บันทึกเที่ยวยุโรปฉบับเด็กแลกเปลี่ยน [ตอนที่ 1] Croatia+Slovenia ที่สุดอุทยานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์คนอกหัก และถ้ำ 200 ปี[CR]
สวัสดีครับ
กลับมาตามสัญญาแล้วครับผม จากตอนที่แล้ว [ตอนที่ 0] ผมได้อธิบายเรื่องวิธีการเตรียมตัวเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองแบบละเอียด(มาก) ตั้งแต่การวางแผน จองที่พัก และการเตรียมความพร้อมนะครับ สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้อ่าน สามารถติดตามได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี่เลยครับบ
[CR] บันทึกเที่ยวยุโรปฉบับเด็กแลกเปลี่ยน [ตอนที่ 0] เปิดคัมภีร์การวางแผนเที่ยว และเตรียมตัวก่อนเดินทางแบบละเอียดยิบ [CR]
http://ppantip.com/topic/34438489
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับที่ช่วยทำให้เป็นกระทู้แนะนำ
สำหรับตอนที่ 1 นี้ ผมขอเล่าเรื่องทริป 3 วัน 3 ประเทศที่เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 7-9 พฤศจิกายนครับ
ผมได้ไปทั้ง
อุทยานแห่งชาติที่ขึ้นชื่อที่สุดในยุโรป (Plitvice Lakes National Park) [พลิตวิเซ่-โครเอเชีย]
พิพิธภัณฑ์คนอกหัก (The Museum of Broken Relationships) [ซาเกร็บ-โครเอเชีย]
ถ้ำที่สวยมากๆ ที่มีอายุ 200 ปีแล้ว (Postojna Cave) [พอซทอยน่า-สโลเวเนีย]
และชมเมืองหลวง (Vaduz)ของ
ประเทศที่เล็กที่สุดอันดับ 6 ของโลกก่อนกลับมาเรียนต่อครับ (ฮา) [วาดุซ-ลิกเตนสไตน์]
ทั้งสามประเทศเป็นประเทศที่ผมยังไม่เคยไปมาก่อน และความทันสมัยยังเทียบกับประเทศมหาอำนาจยุโรปไม่ได้นะครับ แต่มีจุดแข็งที่ธรรมชาติที่สวยมาก และค่าครองชีพที่ไม่แพง
ตารางการเดินทางที่ผ่านมาของผมในทริปนี้
เย็นวันที่ 0: Mannheim(Germany) -> Munich(ICE) -> นอนบนรถบัส
วันที่ 1: Zagreb(Croatia) -> Plitvice Lakes National Park -> Zagreb -> The Museum of Broken Relationships -> นอนที่ The Funk Lounge Hostel
วันที่ 2: Zagreb -> Ljubljana(Slovenia) -> Postojna -> Postojna Cave -> Ljubljana -> นอนบนรถไฟนอน
วันที่ 3: Feldkirch(Austria-สุดสายรถไฟ) -> Vaduz -> Feldkirch -> Mannheim
- โดยการวางแผนการเดินทางเกือบทั้งหมด ผมดูจากเว็บ Goeuro.com บวกกับความช่วยเหลือของพี่ๆสถานีรถไฟที่เยอรมันครับ มีทั้งใช้บัตร Eurail Pass/ Bahn Card 25/ และการซื้อตั๋วออนไลน์+ซื้อเคานท์เตอร์ขายตั๋ว ผมจะอธิบายเป็นฉากๆไปตามรูปนะครับ
ส่วนท่านใดสงสัยว่า Eurail Pass/ Bahn Card 25/ Goeuro คืออะไร ต้องการซื้อเพื่อใช้เดินทาง หรืออยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถย้อนไปอ่านได้ที่ตอนที่ 0 ครับ
เช่นเดิมนะครับ ท่านใดมีข้อสงสัย อยากให้อธิบายเพิ่มเติมจุดไหน ถ้าผมสามารถตอบได้ ก็ยินดีถามมาที่คอมเม้นท์ หรือหลังไมค์ได้เลยครับ
นอกจากนี้ผมก็เริ่มโพสท์เรื่องราวต่างๆในการท่องเที่ยวเด็ดๆในยุโรปแต่ละที่ (อย่างละเอียดยิบเช่นเดียวกัน) ใน Instagram ของผมด้วยครับ หากท่านใดสนใจมาชื่นชมแบบ(เกือบ)เรียลไทม์ ก่อนกระทู้ หรือพูดคุยกัน เชิญทางนี้ครับผม >>> @markhijet >> หรือ
http://www.instagram.com/markhijet
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย
เย็นวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน [18:15] เป็นเวลาที่ผมโล่งที่สุดในรอบสองเดือนที่แลกเปลี่ยนมาเลยครับ เพราะว่าผมสอบมิดเทอมเสร็จแล้ววว หลังจากอ่านหนังสือเตรียมสอบมานาน และผมต้องรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟที่สถานีให้ทันภายใน 23 นาที จากสถานี Mannheim ไปที่ Heidelberg เพื่อเปลี่ยนรถไฟไปที่ Munich ครับ
* จริงๆจากเมือง Mannheim ก็มีรถไฟตรงไป Munich ได้ ใช้เวลาประมาณเดียวกัน แต่ผมลองใช้เว็บ bahn.com เช็คไปเรื่อยๆ เลยเจอโปรโมชั่นที่วิ่งจาก Heideiberg ไปที่ Munich ราคาแค่ 19 ยูโร (ใช้ Bahn Card ลดเพิ่มได้อีก 25%) ผมเลยได้ลดราคาเพิ่มอีก เหลือ 14.25 ยูโรครับ กับระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร
ในรูป เป็นรถไฟ ICE รถไฟด่วนของเยอรมัน ที่สถานี Heidelberg ครับ วิ่งมาซะเร็วเลย
รถไฟชนิดนี้ จะมีโซน 1st class กับ 2nd class และมีร้านอาหารบนรถไฟกั้นระหว่างสองโซน ผมซื้อตั๋ว second class ไป ก็จะมีที่นั่งแบบคู่ แบบ 4 คนมีโต้ะหันหน้าชนกัน และแบบ cabin ครับ
ซึ่งรอบนี้ผมโชคดี คนบนรถไฟไม่เยอะมาก เลยเจอ cabin ว่างอยู่ ก็วิ่งเข้าไปจับจองที่นั่งเลย
รูปใน cabin ครับ ว่าแล้วก็แกะ Haribo ขนมประจำชาติ(ของเด็ก)เยอรมันมากิน ผมชอบพกฮาริโบไว้ในกระเป๋านะครับ เป็นขนมที่ถ้าเดินทางคนเดียว แล้วมีคนมานั่งข้างๆ เราชวนเค้ากินได้ ถ้าเด็กงอแงร้องไห้ ก็ช่วยให้หยุดได้ดีเลยครับ
*เคยนั่งรถไฟแล้วเจอกับคนเยอรมันท่านนึง อัธยาศัยดีครับ ต่างคนต่างมาคนเดียว เลยพูดคุยกันเล็กน้อย เค้าเคยทำอาชีพเป็นพยาบาลเด็ก เค้าเล่าให้ฟังว่า โรงพยาบาลเด็กหลายแห่ง จะมีกัมมี่แบร์(เยลลี่หมีแบบนี้) ใส่ซองเล็กๆไว้ ถ้าเด็กคนไหนมาให้คุณหมอตรวจแล้วไม่ร้องไห้ คุณหมอจะให้เป็นรางวัลตอบแทนครับ
นั่งไปซักพักก็ถึงสถานีรถไฟ Munich ครับ แต่ผมต้องต่อรถไฟใต้ดินอีกสถานีนึง เพื่อมาที่สถานีรถบัสของ Munich เตรียมขึ้นรถบัสอีกต่อ (ที่จริงๆแล้วเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึงเหมือนกันครับ)
นี่ครับ สถานีรถบัส มีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร คอยรองรับนักเดินทางระหว่างรอด้วยครับ
สำหรับการนั่งรถบัส ควรไปถึงเวลาก่อนประมาณ 20 นาทีนะครับ จะได้เก็บกระเป๋า เตรียมตัวนั่งให้พร้อมได้เวลา 23:45 เป้ะ รถก็ออกพอดีตามเวลาเลยครับ
สำหรับรถบัสครั้งนี้ ผมใช้บริการ IC Bus ของ Deutsche Bahn ที่ผมเคยพูดไว้ในตอนที่ 0 ว่าเป็นรถบัสที่ผมชอบที่สุดแล้วครับ จากราคาเต็ม 80 ยูโร ผมโชคดีได้โปรโมชั่นที่ 29 ยูโร ใช้บัตร Bahn 25 ลดต่อได้อีก เหลือแค่ 25.4 ยูโร กับระยะทาง 550 กิโลเมตร รอบนี้จองกับเคานท์เตอร์ขายตั๋วของ Deutsche Bahn ที่สถานีรถไฟครับ
ตัวรถเอง ก็นั่งสบายมาก ที่นั่งไม่แออัดจนเกินไป มีฟรีไวไฟตลอดการเดินทาง ปรับเอนได้พอประมาณ และค่อนข้างสะอาดดีเลยครับ รอบนี้ผมได้นั่งกับคุณป้าชาวเยอรมัน แกน่ารักมากครับ เล่าเรื่องให้ผมฟังหลายอย่างเลย ทั้งเรื่องเยอรมัน และเรื่องโครเอเชียเอง (แกมีให้ผมสอนท่อง ก ไก่ ด้วยนะครับ ตอนแรกก็ ก ข ค เฉยๆ ไปๆมาๆ แกบอก ขอหมดเลย 44 ตัว โอยกรรม) แกก็สอนด้วยนะครับว่าอย่าลืมแลกเงินนะ เพราะสกุลเงินที่โครเอเชียใช้ ไม่ใช่ยูโร แต่เป็น Kuna ครับ
แล้วแกก็โชว์ใบเสร็จแลกเงินให้ดู ว่าเรท
1 Euro = 6.62 Kuna
ผมก็เอะใจ เพราะว่าที่เช็คกับแอพ Triposo ก่อนเดินทาง มันประมาณ 7.xx นี่นา เหลือบไปเห็น อ้อ คุณป้าเค้าแลกกับธนาคาร
*ถ้าแลกกับร้านแลกเงินในตัวเมืองในยุโรป เรตจะดีกว่าธนาคารพอสมควรครับ
แล้วก็มาถึงสถานีรถบัสที่เมือง ซาเกร็บ โครเอเชียครับ ผมไปฝากกระเป๋าที่ ที่พัก หาที่แลกเงินในตัวเมือง ได้เรต 1:7.52 ซึ่งค่อนข้างคุ้มเลยครับ ซื้อขนมปังทาน แล้วกลับมาขึ้นรถที่สถานีรถบัสเหมือนเดิม
รถขาไปอุทยานแห่งชาติ 11 ยูโร ผมจองออนไลน์ไว้ แล้วมารับตั๋วที่สถานีครับ (รับได้ถึงก่อนเวลาเดินทาง 30 นาที) ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงนิดๆ
ถึงที่หมาย ตอนประมาณ 13:00 ครับ [จาก 18:15 แล้ว ถือว่าใช้เวลาเกือบ 19 ชั่วโมงเลยครับกว่าจะมาถึงที่นี่]
ประเด็นคือ มันเป็นป้ายรถเมล์เล็กๆ ในป่า ที่มีป้ายบอกทางน้อยมาก ต้องลองเดินเข้าไปมั่วๆซักพักถึงเจอทางเข้าครับ 5555
อุทยานแห่งชาติ Plitvice [อ่านว่าพลิตวิเซ่ ครับ] Lakes National Park ถือเป็นมรดกโลกของ UNESCO ด้วยนะครับ และเป็นอุทยานที่สวยที่สุดในยุโรป จาก European Best Destinationsครับ
http://www.europeanbestdestinations.com/top/best-national-parks-in-europe/
ประเทศโครเอเชียขึ้นชื่อเรื่องการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของคนยุโรป โดยเฉพาะชาวเยอรมันอยู่แล้ว และพลิตวิเซ่นี่ก็เป็นที่ๆขึ้นชื่อว่าสวยที่สุด และดังที่สุดของประเทศเลยทีเดียว
จริงๆแล้วในช่วงปี 1991 ประเทศโครเอเชียเกิดสงครามเพื่อประกาศอิสรภาพ ทำให้เขตพื้นที่นี้เสียหายอย่างรุนแรง แต่ภายหลังคนในประเทศก็ช่วยกันฟื้นฟูให้กลับมาดีเหมือนเดิมครับ โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี
เดินเข้าไปซักพัก ถึงจุดขายตั๋ว ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงที่ราคาตั๋วถูกที่สุดแล้วครับ เพราะใบไม้มันร่วงหมด เหลืออะไรให้ดูนี้ดเดียว ราคานักเรียนแค่ 45 kuna หรือประมาณ 6 ยูโรเองครับ สามารถอยู่ได้ทั้งวัน หรือท่านใดชอบธรรมชาติ มีที่พักใกล้ๆให้จอง สามารถซื้อบัตร 2 วันได้ ราคาถูกกว่านะครับ *ว่ากันว่าวิวตอนเช้าสวยมากๆด้วยครับ
ต่อไปก็เตรียมลุยอุทยานกันเลยครับผม
[CR] บันทึกเที่ยวยุโรปฉบับเด็กแลกเปลี่ยน [ตอนที่ 1] Croatia+Slovenia ที่สุดอุทยานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์คนอกหัก และถ้ำ 200 ปี[CR]
บันทึกเที่ยวยุโรปฉบับเด็กแลกเปลี่ยน [ตอนที่ 1] Croatia+Slovenia ที่สุดอุทยานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์คนอกหัก และถ้ำ 200 ปี[CR]
สวัสดีครับ กลับมาตามสัญญาแล้วครับผม จากตอนที่แล้ว [ตอนที่ 0] ผมได้อธิบายเรื่องวิธีการเตรียมตัวเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองแบบละเอียด(มาก) ตั้งแต่การวางแผน จองที่พัก และการเตรียมความพร้อมนะครับ สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้อ่าน สามารถติดตามได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี่เลยครับบ
[CR] บันทึกเที่ยวยุโรปฉบับเด็กแลกเปลี่ยน [ตอนที่ 0] เปิดคัมภีร์การวางแผนเที่ยว และเตรียมตัวก่อนเดินทางแบบละเอียดยิบ [CR]
http://ppantip.com/topic/34438489
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับที่ช่วยทำให้เป็นกระทู้แนะนำ
สำหรับตอนที่ 1 นี้ ผมขอเล่าเรื่องทริป 3 วัน 3 ประเทศที่เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 7-9 พฤศจิกายนครับ
ผมได้ไปทั้งอุทยานแห่งชาติที่ขึ้นชื่อที่สุดในยุโรป (Plitvice Lakes National Park) [พลิตวิเซ่-โครเอเชีย]
พิพิธภัณฑ์คนอกหัก (The Museum of Broken Relationships) [ซาเกร็บ-โครเอเชีย]
ถ้ำที่สวยมากๆ ที่มีอายุ 200 ปีแล้ว (Postojna Cave) [พอซทอยน่า-สโลเวเนีย]
และชมเมืองหลวง (Vaduz)ของประเทศที่เล็กที่สุดอันดับ 6 ของโลกก่อนกลับมาเรียนต่อครับ (ฮา) [วาดุซ-ลิกเตนสไตน์]
ทั้งสามประเทศเป็นประเทศที่ผมยังไม่เคยไปมาก่อน และความทันสมัยยังเทียบกับประเทศมหาอำนาจยุโรปไม่ได้นะครับ แต่มีจุดแข็งที่ธรรมชาติที่สวยมาก และค่าครองชีพที่ไม่แพง
ตารางการเดินทางที่ผ่านมาของผมในทริปนี้
เย็นวันที่ 0: Mannheim(Germany) -> Munich(ICE) -> นอนบนรถบัส
วันที่ 1: Zagreb(Croatia) -> Plitvice Lakes National Park -> Zagreb -> The Museum of Broken Relationships -> นอนที่ The Funk Lounge Hostel
วันที่ 2: Zagreb -> Ljubljana(Slovenia) -> Postojna -> Postojna Cave -> Ljubljana -> นอนบนรถไฟนอน
วันที่ 3: Feldkirch(Austria-สุดสายรถไฟ) -> Vaduz -> Feldkirch -> Mannheim
- โดยการวางแผนการเดินทางเกือบทั้งหมด ผมดูจากเว็บ Goeuro.com บวกกับความช่วยเหลือของพี่ๆสถานีรถไฟที่เยอรมันครับ มีทั้งใช้บัตร Eurail Pass/ Bahn Card 25/ และการซื้อตั๋วออนไลน์+ซื้อเคานท์เตอร์ขายตั๋ว ผมจะอธิบายเป็นฉากๆไปตามรูปนะครับ
ส่วนท่านใดสงสัยว่า Eurail Pass/ Bahn Card 25/ Goeuro คืออะไร ต้องการซื้อเพื่อใช้เดินทาง หรืออยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถย้อนไปอ่านได้ที่ตอนที่ 0 ครับ
เช่นเดิมนะครับ ท่านใดมีข้อสงสัย อยากให้อธิบายเพิ่มเติมจุดไหน ถ้าผมสามารถตอบได้ ก็ยินดีถามมาที่คอมเม้นท์ หรือหลังไมค์ได้เลยครับ
นอกจากนี้ผมก็เริ่มโพสท์เรื่องราวต่างๆในการท่องเที่ยวเด็ดๆในยุโรปแต่ละที่ (อย่างละเอียดยิบเช่นเดียวกัน) ใน Instagram ของผมด้วยครับ หากท่านใดสนใจมาชื่นชมแบบ(เกือบ)เรียลไทม์ ก่อนกระทู้ หรือพูดคุยกัน เชิญทางนี้ครับผม >>> @markhijet >> หรือ http://www.instagram.com/markhijet
เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย
เย็นวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน [18:15] เป็นเวลาที่ผมโล่งที่สุดในรอบสองเดือนที่แลกเปลี่ยนมาเลยครับ เพราะว่าผมสอบมิดเทอมเสร็จแล้ววว หลังจากอ่านหนังสือเตรียมสอบมานาน และผมต้องรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟที่สถานีให้ทันภายใน 23 นาที จากสถานี Mannheim ไปที่ Heidelberg เพื่อเปลี่ยนรถไฟไปที่ Munich ครับ
* จริงๆจากเมือง Mannheim ก็มีรถไฟตรงไป Munich ได้ ใช้เวลาประมาณเดียวกัน แต่ผมลองใช้เว็บ bahn.com เช็คไปเรื่อยๆ เลยเจอโปรโมชั่นที่วิ่งจาก Heideiberg ไปที่ Munich ราคาแค่ 19 ยูโร (ใช้ Bahn Card ลดเพิ่มได้อีก 25%) ผมเลยได้ลดราคาเพิ่มอีก เหลือ 14.25 ยูโรครับ กับระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร
ในรูป เป็นรถไฟ ICE รถไฟด่วนของเยอรมัน ที่สถานี Heidelberg ครับ วิ่งมาซะเร็วเลย
รถไฟชนิดนี้ จะมีโซน 1st class กับ 2nd class และมีร้านอาหารบนรถไฟกั้นระหว่างสองโซน ผมซื้อตั๋ว second class ไป ก็จะมีที่นั่งแบบคู่ แบบ 4 คนมีโต้ะหันหน้าชนกัน และแบบ cabin ครับ
ซึ่งรอบนี้ผมโชคดี คนบนรถไฟไม่เยอะมาก เลยเจอ cabin ว่างอยู่ ก็วิ่งเข้าไปจับจองที่นั่งเลย
รูปใน cabin ครับ ว่าแล้วก็แกะ Haribo ขนมประจำชาติ(ของเด็ก)เยอรมันมากิน ผมชอบพกฮาริโบไว้ในกระเป๋านะครับ เป็นขนมที่ถ้าเดินทางคนเดียว แล้วมีคนมานั่งข้างๆ เราชวนเค้ากินได้ ถ้าเด็กงอแงร้องไห้ ก็ช่วยให้หยุดได้ดีเลยครับ
*เคยนั่งรถไฟแล้วเจอกับคนเยอรมันท่านนึง อัธยาศัยดีครับ ต่างคนต่างมาคนเดียว เลยพูดคุยกันเล็กน้อย เค้าเคยทำอาชีพเป็นพยาบาลเด็ก เค้าเล่าให้ฟังว่า โรงพยาบาลเด็กหลายแห่ง จะมีกัมมี่แบร์(เยลลี่หมีแบบนี้) ใส่ซองเล็กๆไว้ ถ้าเด็กคนไหนมาให้คุณหมอตรวจแล้วไม่ร้องไห้ คุณหมอจะให้เป็นรางวัลตอบแทนครับ
นั่งไปซักพักก็ถึงสถานีรถไฟ Munich ครับ แต่ผมต้องต่อรถไฟใต้ดินอีกสถานีนึง เพื่อมาที่สถานีรถบัสของ Munich เตรียมขึ้นรถบัสอีกต่อ (ที่จริงๆแล้วเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึงเหมือนกันครับ)
นี่ครับ สถานีรถบัส มีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร คอยรองรับนักเดินทางระหว่างรอด้วยครับ
สำหรับการนั่งรถบัส ควรไปถึงเวลาก่อนประมาณ 20 นาทีนะครับ จะได้เก็บกระเป๋า เตรียมตัวนั่งให้พร้อมได้เวลา 23:45 เป้ะ รถก็ออกพอดีตามเวลาเลยครับ
สำหรับรถบัสครั้งนี้ ผมใช้บริการ IC Bus ของ Deutsche Bahn ที่ผมเคยพูดไว้ในตอนที่ 0 ว่าเป็นรถบัสที่ผมชอบที่สุดแล้วครับ จากราคาเต็ม 80 ยูโร ผมโชคดีได้โปรโมชั่นที่ 29 ยูโร ใช้บัตร Bahn 25 ลดต่อได้อีก เหลือแค่ 25.4 ยูโร กับระยะทาง 550 กิโลเมตร รอบนี้จองกับเคานท์เตอร์ขายตั๋วของ Deutsche Bahn ที่สถานีรถไฟครับ
ตัวรถเอง ก็นั่งสบายมาก ที่นั่งไม่แออัดจนเกินไป มีฟรีไวไฟตลอดการเดินทาง ปรับเอนได้พอประมาณ และค่อนข้างสะอาดดีเลยครับ รอบนี้ผมได้นั่งกับคุณป้าชาวเยอรมัน แกน่ารักมากครับ เล่าเรื่องให้ผมฟังหลายอย่างเลย ทั้งเรื่องเยอรมัน และเรื่องโครเอเชียเอง (แกมีให้ผมสอนท่อง ก ไก่ ด้วยนะครับ ตอนแรกก็ ก ข ค เฉยๆ ไปๆมาๆ แกบอก ขอหมดเลย 44 ตัว โอยกรรม) แกก็สอนด้วยนะครับว่าอย่าลืมแลกเงินนะ เพราะสกุลเงินที่โครเอเชียใช้ ไม่ใช่ยูโร แต่เป็น Kuna ครับ
แล้วแกก็โชว์ใบเสร็จแลกเงินให้ดู ว่าเรท
1 Euro = 6.62 Kuna
ผมก็เอะใจ เพราะว่าที่เช็คกับแอพ Triposo ก่อนเดินทาง มันประมาณ 7.xx นี่นา เหลือบไปเห็น อ้อ คุณป้าเค้าแลกกับธนาคาร
*ถ้าแลกกับร้านแลกเงินในตัวเมืองในยุโรป เรตจะดีกว่าธนาคารพอสมควรครับ
แล้วก็มาถึงสถานีรถบัสที่เมือง ซาเกร็บ โครเอเชียครับ ผมไปฝากกระเป๋าที่ ที่พัก หาที่แลกเงินในตัวเมือง ได้เรต 1:7.52 ซึ่งค่อนข้างคุ้มเลยครับ ซื้อขนมปังทาน แล้วกลับมาขึ้นรถที่สถานีรถบัสเหมือนเดิม
รถขาไปอุทยานแห่งชาติ 11 ยูโร ผมจองออนไลน์ไว้ แล้วมารับตั๋วที่สถานีครับ (รับได้ถึงก่อนเวลาเดินทาง 30 นาที) ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงนิดๆ
ถึงที่หมาย ตอนประมาณ 13:00 ครับ [จาก 18:15 แล้ว ถือว่าใช้เวลาเกือบ 19 ชั่วโมงเลยครับกว่าจะมาถึงที่นี่]
ประเด็นคือ มันเป็นป้ายรถเมล์เล็กๆ ในป่า ที่มีป้ายบอกทางน้อยมาก ต้องลองเดินเข้าไปมั่วๆซักพักถึงเจอทางเข้าครับ 5555
อุทยานแห่งชาติ Plitvice [อ่านว่าพลิตวิเซ่ ครับ] Lakes National Park ถือเป็นมรดกโลกของ UNESCO ด้วยนะครับ และเป็นอุทยานที่สวยที่สุดในยุโรป จาก European Best Destinationsครับ
http://www.europeanbestdestinations.com/top/best-national-parks-in-europe/
ประเทศโครเอเชียขึ้นชื่อเรื่องการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของคนยุโรป โดยเฉพาะชาวเยอรมันอยู่แล้ว และพลิตวิเซ่นี่ก็เป็นที่ๆขึ้นชื่อว่าสวยที่สุด และดังที่สุดของประเทศเลยทีเดียว
จริงๆแล้วในช่วงปี 1991 ประเทศโครเอเชียเกิดสงครามเพื่อประกาศอิสรภาพ ทำให้เขตพื้นที่นี้เสียหายอย่างรุนแรง แต่ภายหลังคนในประเทศก็ช่วยกันฟื้นฟูให้กลับมาดีเหมือนเดิมครับ โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี
เดินเข้าไปซักพัก ถึงจุดขายตั๋ว ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงที่ราคาตั๋วถูกที่สุดแล้วครับ เพราะใบไม้มันร่วงหมด เหลืออะไรให้ดูนี้ดเดียว ราคานักเรียนแค่ 45 kuna หรือประมาณ 6 ยูโรเองครับ สามารถอยู่ได้ทั้งวัน หรือท่านใดชอบธรรมชาติ มีที่พักใกล้ๆให้จอง สามารถซื้อบัตร 2 วันได้ ราคาถูกกว่านะครับ *ว่ากันว่าวิวตอนเช้าสวยมากๆด้วยครับ
ต่อไปก็เตรียมลุยอุทยานกันเลยครับผม