(คลิป) เอลิซ่า แลม กับปริศนาแห่งความตาย !!!!

กระทู้สนทนา
จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีใครสามารถไขปริศนาแห่งความตายของเธอได้  ว่าเธอสามารถปีนขึ้นไปตกแท๊งค์น้ำสูงขนาดนั้นจนจมน้ำตายได้อย่างไร  

เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อมโยงเหตุการณ์หลังจากนั้นไว้โดยสันนิษฐานว่า อลิซ่า ขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงแรม ปินลงไปในแทงค์น้ำขนาดใหญ่ที่ใช้บริโภคภายในโรงแรม และจมน้ำตายในนั้น ศพของเธอถูกพบหลังจากนั้น 2 สัปดาห์ต่อมา ด้วยว่า บรรดาแขกโรงแรมต่างตำหนิถึงน้ำในโรงแรม ซึ่งไม่ค่อยไหล และยังมีรสเฝื่อน สีคล้ำผิดปกติ
      
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพฤติกรรมผิดปกติของ อลิซ่า ในวิดีโอเทป ทุกคนต่างลงความเห็นไปในทางว่า เธอน่าจะเมายา แต่กระนั้นข้อมูลชันสูตร ตำรวจยืนยันว่า ไม่พบสารเสพติดใดๆ ทั้งสิ้นในศพของเธอ
      
ประวัติสยอง ปริศนาดำมืด ของซีซิลโฮเตล
      
       สื่อออนไลน์ ที่ได้ติดตามการสรุปคดีเสียชีวิตของ แลม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าเป็นการเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ กระนั้น หลายปมประเด็นที่แคลงใจ ทำให้ชาวเน็ตฯ หลายคนนำประวัติของโรงแรมดังกล่าวมาเผย แม้จะไม่อาจเชื่อมโยงตรรกะในการสืบสวนฯ กับกรณีผู้เสียชีวิตรายล่าสุด แต่หลายๆ คนรู้สึกว่ามีปริศนาบางอย่างที่รอการพิสูจน์
      
       ตามประวัตินั้น ซีซิลโฮเตล เป็นโรงแรมใหญ่ในอดีต ที่สร้างขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1920 โดยจัดเป็นโรงแรมระดับหรูของลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ ที่ใช้รองรับนักธุรกิจต่างเมืองที่เข้ามาค้างแรมชั่วคืนในยุคนั้น ทว่าในยุคต่อมา ได้ปรับลดราคาห้องพัก ทำให้มีแขกกลุ่มหลากหลายมาพัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นคนสารพัดอาชีพ ไปจนถึงไร้ที่มาที่ไป ทำให้เกิดคดีอาชญากรรมต่างๆ มากมาย รวมไปจนถึง การฆ่าตัวตาย จนทำให้ที่แห่งนี้ มีชื่อฉาวด้วยเป็นแหล่งกบดานของฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งในจำนวนนั้น คือ ริชาร์ด รามิเรซ กับแจ็ค อันเทอร์เวเกอร์
      
       รายงานฯ ระบุตามข้อมูลว่า รามิเรซ เข้าพักแรมในโรงแรมซิซิล เมื่อปี 1985 ที่ชั้นบนสุด และไม่มีใครรู้เลยว่า เขาซุกตัวสังหารเหยื่อสาวไปถึง 13 คน ขณะที่ แจ็ค อันเทอร์เวเกอร์ นักข่าวอาชญากรรม ของนิตยสารออสเตรียน ในลอสแอนเจลิส ก็เป็นฆาตกรต่อเนื่องอีกคนหนึ่ง ที่อาศัยที่แห่งนี้ หลับนอนและฆ่าหญิงโสเภณี 3 คน
      
       ย้อนไปก่อนหน้านั้น ช่วงทศวรรษ 50 -60 ซิซิลโฮเตล ยังเป็นสถานที่ที่คนหลายคน ใช้ฆ่าตัวตายโดยกระโดดจากหน้าต่างห้องพักฯ คนแรกคือ เฮเลน กูรนี่ ในวันที่ 22 ต.ค. 1954 เธอกระโดดฆ่าตัวตายจากชั้น 7 ของโรงแรม อีกรายคือจูเลีย มัว กระโดดฆ่าตัวตายจากชั้น 8 ในวันที่ 11 ก.พ.1962
      
       พอลลีน ออตตัน วัย 27 ปี ก็เป็นอีกคนที่เลือกฆ่าตัวตายในห้องชั้น 9 ของโรงแรมนี้ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 1962 ปีเดียวกับ จูเลีย และยังเป็นเหตุให้ จอร์จ เจียอานีนี่ วัย 65 ซึ่งเดินที่ทางเท้าในเวลานั้นพอดี ต้องถูกร่างของเธอตกลงมากระแทกเสียชีวิตทั้งคู่ไปพร้อมกัน โดยเรื่องราวการฆ่าตัวตายทุกรายนี้ ไม่มีการสืบสวนสงสัยเหตุอื่นใด
      
       ยังมี กรณีการเสียชีวิตของ นายออสกูด ชายวัยเกษียณผู้มีงานอดิเรกในการเลี้ยงนกพิราบที่สวนใกล้โรงแรม ศพของเขาถูกพบในห้องพัก เขาถูกแทง และข่มขืน ซึ่งคดีของเขายังเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้
      
       กลับมาที่ กรณีของ อลิซ่า แลม นั้น ต้องถือว่าการเสียชีวิตของเธอได้เพิ่มสถิติการเสียชีวิตแบบปริศนาของแขกผู้มาพักในโรงแรมแห่งนี้ จนทำให้ใครหลายคนอดที่จะถามไม่ได้ว่า มีผีบ้าหรืออะไรที่ผิดปกติในโรงแรมนี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ลอสแอนเจลิส สรุปคดีว่า การตายของเธอเป็นอุบัติเหตุ แต่การไม่พบสารเสพติดในตัวเธอ ทำให้ตำรวจเบี่ยงประเด็นการตายไปว่า น่าจะเป็นการเสียชีวิตจากโรคไบโพล่าร์ (Bipolar disorder) หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว ซึ่งเป็นโรคที่มีอาการผิดปกติที่สำคัญทางอารมณ์ 2 แบบ คือ อาการหลอนคลั่ง หรือ ซึมเศร้า และกระทำอะไรที่นอกเหนือคนปกติขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน
      
       แต่กระนั้น หลายคำถามก็ยังไม่มีคำตอบ ทำไมอลิซ่า ซึ่งอาจจะอยู่ในภาวะจิตนั้น จึงผ่านระบบประตูนิรภัยบนดาดฟ้า ปีนไปเสียชีวิตในแทงค์น้ำที่สูงเกือบ 5 เมตรได้อย่างไร
      
       ด้วยความที่เป็นการตายประหลาด การสอบสวนไม่คลี่คลายในหลายปมประเด็น ทำไมถึงเกิดขึ้นที่นี่ พฤติกรรมของเธอในลิฟต์โรงแรม มีอะไรที่ตำรวจไม่กล่าวถึง ทำไมโรงแรมนี้ถึงมีแต่เรื่องแบบนี้ประจำ มีพลังชั่วร้ายอะไรไหมในตึกนั้น ขณะที่หลายคน สงสัยพนักงานในโรงแรมฯ เก่าแก่นี้
      
       อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตฯ หลายคนต่างยอมรับว่า เรื่องเหล่านี้ ก็เหมือนปริศนาบางอย่าง ที่ไม่มีวันถูกเปิดเผยได้    

Cr : BiRdY

                                             คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่