วันนี้เรามีบทความดีมากฝากเพื่อนๆ
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงสอบ final ของใครหลายๆคน และเป็นช่วงที่เด็กม6ต้องสอบเข้ามาหลัย
บทความนี้อาจทำให้เพื่อน เตรียมตัวสอบได้ดีขึ้น เลยเอามาฝาก
ไม่มีใครตายเพราะทำงานหนัก และไม่มีใครประสบความสำเร็จในชีวิตโดยไม่ทุ่มเท!! “ขงจื๊อ” เคยกล่าวไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อนว่า คนฉลาดและขยัน ควรส่งเสริมให้เป็นแม่ทัพ, คนฉลาดและขี้เกียจ ควรเลี้ยงไว้เป็นทหารฝ่ายเสนาธิการวางแผนอยู่เบื้องหลัง, คนโง่และขี้เกียจ เก็บไว้ใช้สอยทำงานตามคำสั่งก็พอไหว แต่ถ้าเจอคนโง่และขยัน ต้องเอาไปตัดหัวทิ้งทันที เพราะจะทำให้งานเสีย และก่อความเดือดร้อนไม่รู้จบ
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนฉลาด หรือคนโง่ การขยันแบบไม่รู้เวล่ำเวลา ขยันทำสิ่งผิดๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ดีแต่สร้างความเสียหาย มากกว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เริ่มตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย เลิกซะทีวัฒนธรรมการทำงานแบบขยันผิดที่ผิดเวลา
เหตุผลดีๆที่คนเราไม่ควรขยันแบบผิดๆ ประการแรกคือ การขยันทำงานที่เน้นแต่ปริมาณโดยไม่ใช้สมอง ไม่มี ทางทำให้ได้งานดีมีคุณภาพ!! ลองเปลี่ยนวิธีทำงานซะใหม่ คิดให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ และจัดอันดับความสำคัญให้เป็น เชื่อสิคะว่างานจะเสร็จเร็วกว่าเดิมเยอะ แถมยังได้งานดีมีคุณภาพไม่ใช่สักแต่ทำไปเรื่อยๆโดยไม่รู้จักวางแผนงาน
ประการที่สอง การโหมงานโต้รุ่ง และนอนดึกตื่นสาย ทำลายความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพราะสมองที่เบลอไม่มีทางคิดอะไรออก เรื่องนี้คอนเฟิร์มโดย “เอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน” คอลัมนิสต์ชื่อดังชาวอเมริกันเชื้อสายกรีก แห่งเว็บไซต์ฮัฟฟิงตัน โพสต์ ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ให้เป็นหนึ่งในผู้หญิงทรงอิทธิพลที่สุดในวงการสื่อโลก
ประการที่สาม การขยันทำงานตอนไฟลนก้น ทำให้อารมณ์เสียและทำลายความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง ลองจัดสรรเวลาทำงานใหม่ โดยเตรียมงานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วคุณจะไม่ต้องปรี๊ดแตกใส่ใครต่อใครให้เสียบรรยากาศ
ประการที่สี่ ถ้าคุณเป็นเจ้านายคน ควรเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกน้อง โดยเฉพาะการบริหารจัดการเวลา คน ที่ทำงานเป็นไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ในออฟฟิศจนดึกดื่น เพื่อให้ได้ผลงานน้อยนิด
ประการที่ห้า การขยันทำงานหามรุ่งหามค่ำบั่นทอนสุขภาพให้ทรุดโทรม ตัวอย่างสุดช็อกเกิดขึ้นปลายปีที่แล้ว เมื่อสาวน้อยก๊อบปี้ไรเตอร์โฆษณาชาวอินโดนีเซีย “มิต้า ดิแรน” วัย 24 ปี หัวใจวายตายคาโต๊ะ หลังทำงานหนักติดต่อกัน 30 ชั่วโมง โดยไม่ได้หยุดพัก
ประการที่หก หยุดคิดสักนิด แล้วจะรู้ว่างานส่วนใหญ่ที่บ้าทำตอนนี้ แทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากก้มหน้าก้มตาทำงานซ้ำๆอยู่ในออฟฟิศวันละหลายชั่วโมง โดยไม่เคยถามตัวเองว่า สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มีประโยชน์กับชีวิตมากน้อยแค่ไหน ทำให้เราพัฒนาขึ้นหรือเปล่า และให้อะไรกับสังคมบ้าง
ประการที่เจ็ด ครอบครัวต้องมาก่อน อย่าปล่อยให้ งานทำชีวิตพัง ความก้าวหน้าทางการงานอาจสำคัญสำหรับใครหลายๆคน แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว เทียบไม่ได้เลยกับการมีครอบครัวอบอุ่นน่ารัก เพราะไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ พวกเขาคือคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราจริงๆ
ขอบคุณบทความดีๆจาก
http://www.thairath.co.th/content/403564
เลิกซะ!!กับการขยันแบบผิดๆ
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงสอบ final ของใครหลายๆคน และเป็นช่วงที่เด็กม6ต้องสอบเข้ามาหลัย
บทความนี้อาจทำให้เพื่อน เตรียมตัวสอบได้ดีขึ้น เลยเอามาฝาก
ไม่มีใครตายเพราะทำงานหนัก และไม่มีใครประสบความสำเร็จในชีวิตโดยไม่ทุ่มเท!! “ขงจื๊อ” เคยกล่าวไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อนว่า คนฉลาดและขยัน ควรส่งเสริมให้เป็นแม่ทัพ, คนฉลาดและขี้เกียจ ควรเลี้ยงไว้เป็นทหารฝ่ายเสนาธิการวางแผนอยู่เบื้องหลัง, คนโง่และขี้เกียจ เก็บไว้ใช้สอยทำงานตามคำสั่งก็พอไหว แต่ถ้าเจอคนโง่และขยัน ต้องเอาไปตัดหัวทิ้งทันที เพราะจะทำให้งานเสีย และก่อความเดือดร้อนไม่รู้จบ
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนฉลาด หรือคนโง่ การขยันแบบไม่รู้เวล่ำเวลา ขยันทำสิ่งผิดๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ดีแต่สร้างความเสียหาย มากกว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เริ่มตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย เลิกซะทีวัฒนธรรมการทำงานแบบขยันผิดที่ผิดเวลา
เหตุผลดีๆที่คนเราไม่ควรขยันแบบผิดๆ ประการแรกคือ การขยันทำงานที่เน้นแต่ปริมาณโดยไม่ใช้สมอง ไม่มี ทางทำให้ได้งานดีมีคุณภาพ!! ลองเปลี่ยนวิธีทำงานซะใหม่ คิดให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ และจัดอันดับความสำคัญให้เป็น เชื่อสิคะว่างานจะเสร็จเร็วกว่าเดิมเยอะ แถมยังได้งานดีมีคุณภาพไม่ใช่สักแต่ทำไปเรื่อยๆโดยไม่รู้จักวางแผนงาน
ประการที่สอง การโหมงานโต้รุ่ง และนอนดึกตื่นสาย ทำลายความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพราะสมองที่เบลอไม่มีทางคิดอะไรออก เรื่องนี้คอนเฟิร์มโดย “เอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน” คอลัมนิสต์ชื่อดังชาวอเมริกันเชื้อสายกรีก แห่งเว็บไซต์ฮัฟฟิงตัน โพสต์ ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ให้เป็นหนึ่งในผู้หญิงทรงอิทธิพลที่สุดในวงการสื่อโลก
ประการที่สาม การขยันทำงานตอนไฟลนก้น ทำให้อารมณ์เสียและทำลายความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง ลองจัดสรรเวลาทำงานใหม่ โดยเตรียมงานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วคุณจะไม่ต้องปรี๊ดแตกใส่ใครต่อใครให้เสียบรรยากาศ
ประการที่สี่ ถ้าคุณเป็นเจ้านายคน ควรเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกน้อง โดยเฉพาะการบริหารจัดการเวลา คน ที่ทำงานเป็นไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ในออฟฟิศจนดึกดื่น เพื่อให้ได้ผลงานน้อยนิด
ประการที่ห้า การขยันทำงานหามรุ่งหามค่ำบั่นทอนสุขภาพให้ทรุดโทรม ตัวอย่างสุดช็อกเกิดขึ้นปลายปีที่แล้ว เมื่อสาวน้อยก๊อบปี้ไรเตอร์โฆษณาชาวอินโดนีเซีย “มิต้า ดิแรน” วัย 24 ปี หัวใจวายตายคาโต๊ะ หลังทำงานหนักติดต่อกัน 30 ชั่วโมง โดยไม่ได้หยุดพัก
ประการที่หก หยุดคิดสักนิด แล้วจะรู้ว่างานส่วนใหญ่ที่บ้าทำตอนนี้ แทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากก้มหน้าก้มตาทำงานซ้ำๆอยู่ในออฟฟิศวันละหลายชั่วโมง โดยไม่เคยถามตัวเองว่า สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มีประโยชน์กับชีวิตมากน้อยแค่ไหน ทำให้เราพัฒนาขึ้นหรือเปล่า และให้อะไรกับสังคมบ้าง
ประการที่เจ็ด ครอบครัวต้องมาก่อน อย่าปล่อยให้ งานทำชีวิตพัง ความก้าวหน้าทางการงานอาจสำคัญสำหรับใครหลายๆคน แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว เทียบไม่ได้เลยกับการมีครอบครัวอบอุ่นน่ารัก เพราะไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ พวกเขาคือคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราจริงๆ
ขอบคุณบทความดีๆจาก http://www.thairath.co.th/content/403564