว่าเรตติ้งที่ดี"

เพราะ "มันทำให้คนดูเติบโตไปด้วยกัน" อย่างที่ทีมงานทุกคนตั้งใจ




ที่มา : นสพ.มติชน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่