วันหยุด สุดอิ่ม@พิษณุโลก

[CR] วันหยุด สุดอิ่ม@พิษณุโลก

กระทู้รีวิว

เป็นเด็กมอนอทั้งที อยู่พิษณุโลกมาก็หลายปี ทำไม๊ไม่ยอมเข้าเมือง!!!
...
..
.

               ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเราเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร บางท่านอาจจะยังไม่รู้จักมหาวิทยาลัยของเราสักเท่าไร มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่จังหวัดพิษณุโลก บนถนนสายพิษณุโลก-นครสวรรค์ รายล้อมไปด้วยทุ่งนา ธรรมชาติสุดๆ แต่ก็ไม่ได้กันดาลนะคะ แค่อยู่ห่างจากตัวเมือง ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตรเอง ทำให้เราไม่ค่อยได้เข้าเมืองกันสักเท่าไร เพราะบริเวณมหาวิทยาลัยก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ก็พอได้เข้าเมืองไปทีไรก็หลงทุกที อาจจะเป็นเพราะว่าเรายังไม่ค่อยชินเส้นทาง และสับสนกับทิศมากกกกก เฮ๊ย!! ที่นี่ที่ไหน ไปทางไหนต่อ
เป็นแบบนี้ตลอดดด อยู่ในมอต่อไป 5555

               อยู่มาสี่ปีแล้ว ร้านอาหารแถวมอกินทุกวัน กินจนครบทุกร้าน ก็รู้สึกอยากจะหาร้านใหม่ๆ ไปสถานที่ใหม่ๆบ้าง วันนี้เราก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปค้นหากันว่าในเมืองสองแควพิษณุโลกแห่งนี้ มีร้านอาหารน่าไปโดน ตรงไหนกันบ้างเท่าที่เราจะไปถึง เอาเป็นว่ารีวิวทริปท่องเมืองพิษณุโลกในวันหยุดพักผ่อนของเราแล้วกันนะคะ เผื่อเพื่อนๆ อยากจะเข้าเมืองบ้างจะได้เดินทางมาได้อย่างสะดวก ถ้ามีร้านเด็ดๆโดนๆ ก็มาแชร์กันได้นะคะ เดี๋ยวเราขอตามไปด้วยคน ^^

(ปล.จขกท และเพื่อนๆไม่มีใครเป็นคนพิษณุโลกนะคะ แต่ จขกท เข้าเมืองบ่อยสุดในกลุ่มเพื่อน บวกกับสมัยม.ปลายเคยมาเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมที่นี่ พอจำทางได้ลางๆ  หลงบ้างถือเป็นประสบการณ์ 555 บางร้านก็เคยไปมาบ้างแล้วครั้งสองครั้ง บางสถานที่ก็ยังไม่เคยไปเลยเช่นกัน  เราเลยอาสาเป็นเนวิเกเตอร์ให้เพื่อนในวันนี้ ถ้ามีหลงๆลืมๆพูดจาวกวน อภัยให้ข้าน้อยด้วยนะคะ ติชม แนะนำ แบ่งปันกันมาได้ค่ะ ยินดีมากค่ะ )

ปล.ยาวป๊ายยยยย

1
2
3
เริ่ม !!!

พวกเราแม่หญิง 6 คน ออกจากมหาวิทยาลัยมาประมาณ 8.30 น. ตื่นสาย หุหุ เติมพลังให้ท้องน้อยๆกันก่อน
เริ่มที่ร้านอาหารอิสลามยาสมิน เข้าทางห้าแยกโคกมะตูม ผ่านโรงแรมราชพฤกษ์ตรงมาเรื่อยๆ ใกล้ถึงสี่แยก หาที่จอดรถแถวข้างทางได้เลย ร้านจะอยู่อีกฝั่งถนน เป็นห้องแถวไม้ สองชั้น

ที่ตั้ง : ถนนพระองค์ดำ อยู่ตรงสี่แยกบ้านแขก ที่มีมัสยิดปากีสถาน ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ ดูแผนที่ประกอบได้นะคะ

เมนูอาหารก็มีตามนี้เลยค่ะ

...แต่ เดี๋ยวก่อน โรตีที่ตั้งใจจะมาลิ้มลองให้ได้ หมดตั้งแต่ประมาณ 8 โมงเช้าแล้ว มองไปที่ที่สำหรับขายโรตี มีแต่ความว่างเปล่า ทีแรกนึกว่าวันนี้เขาไม่ขาย เสียใจเบาๆ ไม่เป็นไรไว้คราวหน้าจะมาให้เช้ากว่านี้

และนี่ก็คือ โฉมหน้าของผู้โชคดีวันนี้ คุณลุงขับรถมาจาก อ.วัดโบสถ์ เพื่อมาทานโรตีเหมือนกับเรา โรตีแผ่นสุดท้ายตกเป็นของคุณลุงแต่เพียงผู้เดียววววววว ส่วนพี่อีกคน เป็นคนขายนะคะ

งั้นจัดเมนูที่เหลือ แทนก็ได้ มาค่ะ!!! เราสั่งข้าวหมกไก่ 1 จานกับซุปหางวัวอีก 1 ชาม

บอกเลยว่าในชีวิตนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทานซุปหางวัวมาก่อน ในจินตนาการคือมาเป็นหางยาวๆแน่ๆ รสชาติคงคล้ายพวกตุ๋นพะโล้รึป่าวนะ (มโนสูงนะหล่อน) ไม่กล้ากิน ให้เพื่อนเปิดก่อนเราค่อยตาม ผลปรากฏออกมาว่า ไม่ได้มาเป็นหาง แต่หั่นมาเป็นชิ้นๆ  น่าตาน่าทาน พะล้งพะโล้ที่ไหน คิดไปเองทั้งน้านน พริกแดงลอยเด่นมาแต่ไกล เห็นแล้วรู้สึกแซ่บอย่างบอกไม่ถูก น้ำลายไหลแล้วไม่รอเพื่อนเปิด เราขอจัดก่อนเลยค่ะเรื่องแซ่บๆ เราชอบนัก  คำแรกที่ได้ลิ้มลอง อร่อยยยยยยมากกก  เนื้อวัวเปื่อยนุ่มละลาย รสชาติแซ่บแบบกลมกล่อม คล้ายๆ ต้มแซ่บอาหารอิสานแต่ต่างกันตรงที่จะมันๆกว่า ไม่มีกลิ่นคาวของเนื้อเลย ถูกใจจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในที่สาธารณะ พี่จะแทะกระดูก  555  ส่วนข้าวหมกไก่ ก็อร่อยดีงามตามท้องเรื่อง ข้าวนุ่ม เป็นเมล็ดร่วน หอมเครื่องเทศ ไก่นุ่มไม่เหนียว รสชาติดี

เธอ เธอรู้จักร้านนี้ได้ยังไง...(ใครถาม 55 ) ร้านนี้เป็นร้านที่เพื่อนในห้องที่เป็นคนอิสลามแนะนำมาว่าโรตีอร่อยมาก พอกลับมาเล่าให้เพื่อนฟังว่าไปลองมาแล้วนะ แต่ทานแค่สองเมนู โรตีหมดแล้ว เพื่อนก็แนะนำมาอีกว่า ข้าวแกงกระหรี่ที่นี่ก็อร่อยมากกกก อีกเช่นกัน แหม่ เอาซะเราอยากกลับไปอีกตอนนี้เลย ตอนที่ไปกินข้าวแกงกระหรี่ก็ยังมีอยู่แต่เราไม่ได้สั่งเพราะเพื่อนไม่ได้บอก 5555 รู้สึกพลาด งั้นเราเก็บท้องไว้ไปทานร้านอื่นต่อก็ได้ กระจายรายได้ให้ทั่วถึง

ราคา จ่ายไปทั้งหมด 140.- บาท ซุปหางวัว 100 บาท ข้าวหมกไก่ 40 บาท

มีต่อนะคะ

ตอนนี้รู้สึกอิ่มนิดๆ ระหว่างรอให้น้ำย่อยทำงาน เราก็ตกลงกันว่าไปไหว้ศาลหลักเมืองกันเถอะ อยู่เมืองพิษณุโลกนี้มาก็ 4 ปีแล้ว
ยังไม่เคยได้ไปเลย (ทำอะไรกันอยู่)

การเดินทาง : มาจากร้านยาสมิน ตรงมาทางถนนข้ามทางรถไฟ ตรงไปจนถึงแยกที่มีไฟแดง เลี้ยวขวาเจอสะพานยกระดับเลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานนเรศวร ถึงจุดกลับรถแรก กลับรถแล้วขับตรงมาเลี้ยวซ้ายมือ เข้าซอยวังจันทร์ ศาลหลักเมืองจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ

บริเวณด้านหน้ามีบริการ ดอกไม้ ธูปเทียนให้ผู้มากราบไหว้ ได้สักการะบูชา

เสาหลักเมืองจังหวัดพิษณุโลก ประดิษฐานอยู่ภายในอาคารศาลหลักเมือง บริเวณริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวัน ตก ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก ออกแบบอาคารโดยกรมศิลปากร ซึ่งเป็นแบบยอดปรางค์ มีฐานกว้าง 16.60 เมตร สูง 10.65 เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองจังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ.2540 เสาหลักเมืองจังหวัดพิษณุโลก เป็นเสาที่ทำจากไม้มงคลหลายชนิด ประกอบด้วยสามส่วนคือ ส่วนลำต้น (จากโคนลำต้นถึงลูกฟัก) ทำจากไม้ราชพฤกษ์ ส่วนที่สองเป็นท่อนลูกแก้วท่อนบน ทำจากไม้ชิงชัน ส่วนที่สามเป็นส่วนยอดบน (ยอดบัวตูม) ประกอบด้วยลูกแก้วทำจากไม้สักทองตายพราย ซึ่งหลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก ตำบลวังหลุม จังหวัดพิจิตร เกจิอาจารย์ชื่อดัง ได้แกะสลักเสาหลักเมืองต้นนี้ ตามแบบกรมศิลปากรขนากความสูง 3.29 เมตร ลงรักปิดทองอบแห้ง เพื่อป้องกันการแตกร้าว และได้นำเสาหลักเมืองต้นนี้ เข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2538

วันนี้เป็นวันหยุด ก็มีนักท่องเที่ยว ค่อยๆทยอยมา บางคนก็เดินข้ามสะพานนเรศวรมาจากทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดใหญ่ ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำน่าน

หลังจากสักการะศาลหลักเมืองเรียบร้อย เราก็ขับรถเลี้ยวขวาออกมาทางด้านหลังเรียบริมแม่น้ำน่านตรงไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะไปสักการะศาลสมเด็จพระนเรศวรที่ตั้งอยู่ไม่ไกล จากพระกรณียกิจคุณูปการ รวมถึงทรงกอบกู้เอกราชหลังจากเสียกรุงครั้งที่ 1 (ปี 2112) และประกาศอิสรภาพ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณนี้ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงได้มีการจัดสร้างพระบรมรูปองค์สมเด็จพระนเรศวรประดิษฐานไว้ภายในศาลสมเด็จพระนเรศวร

และได้ทราบว่าบริเวณแห่งนี้ เคยเป็นที่ตั้งของ พระราชวังจันทน์ ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองพิษณุโลก บนฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันตก ตรงข้ามกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นพระราชวังเมืองพิษณุโลกที่เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชสมภพที่พระราชวังแห่งนี้

เมืองพิษณุโลก เป็นเมืองที่ตั้งคร่อมสองฝั่งแม่น้ำน่านหรือเป็นลักษณะเมือง อกแตกที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง จากแนวกำแพงเมืองทางด้านทิศเหนือไปออกกำแพงเมืองด้านทิศใต้ เป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ เมืองพิษณุโลกในทางประวัติศาสตร์มีชื่อเรียกเป็นอย่างอื่นคือ สองแคว เมืองสองแคว เป็นชื่อดั้งเดิมที่ปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกสมัยสุโขทัยยุคต้น เพราะมีแม่น้ำไหลผ่านเมืองสองสาย คือ แม่น้ำน่านกับแม่น้ำน้อย เป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรสุโขทัย

ตั้งอยู่ติดกับ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพภาคที่ 3 ถนนวังจันทน์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ในอดีตยังเคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม กรมศิลปากร ได้เข้ามาทำการบูรณะค้นหาแนวเขตพระราชวังจันทน์ เสร็จสิ้นไป ปัจจุบันยังไม่เปิดให้เข้าชม อยู่ระหว่างดำเนินปรับปรุงภูมิทัศน์ และก่อสร้างอาคารศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ 1 หลัง

พระราชวังจันทน์เมืองพิษณุโลก นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของประเทศไทย เป็นหลักฐานทางกายภาพที่สัมผัสได้ แสดงถึงประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์และยาวนานของเมืองพิษณุโลก เป็นแหล่งเรียนรู้ของผู้คนทุกระดับ รวมทั้งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองพิษณุโลก

เที่ยวไปด้วยแถมได้สาระเรื่องราวประวัติศาสตร์ไปด้วยนะคะ วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ถ้าใครลืมพกร่มมา เค้ามีร่มให้บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายตรงบริเวณทางเข้าที่มีร้านค้าตั้งอยู่ด้วยค่ะ หรือถ้าใครต้องการใช้รถเข็นเค้าก้มีไว้บริการฟรีเช่นกันค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

รู้สึกคอแห้งหิวน้ำมาก เรารีบเดินพุ่งตรงไปที่ร้านขายน้ำโดยไว แต่เจอกับรถไอศครีมจอดอยู่ก่อน ไม่รอช้าจัดกันมาคนละอัน หวานเย็นชื่นใจ ดับกระหายคลายร้อนไปอีก