วันนี้ผมได้ไปดูหนังเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนครับกับ The Hunger Games: Mockingjay - Part 2 ที่ตั้งตารอมานานและก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ
ภาคนี้ ไม่ได้มีฉากฟินๆของพีต้ากับแคทนิสให้คนดูได้ชมเท่าไหร่เลย เน้นฉากบู๊เต็มที่มาก
ภาคนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสมจริงหลายประการของการปกครองในระบบอาณานิคม
การปกครองใน panem แบ่งออกเป็นเขตต่างๆจำนวนมาก โดยหลักการแล้วเขตที่ทำหน้าที่สำคัญย่อมได้รับการเอาใจใส่มากกว่า เพื่อให้มีความจงรักภักดี
ในเรื่อง capital มีพื้นที่น้อยมาก ตัวเองแทบจะไม่มีทรัพยากรอะไรเลย(ไม่มีทั้งโรงงาน เหมือง หรือแม้แต่อาหารที่ผลิตเองได้) ตัวเองมีหน้าที่รับบรรณาการเท่านั้น จึงต้องมีการแบ่งหน้าที่ให้ดี
จากภาพ เขต 2 ซึ่งเป็นคลังแสงถือเป็นส่วนสำคัญที่สุด หากเสียเขตนี้ไป capital ก็เหมือนเสือที่ไร้เขี้ยวเล็บ จึงเลือกเก็บอาวุธไว้ในเขตที่ใกล้ตัวที่สุด และปฏิบัติการประชาชนที่นี่ดีกว่าในเขตอื่น เพื่อให้เกิดความจงรักภักดีและไม่แปรพักตร์ง่ายๆ ขณะที่เอานิวเคลียร์ไปไว้ไกลตัว(เขต13) ต่อให้เกิดระเบิดขึ้น ตัวเองก็ยังจัดว่าปลอดภัย
ในเรื่อง Coin เองก็จัดว่าเข้าขั้นอัจฉริยะ ที่สามารถใช้ Mockingjay ปลุกปั่นให้ผู้คนทุกเขตลุกฮือขึ้นพร้อมกันได้ เพราะการโค่นอำนาจ capital หากทุกเขตไม่ร่วมมือกัน มันก็ไร้ความหมาย
แผนการของ Coin คือการทำให้ capital เป็นต้นไม้ที่เฉาตาย อย่างที่กล่าวไป capital เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำเลี้ยงตลอดเวลา หากเสียอาณานิคมต่างๆไป ก็เหมือนต้นไม้ที่ไม่มีรากไว้ดูดน้ำ
เขต 2 มีความสำคัญสูงสุดสำหรับ capital ทำให้ Coin เลือกที่จะไม่โจมตีเขตนี้ในทันที เพราะจัดเป็นเขตที่มีแนวร่วมอยู่น้อย และต้องมีการป้องกันแน่นหนาที่สุด การโจมตี capital หรือเขต 2 ในทันทีเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนัก เพราะยังไงก็ไม่มีทางชนะได้ จึงจำเป็นต้องไล่ยึดไปทีละเขต เป็นการตัดกำลัง capital แล้วจึงยึดเขต 2 เป็นลำดับสุดท้าย
เมื่อเขต 2 ถูกยึดได้ ย่อมหมายถึงความพ่ายแพ้ของ capital ใกล้เข้ามามากแล้ว ไม่ต้องแปลกใจถ้าหากในเรื่องทัพกบฎสามารถบุกเข้าเมืองได้ง่ายๆ เพราะในเวลานั้น capital ไม่มีอะไรเหลือแล้ว การที่ capital ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย หมายความว่าไม่พร้อมทำสงครามยืดเยื้อ และต้องจบสงครามโดยเร็วที่สุด (ไม่มีทั้งโรงงาน เหมือง หรือแม้แต่อาหารที่ผลิตเองได้) การที่ capital ไม่สามารถเผด็จศึกได้โดยเร็ว แถมยังเสียอาณานิคมทั้งหมดไปก็คือแพ้แล้ว ต่อให้ทัพกบฎไม่บุกไป ไม่นานเดี๋ยว capital ก็ต้องบุกออกมาเอง เพราะตัวเองไม่มีอะไรจะกิน
อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือประเด็นทางเรื่องการเมือง หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าในเหตุการณ์ที่มีการปะทะกันสองฝ่าย ประชาชนตาดำๆแทบไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลย แกนนำระดับสูงขึ้นมาก็จะพอรู้เบื้องหลังบ้าง แต่ไม่ได้รู้ทั้งหมด คนที่จะรู้เหตุการณ์ทั้งหมดก็มีแต่ผู้นำของสองฝ่าย ส่วนคนอื่นๆเป็นได้แค่หมากตัวหนึ่งในเกมของเขา ประชาชนเชื่อเต็มหัวใจ ว่าที่ทำอยู่คือเพื่อตัวเอง แต่แท้จริงแล้วก็เป็นแค่การทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้นำของตัวเองโดยที่ประชาชนเองไม่รู้ตัวเลย
มนุษย์เรา พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่ตนอยากให้เป็นอยู่แล้ว เช่นในเรื่อง ทุกคนคิดอยู่แล้วว่าสโนวเป็นคนไม่ดีและ coin เป็นคนดี ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน พอมีระเบิดลูกที่สองลงมา ทุกคนเลยพาลคิดไปเองว่าเป็นฝีมือสโนว โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าจะเกิดผลอะไรตามมา และใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ (ซึ่งหากคิดดีๆแล้ว Snow แทบไม่ได้อะไรจากการระเบิดนั่นเลย คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆคือ Coin ที่ใช้มันขับเคลื่อนความโกรธของมวลชน และทำให้ประชาชนยิ่งรู้สึกว่า Snow เลวมากกว่าเดิมเสียอีก)
ตอนจบ สำหรับผม Mockingjay ยังมีชีวิตอยู่ได้นับว่าเป็นบุญมากแล้วครับ หากเธอไม่ยิง Coin เธอเองคือฝ่ายที่จะถูกไล่ล่า เชื่อได้ว่าด้วยบารมีของ Coin เธอจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ และปกครองอย่างเผด็จการแน่นอน ซึ่งถึงตอนนั้น ตัวอันตรายอย่าง Mockingjay ก็ปล่อยไว้ไม่ได้
แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรไปเมื่อ Coin ถูกยิงตายท่ามกลางความงุนงงของคนดู ประเทศต้องมีผู้นำรักษาการณ์ขึ้นมาแทน แน่นอนว่าผู้นำรักษาการณ์คนใหม่ ไม่ได้มีอำนาจบารมีอย่าง Coin เธอจึงไม่สามารถทำอย่างที่ Coin คิดจะทำได้ แต่อย่างไรก็ตาม Mockingjay ซึ่งเป็นตัวอันตรายก็เก็บไว้ใกล้ๆไม่ได้อยู่ดี ขณะที่คนอย่างเกลกลับได้เป็นใหญ่เป็นโต ซึ่งก็ตรงกับโลกแห่งความจริงเสียเหลือเกิน
ส่วนตัวผมคิดว่ามีภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งที่คล้ายเรื่องนี้มาก คือเรื่องนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือมันไม่สนใจจะทำให้คนดูได้ฟินกันในตอนจบเลยนะ เล่นมาตั้งนาน นึกจะจบก็จบเอาดื้อๆ แบบนี้ไม่ถูกใจคนดูหลายคนแน่ๆ แต่อย่างน้อยก็ได้ข้อคิด ได้ความสมจริงมาล่ะเนอะ
ขอให้ทุกท่านชมภาพยนตร์ให้สนุกครับ
The Hunger Games: Mockingjay - Part 2 หนังที่เน้นความเหมือนจริง แต่อาจไม่ถูกใจคนดูหลายคน[spoil]
วันนี้ผมได้ไปดูหนังเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนครับกับ The Hunger Games: Mockingjay - Part 2 ที่ตั้งตารอมานานและก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ
ภาคนี้ ไม่ได้มีฉากฟินๆของพีต้ากับแคทนิสให้คนดูได้ชมเท่าไหร่เลย เน้นฉากบู๊เต็มที่มาก
ภาคนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสมจริงหลายประการของการปกครองในระบบอาณานิคม
การปกครองใน panem แบ่งออกเป็นเขตต่างๆจำนวนมาก โดยหลักการแล้วเขตที่ทำหน้าที่สำคัญย่อมได้รับการเอาใจใส่มากกว่า เพื่อให้มีความจงรักภักดี
ในเรื่อง capital มีพื้นที่น้อยมาก ตัวเองแทบจะไม่มีทรัพยากรอะไรเลย(ไม่มีทั้งโรงงาน เหมือง หรือแม้แต่อาหารที่ผลิตเองได้) ตัวเองมีหน้าที่รับบรรณาการเท่านั้น จึงต้องมีการแบ่งหน้าที่ให้ดี
จากภาพ เขต 2 ซึ่งเป็นคลังแสงถือเป็นส่วนสำคัญที่สุด หากเสียเขตนี้ไป capital ก็เหมือนเสือที่ไร้เขี้ยวเล็บ จึงเลือกเก็บอาวุธไว้ในเขตที่ใกล้ตัวที่สุด และปฏิบัติการประชาชนที่นี่ดีกว่าในเขตอื่น เพื่อให้เกิดความจงรักภักดีและไม่แปรพักตร์ง่ายๆ ขณะที่เอานิวเคลียร์ไปไว้ไกลตัว(เขต13) ต่อให้เกิดระเบิดขึ้น ตัวเองก็ยังจัดว่าปลอดภัย
ในเรื่อง Coin เองก็จัดว่าเข้าขั้นอัจฉริยะ ที่สามารถใช้ Mockingjay ปลุกปั่นให้ผู้คนทุกเขตลุกฮือขึ้นพร้อมกันได้ เพราะการโค่นอำนาจ capital หากทุกเขตไม่ร่วมมือกัน มันก็ไร้ความหมาย
แผนการของ Coin คือการทำให้ capital เป็นต้นไม้ที่เฉาตาย อย่างที่กล่าวไป capital เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำเลี้ยงตลอดเวลา หากเสียอาณานิคมต่างๆไป ก็เหมือนต้นไม้ที่ไม่มีรากไว้ดูดน้ำ
เขต 2 มีความสำคัญสูงสุดสำหรับ capital ทำให้ Coin เลือกที่จะไม่โจมตีเขตนี้ในทันที เพราะจัดเป็นเขตที่มีแนวร่วมอยู่น้อย และต้องมีการป้องกันแน่นหนาที่สุด การโจมตี capital หรือเขต 2 ในทันทีเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนัก เพราะยังไงก็ไม่มีทางชนะได้ จึงจำเป็นต้องไล่ยึดไปทีละเขต เป็นการตัดกำลัง capital แล้วจึงยึดเขต 2 เป็นลำดับสุดท้าย
เมื่อเขต 2 ถูกยึดได้ ย่อมหมายถึงความพ่ายแพ้ของ capital ใกล้เข้ามามากแล้ว ไม่ต้องแปลกใจถ้าหากในเรื่องทัพกบฎสามารถบุกเข้าเมืองได้ง่ายๆ เพราะในเวลานั้น capital ไม่มีอะไรเหลือแล้ว การที่ capital ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย หมายความว่าไม่พร้อมทำสงครามยืดเยื้อ และต้องจบสงครามโดยเร็วที่สุด (ไม่มีทั้งโรงงาน เหมือง หรือแม้แต่อาหารที่ผลิตเองได้) การที่ capital ไม่สามารถเผด็จศึกได้โดยเร็ว แถมยังเสียอาณานิคมทั้งหมดไปก็คือแพ้แล้ว ต่อให้ทัพกบฎไม่บุกไป ไม่นานเดี๋ยว capital ก็ต้องบุกออกมาเอง เพราะตัวเองไม่มีอะไรจะกิน
อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือประเด็นทางเรื่องการเมือง หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าในเหตุการณ์ที่มีการปะทะกันสองฝ่าย ประชาชนตาดำๆแทบไม่ได้รู้ความจริงอะไรเลย แกนนำระดับสูงขึ้นมาก็จะพอรู้เบื้องหลังบ้าง แต่ไม่ได้รู้ทั้งหมด คนที่จะรู้เหตุการณ์ทั้งหมดก็มีแต่ผู้นำของสองฝ่าย ส่วนคนอื่นๆเป็นได้แค่หมากตัวหนึ่งในเกมของเขา ประชาชนเชื่อเต็มหัวใจ ว่าที่ทำอยู่คือเพื่อตัวเอง แต่แท้จริงแล้วก็เป็นแค่การทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้นำของตัวเองโดยที่ประชาชนเองไม่รู้ตัวเลย
มนุษย์เรา พร้อมจะเชื่อในสิ่งที่ตนอยากให้เป็นอยู่แล้ว เช่นในเรื่อง ทุกคนคิดอยู่แล้วว่าสโนวเป็นคนไม่ดีและ coin เป็นคนดี ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน พอมีระเบิดลูกที่สองลงมา ทุกคนเลยพาลคิดไปเองว่าเป็นฝีมือสโนว โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าจะเกิดผลอะไรตามมา และใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ (ซึ่งหากคิดดีๆแล้ว Snow แทบไม่ได้อะไรจากการระเบิดนั่นเลย คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆคือ Coin ที่ใช้มันขับเคลื่อนความโกรธของมวลชน และทำให้ประชาชนยิ่งรู้สึกว่า Snow เลวมากกว่าเดิมเสียอีก)
ตอนจบ สำหรับผม Mockingjay ยังมีชีวิตอยู่ได้นับว่าเป็นบุญมากแล้วครับ หากเธอไม่ยิง Coin เธอเองคือฝ่ายที่จะถูกไล่ล่า เชื่อได้ว่าด้วยบารมีของ Coin เธอจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ และปกครองอย่างเผด็จการแน่นอน ซึ่งถึงตอนนั้น ตัวอันตรายอย่าง Mockingjay ก็ปล่อยไว้ไม่ได้
แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรไปเมื่อ Coin ถูกยิงตายท่ามกลางความงุนงงของคนดู ประเทศต้องมีผู้นำรักษาการณ์ขึ้นมาแทน แน่นอนว่าผู้นำรักษาการณ์คนใหม่ ไม่ได้มีอำนาจบารมีอย่าง Coin เธอจึงไม่สามารถทำอย่างที่ Coin คิดจะทำได้ แต่อย่างไรก็ตาม Mockingjay ซึ่งเป็นตัวอันตรายก็เก็บไว้ใกล้ๆไม่ได้อยู่ดี ขณะที่คนอย่างเกลกลับได้เป็นใหญ่เป็นโต ซึ่งก็ตรงกับโลกแห่งความจริงเสียเหลือเกิน
ส่วนตัวผมคิดว่ามีภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งที่คล้ายเรื่องนี้มาก คือเรื่องนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือมันไม่สนใจจะทำให้คนดูได้ฟินกันในตอนจบเลยนะ เล่นมาตั้งนาน นึกจะจบก็จบเอาดื้อๆ แบบนี้ไม่ถูกใจคนดูหลายคนแน่ๆ แต่อย่างน้อยก็ได้ข้อคิด ได้ความสมจริงมาล่ะเนอะ
ขอให้ทุกท่านชมภาพยนตร์ให้สนุกครับ