[CR] The Hunger Games : Mockingjay Part II (Spoil) แวะมาพร่ำเพ้อ

Deep in the meadow, under the willow…
A bed of grass, a soft green pillow….
Lay down your head, and close your sleepy eyes…



ฮังเกอร์เกมส์ เป็นหนังเรื่องแรกที่ไปดูคนเดียวและเป็นนิยายภาษาอังกฤษเล่มแรกที่อ่าน เพราะอยากจะทำความเข้าใจด้วยตัวเอง
ไม่อยากจะคล้อยตามไปในสิ่งที่คนแปลเข้าใจ (อ่านเองอาจจะเข้าใจผิดมากกว่า 555) ทั้งๆ ที่ภาษาก็ไม่ได้แข็งแรง
แต่ทันที่ ที่ออกมาจากโรงหนังก็พุ่งตัวไปยัง Asia Book ทันที (แต่ก็ตั้งใจว่าจะอ่านหลังหนังฉายทุกภาค เพราะถ้าอ่านก่อนดูหนังไม่สนุก)

ตอนนั้นมีความรู้สึก ทำไงดี ไม่อยากไปดูหนังคนเดียว แต่ก็อยากดูเรื่องนี้มาก เห็นกระแสมาดี แต่ก็ไม่ได้ชวนใครไปดูด้วย
เพราะมีความรู้สึกว่าอยากไปเลย อยากดูเลย ถ้าชวนคนอื่นมันจะต้องมีหลายเงื่อนไข รอบนี้เราไปไม่ได้ เรื่องนี้เราไม่อยากดู ฯลฯ
ถือเป็นหนังที่เป็นเรื่องราวที่คนเราต้องต่อสู้เพื่ออิสรภาพ เพื่อ Independent (adj) และเราก็ค้นพบความสุขจาก Independent (n)
ของตัวเราเองเหมือนกัน ปลดแอกจากการต้องรอคอยคนอื่นหรือทำอะไรเองไม่ได้ มันอาจจะดูเหมือนเรื่องเล็กๆ กับการไปดูหนังคนเดียว
แต่มันเหมือนความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ เพราะทำให้เราค้นพบว่าการทำอะไรด้วยตัวเองนี่มันน่าภูมิใจและมีความสุขกว่าการมีเพื่อนไปด้วยเยอะ จากนั้นมาการดูหนังคนเดียวกลายเป็นเรื่องที่ชอบทำไปเลย

จากการที่ได้อ่านภาคแรกก็รู้สึกดื่มด่ำและชอบพีต้ามาก ความรักที่พีต้ามีนั้นมันช่างยิ่งใหญ่
เหมือนคำที่เฮมิชพูดไว้ไม่มีผิดว่า “You could live a thousand lifetimes and not deserve him”


เพราะในขณะนั้น แคทนิทไม่ได้รับรู้ถึงความรักความเสียสละในทุกการกระทำที่มีนัยยะของพีต้าเลย
ดูไปดูมานางเอกเหมือนคนโง่ที่มีดีในตัว เอ๊ะ...ยังไง

ความรักที่หนังแสดงออกมาให้เห็นไม่หมด
พีต้า...ที่รักนางเอกตั้งแต่วันแรกที่เห็นนางเอกถักผมเปียสองข้างไปโรงเรียน
พีต้า...ที่ยืนมองนางเอกเดินกลับบ้านจนลับสายตาทุกวัน
พีต้า...ที่ตั้งใจอบขนมปังไหม้เป็นประจำ เพื่อเอาไปโยนให้นางเอกที่ไม่มีอะไรกิน แต่ตัวเองต้องโดนแม่ตี
และยังมาเสียใจว่าควรจะเดินเอาไปให้มากกว่าโยน



หลายๆ คนอาจจะเชียร์เกลเพียงเพราะเกลหล่อกว่า สูงกว่า พีต้าเตี้ย ไม่เหมาะสม
เอาจริงๆ แล้ว เกลและพีต้าก็เป็นคนดีพอๆ กัน เกลอาจจะดูแลแคทนิทได้ดีกว่าด้วยซ้ำ แต่หัวใจที่ทั้งสองคนมีนั้นไม่เหมือนกัน

พีต้า...เป็นคนที่ไม่อยากให้เกมส์มาเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวตนของตัวเอง
เกล...เป็นคนที่ยอมปรับตามเกมส์เพื่อความอยู่รอด

ซึ่งในชีวิตจริง คนเราต้องมีคุณสมบัติทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน  

ภาคที่สอง Catching Fire
ดูเหมือนการร่วมเป็นร่วมตาย และความผูกพันธ์ในสนามรบ ความรักลวงหลอก ก่อตัวขึ้นในชีวิตจริง

ภาคที่สาม Part I & II, Mockingjay สำหรับภาคนี้ทั้งสองอัน เนื้อเรื่องจะไม่ได้โฟกัสไปที่ความรักหรือเกมส์การเอาตัวรอด
หนังไม่ได้ต้องการ การนำเสนอที่เหมือนหนังทั่วไป อาจจะทำให้คอหนัง action หลายคนไม่ถึงใจ เพราะกั๊กฉากบู๊ตลอดเวลา
ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะอยากเห็นแง่มุมด้านอื่นของเรื่องราวนอกจากฉากเลิกบู๊บ้างเหมือนกัน อยากรู้ว่าหลังจากนั้นตัวละครเป็นอย่างไร

Mockingjay ภาคแรก นี่ทำให้เรามองเห็นภาพสังคมแบบมุมมองใหม่ ทำให้เราเกิดข้อข้องใจในสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว
และเริ่มคิดว่า เฮ้ย! ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นเลย แคทนิทโดนหลอกใช้เพื่อความโลภของผู้มีอำนาจ
โดยเลือกเอาจุดอ่อน (พีต้า) มาเป็นตัวบีบบังคับให้ทำตามที่ต้องการ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว แคทนิทมีพื้นฐานครอบครัวยากจน
ฉะนั้นการที่จะคิดการใหญ่หรือเปลี่ยนแปลงโลกเป็นไปได้ยาก เพราะแค่จะหาอาหารกินให้อิ่มแต่ละมื้อยังยาก
แต่เหตุการณ์บีบบังคับให้สู้เพื่อคนในครอบครัว จนไปถึงการเป็นตัวแทน เชิญชวนคนอื่นให้มาเชื่อและอยู่ฝ่ายเดียวกับตัวเอง
ทั้งหมดที่ทำก็ไม่รู้อะไรจริงเท็จ ข้อมูลทุกอย่างมีคนป้อนให้เท่าที่รู้ การจะยอม Capital ก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้
การจะไม่เข้าร่วม District 13 ก็ยากเข้าไปใหญ่ เพราะมีคนที่เรารักเป็นเดิมพัน สะท้อนให้เห็นว่าบางครั้งคนเราก็ไม่มีตัวเลือกมาก
ถ้าจะให้อยู่ฝ่ายตัวร้ายก็อยู่ไม่ได้ การจะมาอยู่อีกฝ่ายที่ตรงข้ามก็ใช่ว่าจะไม่ร้าย แต่มันต้องเลือกข้างเพราะเราไม่มีตัวเลือกที่มากกว่านี้



ภาคนี้จึงให้ความรู้สึกว่านางเอกเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด เป็นไปตามที่ Capital อยากให้เป็น (Capital อยากให้เจ็บปวดจากพีต้า
เพราะคนที่ทำร้ายเราได้ดีที่สุด คือคนที่เรารักมากที่สุด) เป็นหุ่นเชิดของ District 13 ที่ต้องมาเป็น Presenter เพื่อเชิญชวนคนมาร่วมการก่อกบฏ



ทั้งหมดนี้เหมือนเรื่องจริงที่ประเทศเราและโลกกำลังเผชิญไปพร้อมๆ กันทุกหนแห่ง เพราะว่าวิถีการปกครองบ้านเมือง
ทำให้คนบางกลุ่มอยู่สุขสบายร่ำรวยเหมือน Capital สุขสบายจนไม่รู้จะแสดงออกมาทางไหนเพราะมันล้น
จนต้องมาแต่งหน้าแต่งตัวประหลาดจนไม่เหมือนคน เพราะมีจนไม่รู้จะมีอะไรที่แปลกใหม่ได้อีก
ในขณะที่คนอีกกลุ่ม ทำงานหนักมาก ค่าตอบแทนและความเป็นอยู่สวนทางกับแรงงานที่ใช้ไปโดยสิ้นเชิง

มาถึงข้อนี้ทำให้นึกถึงคุณ Jon Jundai ใน Tedtalk https://www.youtube.com/watch?v=21j_OCNLuYg ที่เค้าค้นพบว่า
การใช้ชีวิตในกรุงเทพนั้นผิดปกติ เค้าทำงานหนักมาก ทำไมได้ผลตอบแทนแค่ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม ดูเหมือน Action จะไม่เท่ากับ Reaction เสียแล้ว

จากนั้นก็ทำให้หวนมาคิดถึงคำพูดของพีต้าใน มอคกิ้งเจย์ภาคสองอีก ที่บอกว่า There is no real life in reality because
we don’t have much choice. มันไม่มีชีวิตจริง จริงๆ หรอก เพราะคนเราไม่ได้มีทางเลือกมาก (จำประโยคเต็มๆ ไม่ได้ แต่ประมาณนี้)
ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงมาก เพราะทุกอย่างล้อมหน้าล้อมหลังเราไปหมด ทั้งกฎของบ้านเมือง ขนบธรรมเนียม ไม่มีทางที่ใครจะมีชีวิตที่อิสระจริงๆ ชีวิตที่อิสระโดยสมบูรณ์

Mockingjay ภาคนี้อาจจะเป็นบทสรุปของสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจริงๆ สงครามอ่านใจผู้นำ
สงครามอ่านเกมส์ ใครอ่านออก แก้เกมส์ได้ก่อนก็ชนะ ภาคนี้เป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก

สะเทือนใจที่...สิ่งที่แคทนิทสู้มาตั้งแต่ต้น ก็ต้องสูญเสียไป คือ “พริมโรส”  หนังเริ่มด้วยต้องการรักษาชีวิตน้อง
แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่พยายามรักษาก็รักษาไว้ไม่ได้

สะเทือนใจที่...เห็น District 2 โดนถล่ม เพียงเพราะต้องการให้มาเข้าร่วมฝ่ายตัวเอง

สะเทือนใจที่...เกลบอกว่า ในสงครามไม่มีเรื่องส่วนตัว ถ้าเราจะฆ่าคนพวกนี้ตายมันก็ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
แล้วเกลก็ไม่รู้สึกแย่อะไรเพราะมันเป็น District 2 เองที่เลือกข้างผิด (หัวใจเกลต่างจากพีต้าตรงนี้)

Goodbye Gale


สะเทือนใจ...ที่คนที่เราต่อสู้เพื่อเค้ามาโดยตลอด (ประธานาธิบดีคอยก์) คิดจะกำจัดเราตั้งแต่ฝ่ายตัวยังไม่ชนะ
เพราะมองการไกลว่าเป็นการขัดแข้งขัดขาและขัดอำนาจของตัวเองในอนาคต

สะเทือนใจ...ที่คนเราสามารถเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์โดยตั้งใจและโยนความผิดให้ฝ่ายตรงข้ามเพื่อที่จะต้องการยึดอำนาจ

สะเทือนใจ...ที่ข่าวและสื่อที่ออกมาให้เราเห็นนั้น เป็นการลำดับขั้นตอนและจัดฉากมาอย่างดี
เพื่อบังคับอารมณความรู้สึกของเราให้เป็นไปตามที่เค้าอยากให้เป็น และสะเทือนใจอีกมากมาย...

เฮ้อ...ทำไมภาพที่เราเห็นซากปรักหักพังของอาคาร และคนเปื้อนเลือดร้องไห้ขอความช่วยเหลือ มันช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน

ต้องขอขอบใจ ที่สุดท้ายยังแต่งให้จบแบบ Happy Ending ได้ แต่เป็นความสุขแบบหดหู่ยังไงบอกไม่ถูก
ดูเหมือนสังคมมนุษย์ก็คงจะมีเรื่องวนเวียนอยู่ไม่มากไม่มายไปกว่านี้


เฮ้อ...ว่าแล้วก็มาอ่านรายละเอียดใน Mockingjay ฉบับหนังสือ เพื่อแตกความคิดของตัวเองต่อไป
#หนังจบคนไม่จบ
#นี่เราจริงจังไปไหม
#555แฮชแทคทำไม

ท้ายสุดอยากจะบอกว่า....
ฟินิคคคคคคคคคคคคคคคค ไอเลิฟยู <3
ชื่อสินค้า:   THE HUNGER GAMES: MOCKINGJAY - PART 2
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่