สวัสดีค่ะ ขอเป็นตัวแทนรีวิวการเที่ยวเมืองจีนของพวกเราสามพี่น้องค่ะ (พี่ชายคนโต น้องสาวคนกลาง (เรา) น้องสาวคนเล็ก)
ทริปเที่ยวจีนของพวกเราครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะอ่านรีวิวในพันทิปนี่หละค่ะ รูปที่แต่ละท่านถ่ายมาและนำมารีวิวสวยมากๆ อย่างกะดินแดนในเทพนิยาย บวกกับช่วงที่อ่านรีวิว มีโปร 0 บาท ของสายการบินหางแดง เราส่งกระทู้รีวิวให้น้องดู แล้วชวนน้องสาวแล้วกดจองทันที ราคาไปกลับคนละ 6000 บาท ตอนนั้นที่อ่านรีวิวก็จองโรงแรมไปด้วย เราจองไว้ที่ Traffic Inn และที่จิ่ว ชื่อโรงแรมที่จอง จำไม่ได้ละ แล้วเวลาก็ผ่านเลยไปหลายเดือน
ก่อนเดินทางประมาณหนึ่งเดือน ก็บอกพี่ชายว่าเรากับน้องจะไปจีนกัน เอารูปที่จะไปให้ดู ด้วยความที่พี่ชายเราชอบดูหนังจีน อ่านหนังสือการ์ตูนแบบจีนๆ นิยายจีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยตกลงไปด้วยทันที แล้วก็จัดการซื้อตั๋วเครื่องบินทันที ราคาไปกลับหมื่นกว่าบาท ได้ตั๋วเครื่องบินเสร็จเรียบร้อย เที่ยวบินเดียวกัน กลายเป็นว่าทริปนี้ไปกัน 3 คน มีพี่ชายเป็นผู้นำทริป
หน้าที่ผู้นำก็เริ่มตั้งแต่ ไปทำวีซ่า ขั้นตอนการขอวีซ่าไม่ยากเลยค่ะ โหลดแบบฟอร์มจากเว็บนี้
http://www.chinaembassy.or.th/th/lsfw/bgxz/ กรอกแบบฟอร์มให้ครบถ้วน เตรียมรูปถ่าย 2 นิ้ว 1 ใบ ใบจองโรงแรม (เรากดจองโรงแรมอะไรก็ได้ที่ booking.com แล้วปริ้นใบจองส่งไป แล้วค่อยยกเลิกการจองทีหลัง) ตั๋วเครื่องบิน เรายื่นขอแบบ 4 วันทำการ ค่าใช้จ่าย 1000 บาท เตรียมให้พี่ชายไปยื่นที่สถานฑูตจีน อยู่แถวฟอร์จูน ใกล้ๆ โลตัสค่ะ แต่พอพี่ชายไปถึงคนเยอะมาก เลยฝากคนอื่นยื่นให้ เพิ่มเงินอีกคนละ 300 บาท สรุปค่าใช้จ่ายในการยื่นขอวีซ่าคนละ 1300 บาท แล้วก็ได้วีซ่ามาเรียบร้อย
เรื่องเงิน ก่อนเดินทาง 2 วัน เราแลกเงินหยวนที่ตึกมหาทุนเพราะใกล้ที่ทำงาน เดินไปนิดเดียวสะดวกดี ขี้เกียจไป Super rich เรทเท่ากัน แลกกันไปคนละ 20000 บาท ได้มาประมาณ 3800 หยวน เงินหยวนที่แลกไปจะมีรอยปั๊มของร้านที่แลก เวลาไปใช้ที่จีนก็ต้องระวังแม่ค้าสับเปลี่ยนแบงค์ปลอมมาให้ ต้องคอยสังเกตุรอยปั๊มไว้ และถ้าเหลือเอากลับมาแลกเป็นเงินไทยคืน พอที่ร้านแลกเห็นรอยปั๊มก็ไม่ต้องกังวลว่าเป็นใบปลอมกลับมา
ก่อนถึงวันเดินทางไม่กี่วันมีอีเมล์จากโรงแรม Traffic Inn ที่จองไว้ก่อนหน้านี้มาบอกว่าปิดปรับปรุง และโรงแรมที่จิ่วส่งมาบอกว่าขอขึ้นราคา ซึ่งขึ้นจากเดิมสูงมากพอสมควร เราเลยยกเลิกไม่จอง พอจะหาโรงแรมใหม่ก็ไม่มีเวลาเพราะแต่ละคนงานยุ่ง ลาพักร้อนหลายวันต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จ
"ไม่ต้องจองหรอก ไปหาเอาข้างหน้า หนุกดี" พี่ชายกล่าว
"ไม่ต้องจองก็ได้มั้ง เอานาขำๆ" น้องสาวคนเล็กกล่าว
"เออ ยังไงก็ได้ ได้ทั้งนั้น" เราเอง
สรุปการเดินทางครั้งนี้มีที่จองไว้อย่างเดียวคือ ตั๋วเครื่องบินไปกลับ
พวกเราเดินทางกันวันที่ 31 ต.ค. - 6 พ.ย. เลิกงานวันศุกร์กลับบ้านมาจัดกระเป๋า ลง app ใช้ vpn ที่จีน เพราะที่จีนเข้า google gmail fb line ไม่ได้ เผื่อมีอีเมล์เข้ามา หรือต้องหาข้อมูลจะได้ไม่ลำบาก เพราะแต่ละคนไปแบบไม่มีอะไรในหัวเลยต้องซื้อ vpn ไว้ เราซื้อแพคเกจ 15 วัน 90 บาท ซึ่งถือว่าได้ใช้ประโยชน์มากทีเดียว กว่าจะจัดของ ลงแอพเสร็จปาเข้าไปเกือบตี 3 เรียกได้ว่าไม่ต้องนอน ไปนอนบนเครื่องเอา อาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้าน ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เที่ยว 6.25 น. เช้ามาก
เช็คอินมาแล้วบนรถแท็กซี่ ถึงดอนเมืองกันแต่เช้าตรู่ ก็รอโหลดกระเป๋าได้เลย คิวตรงนี้ไม่ค่อยยาวเท่าไหร่
แล้วก็ได้เวลา จิบเหล้า จิบชา ท่องยุทธจักร พักโรงเตี๊ยม กันแล้ว เย่ !!!
การเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบินฉงชิ่ง ประมาณ 10.30 น. พี่ชายเราซื้อซิมโทรศัพท์ของจีนไว้ เผื่อยามฉุกเฉินซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ดีมากได้ใช้ประโยชน์ตลอดทริปเลย ราคาประมาณ 1000 บาท ระหว่างที่รอซื้อซิมก็ได้เจอสาวชาวจีน พูดภาษาอังกฤษได้ พวกเราเลยได้โอกาสถามทางที่จะไปเฉิงตู ตอนแรกเราตั้งใจจะนั่งรถไฟฟ้า แต่เพื่อนสาวชาวจีนแนะนำว่า ไปกัน 3 คน นั่งแท็กซี่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าขึ้นรถต่อรถ เราก็เชื่อฟังเจ้าบ้าน แล้วเค้าก็เรียกแท็กซี่และบอกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟไปเฉิงตู นับเป็นมิตรภาพแรกเมื่อถึงเมืองจีน พวกเราแลกเบอร์ และ id wechat ไปเรียบร้อย (คนจีนใช้ wechat)
เพื่อนคนแรกในจีนของพวกเรา ผู้สาวน้ำใจงาม
นั่งแท็กซี่ไปสถานีรถไฟฉงชิ่ง แท็กซี่ที่นี่เปิดกระจก สูบบุหรี่กันเป็นเรื่องปกติ
จากสนามบินฉงชิ่ง ถึงสถานีรถไฟฉงชิ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที เราไปถึงกันประมาณ 11.30 น. ตั้งใจจะให้ถึงเฉิงตูบ่ายๆ แต่ผิดคาดรถไฟเต็ม ได้ตั๋วเที่ยว 5 โมง ต้องเสียเวลาที่สถานีรถไฟฉงชิ่งเกือบทั้งวัน ระหว่างรอรถไฟก็เดินเล่นในสถานีรถไฟ กินข้าว เปิด google หาโรงแรมที่เฉิงตูเตรียมไว้ ก็ได้เป็นโรงแรม Mr Panda Youth Hostel เป็นที่ซุกหัวนอนคืนแรกที่เฉิงตู หาโรงแรม และการเดินทางเสร็จ นอนแล้วนั่ง นั่งแล้วนอน ก็ถึงเวลาขึ้นรถไฟซะที
ถึงแล้วสถานีรถไฟฉงชิ่ง
ซื้อตั๋วรถไฟหัวกระสุนไปเฉิงตู
ตั๋วรถไฟหัวกระสุนไปเฉิงตู ราคา 96.5 หยวน
ห้องน้ำที่สถานีรถไฟ เป็นแบบนั่งยองๆ ความสะอาดก็ใช้ได้ มีคนทำความสะอาดตลอดเวลา
ตรงนี้เข้าคิวกันเพื่อจะไปขึ้นรถไฟ ใครที่ยังไม่ถึงเวลาก็นั่งรอไปก่อน
ได้ขึ้นรถซะที
นั่งรถไฟตอนค่ำแล้วมองข้างทางไม่เห็น เลยหลับเอาแรงกันก่อน
เมื่อไหร่ รฟท จะเร็วแบบนี้
ใช้เวลา 2 ชั่วโมงถึงเมืองเฉิงตู เราไปตามเส้นทางที่ทางโรงแรมบอกไว้คือออกจากสถานีรถไฟเฉิงตู แล้วขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปสถานี Luomashi แต่พอไปรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วที่ป้ายมันไม่มีสถานีนี้ ถามคนจีนที่นั่นเค้าก็ไม่ชำนาญเส้นทางและภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง แต่เค้าใจดีมาก วิ่งไปหาพนักงานแล้วถามให้ปรากฎว่า ต้องเปลี่ยนขบวนรถเป็นสาย 2 ก่อน แล้วนั่งรถต่อไปอีกไม่กี่ป้าย น้ำใจพี่ช่างงามจริงๆ นับเป็นมิตรภาพที่ 2 ในเมืองจีน
พอออกจากรถไฟใต้ตินแล้วเดินไปโรงแรมไม่ไกลมากก็ถึง Mr Panda Youth Hostel ห้องที่จองไว้เป็นแบบ 4 เตียง มีห้องน้ำในตัว ห้องนอนสะอาดดี ห้องน้ำก็ใช้ได้ แต่เก่าไปหน่อย เรานอนกัน 3 คน ราคา 780 บาท พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี ที่นี่เราไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เพราะไปถึงค่ำแล้ว เลยรีบเก็บของ และออกมาหาข้าวเย็น
เดินหาร้านทานข้าว เห็นร้านนี้คนเยอะสุด ขายอะไรก็ยังไม่รู้ แต่ก็เข้าไปลองดู
เข้าไปในร้านพนักงานพูดภาษาจีน ซึ่งไม่รู้เรื่อง ผู้นำทริป คือพี่ชายเราพยายามใช้ภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้ผล ใช้ภาษามือก็ไม่รู้เรื่อง เมนูที่ร้านเป็นภาษาจีนหมดไม่มีรูปอาหารให้ดู สุดท้ายพูดสื่อสารไม่ได้ผล ก็เดินไปตามโต๊ะ แล้วชี้ เอาแบบที่โต๊ะอื่นเค้าทานกัน ถึงได้อาหารมื้อเย็นมาทานกัน มารู้ทีหลังจากเพื่อนคนจีน ว่าร้านนี้เป็นร้านหม้อไฟเสฉวนนั่นเอง
ระหว่างนั่งรออาหาร
พนักงานยกหม้อไฟมา เป็นหม้อใหญ่ๆ ข้างในเป็นเครื่องเทศต่างๆ คล้ายต้มโคล้ง ต้มยำบ้านเรา แต่ของบ้านเราอร่อยกว่า หม้อไฟเสฉวนจะมีรสเผ็ดอย่างเดียว ไม่มีเปรี้ยว เค็มเหมือนบ้านเรา มีแต่เผ็ดและน้ำมันลอยๆ แล้วก็จะสั่ง หมู ไก่ เนื้อ หรือปลามาจุ่ม การทานคล้ายๆ จิ้มจุ่มบ้านเราค่ะ มื้อนี้เราสั่งปลามาทานกัน ทั้งหัวปลา และเนื้อปลา โดยรวมแล้วรสชาติก็ใช้ได้นะ แต่แต่เผ็ดมาก รสชาติเผ็ดของเค้าไม่เหมือนบ้านเรา บ้านเราเผ็ดร้อนเหงื่อไหล ของบ้านเค้าเผ็ดแบบลิ้นชา พนักงานกับเจ้าของร้านที่นี่คุยกันเสียงดัง ถ้าไม่เห็นหน้านึกว่าทะเลาะกัน แต่จริงๆ แล้วหน้ายิ้มมาก และใจดีมากๆ สอนวิธีทาน ไม่รำคาญลูกค้าเงอะงะอย่างเราสามคน พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ โดยรวมถือว่าบริการทุกระดับประทับใจเลยทีเดียว
โต๊ะข้างๆ เป็นแฟนกันเป็นคนหางโจว คุยกันถูกคอ ได้ความว่าทั้งคู่พึ่งกลับมาจากจิ่วไจ้โกว ซึ่งเรากำลังจะเดินทางไปพรุ่งนี้ เค้าบอกว่าที่นั่นสวยมาก ไปแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน ทั้งคู่น่ารักมาก เป็นกันเอง และก็เช่นเคย แลกเบอร์ แลก id wechat ไว้เรียบร้อย และเค้าบอกว่าถ้าไปหางโจวเมื่อไหร่ติดต่อเค้าได้เลย ซึ่งพวกเราทั้งสามคนคิดว่าเราน่าจะได้เจอกันอีกครั้งแน่นอน และนี่ก็เป็นเพื่อนคนที่ 3 ของเราที่จีน
ทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว อากาศเย็นๆ พวกเราเดินเล่นละแวกนั้นนิดหน่อย เสียดายที่ไม่ได้วางแผนการเดินทางให้ดีเลยเดินเมืองนี้ได้น้อย พวกเราสามคนชอบเมืองนี้ที่ มีทั้งความเป็นเมือง และมีธรรมชาติอยู่ในเมืองด้วย ที่สำคัญเราว่าคนเมืองนี้น่ารัก ใจดีเลยทีเดียว
พวกเราซื้อผลไม้ตุนไว้ทานพรุ่งนี้ก่อนออกเดินทางต่อไปจิ่วไจ้โกว
แล้วมาต่อกันที่จิ่วไจ้โกวนะคะ
[CR] สามพี่น้อง ท่องยุทธจักร พักโรงเตี๊ยม เยี่ยมเมืองจีน
ทริปเที่ยวจีนของพวกเราครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะอ่านรีวิวในพันทิปนี่หละค่ะ รูปที่แต่ละท่านถ่ายมาและนำมารีวิวสวยมากๆ อย่างกะดินแดนในเทพนิยาย บวกกับช่วงที่อ่านรีวิว มีโปร 0 บาท ของสายการบินหางแดง เราส่งกระทู้รีวิวให้น้องดู แล้วชวนน้องสาวแล้วกดจองทันที ราคาไปกลับคนละ 6000 บาท ตอนนั้นที่อ่านรีวิวก็จองโรงแรมไปด้วย เราจองไว้ที่ Traffic Inn และที่จิ่ว ชื่อโรงแรมที่จอง จำไม่ได้ละ แล้วเวลาก็ผ่านเลยไปหลายเดือน
ก่อนเดินทางประมาณหนึ่งเดือน ก็บอกพี่ชายว่าเรากับน้องจะไปจีนกัน เอารูปที่จะไปให้ดู ด้วยความที่พี่ชายเราชอบดูหนังจีน อ่านหนังสือการ์ตูนแบบจีนๆ นิยายจีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยตกลงไปด้วยทันที แล้วก็จัดการซื้อตั๋วเครื่องบินทันที ราคาไปกลับหมื่นกว่าบาท ได้ตั๋วเครื่องบินเสร็จเรียบร้อย เที่ยวบินเดียวกัน กลายเป็นว่าทริปนี้ไปกัน 3 คน มีพี่ชายเป็นผู้นำทริป
หน้าที่ผู้นำก็เริ่มตั้งแต่ ไปทำวีซ่า ขั้นตอนการขอวีซ่าไม่ยากเลยค่ะ โหลดแบบฟอร์มจากเว็บนี้ http://www.chinaembassy.or.th/th/lsfw/bgxz/ กรอกแบบฟอร์มให้ครบถ้วน เตรียมรูปถ่าย 2 นิ้ว 1 ใบ ใบจองโรงแรม (เรากดจองโรงแรมอะไรก็ได้ที่ booking.com แล้วปริ้นใบจองส่งไป แล้วค่อยยกเลิกการจองทีหลัง) ตั๋วเครื่องบิน เรายื่นขอแบบ 4 วันทำการ ค่าใช้จ่าย 1000 บาท เตรียมให้พี่ชายไปยื่นที่สถานฑูตจีน อยู่แถวฟอร์จูน ใกล้ๆ โลตัสค่ะ แต่พอพี่ชายไปถึงคนเยอะมาก เลยฝากคนอื่นยื่นให้ เพิ่มเงินอีกคนละ 300 บาท สรุปค่าใช้จ่ายในการยื่นขอวีซ่าคนละ 1300 บาท แล้วก็ได้วีซ่ามาเรียบร้อย
เรื่องเงิน ก่อนเดินทาง 2 วัน เราแลกเงินหยวนที่ตึกมหาทุนเพราะใกล้ที่ทำงาน เดินไปนิดเดียวสะดวกดี ขี้เกียจไป Super rich เรทเท่ากัน แลกกันไปคนละ 20000 บาท ได้มาประมาณ 3800 หยวน เงินหยวนที่แลกไปจะมีรอยปั๊มของร้านที่แลก เวลาไปใช้ที่จีนก็ต้องระวังแม่ค้าสับเปลี่ยนแบงค์ปลอมมาให้ ต้องคอยสังเกตุรอยปั๊มไว้ และถ้าเหลือเอากลับมาแลกเป็นเงินไทยคืน พอที่ร้านแลกเห็นรอยปั๊มก็ไม่ต้องกังวลว่าเป็นใบปลอมกลับมา
ก่อนถึงวันเดินทางไม่กี่วันมีอีเมล์จากโรงแรม Traffic Inn ที่จองไว้ก่อนหน้านี้มาบอกว่าปิดปรับปรุง และโรงแรมที่จิ่วส่งมาบอกว่าขอขึ้นราคา ซึ่งขึ้นจากเดิมสูงมากพอสมควร เราเลยยกเลิกไม่จอง พอจะหาโรงแรมใหม่ก็ไม่มีเวลาเพราะแต่ละคนงานยุ่ง ลาพักร้อนหลายวันต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จ
"ไม่ต้องจองหรอก ไปหาเอาข้างหน้า หนุกดี" พี่ชายกล่าว
"ไม่ต้องจองก็ได้มั้ง เอานาขำๆ" น้องสาวคนเล็กกล่าว
"เออ ยังไงก็ได้ ได้ทั้งนั้น" เราเอง
สรุปการเดินทางครั้งนี้มีที่จองไว้อย่างเดียวคือ ตั๋วเครื่องบินไปกลับ
พวกเราเดินทางกันวันที่ 31 ต.ค. - 6 พ.ย. เลิกงานวันศุกร์กลับบ้านมาจัดกระเป๋า ลง app ใช้ vpn ที่จีน เพราะที่จีนเข้า google gmail fb line ไม่ได้ เผื่อมีอีเมล์เข้ามา หรือต้องหาข้อมูลจะได้ไม่ลำบาก เพราะแต่ละคนไปแบบไม่มีอะไรในหัวเลยต้องซื้อ vpn ไว้ เราซื้อแพคเกจ 15 วัน 90 บาท ซึ่งถือว่าได้ใช้ประโยชน์มากทีเดียว กว่าจะจัดของ ลงแอพเสร็จปาเข้าไปเกือบตี 3 เรียกได้ว่าไม่ต้องนอน ไปนอนบนเครื่องเอา อาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้าน ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เที่ยว 6.25 น. เช้ามาก
แล้วก็ได้เวลา จิบเหล้า จิบชา ท่องยุทธจักร พักโรงเตี๊ยม กันแล้ว เย่ !!!
การเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบินฉงชิ่ง ประมาณ 10.30 น. พี่ชายเราซื้อซิมโทรศัพท์ของจีนไว้ เผื่อยามฉุกเฉินซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ดีมากได้ใช้ประโยชน์ตลอดทริปเลย ราคาประมาณ 1000 บาท ระหว่างที่รอซื้อซิมก็ได้เจอสาวชาวจีน พูดภาษาอังกฤษได้ พวกเราเลยได้โอกาสถามทางที่จะไปเฉิงตู ตอนแรกเราตั้งใจจะนั่งรถไฟฟ้า แต่เพื่อนสาวชาวจีนแนะนำว่า ไปกัน 3 คน นั่งแท็กซี่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าขึ้นรถต่อรถ เราก็เชื่อฟังเจ้าบ้าน แล้วเค้าก็เรียกแท็กซี่และบอกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟไปเฉิงตู นับเป็นมิตรภาพแรกเมื่อถึงเมืองจีน พวกเราแลกเบอร์ และ id wechat ไปเรียบร้อย (คนจีนใช้ wechat)
จากสนามบินฉงชิ่ง ถึงสถานีรถไฟฉงชิ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที เราไปถึงกันประมาณ 11.30 น. ตั้งใจจะให้ถึงเฉิงตูบ่ายๆ แต่ผิดคาดรถไฟเต็ม ได้ตั๋วเที่ยว 5 โมง ต้องเสียเวลาที่สถานีรถไฟฉงชิ่งเกือบทั้งวัน ระหว่างรอรถไฟก็เดินเล่นในสถานีรถไฟ กินข้าว เปิด google หาโรงแรมที่เฉิงตูเตรียมไว้ ก็ได้เป็นโรงแรม Mr Panda Youth Hostel เป็นที่ซุกหัวนอนคืนแรกที่เฉิงตู หาโรงแรม และการเดินทางเสร็จ นอนแล้วนั่ง นั่งแล้วนอน ก็ถึงเวลาขึ้นรถไฟซะที
ใช้เวลา 2 ชั่วโมงถึงเมืองเฉิงตู เราไปตามเส้นทางที่ทางโรงแรมบอกไว้คือออกจากสถานีรถไฟเฉิงตู แล้วขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไปสถานี Luomashi แต่พอไปรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วที่ป้ายมันไม่มีสถานีนี้ ถามคนจีนที่นั่นเค้าก็ไม่ชำนาญเส้นทางและภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง แต่เค้าใจดีมาก วิ่งไปหาพนักงานแล้วถามให้ปรากฎว่า ต้องเปลี่ยนขบวนรถเป็นสาย 2 ก่อน แล้วนั่งรถต่อไปอีกไม่กี่ป้าย น้ำใจพี่ช่างงามจริงๆ นับเป็นมิตรภาพที่ 2 ในเมืองจีน
พอออกจากรถไฟใต้ตินแล้วเดินไปโรงแรมไม่ไกลมากก็ถึง Mr Panda Youth Hostel ห้องที่จองไว้เป็นแบบ 4 เตียง มีห้องน้ำในตัว ห้องนอนสะอาดดี ห้องน้ำก็ใช้ได้ แต่เก่าไปหน่อย เรานอนกัน 3 คน ราคา 780 บาท พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี ที่นี่เราไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เพราะไปถึงค่ำแล้ว เลยรีบเก็บของ และออกมาหาข้าวเย็น
เข้าไปในร้านพนักงานพูดภาษาจีน ซึ่งไม่รู้เรื่อง ผู้นำทริป คือพี่ชายเราพยายามใช้ภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้ผล ใช้ภาษามือก็ไม่รู้เรื่อง เมนูที่ร้านเป็นภาษาจีนหมดไม่มีรูปอาหารให้ดู สุดท้ายพูดสื่อสารไม่ได้ผล ก็เดินไปตามโต๊ะ แล้วชี้ เอาแบบที่โต๊ะอื่นเค้าทานกัน ถึงได้อาหารมื้อเย็นมาทานกัน มารู้ทีหลังจากเพื่อนคนจีน ว่าร้านนี้เป็นร้านหม้อไฟเสฉวนนั่นเอง
พนักงานยกหม้อไฟมา เป็นหม้อใหญ่ๆ ข้างในเป็นเครื่องเทศต่างๆ คล้ายต้มโคล้ง ต้มยำบ้านเรา แต่ของบ้านเราอร่อยกว่า หม้อไฟเสฉวนจะมีรสเผ็ดอย่างเดียว ไม่มีเปรี้ยว เค็มเหมือนบ้านเรา มีแต่เผ็ดและน้ำมันลอยๆ แล้วก็จะสั่ง หมู ไก่ เนื้อ หรือปลามาจุ่ม การทานคล้ายๆ จิ้มจุ่มบ้านเราค่ะ มื้อนี้เราสั่งปลามาทานกัน ทั้งหัวปลา และเนื้อปลา โดยรวมแล้วรสชาติก็ใช้ได้นะ แต่แต่เผ็ดมาก รสชาติเผ็ดของเค้าไม่เหมือนบ้านเรา บ้านเราเผ็ดร้อนเหงื่อไหล ของบ้านเค้าเผ็ดแบบลิ้นชา พนักงานกับเจ้าของร้านที่นี่คุยกันเสียงดัง ถ้าไม่เห็นหน้านึกว่าทะเลาะกัน แต่จริงๆ แล้วหน้ายิ้มมาก และใจดีมากๆ สอนวิธีทาน ไม่รำคาญลูกค้าเงอะงะอย่างเราสามคน พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการ โดยรวมถือว่าบริการทุกระดับประทับใจเลยทีเดียว
โต๊ะข้างๆ เป็นแฟนกันเป็นคนหางโจว คุยกันถูกคอ ได้ความว่าทั้งคู่พึ่งกลับมาจากจิ่วไจ้โกว ซึ่งเรากำลังจะเดินทางไปพรุ่งนี้ เค้าบอกว่าที่นั่นสวยมาก ไปแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน ทั้งคู่น่ารักมาก เป็นกันเอง และก็เช่นเคย แลกเบอร์ แลก id wechat ไว้เรียบร้อย และเค้าบอกว่าถ้าไปหางโจวเมื่อไหร่ติดต่อเค้าได้เลย ซึ่งพวกเราทั้งสามคนคิดว่าเราน่าจะได้เจอกันอีกครั้งแน่นอน และนี่ก็เป็นเพื่อนคนที่ 3 ของเราที่จีน
ทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว อากาศเย็นๆ พวกเราเดินเล่นละแวกนั้นนิดหน่อย เสียดายที่ไม่ได้วางแผนการเดินทางให้ดีเลยเดินเมืองนี้ได้น้อย พวกเราสามคนชอบเมืองนี้ที่ มีทั้งความเป็นเมือง และมีธรรมชาติอยู่ในเมืองด้วย ที่สำคัญเราว่าคนเมืองนี้น่ารัก ใจดีเลยทีเดียว
พวกเราซื้อผลไม้ตุนไว้ทานพรุ่งนี้ก่อนออกเดินทางต่อไปจิ่วไจ้โกว
แล้วมาต่อกันที่จิ่วไจ้โกวนะคะ