จากวัยรุ่น เดธคอร์หน้าใส5ชิ้นแห่งSheffield ที่ผ่านช่วงเวลาสับเปลี่ยนแนวดนตรี จนวันนึงพวกเขาสร้างปรากฏการณ์ ด้วยตัวของพวกเขาเอง
หลังจากประสบความสำเร็จที่เรียกว่าถล่มทลายแทบจะทุกสำนักจากอัลบัมSempiternal
และ Sempiternal ได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดอัลบัม
Master Pieceของวงและวงการดนตรีโลกที่หาทางยากที่จะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้อีก
Bring Me the Horizon เหมือนเรือลำเล็กๆลำหนึ่งที่ร่วมกันต่อเรือ ออกพเนจรไปในท้องทะเล ผ่านพายุ มรสุม ทั้งหลายแหล่
ระหว่างทางพวกเขาได้พบพาน ลาจาก มีการแวะรับส่งลูกเรือผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันบ้าง
มาวันนี้ประสบการณ์ต่างๆที่พวกเขาได้รับทั้งด้านดีและไม่ดี สอนให้พวกเขาตระหนักถึง การเปลี่ยนแปลง
และพายุลูกใหม่ที่พวกเขากำลังจะได้เผชิญครั้งนี้ คือการก้าวข้ามผ่านความสำเร็จในชุดSempiternal นั่นเอง
คุยกันถึงแนวเพลงในอัลบัมนี้กันสักหน่อย จากชุด ที่เป็นด้าน Post-hardcore/Metal core/ Electronicore ได้ลดดีกรีความหนักของชุดที่แล้วลงมาอีกขั้นหนึ่งเหลือแค่ ดนตรีAlternative rock/Metal ที่มีกลิ่งPost-hardcoreฉุนๆอีกหน่อย รวมทั้งผสมผสานทางด้านDance/House/Hip Hop และมีการใช้ดนตรีเครื่องสาย Orchestra รวมไปถึงSaxophone เข้ามามีส่วนร่วมพอประมาณ
เชื่อเหลือเกินว่าเด็กยุค2000's แทบจะทุกคน ต้องเคยผ่านช่วงเวลาที่Linkin Park ได้ทำเพลงดุดันสะใจวัยรุ่นอย่างสองอัลบัมแรก
รวมไปถึงOlive หัวหอกของวงที่เป็นสาวกตัวยงของคณะเจ้าชายแห่ง Nu Metal
เพราะไม่ว่าจะทบทวนและลองฟังThat's the Spirit สักกี่ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง เอกลักษณ์ที่Linkin Parkได้ฝากเอาไว้ใน Hybrid Theory และ Meteora
นั้นยากที่จะลืมเลือนจริงๆ
การทำงานในอัลบัมนี้ ทางวงเลือกที่จะไม่ใช้Producer โดย Oliver และ Jordanเลือกที่จะคัดเลือกวัตถุดิบ ปรุง ผสมผสานและชิมด้วยตัวเอง
โดยเฉพาะนายJordan Fishที่ถือว่าได้ปล่อยของและโชว์ความสามารถอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เท่ากับว่า แม้LP จะมี MikeกับBrad BMTHก็มี OliverกับJordanเหมือนกัน (Jordan ดูแลทางด้านร้องประสาน คีย์บอร์ด อิเล็กทรอนิกส์ เพอร์คัสชั่น
รวมไปถึง ซาวด์เอ็นจิเนียร์ด้วย)
ได้ข่าวมาว่ายอดขายทางด้านดิจิตอลดาวน์โหลดของThat's the Spirit !พุ่งกระฉูดจนน่าทึ่งรวมทั้งประเทศไทยของเราที่มียอดดาวน์โหลดแบบถูกลิขสิทธิ์ติดอันดับ ต้นๆของโลก ไม่แปลกใจท่าเราจะได้ดูพวกเขาเขย่าเวทีอีกครั้งที่บ้านเราเร็วๆนี้ครับ
Say That's the Spirit to That's the Spirit !
Track By Track
Doomed
คงไม่มีเพลงไหนเหมาะที่จะเป็นเพลงเปิดในThat อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่ Doomed
เพราะนี่คือความท้าทาย อีกครั้งหนึ่งที่ทางวงเลือกใช้เพลงช้าและเบาที่สุดเพลงหนึ่งในอัลบัม
มาเปิดเป็นอินโทรของอัลบัม
ด้วยซาวด์Electronicและเสียงsynth ผสานกับเสียงร้องกระซิบ
กระซาบเบาๆ ราวกับว่ามีปีศาจกำลังเชื้อเชิญให้เปิดประตู
เข้าไปสู่ดินแดนของพวกเขา
ก่อนที่จะแผดเสียงให้ดังขึ้นอีกขั้นในท่อน Chorusราวกับเป็นเสียงกรีดร้องแสดงออกถึงความทรมาน
เพลงนี้เป็นเพลงช้าๆที่ชวนให้นึกถึงเพลง and the snakeในอัลบัม Sempiternal
อยู่เหมือนกันนะ
ด้วยความที่วงเป็นพวกAtheism ผู้ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า
เพลงนี้ก็เหมือนกับหลายเพลงที่พวกเขาเคยเขีนขึ้นมา คืออาจจะเกี่ยวกับการขายวิญญาณ ภูติผีปีศาจ ความกลัว ความหวาดระแวงและการถูกทอดทิ้งโดยพระผู้เป็นเจ้า
การตัดสิน การพิพากษา ใครล่ะคือผู้มีสิทธิ์ ?
Happy Song
เรามีความสุข เพราะ เราถูกสั่งให้มีความสุข?
เพลงนี้คือSingleแรกที่ทางวงได้ปล่อยออกมา (ถ้าไม่นับDrown) ซาวด์ริฟกีตาร์ชวนโดดแบบAlternative ต้นๆยุค2000's
ที่มีลูกเล่นจัดๆ ผสานกับเสียง คีย์บอร์ดรองพื้นบางๆ ควบคู่ ไปกับการแผดเสียงพอประมาณของ Oliver (โอวนี่มัน Hybrid Theory soundชัดๆ)
ผสานกับเสียงผู้หญิง แบบเชียร์ลีดเดอร์โดยเสียงผู้หญิง ร้องประสานเป็นของ ภรรยานายJordan นั่นเอง
โดยสรุปแล้วHappyก็คือเพลงที่Heavyสุดในอัลบัมเช่นกัน
Throne
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพลงนี้ โครตเหมือนLinkin Parkยุค Meteora หรือเพลงFaintดีๆนั่นเอง
เพลงนี้เป็นSingleที่สองและถ่ายทำเป็นMVตัวแรก ด้วยซาวด์ อิเล็กทรอนิกส์สวยๆ เน้นบีทเร็วๆปานกลางโดยไม่มีท่อนเบรคดาวน์มาชะลอความเร็วให้ลดลงแต่อย่างใด ผสานกับท่อนฮุคเท่ห์ๆพร้อมทั้งความหมายลุยๆเหมาะกับวัยโจ๋ ราวกลับจะพูดถึงระยะทางที่ฝ่าฟันการผ่านร้อนผ่านหนาวจนกระทั่งได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
True Friend
ผ่อนคลายความเร็วลงหน่อยระดับหนึ่ง กับ MVที่2 และSinglesที่ 3 ที่ตัดเป็นมินิซีรี่ย์ และกำลังจะมีภาคต่อ
ด้วยวลีที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองกันในขณะนี้ "True friends stab you in the front"
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพลงพูดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะดีนักของคนสองคนที่เคยเป็นอดีตเพื่อนรักกัน ด้วยภาษาที่ประชดประชัน จิกกัดหรือ อาจจะต่อยและถีบเลยถ้าเพลงยาวกว่านี้
ภาคดนตรีเป็นAlternative rock ฉุนๆ ที่มีกลิ่นอายSymphonic รองพื้นบางๆ ชวนให้นึกถึงLinkin Park (อีกแล้ว) ยุคหลังๆอยู่เหมือนกันนะ
เพลงนี้ทำดนตรีออกมาค่อนข้างฟังง่ายๆและมีเสียงคีย์บอร์ดสะกิดๆหูตลอดเวลา รวมถึงเสียงร้องประสานของJordanที่ค่อนข้างดังที่สุดเพลงหนึ่ง
Follow You
เพลงช้า ๆ บัลลาด ที่อุดมไปด้วยเสียงเปียโน และ ซินธิไซเซอร์ และเสียงคลีนหวานๆที่มีเสียงร้องประสานบางๆโดยไม่มีเสียงสครีมมากวนใจแต่อย่างใด
เมื่อมีด้านมืดมนก็ย่อมมีด้านสว่าง
Follow You เรียกได้ว่าเป็นเพลงรักที่อาจจะหวานที่สุดที่วงเคยทำเลยมาก็ว่าได้ โดยเนื้อเพลงพูดถึงการที่คนๆนึงช่วยให้เขารอดพ้นจากการตายทั้งเป็นคนๆนั้นคือ Hannah Sykes ศรีภรรยาของนาย Oliverนั่นเอง
promise me you’ll never leave my side” and “you can drag me through hell and I will follow you”.
What You Need
เป็นAlternative rockเหวี่ยงๆอีกเพลงหนึ่ง ที่ขึ้นต้นมาด้วยเสียงเบสเดินเด่นๆ ของMatt ที่คิดว่าเด่นสุดในอัลบัมแล้วและมีการไส่พาร์ทกีตาร์ โซโลกีตาร์สั้นๆลงไป
เพลงนี้พูดถึงความสัมพันธ์ของคนสองคนที่จบลงอย่างไม่สวยนัก (พาลนึกถึงโจน่าห์ทุกที)
Avalanche
เป็นอีกเพลงที่มีความเป็นเมนสตรีมสูงพอตัว และเป็นเพลงเร็ว ตามคำว่าหิมะถล่มแบบชื่อเพลง
เพลงนี้กล่าวถึงเรื่องไกล้ตัวที่สุดคือ โรคสมาธิสั้นของOliver ความหวาดระแวงในตัวเอง ราวกับถูกถล่มด้วยหิมะ ตามชื่อเพลงนั่นเอง
"I need a cure for me, because the square doesn't fit the circle"
Run
Jordan ยังคงเป็นกระดูกสันหลังและมันสมองของอัลบัมนี้
Run เป็นเพลงช้า ที่อุดมไปด้วยเสียงอิเล็กทรอนิกส์กลองแซมเพิล และเสียงสังเคราะห์หลอนๆที่ฟังดูเหมือนจะยิ่งจมลงไปทุกที โดยเสียงคีย์บอร์ดฟังแล้วนึกถึงเพลง Can You Feel My Heartอยู่เหมือนกัน
เพลงนี้พูดถึงความกลัว ความผิดหวังและการวิ่งหนีอะไรบางอย่างที่กำลังครอบงำตัวเอง
Drown
สิ่งหนึ่งสิ่งไหน เมื่อมีด้านเข้มแข็งย่อมมีทางแตกสลายได้ทั้งนั้น หรือทุกๆสิ่งบนโลกนี้ย่อมมีด้านตรงข้ามด้วยกันเสมอ
เชื่อว่าOliverเขียนเพลงนี้ขึ้นขณะกำลังพยายามเลิกยาเคตามีน
เราทุกคนย่องมีด้านอ่อนแอ ไม่มีใครเข้มแข็งตลอด
เพลงนี้บรรยายถึง การระลึกถึงความกลัว ความหวาดระแวง และอาจจะเป็นอีกด้านของพวกเขาที่ต้องการ และการหาทางเพื่อจะเอาชนะตนเอง
เพลงนี้ถือว่าเป็นSinglesที่เบาที่สุดที่วงเคยปล่อยออกมาในปลายปี2014และ
โดยได้ทำการรื้อเพลงเพื่อบันทึกเสียงใหม่ในอัลบัม That's the Spirit หลายคนอาจจะแปลกๆหูไปนิด แต่โดยรวมแล้วผู้เขียนชอบเวอร์ชันนี้มากกว่า
Blasphemy
ต้องบอกได้เลยว่าเพลงนี้ คือความก้าวร้าวที่ละมุนละไมก็ว่าได้
โดยความที่วงเป็นพวกAtheist หรือพวกไม่นับถือศาสนา ย่อมจะมีเพลงๆหนึ่งงประกาศถึงความหลุดพ้นของพวกเขาในอัลบัม
และท่อนกีตาร์โซโล่สวยๆในการเพลงเหมือนจะเป็นการออกความคิดเห็นที่ดังกว่าปกติของ Lee (โดยเขาได้ฝากเสียงโซโล่ไว้หลายเพลง แต่ผู้เขียนชอบไลน์โซโล่เพลงนี้สุดนะ)
Oh no
เป็นเรื่องปกติที่ในอัลบัมจะมีเพลงๆหนึ่งที่เรียกได้ว่าก้าวล้ำไปจากเพลงอื่นๆพอสมควรและ Oh noก็คือเพลงนั้นนั่นเอง และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่แฟนๆเพลงเดนตายของวงจะกล่าวออกมาเหมือนดังชื่อเพลง
เป็นอีกครั้งที่ Oliverพรรณนาถึงช่วงที่เรียกได้ว่า ตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งของตัวเขาเอง
ความสุขชั่วคราวความสุขจอมปลอมมักไม่ยืนยาว ความพยายามที่จะสู้กับตนเองในการเลิกยา และนับเป็นเรื่องยินดีอย่างมากที่เขาสามารถเลิกยาเคได้อย่างถาวรก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
บีท จังหวะช้าๆ ราวกับเป็นเสียงเต้นของหัวใจ โดยผสานไปกับกีตาร์เสียงคลีนจางๆ ,กลอง,เบส และเสียงสังเคราะห์บีทต่ำๆจังหวะHip Hop ผสานไปกับดนตรีออร์เคสตรารองพื้นบางๆ และเมื่อเพลงใกล้จะจบแล้ว เราจะได้ยินเสียง โซโล่ของ แซกโซโฟนสวยๆในท้ายเพลง
[Review]Bring Me the Horizon - That's the Spirit (2015)
หลังจากประสบความสำเร็จที่เรียกว่าถล่มทลายแทบจะทุกสำนักจากอัลบัมSempiternal
และ Sempiternal ได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดอัลบัม
Master Pieceของวงและวงการดนตรีโลกที่หาทางยากที่จะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้อีก
Bring Me the Horizon เหมือนเรือลำเล็กๆลำหนึ่งที่ร่วมกันต่อเรือ ออกพเนจรไปในท้องทะเล ผ่านพายุ มรสุม ทั้งหลายแหล่
ระหว่างทางพวกเขาได้พบพาน ลาจาก มีการแวะรับส่งลูกเรือผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันบ้าง
มาวันนี้ประสบการณ์ต่างๆที่พวกเขาได้รับทั้งด้านดีและไม่ดี สอนให้พวกเขาตระหนักถึง การเปลี่ยนแปลง
และพายุลูกใหม่ที่พวกเขากำลังจะได้เผชิญครั้งนี้ คือการก้าวข้ามผ่านความสำเร็จในชุดSempiternal นั่นเอง
คุยกันถึงแนวเพลงในอัลบัมนี้กันสักหน่อย จากชุด ที่เป็นด้าน Post-hardcore/Metal core/ Electronicore ได้ลดดีกรีความหนักของชุดที่แล้วลงมาอีกขั้นหนึ่งเหลือแค่ ดนตรีAlternative rock/Metal ที่มีกลิ่งPost-hardcoreฉุนๆอีกหน่อย รวมทั้งผสมผสานทางด้านDance/House/Hip Hop และมีการใช้ดนตรีเครื่องสาย Orchestra รวมไปถึงSaxophone เข้ามามีส่วนร่วมพอประมาณ
เชื่อเหลือเกินว่าเด็กยุค2000's แทบจะทุกคน ต้องเคยผ่านช่วงเวลาที่Linkin Park ได้ทำเพลงดุดันสะใจวัยรุ่นอย่างสองอัลบัมแรก
รวมไปถึงOlive หัวหอกของวงที่เป็นสาวกตัวยงของคณะเจ้าชายแห่ง Nu Metal
เพราะไม่ว่าจะทบทวนและลองฟังThat's the Spirit สักกี่ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง เอกลักษณ์ที่Linkin Parkได้ฝากเอาไว้ใน Hybrid Theory และ Meteora
นั้นยากที่จะลืมเลือนจริงๆ
การทำงานในอัลบัมนี้ ทางวงเลือกที่จะไม่ใช้Producer โดย Oliver และ Jordanเลือกที่จะคัดเลือกวัตถุดิบ ปรุง ผสมผสานและชิมด้วยตัวเอง
โดยเฉพาะนายJordan Fishที่ถือว่าได้ปล่อยของและโชว์ความสามารถอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เท่ากับว่า แม้LP จะมี MikeกับBrad BMTHก็มี OliverกับJordanเหมือนกัน (Jordan ดูแลทางด้านร้องประสาน คีย์บอร์ด อิเล็กทรอนิกส์ เพอร์คัสชั่น
รวมไปถึง ซาวด์เอ็นจิเนียร์ด้วย)
ได้ข่าวมาว่ายอดขายทางด้านดิจิตอลดาวน์โหลดของThat's the Spirit !พุ่งกระฉูดจนน่าทึ่งรวมทั้งประเทศไทยของเราที่มียอดดาวน์โหลดแบบถูกลิขสิทธิ์ติดอันดับ ต้นๆของโลก ไม่แปลกใจท่าเราจะได้ดูพวกเขาเขย่าเวทีอีกครั้งที่บ้านเราเร็วๆนี้ครับ
Say That's the Spirit to That's the Spirit !
Track By Track
Doomed
คงไม่มีเพลงไหนเหมาะที่จะเป็นเพลงเปิดในThat อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่ Doomed
เพราะนี่คือความท้าทาย อีกครั้งหนึ่งที่ทางวงเลือกใช้เพลงช้าและเบาที่สุดเพลงหนึ่งในอัลบัม
มาเปิดเป็นอินโทรของอัลบัม
ด้วยซาวด์Electronicและเสียงsynth ผสานกับเสียงร้องกระซิบ
กระซาบเบาๆ ราวกับว่ามีปีศาจกำลังเชื้อเชิญให้เปิดประตู
เข้าไปสู่ดินแดนของพวกเขา
ก่อนที่จะแผดเสียงให้ดังขึ้นอีกขั้นในท่อน Chorusราวกับเป็นเสียงกรีดร้องแสดงออกถึงความทรมาน
เพลงนี้เป็นเพลงช้าๆที่ชวนให้นึกถึงเพลง and the snakeในอัลบัม Sempiternal
อยู่เหมือนกันนะ
ด้วยความที่วงเป็นพวกAtheism ผู้ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า
เพลงนี้ก็เหมือนกับหลายเพลงที่พวกเขาเคยเขีนขึ้นมา คืออาจจะเกี่ยวกับการขายวิญญาณ ภูติผีปีศาจ ความกลัว ความหวาดระแวงและการถูกทอดทิ้งโดยพระผู้เป็นเจ้า
การตัดสิน การพิพากษา ใครล่ะคือผู้มีสิทธิ์ ?
Happy Song
เรามีความสุข เพราะ เราถูกสั่งให้มีความสุข?
เพลงนี้คือSingleแรกที่ทางวงได้ปล่อยออกมา (ถ้าไม่นับDrown) ซาวด์ริฟกีตาร์ชวนโดดแบบAlternative ต้นๆยุค2000's
ที่มีลูกเล่นจัดๆ ผสานกับเสียง คีย์บอร์ดรองพื้นบางๆ ควบคู่ ไปกับการแผดเสียงพอประมาณของ Oliver (โอวนี่มัน Hybrid Theory soundชัดๆ)
ผสานกับเสียงผู้หญิง แบบเชียร์ลีดเดอร์โดยเสียงผู้หญิง ร้องประสานเป็นของ ภรรยานายJordan นั่นเอง
โดยสรุปแล้วHappyก็คือเพลงที่Heavyสุดในอัลบัมเช่นกัน
Throne
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพลงนี้ โครตเหมือนLinkin Parkยุค Meteora หรือเพลงFaintดีๆนั่นเอง
เพลงนี้เป็นSingleที่สองและถ่ายทำเป็นMVตัวแรก ด้วยซาวด์ อิเล็กทรอนิกส์สวยๆ เน้นบีทเร็วๆปานกลางโดยไม่มีท่อนเบรคดาวน์มาชะลอความเร็วให้ลดลงแต่อย่างใด ผสานกับท่อนฮุคเท่ห์ๆพร้อมทั้งความหมายลุยๆเหมาะกับวัยโจ๋ ราวกลับจะพูดถึงระยะทางที่ฝ่าฟันการผ่านร้อนผ่านหนาวจนกระทั่งได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
True Friend
ผ่อนคลายความเร็วลงหน่อยระดับหนึ่ง กับ MVที่2 และSinglesที่ 3 ที่ตัดเป็นมินิซีรี่ย์ และกำลังจะมีภาคต่อ
ด้วยวลีที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองกันในขณะนี้ "True friends stab you in the front"
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพลงพูดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะดีนักของคนสองคนที่เคยเป็นอดีตเพื่อนรักกัน ด้วยภาษาที่ประชดประชัน จิกกัดหรือ อาจจะต่อยและถีบเลยถ้าเพลงยาวกว่านี้
ภาคดนตรีเป็นAlternative rock ฉุนๆ ที่มีกลิ่นอายSymphonic รองพื้นบางๆ ชวนให้นึกถึงLinkin Park (อีกแล้ว) ยุคหลังๆอยู่เหมือนกันนะ
เพลงนี้ทำดนตรีออกมาค่อนข้างฟังง่ายๆและมีเสียงคีย์บอร์ดสะกิดๆหูตลอดเวลา รวมถึงเสียงร้องประสานของJordanที่ค่อนข้างดังที่สุดเพลงหนึ่ง
Follow You
เพลงช้า ๆ บัลลาด ที่อุดมไปด้วยเสียงเปียโน และ ซินธิไซเซอร์ และเสียงคลีนหวานๆที่มีเสียงร้องประสานบางๆโดยไม่มีเสียงสครีมมากวนใจแต่อย่างใด
เมื่อมีด้านมืดมนก็ย่อมมีด้านสว่าง
Follow You เรียกได้ว่าเป็นเพลงรักที่อาจจะหวานที่สุดที่วงเคยทำเลยมาก็ว่าได้ โดยเนื้อเพลงพูดถึงการที่คนๆนึงช่วยให้เขารอดพ้นจากการตายทั้งเป็นคนๆนั้นคือ Hannah Sykes ศรีภรรยาของนาย Oliverนั่นเอง
promise me you’ll never leave my side” and “you can drag me through hell and I will follow you”.
What You Need
เป็นAlternative rockเหวี่ยงๆอีกเพลงหนึ่ง ที่ขึ้นต้นมาด้วยเสียงเบสเดินเด่นๆ ของMatt ที่คิดว่าเด่นสุดในอัลบัมแล้วและมีการไส่พาร์ทกีตาร์ โซโลกีตาร์สั้นๆลงไป
เพลงนี้พูดถึงความสัมพันธ์ของคนสองคนที่จบลงอย่างไม่สวยนัก (พาลนึกถึงโจน่าห์ทุกที)
Avalanche
เป็นอีกเพลงที่มีความเป็นเมนสตรีมสูงพอตัว และเป็นเพลงเร็ว ตามคำว่าหิมะถล่มแบบชื่อเพลง
เพลงนี้กล่าวถึงเรื่องไกล้ตัวที่สุดคือ โรคสมาธิสั้นของOliver ความหวาดระแวงในตัวเอง ราวกับถูกถล่มด้วยหิมะ ตามชื่อเพลงนั่นเอง
"I need a cure for me, because the square doesn't fit the circle"
Run
Jordan ยังคงเป็นกระดูกสันหลังและมันสมองของอัลบัมนี้
Run เป็นเพลงช้า ที่อุดมไปด้วยเสียงอิเล็กทรอนิกส์กลองแซมเพิล และเสียงสังเคราะห์หลอนๆที่ฟังดูเหมือนจะยิ่งจมลงไปทุกที โดยเสียงคีย์บอร์ดฟังแล้วนึกถึงเพลง Can You Feel My Heartอยู่เหมือนกัน
เพลงนี้พูดถึงความกลัว ความผิดหวังและการวิ่งหนีอะไรบางอย่างที่กำลังครอบงำตัวเอง
Drown
สิ่งหนึ่งสิ่งไหน เมื่อมีด้านเข้มแข็งย่อมมีทางแตกสลายได้ทั้งนั้น หรือทุกๆสิ่งบนโลกนี้ย่อมมีด้านตรงข้ามด้วยกันเสมอ
เชื่อว่าOliverเขียนเพลงนี้ขึ้นขณะกำลังพยายามเลิกยาเคตามีน
เราทุกคนย่องมีด้านอ่อนแอ ไม่มีใครเข้มแข็งตลอด
เพลงนี้บรรยายถึง การระลึกถึงความกลัว ความหวาดระแวง และอาจจะเป็นอีกด้านของพวกเขาที่ต้องการ และการหาทางเพื่อจะเอาชนะตนเอง
เพลงนี้ถือว่าเป็นSinglesที่เบาที่สุดที่วงเคยปล่อยออกมาในปลายปี2014และ
โดยได้ทำการรื้อเพลงเพื่อบันทึกเสียงใหม่ในอัลบัม That's the Spirit หลายคนอาจจะแปลกๆหูไปนิด แต่โดยรวมแล้วผู้เขียนชอบเวอร์ชันนี้มากกว่า
Blasphemy
ต้องบอกได้เลยว่าเพลงนี้ คือความก้าวร้าวที่ละมุนละไมก็ว่าได้
โดยความที่วงเป็นพวกAtheist หรือพวกไม่นับถือศาสนา ย่อมจะมีเพลงๆหนึ่งงประกาศถึงความหลุดพ้นของพวกเขาในอัลบัม
และท่อนกีตาร์โซโล่สวยๆในการเพลงเหมือนจะเป็นการออกความคิดเห็นที่ดังกว่าปกติของ Lee (โดยเขาได้ฝากเสียงโซโล่ไว้หลายเพลง แต่ผู้เขียนชอบไลน์โซโล่เพลงนี้สุดนะ)
Oh no
เป็นเรื่องปกติที่ในอัลบัมจะมีเพลงๆหนึ่งที่เรียกได้ว่าก้าวล้ำไปจากเพลงอื่นๆพอสมควรและ Oh noก็คือเพลงนั้นนั่นเอง และก็เป็นเรื่องธรรมดาที่แฟนๆเพลงเดนตายของวงจะกล่าวออกมาเหมือนดังชื่อเพลง
เป็นอีกครั้งที่ Oliverพรรณนาถึงช่วงที่เรียกได้ว่า ตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งของตัวเขาเอง
ความสุขชั่วคราวความสุขจอมปลอมมักไม่ยืนยาว ความพยายามที่จะสู้กับตนเองในการเลิกยา และนับเป็นเรื่องยินดีอย่างมากที่เขาสามารถเลิกยาเคได้อย่างถาวรก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
บีท จังหวะช้าๆ ราวกับเป็นเสียงเต้นของหัวใจ โดยผสานไปกับกีตาร์เสียงคลีนจางๆ ,กลอง,เบส และเสียงสังเคราะห์บีทต่ำๆจังหวะHip Hop ผสานไปกับดนตรีออร์เคสตรารองพื้นบางๆ และเมื่อเพลงใกล้จะจบแล้ว เราจะได้ยินเสียง โซโล่ของ แซกโซโฟนสวยๆในท้ายเพลง