สวัสดีค่ะสาวๆ เมื่อตอนนู้นนไปสยามมาแหละ
(คือก็เรียนแถวนั้น ทำไมต้องตื่นเต้น)
คือก็ไปไดโซะเพื่อจะไปหาซื้อร่มใสๆแบบที่ญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ร่มค่ะ ได้ยาทาเล็บมาแทน
ในขณะที่เดินหาร่มอยู่นั้นก็เดินผ่านชั้นที่ห้อยยาทาเล็บ
และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เดินไปหยิบตะกร้าค่ะ แล้วเอามือรวบลงมาทุกสีที่ขาย
เห็นแล้วทนไม่ได้จริงๆ สีน่ารักม๊ากกกกกกกก
คิขุแบ๊วๆ ดูเป็นสาวจี้ปุ่ง
พลอยซื้อมา 6 สี ซึ่งสีส่วนใหญ่จะออกแนวหวานๆเหมือนขนม พาสเทลหน่อยๆ
จะไม่มีสีเข้มๆ มืดๆ ดำๆ
สีแรกของเราคือสี 225 Mint Green
226 Pale Yellow
227 Lavender
228 Pink Macaron
229 Milky Orange
สุดท้ายคือสี 232 Berry Pink
คราวนี้มาดูแปรงกับด้ามจับกันบ้าง
จุดเด่นนึงที่ชอบคือ ด้ามจับยาวมาก ตอนแรกก็คิดว่ามันเกะกะ เอาเก็บใส่ลิ้นชักก็ไม่ได้
แต่พอได้เอามาทา รู้ซึ้งเลยค่ะว่าจับถนัดมือมาก เหมือนจับดินสอเลย
ไม่เกิดการเกร็งข้อนิ้วข้อมือใดๆทั้งสิ้น
มือใหม่น่าจะชอบนะ
ในส่วนของหัวพู่กันนั้น
รู้สึกเฉยๆ เป็นหัวแปรงแบบปกติธรรมดา
อ้อที่ดีอย่างนึงคือ ขนไม่แข็ง ทาแล้วไม่เป็นเส้น
ถ้าดูรูปที่ 2 อาจจะคิดว่ามันบานออกรึเปล่า
ถ้าได้เอามาทาจะรู้ว่าขนมันค่อนข้างบาง ซอกซอนไปตามข้างเล็บได้ดี
ไม่ได้บานหนาเป็นพุ่มแต่อย่างใด
หลังจากพูดถึงรูปลักษณ์นู่นนี้ไปแล้ว เราจะมาพูดถึงข้อดี-ข้อเสียกันบ้าง
ข้อดี
1.ราคาถูก หาซื้อง่าย มีสีหลากหลาย
2.สีชัด สด ทาแล้วสีสวยเด้ง
3.เงามาก ในรูปที่สวอชพลอยไม่ได้ทาท็อปโค้ดนะคะ
4.เนื้อสีคล้ายเนื้อครีมไม่เหนียวหนืด ทาง่าย ไม่เป็นเส้น
5.ด้ามจับถนัดมือ
ข้อเสีย
1.แห้งช้า อาจจะต้องหาตัวช่วยเป็นพวก Drip Dry หรือไม่ก็ทาให้บางๆเข้าไว้
2.จุ่มแปรงแต่ละครั้งต้องปาดสีออกให้ดี ไม่งั้นจะได้สีเยอะเกินไป
3.กลิ่นฉุนไปหน่อย
โดยรวมๆก็มีประมาณนี้ที่นึกออก ยังไงของแต่ละอย่างก็ต้องมีทั้งข้อดี-ข้อเสียเนอะ
สำหรับยาทาเล็บของไดโซะ ถือว่าเป็นของที่ควรค่าแก่การเสียเงินนะ
ถ้าเทียบราคากับคุณภาพที่ได้ บอกเลยว่าคุ้มจริงๆ
ข้อเสียมีบ้างแต่ก็พอรับได้
เราจะได้ประหยัดเงินไว้ด้วย
ใครสนในใจก็ลองไปดูที่ไดโซะนะคะ แต่ไม่แน่ใจว่าสาขาเล็กๆจะมีมั้ย
หรือลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของไดโซะก็ได้นะ
ถ้าใครเห็นว่ามีสีอื่นนอกจากสีที่พลอยมีก็บอกด้วยนะ
จะไปตามล่าเก็บให้ครบทุกสี
แล้วก็อย่าลืมมาคุยกันในแฟนเพจนะ มีอะไรจะได้มาแชร์กัน
https://www.facebook.com/misscandyunicorns
ยังไงวันนี้ไปก่อน เจอกันครั้งหน้านะคะ
[CR] Review+Swatches Daiso Nail Polish ยาทาเล็บไดโซะ ถูกและดีเว่อร์ๆ
สวัสดีค่ะสาวๆ เมื่อตอนนู้นนไปสยามมาแหละ
(คือก็เรียนแถวนั้น ทำไมต้องตื่นเต้น)
คือก็ไปไดโซะเพื่อจะไปหาซื้อร่มใสๆแบบที่ญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ร่มค่ะ ได้ยาทาเล็บมาแทน
ในขณะที่เดินหาร่มอยู่นั้นก็เดินผ่านชั้นที่ห้อยยาทาเล็บ
และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เดินไปหยิบตะกร้าค่ะ แล้วเอามือรวบลงมาทุกสีที่ขาย
เห็นแล้วทนไม่ได้จริงๆ สีน่ารักม๊ากกกกกกกก
คิขุแบ๊วๆ ดูเป็นสาวจี้ปุ่ง
พลอยซื้อมา 6 สี ซึ่งสีส่วนใหญ่จะออกแนวหวานๆเหมือนขนม พาสเทลหน่อยๆ
จะไม่มีสีเข้มๆ มืดๆ ดำๆ
สีแรกของเราคือสี 225 Mint Green
226 Pale Yellow
227 Lavender
228 Pink Macaron
229 Milky Orange
สุดท้ายคือสี 232 Berry Pink
คราวนี้มาดูแปรงกับด้ามจับกันบ้าง
จุดเด่นนึงที่ชอบคือ ด้ามจับยาวมาก ตอนแรกก็คิดว่ามันเกะกะ เอาเก็บใส่ลิ้นชักก็ไม่ได้
แต่พอได้เอามาทา รู้ซึ้งเลยค่ะว่าจับถนัดมือมาก เหมือนจับดินสอเลย
ไม่เกิดการเกร็งข้อนิ้วข้อมือใดๆทั้งสิ้น
มือใหม่น่าจะชอบนะ
ในส่วนของหัวพู่กันนั้น
รู้สึกเฉยๆ เป็นหัวแปรงแบบปกติธรรมดา
อ้อที่ดีอย่างนึงคือ ขนไม่แข็ง ทาแล้วไม่เป็นเส้น
ถ้าดูรูปที่ 2 อาจจะคิดว่ามันบานออกรึเปล่า
ถ้าได้เอามาทาจะรู้ว่าขนมันค่อนข้างบาง ซอกซอนไปตามข้างเล็บได้ดี
ไม่ได้บานหนาเป็นพุ่มแต่อย่างใด
หลังจากพูดถึงรูปลักษณ์นู่นนี้ไปแล้ว เราจะมาพูดถึงข้อดี-ข้อเสียกันบ้าง
ข้อดี
1.ราคาถูก หาซื้อง่าย มีสีหลากหลาย
2.สีชัด สด ทาแล้วสีสวยเด้ง
3.เงามาก ในรูปที่สวอชพลอยไม่ได้ทาท็อปโค้ดนะคะ
4.เนื้อสีคล้ายเนื้อครีมไม่เหนียวหนืด ทาง่าย ไม่เป็นเส้น
5.ด้ามจับถนัดมือ
ข้อเสีย
1.แห้งช้า อาจจะต้องหาตัวช่วยเป็นพวก Drip Dry หรือไม่ก็ทาให้บางๆเข้าไว้
2.จุ่มแปรงแต่ละครั้งต้องปาดสีออกให้ดี ไม่งั้นจะได้สีเยอะเกินไป
3.กลิ่นฉุนไปหน่อย
โดยรวมๆก็มีประมาณนี้ที่นึกออก ยังไงของแต่ละอย่างก็ต้องมีทั้งข้อดี-ข้อเสียเนอะ
สำหรับยาทาเล็บของไดโซะ ถือว่าเป็นของที่ควรค่าแก่การเสียเงินนะ
ถ้าเทียบราคากับคุณภาพที่ได้ บอกเลยว่าคุ้มจริงๆ
ข้อเสียมีบ้างแต่ก็พอรับได้
เราจะได้ประหยัดเงินไว้ด้วย
ใครสนในใจก็ลองไปดูที่ไดโซะนะคะ แต่ไม่แน่ใจว่าสาขาเล็กๆจะมีมั้ย
หรือลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของไดโซะก็ได้นะ
ถ้าใครเห็นว่ามีสีอื่นนอกจากสีที่พลอยมีก็บอกด้วยนะ
จะไปตามล่าเก็บให้ครบทุกสี
แล้วก็อย่าลืมมาคุยกันในแฟนเพจนะ มีอะไรจะได้มาแชร์กัน
https://www.facebook.com/misscandyunicorns
ยังไงวันนี้ไปก่อน เจอกันครั้งหน้านะคะ