ตามปกติของจิตของคนเรานั้นจะมีความบริสุทธิ์ (คือไม่มีกิเลสใดๆ) <---- นี่คือความเห็นผิดชัดๆ .. ไม่เคยมีคำสอนแบบนี้ตามหลักธรรมของศาสนาพุทธนิกายเถรวาท
คนหนึ่งเห็นผิด อีกคนก็เห็นผิดตามกันไป จะโง่เง่ากันไปถึงไหน??
คิดหลักตรรกะง่ายๆ ไม่เป็นหรือ ? ..ลองคิดดูซี.. ถ้าปกติจิตของคนเราบริสุทธิ์อยู่แล้ว นั่นคือคนเราทุกๆคนก็เป็นพระอรหันต์อยู่แล้ว จะไปฝึกไปศึกษาธรรมะทำไมกันอีก ? ก็บริสุทธิ์อยู่แล้ว พ้นทุกข์อยู่แล้ว ... คิดแบบนี้ถูกหรือ ? คิดเป็นบ้างไหม ?
monamy
http://ppantip.com/topic/34450202/comment7-1
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
คนหนึ่งเห็นผิด อีกคนก็เห็นผิดตามกันไป จะโง่เง่ากันไปถึงไหน??
----------------------------------------
แน่นอนและมันก็ได้ส่งต่อกันมาจนถึงปัจจุบันจนเตํมบ้านเต็มเมือง
*********************************************************
คิดหลักตรรกะง่ายๆ ไม่เป็นหรือ ? ..ลองคิดดูซี.. ถ้าปกติจิตของคนเราบริสุทธิ์อยู่แล้ว นั่นคือคนเราทุกๆคนก็เป็นพระอรหันต์อยู่แล้ว จะไปฝึกไปศึกษาธรรมะทำไมกันอีก ? ก็บริสุทธิ์อยู่แล้ว พ้นทุกข์อยู่แล้ว ... คิดแบบนี้ถูกหรือ ? คิดเป็นบ้างไหม ?
----------------------------------------------------------
ความบริสุทธิ์มันก็มีอยู่แล้วกับจิตของเรา แต่กิเลสมันเป็นอคันตุกะมาเยือนเป็นบางครั้งเท่านั้น เมื่อกิเลสจรไป ความบริสุทธิ์ก็กลับคืนมา วนเวียนอยู่อย่างนี้เร่ื่อยไป ที่เรียกว่า บริสุทธิชั่วคราว แต่ถ้าจะบริสุทธิ์ถาวรก็ต้องระดับพระอรหันต์
เรื่องพระอรหันต์เป็นเรื่องเพ้อเจ้อสำหรับคนทั่วไป (เรื่องอจินไตย)
การศึกษาธรรมะต้องศึกษาจากจิตของเราเอง ตำราเป็นเพียงแค่แผนที่ ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าผิดหรือถูก ถ้าเอาแต่นั่งอ่านแผนที่แล้วมาทึกทักว่าเป็นจริง ทั้งๆที่เราเองยังไม่เคยเดินทางไปพบสถานที่จริงๆในแผนที่ อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นผู้มีปัญญาตามหลักพุทธศาสนา
คนหนึ่งเห็นผิด อีกคนก็เห็นผิดตามกันไป จะโง่เง่ากันไปถึงไหน??
ตามปกติของจิตของคนเรานั้นจะมีความบริสุทธิ์ (คือไม่มีกิเลสใดๆ) <---- นี่คือความเห็นผิดชัดๆ .. ไม่เคยมีคำสอนแบบนี้ตามหลักธรรมของศาสนาพุทธนิกายเถรวาท
คนหนึ่งเห็นผิด อีกคนก็เห็นผิดตามกันไป จะโง่เง่ากันไปถึงไหน??
คิดหลักตรรกะง่ายๆ ไม่เป็นหรือ ? ..ลองคิดดูซี.. ถ้าปกติจิตของคนเราบริสุทธิ์อยู่แล้ว นั่นคือคนเราทุกๆคนก็เป็นพระอรหันต์อยู่แล้ว จะไปฝึกไปศึกษาธรรมะทำไมกันอีก ? ก็บริสุทธิ์อยู่แล้ว พ้นทุกข์อยู่แล้ว ... คิดแบบนี้ถูกหรือ ? คิดเป็นบ้างไหม ?
monamy
http://ppantip.com/topic/34450202/comment7-1
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
คนหนึ่งเห็นผิด อีกคนก็เห็นผิดตามกันไป จะโง่เง่ากันไปถึงไหน??
----------------------------------------
แน่นอนและมันก็ได้ส่งต่อกันมาจนถึงปัจจุบันจนเตํมบ้านเต็มเมือง
*********************************************************
คิดหลักตรรกะง่ายๆ ไม่เป็นหรือ ? ..ลองคิดดูซี.. ถ้าปกติจิตของคนเราบริสุทธิ์อยู่แล้ว นั่นคือคนเราทุกๆคนก็เป็นพระอรหันต์อยู่แล้ว จะไปฝึกไปศึกษาธรรมะทำไมกันอีก ? ก็บริสุทธิ์อยู่แล้ว พ้นทุกข์อยู่แล้ว ... คิดแบบนี้ถูกหรือ ? คิดเป็นบ้างไหม ?
----------------------------------------------------------
ความบริสุทธิ์มันก็มีอยู่แล้วกับจิตของเรา แต่กิเลสมันเป็นอคันตุกะมาเยือนเป็นบางครั้งเท่านั้น เมื่อกิเลสจรไป ความบริสุทธิ์ก็กลับคืนมา วนเวียนอยู่อย่างนี้เร่ื่อยไป ที่เรียกว่า บริสุทธิชั่วคราว แต่ถ้าจะบริสุทธิ์ถาวรก็ต้องระดับพระอรหันต์
เรื่องพระอรหันต์เป็นเรื่องเพ้อเจ้อสำหรับคนทั่วไป (เรื่องอจินไตย)
การศึกษาธรรมะต้องศึกษาจากจิตของเราเอง ตำราเป็นเพียงแค่แผนที่ ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าผิดหรือถูก ถ้าเอาแต่นั่งอ่านแผนที่แล้วมาทึกทักว่าเป็นจริง ทั้งๆที่เราเองยังไม่เคยเดินทางไปพบสถานที่จริงๆในแผนที่ อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นผู้มีปัญญาตามหลักพุทธศาสนา