สวัสดีค่ะ
เราคบกับแฟนมา 4 ปีกว่าจะ 5 ปีละค่ะ ก็เริ่มคุยกันเรื่องอนาคตบ้าง เคยคุยกันไว้ว่าจะไม่แต่งงานนะ แต่อาจจะมีผูกข้อมือ กินข้าวกันในครอบครัวกับเพื่อนสนิท ที่คุยกันไว้คือจะช่วยกันทำงานเก็บเงิน ไปซื้อที่อยู่บ้านเราต่างจังหวัดทางเหนือทำไร่ทำสวนตามประสา เพราะเราก็ไม่ชอบชีวิตในกทม.เท่าไหร่เค้าก็เหมือนกัน
วันนี้เพิ่งคุยกันไป เรื่องเรียนต่อป.เอกของเรา
เรา : ที่ทำงานให้ทุนเรียนนะ แต่ก็ไม่ 100% หรอก ยังไงก็ต้องออกเองด้วย
เค้า : รอดูก่อน แล้วมาวางแผนกันอีกที
เรา : เมื่อไหร่จะมีตังค์เก็บไปซื้อที่ล่ะ เก็บ ๆ ไว้ก็ต้องเอาไปจ่ายค่าเทอมอีก (ตอนเรียนโทเราเก็บเงินกันเองค่ะ ตอนแรกก็ช่วยกันเก็บว่าจะกลับไปอยู่ต่างจังหวัด แต่ด้วยหน้าที่การงานเลยตกลงกันว่าลงเรียนก่อนละกัน)
เค้า : เอาน่า พอเข้าที่แล้วค่อยเก็บ แบ่งเก็บเป็นสองส่วนก็ได้
เรา : ใครเก็บ?
เค้า : เธอไง
เรา : (เริ่มหงุดหงิด) ไม่เก็บอ่ะ แล้วเธอล่ะ ไปเรียนโทสิ ไปเรียนเลย
เค้า : ไม่เรียน ของเค้าไม่จำเป็น
เรา : จำเป็นสิ ไปเรียนโท ไปหางานใหม่จะได้ได้เงินเดือนเยอะ ๆ มีเงินเก็บไว ๆ
เค้า : ไปเรียนตรีการเกษตรดีกว่า หรือว่าประมงดี (เค้าจบตรีคอม)
เรา : (หงุดหงิดระดับ 2) เอาเหอะ เอาที่สบายใจเลย แล้วแต่ละกัน ไปทำงานเหอะ
เราอยากให้เค้าเรียนต่อค่ะ หรือไม่ก็หางานใหม่ที่ได้เงินเยอะกว่านี้ จะได้มีเงินเก็บกันเร็ว ๆ แต่ดูเค้าจะไม่สนใจเท่าไหร่ คุยกันกี่ครั้งเค้าก็บอกจะเรียนทำไม หางานใหม่ทำไมยังไงก็ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดอยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่าทำไมจะต้องเป็นเราคนเดียวที่พยายามหางานที่ได้เงินเยอะ ๆ รับจ๊อบข้างนอกหาเงินเพิ่มเพื่อที่จะได้มีเงินเก็บไว ๆ แล้วเค้าล่ะ? ทำอะไรอยู่? เคยคิดจะทำอะไรเพื่อให้ชีวิตเป็นไปตามที่เราวางแผนกันไว้บ้างมั้ย?
เรารักเค้านะคะ เป็นคนแรกที่คิดเรื่องอนาคต คิดว่าเค้าจะเป็นคนสุดท้ายที่ใช้ชีวิตไปด้วยกันจนแก่ ส่วนดีเค้ามีมาก มีแต่เรื่องนี้แหละค่ะ คุยกันเรื่องนี้ทีไรก็ทำให้เราหงุดหงิดได้ทุกที
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ
เคยมั้ยคะ? คบกับแฟน คุยเรื่องอนาคตกัน แต่เรากลับรู้สึกว่าเป็นเราเองที่ต้องพยายามทำอะไรทุกอย่าง
เราคบกับแฟนมา 4 ปีกว่าจะ 5 ปีละค่ะ ก็เริ่มคุยกันเรื่องอนาคตบ้าง เคยคุยกันไว้ว่าจะไม่แต่งงานนะ แต่อาจจะมีผูกข้อมือ กินข้าวกันในครอบครัวกับเพื่อนสนิท ที่คุยกันไว้คือจะช่วยกันทำงานเก็บเงิน ไปซื้อที่อยู่บ้านเราต่างจังหวัดทางเหนือทำไร่ทำสวนตามประสา เพราะเราก็ไม่ชอบชีวิตในกทม.เท่าไหร่เค้าก็เหมือนกัน
วันนี้เพิ่งคุยกันไป เรื่องเรียนต่อป.เอกของเรา
เรา : ที่ทำงานให้ทุนเรียนนะ แต่ก็ไม่ 100% หรอก ยังไงก็ต้องออกเองด้วย
เค้า : รอดูก่อน แล้วมาวางแผนกันอีกที
เรา : เมื่อไหร่จะมีตังค์เก็บไปซื้อที่ล่ะ เก็บ ๆ ไว้ก็ต้องเอาไปจ่ายค่าเทอมอีก (ตอนเรียนโทเราเก็บเงินกันเองค่ะ ตอนแรกก็ช่วยกันเก็บว่าจะกลับไปอยู่ต่างจังหวัด แต่ด้วยหน้าที่การงานเลยตกลงกันว่าลงเรียนก่อนละกัน)
เค้า : เอาน่า พอเข้าที่แล้วค่อยเก็บ แบ่งเก็บเป็นสองส่วนก็ได้
เรา : ใครเก็บ?
เค้า : เธอไง
เรา : (เริ่มหงุดหงิด) ไม่เก็บอ่ะ แล้วเธอล่ะ ไปเรียนโทสิ ไปเรียนเลย
เค้า : ไม่เรียน ของเค้าไม่จำเป็น
เรา : จำเป็นสิ ไปเรียนโท ไปหางานใหม่จะได้ได้เงินเดือนเยอะ ๆ มีเงินเก็บไว ๆ
เค้า : ไปเรียนตรีการเกษตรดีกว่า หรือว่าประมงดี (เค้าจบตรีคอม)
เรา : (หงุดหงิดระดับ 2) เอาเหอะ เอาที่สบายใจเลย แล้วแต่ละกัน ไปทำงานเหอะ
เราอยากให้เค้าเรียนต่อค่ะ หรือไม่ก็หางานใหม่ที่ได้เงินเยอะกว่านี้ จะได้มีเงินเก็บกันเร็ว ๆ แต่ดูเค้าจะไม่สนใจเท่าไหร่ คุยกันกี่ครั้งเค้าก็บอกจะเรียนทำไม หางานใหม่ทำไมยังไงก็ต้องไปอยู่ต่างจังหวัดอยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่าทำไมจะต้องเป็นเราคนเดียวที่พยายามหางานที่ได้เงินเยอะ ๆ รับจ๊อบข้างนอกหาเงินเพิ่มเพื่อที่จะได้มีเงินเก็บไว ๆ แล้วเค้าล่ะ? ทำอะไรอยู่? เคยคิดจะทำอะไรเพื่อให้ชีวิตเป็นไปตามที่เราวางแผนกันไว้บ้างมั้ย?
เรารักเค้านะคะ เป็นคนแรกที่คิดเรื่องอนาคต คิดว่าเค้าจะเป็นคนสุดท้ายที่ใช้ชีวิตไปด้วยกันจนแก่ ส่วนดีเค้ามีมาก มีแต่เรื่องนี้แหละค่ะ คุยกันเรื่องนี้ทีไรก็ทำให้เราหงุดหงิดได้ทุกที
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ