เราว่าทุกอาชีพ ทุกสาขา ทุกคณะ
ไม่มีอาชีพไหน สาขาไหน คณะไหนที่ไม่เหนื่อย
มาดูความเหนื่อยของพวกเราในฐานะนิสิตครู
นี่แค่เริ่มต้น ทำงานจริงหนักกว่านี้หลายเท่า
-เราเรียน 5 ปีนะ รู้ยังตอนเรียนเราก็ชิวดี แต่พอตอนฝึกสอนเราไม่รู้ว่าความชิวมันหายไปไหนหมด
-เราเรียน 5 ปีไม่พอ เราต้องทำวิจัย 5 บท 2 เล่ม ทำคนเดียวด้วยนะ นี่ยังไม่รวมตอนเรียนวิชาวิจัยตอนปีสี่ เราก็ทำนะ 5 บทเนี้ยแต่โชคดีหน่อยทำเป็นกลุ่มได้
-เราเรียน 5 ปีก็จริง เราจบมาเราต้องสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูแข่งกับว่าที่ครูไม่รู้กี่พันกี่หมื่นชีวิต ถ้าเราสอบบรรจุไม่ติด ไปเป็นอัตราจ้างบางทีเงินเดือนเราก็ไม่ถึงหมื่นห้านะ แต่อย่างว่าอาชีพนี้เงินไม่ได้เป็นตัวดึงดูดเราอยู่แล้ว
-ต่อให้มีสไตล์การดำเนินชีวิตแบบไหน ถ้าเราอยู่ในโรงเรียน เราต้องเรียบร้อยทั้งกาย วาจา ใจ เป็นแบบอย่างที่ดีให้นักเรียนเห็น
-ตอนเราฝึกสอนเราทำเกือบจะทุกอย่างเหมือนครู สอน ทำชีท ออกข้อสอบ ตรวจข้อสอบ คุมสอบ ตัดเกรด ช่วยงานรร. เราไม่ได้เงินเดือนนะ แต่เราได้ประสบการณ์
-ปกติงานอื่นจะเริ่มงานกันประมาณแปดโมง แปดโมงครึ่ง แต่สำหรับเราเจ็ดโมงครึ่งต้องถึงโรงเรียน แต่เรายังโชคดีที่เราทำงานเป็นเวลา ไม่เหมือนหมอหรือพยาบาล เค้าหนักและเหนื่อยกว่าเราจริงๆ
-เสาร์ อาทิตย์ จริงๆแล้วเราไม่ได้พักหรอกทำแผน ทำสื่อ เตรียมสอบ อีหรอบเดิมตลอดทั้งเทอม
-เดือนไหนมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ เรานี่ดีใจกว่าเด็กนักเรียนอีกครัช
-วันไหนที่เรามีนิเทศก์การสอน หรือสอบสอน เราจะเครียดมาก กังวลมาก ตื่นเต้นมาก เรามักจะมวนๆท้องเสมอก่อนที่อาจารย์จะมานิเทศก์
-รู้ไหมหลายๆเรื่องตอนฝึกสอนเราผ่านมันมาได้เพราะเพื่อน เพื่อนทำเรื่องกลุ้มใจของเราเป็นเรื่องตลกได้เสมอ
-นอกจากภาระงานที่ รร. ที่เราต้องทำแล้ว เรายังต้องรับผิดชอบภาระงานของตัวเองด้วย วิจัย 1 เล่ม 1 เทอม แผนการสอนทุกคาบที่สอน บันทึกการปฏิบัติงาน โครงสร้างรายวิชา เข้าไปสัมมนาที่มหาวิทยาลัย เป็นต้น
-พวกเราหลายคนไม่ได้ขอเงินพ่อแม่เต็มจำนวน เพราะฉะนั้นหลัง รร. เลิกหรือเสาร์อาทิตย์เรามักจะไปสอนพิเศษหาเงินเพื่อเป็นค่าเดินทางบ้าง ค่าหอบ้าง
-แรงบันดาลใจในการสอนของเราคือนักเรียน แต่บางทีนักเรียนก็ไม่ให้แรงบันดาลใจกับเราเลย
-ใครได้นักเรียนดีก็ดีไป ส่วนใครที่ได้ไม่ดีก็นะ รู้ไหมกับบางคำพูดของนักเรียนที่พูดออกมาโดยที่บางครั้งเขาอาจจะไม่คิดอะไร มันสามารถทำร้ายจิตใจเราได้เยอะมาก และบางครั้งความคิดที่อยากเป็นครูมันก็หายไป
-นั้นแหละเรามักบอกตัวเองเสมอทุกอย่างต้องจบในห้องเรียน แต่เราก็ทำไม่ได้ บางคำพูด บางการกระทำที่ไม่ดีของนักเรียน เราเก็บเอามาคิด ได้เป็นวัน สองวัน
-เรารัก เราหวังดีกับนักเรียนของเราทุกคน เราไม่เลือก และเราเลือกไม่ได้ว่าจะรักหรือเกลียดใคร แม้กระทั่งกับนักเรียนที่ไม่ชอบเรา พูดจาไม่ดีกับเรา เราก็ยังเป็นห่วงอนาคตของเขาอยู่ดี
-รู้ไหมมีพวกเราบางคนร้องไห้เพราะนักเรียน เราไม่ได้ขี้แย แต่มันเหนื่อยตรงที่ ทำไมนักเรียนบางคนถึงไม่เห็นความรัก ความหวังดี ความตั้งใจของพวกเราที่มีต่อพวกเขาเลย
-บางทีเราตั้งใจทำสื่อการสอนมากๆ สื่อมือด้วยนะ ต้องใช้ทั้งเงิน เวลา แรงกายและแรงใจ แต่พอเอาไปสอนจริงๆ นักเรียนไม่เล่น ไม่สน เรา fail!! มากด้วย เคยตั้งใจทำอะไรให้ใครสักคนมั้ยหล่ะ แล้วเค้าไม่สนใจ รู้สึกยังไง เราก็เป็นแบบนั้นแหละ ไม่มีแฟน แต่รู้สึกเหมือนอกหักอยู่บ่อยๆ
-อยู่ๆเราจะจับหนังสือแล้วเดินไปสอนเลยไม่ได้นะ เราต้องเตรียมตัว เตรียมสื่อ เตรียมแผน สอนแต่ละครั้งเราต้องเตรียมตัวล่วงหน้า วางแผนจะสอนนั่นสอนนี่ แต่สุดท้ายนักเรียน
ก็ไม่ฟัง fail ไปอีก
-เราสามารถแหกปากพูดและตอบคำถามเดิมๆได้ไม่รู้กี่รอบ เพราะตอนเราพูดนักเรียนไม่ฟัง พอเราพูดจบ นักเรียนก็ถามทันทีว่าเราให้ทำอะไร
-เราต้องด่า ต้องบ่นนักเรียนทั้งห้อง เพียงเพราะมีนักเรียนบางคนมีพฤติกรรมที่ไม่ดี เราอยากด่าเฉพาะคนที่ทำผิด แต่มันไม่ได้จริงๆ เพราะได้ยินกันทั้งห้อง
-นักเรียนมักจะคิดว่าเบื่อ ไม่ชอบเรา แต่หารู้ไม่ว่าครูก็เบื่อเหมือนกัน แค่ไม่แสดงออก เท่านั้นเอง
-จะมีสักกี่อาชีพที่รู้ว่าถ้าทำอย่างนี้คนอื่นจะไม่ชอบ จะเกลียด จะนินทา แต่เราก็ยังทำ เราบ่น เราว่า เราตักเตือน ถ้าเห็นว่าสิ่งที่นักเรียนทำมันไม่โอเค เราไม่สนใจหรอกว่าใครจะมารักมาชอบเรา เราแค่อยากให้เขาได้ดี แค่นี้เราก็พอใจเเล้ว
-เราไม่เสียใจ ถ้านักเรียนที่เราสอนจำเราไม่ได้หรือไม่ยกมือไหว้เรา ถึงจะยังไงเขาก็เป็นศิษย์ของเรา
-เราโกรธนักเรียนไม่นานหรอก บางทีเราด่านักเรียนเสร็จ เราก็ต้องปั้นหน้าทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราบ้ามั้ยหล่ะ
-งานบางงานที่ นร. ทำส่งเรามา เรานี่เหมือนจะโยนทิ้งถังขยะ เขียนด้วยมือหรือเขียนด้วยทีนแต่เราทิ้งไม่ได้ เราต้องพยายามอ่าน ให้มันได้คะแนนมากที่สุด
-ถ้านักเรียนติดศูนย์วิชาเรา บ่นเราอีก ด่าเราอีก แต่หารู้มั้ยกรรมย่อมเกิดจากการกระทำของตัวเอง
-นอกจากเราจะเจอกับนักเรียนร้อยพ่อพันแม่แล้ว ปกติบ้างไม่ปกติบ้าง เรายังต้องประสานงานกับอาจารย์นิเทศก์ ครูพี่เลี้ยงที่ รร. ซึ่งก็ร้อยพ่อพันแม่เหมือนกัน
-นอกจากบุคคลร้อยพ่อพันแม่ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บางที่บาง รร. ยังได้รับความกดดันจากผู้ปกครองอีก เราตี เราด่า เราว่าไม่ได้หรอก เด็กบางคนถึงได้แสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและไม่เคารพครูเพราะมีพ่อแม่ถือหางอยู่
-แม้สังคมสมัยนี้ นักเรียนสมัยนี้ ไม่ได้ยกย่องครูเหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็ภูมิใจ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปมเพาะเยาวชนของชาติให้เติบโตไปเป็นคนดีและคนเก่ง
-ถึงจะย้อนเวลากลับไปได้ เราก็ยังเลือกที่จะเรียนสาขานี้ วิชาชีพนี้ อยู่ดี
-ปล. ถ้าคบกับครู คุณจะได้พ่อและแม่ที่ดีของลูกเลยแหละ จะบอกให้
[CR] ฝึกสอนไง จะอะไรอีกหล่ะ
ไม่มีอาชีพไหน สาขาไหน คณะไหนที่ไม่เหนื่อย
มาดูความเหนื่อยของพวกเราในฐานะนิสิตครู
นี่แค่เริ่มต้น ทำงานจริงหนักกว่านี้หลายเท่า
-เราเรียน 5 ปีนะ รู้ยังตอนเรียนเราก็ชิวดี แต่พอตอนฝึกสอนเราไม่รู้ว่าความชิวมันหายไปไหนหมด
-เราเรียน 5 ปีไม่พอ เราต้องทำวิจัย 5 บท 2 เล่ม ทำคนเดียวด้วยนะ นี่ยังไม่รวมตอนเรียนวิชาวิจัยตอนปีสี่ เราก็ทำนะ 5 บทเนี้ยแต่โชคดีหน่อยทำเป็นกลุ่มได้
-เราเรียน 5 ปีก็จริง เราจบมาเราต้องสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูแข่งกับว่าที่ครูไม่รู้กี่พันกี่หมื่นชีวิต ถ้าเราสอบบรรจุไม่ติด ไปเป็นอัตราจ้างบางทีเงินเดือนเราก็ไม่ถึงหมื่นห้านะ แต่อย่างว่าอาชีพนี้เงินไม่ได้เป็นตัวดึงดูดเราอยู่แล้ว
-ต่อให้มีสไตล์การดำเนินชีวิตแบบไหน ถ้าเราอยู่ในโรงเรียน เราต้องเรียบร้อยทั้งกาย วาจา ใจ เป็นแบบอย่างที่ดีให้นักเรียนเห็น
-ตอนเราฝึกสอนเราทำเกือบจะทุกอย่างเหมือนครู สอน ทำชีท ออกข้อสอบ ตรวจข้อสอบ คุมสอบ ตัดเกรด ช่วยงานรร. เราไม่ได้เงินเดือนนะ แต่เราได้ประสบการณ์
-ปกติงานอื่นจะเริ่มงานกันประมาณแปดโมง แปดโมงครึ่ง แต่สำหรับเราเจ็ดโมงครึ่งต้องถึงโรงเรียน แต่เรายังโชคดีที่เราทำงานเป็นเวลา ไม่เหมือนหมอหรือพยาบาล เค้าหนักและเหนื่อยกว่าเราจริงๆ
-เสาร์ อาทิตย์ จริงๆแล้วเราไม่ได้พักหรอกทำแผน ทำสื่อ เตรียมสอบ อีหรอบเดิมตลอดทั้งเทอม
-เดือนไหนมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ เรานี่ดีใจกว่าเด็กนักเรียนอีกครัช
-วันไหนที่เรามีนิเทศก์การสอน หรือสอบสอน เราจะเครียดมาก กังวลมาก ตื่นเต้นมาก เรามักจะมวนๆท้องเสมอก่อนที่อาจารย์จะมานิเทศก์
-รู้ไหมหลายๆเรื่องตอนฝึกสอนเราผ่านมันมาได้เพราะเพื่อน เพื่อนทำเรื่องกลุ้มใจของเราเป็นเรื่องตลกได้เสมอ
-นอกจากภาระงานที่ รร. ที่เราต้องทำแล้ว เรายังต้องรับผิดชอบภาระงานของตัวเองด้วย วิจัย 1 เล่ม 1 เทอม แผนการสอนทุกคาบที่สอน บันทึกการปฏิบัติงาน โครงสร้างรายวิชา เข้าไปสัมมนาที่มหาวิทยาลัย เป็นต้น
-พวกเราหลายคนไม่ได้ขอเงินพ่อแม่เต็มจำนวน เพราะฉะนั้นหลัง รร. เลิกหรือเสาร์อาทิตย์เรามักจะไปสอนพิเศษหาเงินเพื่อเป็นค่าเดินทางบ้าง ค่าหอบ้าง
-แรงบันดาลใจในการสอนของเราคือนักเรียน แต่บางทีนักเรียนก็ไม่ให้แรงบันดาลใจกับเราเลย
-ใครได้นักเรียนดีก็ดีไป ส่วนใครที่ได้ไม่ดีก็นะ รู้ไหมกับบางคำพูดของนักเรียนที่พูดออกมาโดยที่บางครั้งเขาอาจจะไม่คิดอะไร มันสามารถทำร้ายจิตใจเราได้เยอะมาก และบางครั้งความคิดที่อยากเป็นครูมันก็หายไป
-นั้นแหละเรามักบอกตัวเองเสมอทุกอย่างต้องจบในห้องเรียน แต่เราก็ทำไม่ได้ บางคำพูด บางการกระทำที่ไม่ดีของนักเรียน เราเก็บเอามาคิด ได้เป็นวัน สองวัน
-เรารัก เราหวังดีกับนักเรียนของเราทุกคน เราไม่เลือก และเราเลือกไม่ได้ว่าจะรักหรือเกลียดใคร แม้กระทั่งกับนักเรียนที่ไม่ชอบเรา พูดจาไม่ดีกับเรา เราก็ยังเป็นห่วงอนาคตของเขาอยู่ดี
-รู้ไหมมีพวกเราบางคนร้องไห้เพราะนักเรียน เราไม่ได้ขี้แย แต่มันเหนื่อยตรงที่ ทำไมนักเรียนบางคนถึงไม่เห็นความรัก ความหวังดี ความตั้งใจของพวกเราที่มีต่อพวกเขาเลย
-บางทีเราตั้งใจทำสื่อการสอนมากๆ สื่อมือด้วยนะ ต้องใช้ทั้งเงิน เวลา แรงกายและแรงใจ แต่พอเอาไปสอนจริงๆ นักเรียนไม่เล่น ไม่สน เรา fail!! มากด้วย เคยตั้งใจทำอะไรให้ใครสักคนมั้ยหล่ะ แล้วเค้าไม่สนใจ รู้สึกยังไง เราก็เป็นแบบนั้นแหละ ไม่มีแฟน แต่รู้สึกเหมือนอกหักอยู่บ่อยๆ
-อยู่ๆเราจะจับหนังสือแล้วเดินไปสอนเลยไม่ได้นะ เราต้องเตรียมตัว เตรียมสื่อ เตรียมแผน สอนแต่ละครั้งเราต้องเตรียมตัวล่วงหน้า วางแผนจะสอนนั่นสอนนี่ แต่สุดท้ายนักเรียนก็ไม่ฟัง fail ไปอีก
-เราสามารถแหกปากพูดและตอบคำถามเดิมๆได้ไม่รู้กี่รอบ เพราะตอนเราพูดนักเรียนไม่ฟัง พอเราพูดจบ นักเรียนก็ถามทันทีว่าเราให้ทำอะไร
-เราต้องด่า ต้องบ่นนักเรียนทั้งห้อง เพียงเพราะมีนักเรียนบางคนมีพฤติกรรมที่ไม่ดี เราอยากด่าเฉพาะคนที่ทำผิด แต่มันไม่ได้จริงๆ เพราะได้ยินกันทั้งห้อง
-นักเรียนมักจะคิดว่าเบื่อ ไม่ชอบเรา แต่หารู้ไม่ว่าครูก็เบื่อเหมือนกัน แค่ไม่แสดงออก เท่านั้นเอง
-จะมีสักกี่อาชีพที่รู้ว่าถ้าทำอย่างนี้คนอื่นจะไม่ชอบ จะเกลียด จะนินทา แต่เราก็ยังทำ เราบ่น เราว่า เราตักเตือน ถ้าเห็นว่าสิ่งที่นักเรียนทำมันไม่โอเค เราไม่สนใจหรอกว่าใครจะมารักมาชอบเรา เราแค่อยากให้เขาได้ดี แค่นี้เราก็พอใจเเล้ว
-เราไม่เสียใจ ถ้านักเรียนที่เราสอนจำเราไม่ได้หรือไม่ยกมือไหว้เรา ถึงจะยังไงเขาก็เป็นศิษย์ของเรา
-เราโกรธนักเรียนไม่นานหรอก บางทีเราด่านักเรียนเสร็จ เราก็ต้องปั้นหน้าทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราบ้ามั้ยหล่ะ
-งานบางงานที่ นร. ทำส่งเรามา เรานี่เหมือนจะโยนทิ้งถังขยะ เขียนด้วยมือหรือเขียนด้วยทีนแต่เราทิ้งไม่ได้ เราต้องพยายามอ่าน ให้มันได้คะแนนมากที่สุด
-ถ้านักเรียนติดศูนย์วิชาเรา บ่นเราอีก ด่าเราอีก แต่หารู้มั้ยกรรมย่อมเกิดจากการกระทำของตัวเอง
-นอกจากเราจะเจอกับนักเรียนร้อยพ่อพันแม่แล้ว ปกติบ้างไม่ปกติบ้าง เรายังต้องประสานงานกับอาจารย์นิเทศก์ ครูพี่เลี้ยงที่ รร. ซึ่งก็ร้อยพ่อพันแม่เหมือนกัน
-นอกจากบุคคลร้อยพ่อพันแม่ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บางที่บาง รร. ยังได้รับความกดดันจากผู้ปกครองอีก เราตี เราด่า เราว่าไม่ได้หรอก เด็กบางคนถึงได้แสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและไม่เคารพครูเพราะมีพ่อแม่ถือหางอยู่
-แม้สังคมสมัยนี้ นักเรียนสมัยนี้ ไม่ได้ยกย่องครูเหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็ภูมิใจ ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปมเพาะเยาวชนของชาติให้เติบโตไปเป็นคนดีและคนเก่ง
-ถึงจะย้อนเวลากลับไปได้ เราก็ยังเลือกที่จะเรียนสาขานี้ วิชาชีพนี้ อยู่ดี
-ปล. ถ้าคบกับครู คุณจะได้พ่อและแม่ที่ดีของลูกเลยแหละ จะบอกให้