ประวิทย์ ไชยสาม

17 พฤศจิกายน 2534  เมื่อ 24 ปีที่แล้ว  เราได้สูญเสียบุคคลสำคัญทางด้านกีฬาฟุตบอลของประเทศไทย






ภาพชายอาวุโสรูปร่างท้วมสมบูรณ์  สวมชุดซาฟารี ผมเห็นได้เสมอเวลาที่ท่านทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย
และสโมสรกีฬาราชประชา

อ.ประวิทย์  ไชยสาม   ผู้ฝึกสอนฟุตบอลสโมสรกีฬาราชประชา  และผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย
ฉายาโค้ชเทวดา, โค้ชพุงงาม, โค้ชซาฟารี  ผู้พาทีมฟุตบอลชาติไทย ในหลายๆ ชุด ตั้งแต่ชุดใหญ่ คัดบอลโลก
บอลปรีโอลิมปิค   แม้กระทั่งชุดเยาวชนก็เคยคุมทีมมาหมด ฟุตบอลโค้กคัพนานาชาติ ฟุตบอลเยาวชนอายุ 21 ปี
ซึ่งส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จเกือบทุกชุด

เป็นโค้ชทีมชาติยาวนานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2522 – 2532  ผู้สร้างนักฟุตบอลเยาวชนโนเนมจนขึ้นสู่ทีมชาติไทย
ชุดใหญ่ อย่าง ปิยะพงษ์, เฉลิมวุฒิ, สมปอง  และนักฟุตบอลสโมสรราชประชาอีกหลายคน

เป็นโค้ชที่มีจิตวิทยาสูงส่ง สามารถควบคุมนักฟุตบอลจากหลายสโมสรชั้นนำของประเทศไทยในยุคนั้น
ให้ยอมรับ  และรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พาทีมฟุตบอลชาติไทย ประสบความสำเร็จในรายการต่าง ๆ มากมาย
ทั้งฟุตบอลซีเกมส์ ฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์  ฟุตบอลคิงส์คัพ ฟุตบอลปรีโอลิมปิค(ที่เราชนะญี่ปุ่น 5 – 2 )
แม้ว่านักฟุตบอลแต่ละคนจะมีอีโก้สูง เนื่องจากแต่ละคนก็เก่งมาจากสโมสรของตัวเองกันทั้งนั้น

ระดับสโมสรก็พาทีมฟุตบอลสโมสรฟุตบอลราชประชา เข้ารอบสี่ทีมสุดท้ายฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนส์คัพ
เป็นสโมสรเดียวของประเทศไทยที่เข้ารอบ  อีกสามทีมเป็นทีมจากต่างประเทศ  และฟุตบอลภายในประเทศ                                    
อีกหลายรายการสโมสรราชประชาก็ประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งๆ ที่เป็นสโมสรที่มีค่าตอบแทนและสวัสดิการ
น้อยกว่าสโมสรอื่น ๆ

บุคลิกเป็นคนสนุกสนานเฮฮา และจริงใจ  แบบคุณลุงใจดี  เป็นที่รักใคร่ของคนใกล้ชิดโดยทั่วไป และยอมรับนับถือ
ของทั้งนักฟุตบอลสโมสรราชประชา แม้กระทั่งสโมสรคู่แข่งขัน

เป็นคนมีจิตใจโอบอ้อมอารี  ชอบช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน จนมีปัญหากับทางบ้าน
เนื่องจากชอบรับเอานักฟุตบอลเยาวชนจากต่างจังหวัดมาพักอาศัยที่บ้าน แล้วฝึกฝน
จนติดทีมชาติ อาทิ อดุลย์  มะลิพันธ์,  พรชัย  มั่งประสิทธิ์  ซึ่งก็ล้วนติดทีมเยาวชนชาติไทย

เงินที่ได้จากการหน้าที่โค้ชทีมชาติ ก็เอามาเลี้ยงนักฟุตบอลทั้งหมดในทีม เป็นค่าอาหารเสริม
ให้นักฟุตบอลไว้กินในสถานที่เก็บตัว เช่น ผลไม้ อาหารว่าง  ซึ่งตอนนั้นทีมชาติไทย ไม่มีเงินสนับสนุน
ตรงนี้ให้กับทีม  มีแต่เบี้ยเลี้ยงให้อย่างเดียว   เงินที่ใช้ส่วนตัวเป็นเงินจากการรับราชการกรมพลศึกษา

ช่วงเก็บตัวกับทีมชาติก็มานอนกับนักฟุตบอลทุกวัน  เรียกว่าอยู่กับนักฟุตบอลมากกว่าครอบครัว
เพราะเป็นโค้ชทีมชาติแข่งขันหลายรายการ ตลอดทั้งปี จนแทบไม่ได้มีเวลาอยู่บ้าน ซึ่งครอบครัวก็เข้าใจ
และเป็นกำลังใจให้ เพราะเป็นสิ่งที่ท่านรัก

ชีวิตครอบครัวสมรสกับ นางกุศลวรรณ  โสรัจน์  อดีตนักกรีฑาหญิงทีมชาติไทย  ซึ่งเป็นนักกรีฑาหญิงคนแรก
และคนเดียวของประเทศไทย ที่ได้ไปแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิคเกมส์รอบสุดท้าย  มีบุตรชายสองคน และบุตรสาว 1 คน

ท่านเป็นคนที่นับถือเรื่องไสยศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง  ทุกครั้งที่มีการแข่งขันจะต้องพานักฟุตบอลไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่สนาม
ก่อนการแข่งขันทุกครั้ง ถ้าแข่งที่สนามศุภชลาศัย ก็จะไปไหวศาลหลวงศุภ  และวันแข่งขันถ้าใครใส่ชุดดำมา
ก็จะไม่ให้เข้าใกล้เด็ดขาด  ก่อนนอน และก่อนออกจากบ้านจะสวดมนต์ไหว้พระก่อนทุกครั้ง  และไม่ได้
นอนกับภรรยา ตั้งแต่มาเป็นโค้ชทีมชาติไทย

ครั้งหนึ่งนักฟุตบอลเยาวชนโค้กคัพเก็บตัวอยู่ที่โรงแรม ได้ก่อเรื่องไม่ดี  โดยไปกดแตรสัญญานเตือนไฟไหม้
ทำให้เกิดเสียงดังไปทั้งโรงแรม  แขกที่มาพัก ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ต่างรีบวิ่งหนีตายกันออกมาจากห้องพัก
กันอย่างวุ่นวายโกลาหล  พอ อ.ประวิทย์ ทราบว่านักฟุตบอลของท่านก่อเรื่องที่ทำความเสื่อมเสีย เสียหายแก่ทีมฟุตบอลชาติไทย
และสมาคมฯ  ก็ได้เรียกประชุมทีมด่วน ทำเรื่องขอโทษกับทางโรงแรม และได้ให้นักฟุตบอลคนนั้นออกจากทีมไป เพื่อเป็นการลงโทษ

คุณงามความดีของท่านที่ได้สร้างไว้ให้แก่วงการฟุตบอลของประเทศไทยที่ผ่านมานับว่ามากมายคณานับล้นเหลือ
จนคิดว่าจะหาโค้ชฟุตบอลที่พร้อมสรรพในทุกด้านอย่างท่านได้ยากยิ่ง
จึงอยากให้แฟนฟุตบอลรุ่นหลัง ๆ ที่เพิ่งได้ดูฟุตบอลได้รู้จักปูชนียบุคคลของวงการฟุตบอลของประเทศไทย
ผู้สร้างตำนานสร้างนักฟุตบอลระดับชันนำของประเทศไทย อาทิ  ปิยะพงษ์, อำนาจ, สมปอง, วรวรรณ, สุทิน, สุรัก,
เฉลิมวุฒิ, นราศักดิ์ และนักฟุตบอลท่านอื่น ๆ ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย ของเราตลอดมา

ขอขอบคุณภาพประกอบจากเวปไซด์ต่าง ๆ

มีเรื่องเล่าของทีมฟุตบอลชาติไทย ยุค 80  มาเล่าขานให้ฟังอีกมากมาย ถ้ามีโอาสจะเล่าให้ฟังครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่