แต๋น....แตน.... แต้นนน.... นี่คือครั้งแรกที่ลองรีวิวดู อยากเก็บ/แชร์ ประสบการณ์การเดินทางของป๋ม...ให้โลกได้รู้ว่า ตรูก็เคยไป อิอิ เผื่อจะมีประโยชน์กับใครที่มีแรงบันดาลใจในการเดินทางไปดินแดนแห่งความฝัน (ภูเขา ทะเลสาบ ต้นไม้ ทุ่งหญ้า) หนีความวุ่นวายในเมืองกรุง เปิดหูเปิดตาเปิดปอด สู่ดินแดนที่มีนามว่า switzerland
ปกติป๋มจะหาเวลาว่างในแต่ละปี เดินทางไปท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์ชีวิตในต่างแดน...ไม่ใช่ว่ารวยนะคร้าบ...ป๋มก็มนุษย์เงินเดือนที่รอเงินก้อนปลายเดือนในแต่ละเดือน...แต่ !!!!! มีเงินก็เก็บไว้ เลยเอามาใช้เพื่อประสบการณ์ชีวิตของเราเอง...เลยตัดสินใจๆๆ จะหาเวลาแต่ละปี เดินทางไปต่างแดน สำหรับรีวิวครั้งแรกในชีวิตนี้ เป็นการเดินทางไปสวิสฯ ครั้งที่ 4 ในชีวิตของป๋มละ...ไปบ่อยเพราะมีน้องทำงานที่นั่น..เลยต้องไปเยี่ยมตลอดๆๆๆ
พร่ำเพ้อมายาวละ ขอเริ่มเปิดการเดินทางครั้งนี้ดีกว่า
Mission : Switzerland (geneva-montreux-vevey-bern) - Protugal (porto - lisbao - sintra) - Spain (madrid)
Date : 19 - 31 Oct 2015
Type : tourist
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 1 : บินลัดฟ้าสู่ switzerland
หลังจากได้ วีซ่า เชงเก็น มาแล้ว (ครั้งนี้ได้แบบ MULT ซะด้วย) ก็เก็บกระเป๋าเดินทาง เพราะมั่นใจว่าตรูได้ไปโบยบินแน่ๆ ลาพักร้อน สะสางงาน พร้อม.... เดินทางโดยเจ้านกยักษ์ Emirate Airline สายการบินประจำชาติของมหาเศษฐีอิมิเรสต์.... ปกติถ้าบินตรงจะใช้เวลาประมาณ 12 ชม. แต่...ป๋มเป็นโรคสมาธิสั้น เลยขอเลือกการเดินทางแบบ transit จะเสียเวลารอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 3 ชม. โดยจาก กรุงเทพฯไป ลงดูไบ และจากดูไบ ไปซูริค
ครั้งนี้โชคดีเป็นบ้า....จาก กรุงเทพฯ ไป ดูไบ คนน้อยมาก....เลยได้นั่งคนเดียวนอนยาว 3 ที่นั้ง...สบายเลยตรู ส่วนจากดูไบ ไปซูริค ได้นั่ง A380 เป็นครั้งแรก เครื่องใหญ่จริง อะไรจริง...ก็โชคดีนิดตรงที่นั่งไม่มีคนนั่งข้าง... เลย สบายๆกับการเดินทางเที่ยวไป
...
และแล้ว เจ้านกยักษ์ A380 ก็พาป๋มมาถึงนครซูริค....
ลงจากเครื่องปุ๊บ... ก็รับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินตามป้าย Bahn Train ไปเพื่อไปซื้อ Swiss pass ทันที ... Swiss pass สามารถ ขึ้นรถไฟ รถบัส เรือ ได้หมด และบางที่ museumสามารถเข้าฟรี หรือมีส่วนลดให้ ....เรียกได้ว่า swiss pass ทีเดียวไปได้หมดทั้งสวิสฯ (ออกจาก terminal แรก มาเข้า terminal2 ลงบันไดเลื่อนลงไปตามป้าย Train จะเจอศูนย์นักท่องเที่ยว เข้าไปซื้อได้เลย) โดยซื้อแบบระบุวัน...
หน้าตา swiss pass แบบระบุวัน ราคา 407 ฟรังส์
จากนั้นขึ้นรถไฟ metro จาก สถานี Zurich Flughafen ไป สถานี Zurich HB เพื่อต่อไปยัง สถานี Bern HB (กรุงเบิร์น (Bern))เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์
Landmark ของ สถานี Zurich HB จะมีหุ่นนางฟ้ายักษ์ตัวอ้วนสีน้ำเงิน บินอยู่ใน Zurich HB สืบทราบว่าชื่อ Nanas
วันที่เดินทางไปถึงมีนิทรรศการ...(อะไรไม่รู้ เพราะมันเป็นภาษาด๊อยซ์) 555
จาก สถานี Zurich HB ไปถึง Bern HB ประมาณ 56 นาที ... รถไฟที่นี้ตรงเวลามาก ถึงมากที่สุด ป๋มหวังว่าประเทศแถวๆมาเลเซีย คงทำได้บ้าง...
หน้าตาม้าเหล็ก..สวิส
วิวข้างทางรถไฟ
และแล้ว...ใกล้ถึง กรุงเบิร์น...สักที
มีกราฟฟิตี้..บนหลังคาด้วย 555
ลงรถไฟปุ๊บ เจอผู้คนมากมายกำลังเดินทาง...ช่วงเวลาเลิกงานพอดี 5โมงเย็นกว่าๆ
ออกจากสถานีรถไฟ Bern HB ได้ก็ไปขึ้นรถประจำทางสาย 19 เพื่อไปที่พักที่จะอาศัยอยู่ตลอดทริปนี้....
บริเวณหน้าสถานีรถไฟ Bern HB
ป้ายรถประจำทาง ง่ายๆ แต่เน้นประสิทธิภาพ มีบอกหมดคับ ว่ารถประจำทางสายไหนจะมาถึงเวลาเท่าใด ซึ่งตรงเพ๋งมากกก.. โดยการเดินทางในกรุงเบริน์...ทั่วไปจะมีรถประจำทาง และรถรางไฟฟ้า เป็นพาหนะในการเดินทางเป็นส่วนใหญ่ คนใช้รถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างน้อย ทำให้ไม่มีปัญหาการจราจรเหมือนมหานครของประเทศเรา..555 นอกจากนี้มีทางจักรยานสำหรับคนที่ใช้จักรยาน ซึ่งทางจักรยานก็อยู่บนถนนร่วมกับทางรถไฟฟ้า และรถประจำทางด้วย....แต่ !!! เท่าที่ถามน้องได้ข้อมูลว่า ที่นี้ ยากส์มากที่เกิดอุบัติเหตุบนถนน ถ้ารถชนกันทีนี่ ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว...555
ตอนที่ 2 : Geneve
วันนี้เราจะไปลุย Geneve หรือ เมืองเจนีวา นั่นเอง... เจนีวา ตั้งอยู่สุดปลายทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสวิสฯ มีพื้นที่ติดประเทศฝรั่งเศสและอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานองค์กรสหประชาชาติอีกด้วย...
การเดินทางจากสถานีรถไฟ Bern HB ขึ้นรถไฟไป สถานีรถไฟ Genève-Cornavin ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.
และแล้วก็มาถึง เจนีวา.....การเดินทางสามารถใช้ swiss pass ที่ซื้อมาขึ้นรถประจำทางในเมืองได้ เมื่อมาถึงรีบมุ่งตรงไปยังทะเลสาบเจนีวา เพื่อตามหาน้ำพุเจ็ทโด (Jet d-Eau) ซึ่งเป็นน้ำพุ สูงประมาณ 400 เมตร เหนือทะเลสาบเจนีวา.....แต่ !!!!! วันนี้น้ำพุไม่เปิด เศร้าแพร้บ....อุตส่าห์มาถึงที่ แต่อดยลโฉมน้ำพุซะงั้น เลยเดินเล่นดูฝูงหงส์ขาวในทะเลสาบแทน
.
จากนั้นก็เดินเล่นรอบๆ บริเวณเขตเมืองเก่า...
สะพาน Pont du Mont-Blanc ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมเขตเมือง ที่เห็นคือ ธงประจำเมืองเจนีวา ครับ....
จากเขตตัวเมือง ก็มุ่งหน้าสู่ที่ทำการสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา มุ่งหน้าสู่ลานPlace des Nations ซึ่งจะมีอนุสาวรีย์ Broken Chair ตั้งอยู่บริเวณลานด้านหน้าของ The United Nations Building หรือ อาคารที่ทำการองค์การสหประชาชาติ
จากนั้นเดินไปตามถนนหน้าที่ทำการองค์การสหประชาชาติ ไปยังถนน Avenue de la paix จะพบกับ Red Cross Museum (พิพิธภัณฑ์กาชาด) ธงกาชาด จะคล้ายๆ ธงประเทศสวิส...เลยละคับ
บริเวณด้านหน้าของ Red Cross Museum
จากนั้นกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟ Genève-Cornavin มุ่งหน้าสู่ Lausanne ไปลงที่สถานี Lausanne Gare Centrale เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
รีบมองหาป้ายที่บอกว่าไปสถานี Lausanne Gare ซึ่งจะเป็นรถไฟสายสั้นๆ พาไปยังริมทะเลสาบ Lac Léman
ออกจากสถานีรถไฟ เลี้ยวขวา เดินมาประมาณ 2 กม. จะถึง ที่ทำการใหญ่ของศูนย์โอลิมปิคสากล ซึ่งเมืองโลซาน จะได้ชื่อว่า เป็นเมืองหลวงของกีฬาโอลิมปิค
ภาพสัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิคที่เคยจัดมา
[CR] @Switzerland ดินแดนcool cool@
ปกติป๋มจะหาเวลาว่างในแต่ละปี เดินทางไปท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์ชีวิตในต่างแดน...ไม่ใช่ว่ารวยนะคร้าบ...ป๋มก็มนุษย์เงินเดือนที่รอเงินก้อนปลายเดือนในแต่ละเดือน...แต่ !!!!! มีเงินก็เก็บไว้ เลยเอามาใช้เพื่อประสบการณ์ชีวิตของเราเอง...เลยตัดสินใจๆๆ จะหาเวลาแต่ละปี เดินทางไปต่างแดน สำหรับรีวิวครั้งแรกในชีวิตนี้ เป็นการเดินทางไปสวิสฯ ครั้งที่ 4 ในชีวิตของป๋มละ...ไปบ่อยเพราะมีน้องทำงานที่นั่น..เลยต้องไปเยี่ยมตลอดๆๆๆ
พร่ำเพ้อมายาวละ ขอเริ่มเปิดการเดินทางครั้งนี้ดีกว่า
Mission : Switzerland (geneva-montreux-vevey-bern) - Protugal (porto - lisbao - sintra) - Spain (madrid)
Date : 19 - 31 Oct 2015
Type : tourist
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 1 : บินลัดฟ้าสู่ switzerland
หลังจากได้ วีซ่า เชงเก็น มาแล้ว (ครั้งนี้ได้แบบ MULT ซะด้วย) ก็เก็บกระเป๋าเดินทาง เพราะมั่นใจว่าตรูได้ไปโบยบินแน่ๆ ลาพักร้อน สะสางงาน พร้อม.... เดินทางโดยเจ้านกยักษ์ Emirate Airline สายการบินประจำชาติของมหาเศษฐีอิมิเรสต์.... ปกติถ้าบินตรงจะใช้เวลาประมาณ 12 ชม. แต่...ป๋มเป็นโรคสมาธิสั้น เลยขอเลือกการเดินทางแบบ transit จะเสียเวลารอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 3 ชม. โดยจาก กรุงเทพฯไป ลงดูไบ และจากดูไบ ไปซูริค
ครั้งนี้โชคดีเป็นบ้า....จาก กรุงเทพฯ ไป ดูไบ คนน้อยมาก....เลยได้นั่งคนเดียวนอนยาว 3 ที่นั้ง...สบายเลยตรู ส่วนจากดูไบ ไปซูริค ได้นั่ง A380 เป็นครั้งแรก เครื่องใหญ่จริง อะไรจริง...ก็โชคดีนิดตรงที่นั่งไม่มีคนนั่งข้าง... เลย สบายๆกับการเดินทางเที่ยวไป
...
และแล้ว เจ้านกยักษ์ A380 ก็พาป๋มมาถึงนครซูริค....
ลงจากเครื่องปุ๊บ... ก็รับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินตามป้าย Bahn Train ไปเพื่อไปซื้อ Swiss pass ทันที ... Swiss pass สามารถ ขึ้นรถไฟ รถบัส เรือ ได้หมด และบางที่ museumสามารถเข้าฟรี หรือมีส่วนลดให้ ....เรียกได้ว่า swiss pass ทีเดียวไปได้หมดทั้งสวิสฯ (ออกจาก terminal แรก มาเข้า terminal2 ลงบันไดเลื่อนลงไปตามป้าย Train จะเจอศูนย์นักท่องเที่ยว เข้าไปซื้อได้เลย) โดยซื้อแบบระบุวัน...
หน้าตา swiss pass แบบระบุวัน ราคา 407 ฟรังส์
จากนั้นขึ้นรถไฟ metro จาก สถานี Zurich Flughafen ไป สถานี Zurich HB เพื่อต่อไปยัง สถานี Bern HB (กรุงเบิร์น (Bern))เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์
Landmark ของ สถานี Zurich HB จะมีหุ่นนางฟ้ายักษ์ตัวอ้วนสีน้ำเงิน บินอยู่ใน Zurich HB สืบทราบว่าชื่อ Nanas
วันที่เดินทางไปถึงมีนิทรรศการ...(อะไรไม่รู้ เพราะมันเป็นภาษาด๊อยซ์) 555
จาก สถานี Zurich HB ไปถึง Bern HB ประมาณ 56 นาที ... รถไฟที่นี้ตรงเวลามาก ถึงมากที่สุด ป๋มหวังว่าประเทศแถวๆมาเลเซีย คงทำได้บ้าง...
หน้าตาม้าเหล็ก..สวิส
วิวข้างทางรถไฟ
และแล้ว...ใกล้ถึง กรุงเบิร์น...สักที
มีกราฟฟิตี้..บนหลังคาด้วย 555
ลงรถไฟปุ๊บ เจอผู้คนมากมายกำลังเดินทาง...ช่วงเวลาเลิกงานพอดี 5โมงเย็นกว่าๆ
ออกจากสถานีรถไฟ Bern HB ได้ก็ไปขึ้นรถประจำทางสาย 19 เพื่อไปที่พักที่จะอาศัยอยู่ตลอดทริปนี้....
บริเวณหน้าสถานีรถไฟ Bern HB
ป้ายรถประจำทาง ง่ายๆ แต่เน้นประสิทธิภาพ มีบอกหมดคับ ว่ารถประจำทางสายไหนจะมาถึงเวลาเท่าใด ซึ่งตรงเพ๋งมากกก.. โดยการเดินทางในกรุงเบริน์...ทั่วไปจะมีรถประจำทาง และรถรางไฟฟ้า เป็นพาหนะในการเดินทางเป็นส่วนใหญ่ คนใช้รถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างน้อย ทำให้ไม่มีปัญหาการจราจรเหมือนมหานครของประเทศเรา..555 นอกจากนี้มีทางจักรยานสำหรับคนที่ใช้จักรยาน ซึ่งทางจักรยานก็อยู่บนถนนร่วมกับทางรถไฟฟ้า และรถประจำทางด้วย....แต่ !!! เท่าที่ถามน้องได้ข้อมูลว่า ที่นี้ ยากส์มากที่เกิดอุบัติเหตุบนถนน ถ้ารถชนกันทีนี่ ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว...555
ตอนที่ 2 : Geneve
วันนี้เราจะไปลุย Geneve หรือ เมืองเจนีวา นั่นเอง... เจนีวา ตั้งอยู่สุดปลายทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสวิสฯ มีพื้นที่ติดประเทศฝรั่งเศสและอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานองค์กรสหประชาชาติอีกด้วย...
การเดินทางจากสถานีรถไฟ Bern HB ขึ้นรถไฟไป สถานีรถไฟ Genève-Cornavin ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.
และแล้วก็มาถึง เจนีวา.....การเดินทางสามารถใช้ swiss pass ที่ซื้อมาขึ้นรถประจำทางในเมืองได้ เมื่อมาถึงรีบมุ่งตรงไปยังทะเลสาบเจนีวา เพื่อตามหาน้ำพุเจ็ทโด (Jet d-Eau) ซึ่งเป็นน้ำพุ สูงประมาณ 400 เมตร เหนือทะเลสาบเจนีวา.....แต่ !!!!! วันนี้น้ำพุไม่เปิด เศร้าแพร้บ....อุตส่าห์มาถึงที่ แต่อดยลโฉมน้ำพุซะงั้น เลยเดินเล่นดูฝูงหงส์ขาวในทะเลสาบแทน
.
จากนั้นก็เดินเล่นรอบๆ บริเวณเขตเมืองเก่า...
สะพาน Pont du Mont-Blanc ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมเขตเมือง ที่เห็นคือ ธงประจำเมืองเจนีวา ครับ....
จากเขตตัวเมือง ก็มุ่งหน้าสู่ที่ทำการสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา มุ่งหน้าสู่ลานPlace des Nations ซึ่งจะมีอนุสาวรีย์ Broken Chair ตั้งอยู่บริเวณลานด้านหน้าของ The United Nations Building หรือ อาคารที่ทำการองค์การสหประชาชาติ
จากนั้นเดินไปตามถนนหน้าที่ทำการองค์การสหประชาชาติ ไปยังถนน Avenue de la paix จะพบกับ Red Cross Museum (พิพิธภัณฑ์กาชาด) ธงกาชาด จะคล้ายๆ ธงประเทศสวิส...เลยละคับ
บริเวณด้านหน้าของ Red Cross Museum
จากนั้นกลับไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟ Genève-Cornavin มุ่งหน้าสู่ Lausanne ไปลงที่สถานี Lausanne Gare Centrale เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
รีบมองหาป้ายที่บอกว่าไปสถานี Lausanne Gare ซึ่งจะเป็นรถไฟสายสั้นๆ พาไปยังริมทะเลสาบ Lac Léman
ออกจากสถานีรถไฟ เลี้ยวขวา เดินมาประมาณ 2 กม. จะถึง ที่ทำการใหญ่ของศูนย์โอลิมปิคสากล ซึ่งเมืองโลซาน จะได้ชื่อว่า เป็นเมืองหลวงของกีฬาโอลิมปิค
ภาพสัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิคที่เคยจัดมา