จากมติชนออนไลน์
วันที่ 17 พ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทองเพียร ใจยง ผู้ที่นำภาพใบสั่งจราจรและผลการตรวจควันดำของกรมการขนส่งทางบกโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งข้อสงสัยมาตรฐานการตรวจวัดปริมาณควันดำที่ถูกต้อง จนมีผู้วิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ได้นำรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ ให้ตำรวจผู้เชี่ยวชาญการตรวจพิสูจน์ปริมาณควันดำ ช่วยดำเนินการตรวจพิสูจน์ตามข้อสงสัยดังกล่าว
โดยก่อนการตรวจพิสูจน์ นายทองเพียรเล่าว่า วันเกิดเหตุได้ใช้รถคันดังกล่าวบรรจุลังกระดาษไปบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ เพื่อนำสินค้าไปส่ง โดยเมื่อขับมาได้ซักระยะมีตำรวจ สน.ทางด่วนขั้นที่ 2 เรียกตรวจรถ โดยระบุว่า ต้องการตรวจปริมาณควันดำและระบุว่าผลการตรวจมีค่าสูงเกินที่กฎหมายกำหนด ตัวเองจึงขอให้ตรวจอีกครั้ง แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง พร้อมให้ใบสั่งไปจ่ายค่าปรับที่สน.ทางด่วนขั้นที่ 2 เป็นเงิน 500 บาท ทางด่วนขั้นที่ 2 ด้วยความสงสัยจึงนำรถไปตรวจที่กรมขนส่งทางบกช่วยตรวจสอบให้โดยมีผลตรวจวัดมาเพียง 17% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดคือ 50% จึงนำเรื่องดังกล่าวโพสต์ลงสื่อออนไลน์เพื่อขอความเห็น จนได้คำแนะนำให้ประสานผ่านชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จนมีการประสานกับตำรวจจราจรกลางเพื่อนำรถเข้ามาตรวจพิสูจน์
สำหรับผลการตรวจพบว่า วัดค่าปริมาณควันดำ 2 ครั้ง วัดได้ที่ 20-22% ซึ่งไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยเบื้องต้นนี้ พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า ผลการตรวจที่ออกมา ตำรวจจะนำไปประกอบการพิจารณาเพิกถอนใบสั่ง ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษา ที่ตำรวจจะนำกลับไปพิจารณาปรับปรุงในจุดที่มีข้อบกพร่อง พร้อมกันนี้จะมีนโยบายสั่งการให้ทุกด่านตรวจต้องมีแนวทางปฏิบัติที่โปร่งใส เช่น การเรียกผู้ขับขี่ลงมาดูขั้นตอนการตรวจ รวมถึงการแจกใบผลการตรวจที่หลังจากนี้ต้องมีการเซ็นกำกับและมอบให้คนขับนำกลับไปเป็นหลักฐาน หากผู้ถูกเรียกตรวจยังติดใจสงสัยก็สามารถร้องขอหัวหน้าด่านตรวจขอตรวจสอบซ้ำอีกครั้งได้ หรือประสานมายังกองบังคับการตำรวจจราจรเพื่อตรวจสอบให้หายข้อสงสัย
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.เอกรักษ์ ยอมรับว่า เครื่องตรวจของเจ้าหน้าที่มีอายุการใช้งานกว่า 20 ปี แต่เมื่อส่งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ตรวจสอบก็ยังถือว่ายังสามารถใช้ได้อยู่ และคาดว่าน่าจะได้เครื่องมือชุดใหม่ในเร็วๆ นี้
(ที่มาภาพเฟซบุ๊ก: เฟซบุ๊ก แค่เชื่อก็ หลง แล้ว)
ถอนใบสั่งหนุ่มโพสต์เฟซรถควันดำ หลังตรวจค่าพบไม่เกินมาตรฐาน
วันที่ 17 พ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทองเพียร ใจยง ผู้ที่นำภาพใบสั่งจราจรและผลการตรวจควันดำของกรมการขนส่งทางบกโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งข้อสงสัยมาตรฐานการตรวจวัดปริมาณควันดำที่ถูกต้อง จนมีผู้วิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ได้นำรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ ให้ตำรวจผู้เชี่ยวชาญการตรวจพิสูจน์ปริมาณควันดำ ช่วยดำเนินการตรวจพิสูจน์ตามข้อสงสัยดังกล่าว
โดยก่อนการตรวจพิสูจน์ นายทองเพียรเล่าว่า วันเกิดเหตุได้ใช้รถคันดังกล่าวบรรจุลังกระดาษไปบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ เพื่อนำสินค้าไปส่ง โดยเมื่อขับมาได้ซักระยะมีตำรวจ สน.ทางด่วนขั้นที่ 2 เรียกตรวจรถ โดยระบุว่า ต้องการตรวจปริมาณควันดำและระบุว่าผลการตรวจมีค่าสูงเกินที่กฎหมายกำหนด ตัวเองจึงขอให้ตรวจอีกครั้ง แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง พร้อมให้ใบสั่งไปจ่ายค่าปรับที่สน.ทางด่วนขั้นที่ 2 เป็นเงิน 500 บาท ทางด่วนขั้นที่ 2 ด้วยความสงสัยจึงนำรถไปตรวจที่กรมขนส่งทางบกช่วยตรวจสอบให้โดยมีผลตรวจวัดมาเพียง 17% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดคือ 50% จึงนำเรื่องดังกล่าวโพสต์ลงสื่อออนไลน์เพื่อขอความเห็น จนได้คำแนะนำให้ประสานผ่านชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จนมีการประสานกับตำรวจจราจรกลางเพื่อนำรถเข้ามาตรวจพิสูจน์
สำหรับผลการตรวจพบว่า วัดค่าปริมาณควันดำ 2 ครั้ง วัดได้ที่ 20-22% ซึ่งไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยเบื้องต้นนี้ พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า ผลการตรวจที่ออกมา ตำรวจจะนำไปประกอบการพิจารณาเพิกถอนใบสั่ง ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษา ที่ตำรวจจะนำกลับไปพิจารณาปรับปรุงในจุดที่มีข้อบกพร่อง พร้อมกันนี้จะมีนโยบายสั่งการให้ทุกด่านตรวจต้องมีแนวทางปฏิบัติที่โปร่งใส เช่น การเรียกผู้ขับขี่ลงมาดูขั้นตอนการตรวจ รวมถึงการแจกใบผลการตรวจที่หลังจากนี้ต้องมีการเซ็นกำกับและมอบให้คนขับนำกลับไปเป็นหลักฐาน หากผู้ถูกเรียกตรวจยังติดใจสงสัยก็สามารถร้องขอหัวหน้าด่านตรวจขอตรวจสอบซ้ำอีกครั้งได้ หรือประสานมายังกองบังคับการตำรวจจราจรเพื่อตรวจสอบให้หายข้อสงสัย
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.เอกรักษ์ ยอมรับว่า เครื่องตรวจของเจ้าหน้าที่มีอายุการใช้งานกว่า 20 ปี แต่เมื่อส่งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ตรวจสอบก็ยังถือว่ายังสามารถใช้ได้อยู่ และคาดว่าน่าจะได้เครื่องมือชุดใหม่ในเร็วๆ นี้
(ที่มาภาพเฟซบุ๊ก: เฟซบุ๊ก แค่เชื่อก็ หลง แล้ว)